ถ้าขจัดความกลัวออกไปได้ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมา
Group ตัวอย่าง
<<
เมษายน 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
26 เมษายน 2554
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8
จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ 9
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๘
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๗
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๖
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๕
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๔
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๓
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๒
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๑
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 32
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 31
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 30
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 29
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 28
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 27
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 26
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 25
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 24
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 23
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 22
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 21
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 20
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 19
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 18
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 17
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 16
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 15
เรื่องสั้น/ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
นิยาย อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 14
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 13
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 12
เรื่องสั้นตกรอบครับ
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 11
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 10
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 9
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 7
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 6
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 5
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 4
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 3
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 2
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 1
เรื่องสั้น/คืนวันล่องไหลชั่วกะพริบตา
เรื่องสั้น-ดักไซแห้ง
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8
ตอน : ไข่นุ้ยบ่งหนาม
"พรุ่งนี้นุ้ยก็จะกลับ ว.ค. มิใช่หรือ?"
หญิงหมอนยกท่อนแขนที่สวมเสื้อแขนยาวสีฟ้าเข้มปาดซับหยาดน้ำตาที่กำลังไหลริน ภาพแม่หญิงงามก๋ากั่นราวกับนางเอกนิยายเหมือนอย่างคืนนั้นหายไปสิ้น บัดนี้เบื้องหน้าผมซึ่งนั่งอยู่บนโขดหินริมลำธาร มีเพียงแม่สาวนุ่งผ้าปาเต๊ะถกชายสูงถึงกลางแข้ง สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวและสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าเข้มคลุมทับอีกชั้น กำลังยืนทอดกายระริกไหว
"ถ้าไม่ติดว่าจะต้องกลับไปเรียนหนังสือ ผมก็คงไม่ไปจากที่นี่
"พี่บัวโชคดี" หล่อนว่า
"สักวันหมอนก็คงมีโชคกับเขาบ้างหรอก..."
"คนหาเช้ากินค่ำอยู่กลางป่าดง จะมีวันพบโชคบ่อยนักหรือ?"
กังวานเสียงของหล่อนฟังแล้วชวนหดหู่ ผมตวัดสายตาหนีการมองจ้องของหล่อนไปเสียอีกทาง รู้สึกเหมือนมีของบางอย่างแล่นมาจุกที่คอจนพูดไม่ออก
ไกลออกไปเบื้องหน้าโน้น เป็นป่าสูงชัฏ หมู่ไม้น้อยใหญ่เบียดเสียดกิ่งก้านแลดูเลื่อมสลับเป็นเชิงชั้นเมื่อต้องแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมาสว่างไสว แมกไม้บางต้นออกดอกเหลืองแซมขาว สลับกับที่เพิ่งแตกใบอ่อนสีเม็ดมะปริงดูหม่นเศร้า ชะนีป่าซึ่งเงียบหายไปนานก็กลับมากู่ร้องโหยหวนชวนเศร้าซ้ำทวี
"แถวในเมืองที่นุ้ยไปเรียนหนังสือ พอจะมีงานให้ทำบ้างไหม?" หญิงหมอนถามออกมาเบา ๆ หากแต่กังวานเสียงนั้นเต็มไปด้วยความวาดหวัง
"ก้อน่าจะมีบ้าง" ผมว่า"หมอนอยากไปอยู่ในเมืองหรือ?"
หญิงสาวหันมาสบตาผม ร่องรอยหม่นเศร้ายังคงซุกซ่อนอยู่ในแววตา
"อยู่ป่าก็ต้องตายติดป่า ไม่มีวันได้ผุดได้เกิด โลกภายนอกจะเป็นเช่นไรก็คงไม่มีโอกาสได้พบพาน"
ผมพยักหน้าคล้อยตาม...
จริงของหล่อน ผมคิด ทั้งสาวบัวและหญิงหมอนต่างก็ยังอ่อนวัยอยู่ด้วยกันทั้งคู่ หากจะคิดขยับขยายไปสู่โลกภายนอกก็นับว่ายังไม่สาย หากแต่ผมจะทำฉันใดได้เล่า เพราะทุกวันนี้ตนเองก็ยังต้องอาศัยพ่อแม่ส่งเสียเล่าเรียน แม้เงินทองส่วนแบ่งที่เพื่อน ๆ แบ่งให้จากการขายแร่จะเหลืออยู่มากโข แต่ผมก็มอบให้แม่นำไปฝากธนาคารจนหมดสิ้น ถ้าคิดจะเบิกจ่ายสิ่งใด แม่ก็ต้องรับรู้ทั้งหมด เพราะสมุดบัญชีเงินฝากเล่มนั้นเป็นชื่อแม่ ดังนั้นการที่จะคิดช่วยเหลือเจือจานพวกเธอในขณะนี้ก็เป็นอันปิดประตูได้เลย
คิดแล้วผมก็ทอดสายตาเหม่อมองสายน้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยผ่านชายผ้าถุงลายดอกไม้ของหญิงหมอนไปทางทิศใต้ด้วยความเหนื่อยล้าในใจ
"เอาอย่างนี้นะหมอน" ผมพูดขึ้น--หลังจากคิดว่าตนเองได้ไตร่ตรองดีแล้ว "รอผมอีกหน่อย...รอให้ผมเรียนจบและได้ทำงานพึ่งลำแข้งลำขาของตนเองให้ได้เสียก่อน การช่วยเหลือพวกเธอสองคนก็จะไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไป"
พอผมพูดจบหญิงหมอนก็ขยับกายเข้ามาใกล้ และโดยไม่คาดฝัน หล่อนก็ตรงเข้ารวบตัวผมดึงเข้าไปสวมกอดแนบกระชับ เอามือข้างหนึ่งลูบและขยี้เส้นผมของผมอยู่ไปมา กระทั่งผมสุดจะหักห้ามใจไหว จึงอ้านแขนสวมสอดกอดรัดสะเอวของหล่อนโอบกระชับเข้ามาบ้าง ปลายจมูกของผมฝังแนบอยู่กับหน้าท้องอันเนียนนุ่มของเธอพอดี แม้จะถูกขวางกั้นไว้ด้วยเส้นใยเสื้อผ้าเปียกน้ำถึงสองชั้น หากแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนได้แนบเนื้อนางใน กรุ่นกลิ่นสาปสาวหอมยวนยั่วความหนุ่มของผมให้ผุดผงาดขึ้นโดยมิอาจหักใจห้ามได้เลย
จมูกของผมซุกฝังจมลงไปตรงนั้นนิ่งนาน... ภายใต้สภาวะจิตใจที่ระส่ำระสาย สติสัมปชัญญะก็หลุดไปจากการควบคุมของตนจนหมดสิ้น
เจ้าป่าเจ้าเขา ผีห่าซาตานเจ้าข้าเอย ช่วยไอ้นุ้ยด้วยเถอะ!
แม้ผมจะพยายามฝืนห้ามใจก็ดูเหมือนจะไร้ผล ฤทธิ์มนต์ดำฤษณากลับมีอำนาจเหนือกว่า จนในที่สุดผมก็คลายวงแขนที่กอดรัดหญิงหมอนพร้อมกับแกะมือหล่อนให้หลุดออกจากศีรษะผมชั่วคราว ก่อนจะขยับลุกขึ้นจากโขดหินที่นั่งอยู่ ยืนประจันหน้า แล้วรวบกระชับเนื้อกายบอบบางของหญิงสาวแนบชิดเข้ามาอีกครั้งอย่างรุนแรง พร้อมประกบริมฝีปากบดขยี้เพลงจูบอย่างเมามัน
ลมเย็นจากป่าพัดเอื่อยเฉื่อยต้องผิวกายให้เย็นชื่น ขณะที่แนวป่ารอบด้านก็แซ่ซ้องด้วยสรรพเสียงนกไพร ผีเสื้อสีสวยกระพริบปีกบินเคล้าเกสรดอกไม้ริมลำธารวับวาบ
ทว่าในขณะที่หญิงมอนกำลังอ่อนเรี่ยวเรือนกายระทดระทวยอยู่ในอ้อมแขนเพราะรสจูบอันแสนหนักหน่วงของผมนั้น ผมก็เหมือนมีบุญเก่าไล่ตามทัน...
มึงริจะเป็นอ้นรึไงวะ!'
เสียงเตือนของไอ้บองหลาก็พลันดังแว่วขึ้นข้างหู ความรู้สึกที่จะชักพาตัวตนให้กระโจนลงสู่ความต่ำช้าในบัดดล ก็พลันเหือดหายมลายไป หากแต่หญิงหมอนนี่สิกลับกอดรัดมิยอมคลาย... จนผมต้องสอดมือสองข้างประคองจับบั้นเอวของหล่อน แล้วค่อย ๆ ยันร่างอันบอบบางชวนทะนุถนอมนั้นให้ถอยห่างออกไปทีละน้อย... พร้อมกับเพ่งพิศประสานสายตาด้วยความอาลัยอาวรณ์
สักชั่วอึดใจหญิงสาวก็คืนสติ ถอยออกไปราวครึ่งก้าว หยุดยืน...และจ้องผมด้วยสายตาที่เปี่ยมล้นเสน่หา หากแต่กลับเอ่ยว่า
"หมอนขอโทษ..."
ผมถอนใจหายโล่งอก หนามรักที่คอยมุดทิ่มตำทรวงจนต้องสะดุ้งผวาอยู่บ่อยครั้ง บัดนี้ได้ถูกศีลธรรมอันดีงามที่มนุษย์พึงมีถอดถอนมันออกไปแล้ว หากแต่ภาพที่กำลังนั่งมองก็ทำให้อดที่จะรู้สึกประหลาดใจเสียมิได้
แม่เทพธิดาแห่งพงไพร บัดนี้สลัดความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับหล่อนเมื่อครู่ออกไปได้จนสิ้นเชิงจริงละหรือ?
ผมนั่งครุ่นคิดอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ขณะทอดสายตามองหญิงหมอนเดินไปทรุดนั่งลงในลำธารและคว้าเรียงร่อนแร่ขึ้นมาร่อนหินทรายทิ้งไปอีกครั้ง ราวกับเมื่อสองสามอึดใจที่ผ่านมามิได้มีสิ่งใดแผ้วพานเข้าสู่ในจิตใจของหล่อนเลย
ผิดกับผมที่ส่งสายตาเหม่อมองแม่หญิงอย่างสุดเศร้า ขณะย้อนรำลึกถึงรสรักอันแสนหวานที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น เพื่อจารึกไว้ในความทรงจำตลอดกาล
"เหลืออีกปีนี้ปีเดียว นุ้ยก็จะจบออกมาสอบบรรจุเป็นครูได้แล้วไม่ใช่หรือ?" ลุงทองถามผม "ไม่คิดจะเรียนต่ออีกรึ? ได้ยินว่าเขามีให้เรียนไปจนถึงปะรินโยงปริญญา ลุงก็ไม่ค่อยเข้าใจนะ"
"ครับ ถ้าคิดจะเรียนต่อ ก็เรียนได้จนถึงระดับปริญญาเหมือนอย่างที่ลุงว่านั้นแหละ..." ผมหยิบความรู้เรื่องหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับต่าง ๆ มาพูดให้ชายชราฟังอย่างคร่าว ๆ พอให้แกเข้าใจ พร้อมกับบอกแกว่า "แต่ผมคงเรียนอีกแค่ปีนี้ปีเดียว แล้วจะออกมาสอบบรรจุเป็นครูให้ได้เสียก่อน จากนั้นก็ค่อยสอบวิชาครูชุด ป.ม. เมื่อสอบได้แล้ว ถ้ายังไม่เบื่อเรียนก็จะลาพักราชการไปศึกษาต่ออีกที..."
ลุงทองพยักหน้าคล้อยตาม
"ดีแล้วลูกเอ๋ย สอบบรรจุเข้าทำงานทำการเสียก่อนสักคราวก็ดีเหมือนกัน เอาความแน่นอนไว้ก่อน ..."
ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำ เรานั่งคุยกันที่ระเบียงทับ ลุงทองกับป้าพัวนั่งข้างเชี่ยนหมาก หญิงหมอนกับสาวบัวหยอกเล่นอยู่กับเจ้าตัวน้อยด้านใน ภายหลังผมกลับจากเยี่ยมเยียนและถือโอกาสบอกลาเพื่อนรักทั้งสามคนที่ทับเก่าซึ่งผมเคยพักอาศัยอยู่ก่อนเสร็จแล้ว ผมกับลุงทองป้าและพัว สามคน ก็นั่งคุยกันอยู่ตรงนั้นสารพัดเรื่อง กระทั่งพระจันทร์ขึ้น 4 ค่ำ พลัดตกทิวไม้หลังทับแห่งนั้นลับหายไป ความืดก็โรยตัวลงมาห่มคลุมผืนป่าเหมือนละครสลับฉากอย่างรวดเร็ว หากแต่เวลานั้นสุดฟากฟ้าก็ยังคงแลโล่งเหมือนเช่นทุกคืน บนฟ้าสูงดาวดวงน้อยใหญ่นับล้านดวงยังคงกระพริบแสงระยิบระยับมองจากใต้ริ้วชายคาทับเห็นชัดเจน
แต่ทว่า นับตั้งแต่พวกนักแสวงโชคกรีฑาทัพขึ้นมาเสี่ยงชะตาขุดหาขี้ตะกรันอยู่ในป่าแห่งนี้ บรรยากาศภายในป่าดงพงไพรในยามค่ำคืนก็เปลี่ยนไปอย่างน่าสะพรึงกลัว เสียงปืนที่ปะทุขึ้นแทนเสียงปีบร้องของสัตว์ป่ามีให้ได้ยินแทบทุกคืน จนผมอดที่จะรู้สึกเป็นห่วงครอบครัวของลุงทองเสียมิได้ ก่อนที่ลุงทองกับป้าพัวจะขอตัวเข้าไปดับตะเกียงนอนกันข้างใน ผมจึงพูดกับลุงทองว่า
"พวกต่างถิ่นที่เพิ่งเข้ามาใหม่ บางคนดูท่าทางน่าเกลียดน่ากลัว ลุงต้องคอยดูแลสาวบัวกับหญิงหมอนให้ดีนะลุง"
ชายชราหัวเราะ
"ลุงเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย มีรึที่ลุงจะไม่รักไม่หวงมัน..." ลุงทองหยุดถอนหายใจ ก่อนที่จะพูดต่อไปอย่างเนิบนาบว่า "แม้แต่วันสองวันนี้... พวกมันสองคนก็ไม่เคยแคล้วคลาดไปจากสายตาของลุงเลย"
ฟังแกพูดยังไม่ทันจบ ผมก็ชิงสะดุ้งเหมือนวัวสันหลังหวะขึ้นมาเสียก่อน-อย่างลืมตัว
ตายห่าละกู!
ผมเผลอสติเลิกคิ้วขึ้นสบตากับว่าที่พ่อตาเข้าโดยบังเอิญ ก็เห็นดวงตาคู่นั้นเปี่ยมล้นไปด้วยแววปราณี... จากความหวาดหวั่นพรั่นพรึงเหมือนเด็กริขโมยของเล่นแล้วถูกผู้ใหญ่ใจดีจับได้ ก็กลับกลายเป็นความขวยเขินกระดากอายจนเก็บอาการไม่อยู่ ผิดกับชายชราที่ยังคงเก็บความรู้สึกได้ดียิ่ง นอกเหนือจากแววตาที่ผมพอจะสัมผัสได้แล้ว ลึกลงไปภายในจิตใจของแกผมมิอาจหยั่งรู้ได้เลย ถึงจะคาดเดาก็คงห่างไกลความจริง เพราะแววตาของชายชรานั้นอ่อนโยนและสุกใสยิ่งกว่าดวงดาว ลึกล้ำเกินกว่าที่ผมจะชี้ชัดได้ว่า ขณะนี้ว่าที่พ่อตาของผมกำลังคิดอะไรอยู่
ชะรอยชาติก่อนผมคงเคยสร้างกุศลกับเขามาบ้าง เมื่อเช้านี้จึงได้หักห้ามจิตมิให้ล่วงเกินหญิงหมอนมากไปกว่านั้น เพราะมิฉะนั้นแล้ว ผมอาจจะมิได้เห็นแววตาอันเปี่ยมล้นไปด้วยความเอ็นดูรักใคร่ประดุจลูกเต้าจากชายชราผู้นี้ก็ได้ และต่อจากนั้นความเสียใจก็จะต้องกระโจนเข้ายึดครองชีวิตผมไปจนตาย...
เมื่อลุงทองกับป้าพัวหายเข้าไปข้างในกันแล้ว ผมก็ดับตะเกียงและล้มตัวนอนที่หน้าระเบียงทับตรงนั้น ซึ่งเป็นที่นอนประจำของผมตั้งแต่ย้ายมาอาสาเป็นผู้คุ้มครองสองหญิงอยู่ที่นี่ พร้อมกับทอดสายตามองลอดชายคาทับออกไปนับดาวที่กำลังกระพริบพร่างพราวอยู่บนฟ้าสูงด้วยจิตใจที่ล่องลอยไร้จุดหมาย... ลมป่ายามค่ำพัดห่มใบไม้พลิกพลิ้วสั่นเสียงเกรียวกราวอยู่ใกล้ ๆ ผมนอนฟังเสียงนั้นจนกระทั่งหลับผล็อยไปในที่สุด
"นุ้ย ! ช่วยบัวด้วย... ช่วยบัวด้วย.. นุ้ย " เสียงหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกตกใจดังก้องสนั่นอยู่ในหุบเหวลึกชัน เมื่อผมก้มหน้ามองลงไปจากยอดผาสูง ก็พบว่า ณ เบื้องล่างอันลึกลิ่วสุดคะเนนั้นมีแต่ความว่างเปล่า ปราศจากเรือนร่างอันน่าสงสารของหล่อน คงมีแต่เสียงหวีดร้องของผู้ซึ่งกำลังตกอยู่ในความหวาดหวั่นจนสุดขีดเท่านั้นที่ดังเล็ดลอดขึ้นมา
"บัว ! บัวอยู่ไหน? บัว บัว - - โธ่" ผมสะอื้นรันทด "บัว บัวอยู่ไหน ทำไมผมจึงมองไม่เห็น...บัว! โธ่...แล้วนี่ผมจะลงไปช่วยบัวได้อย่างไร.."
ภาพของสาวบัวขณะวิ่งหนีอะไรมาสักอย่าง แล้วพลาดพลั้งพลัดตกหน้าผาลงไปต่อหน้าต่อตา โดยที่ผมไม่อาจไขว่คว้าช่วยหล่อนไว้ได้ ทำให้ผมรู้สึกคลุ้มคลั่งจนแทบกระโดดตามลงไป
อนิจจา...
ในที่สุดผมก็ป้องปากตะโกนเรียกหล่อนขึ้นสุดเสียง...
"บัว! - -อื้ออมม!!"
หากแต่เสียงนั้นก็มิอาจเล็ดลอดออกมาจากปากผมได้แม้แต่น้อย เพราะมีฝ่ามือนุ่มนิ่มของแม่หญิงนางหนึ่งปิดทับไว้โดยแรง พร้อมแนบเสียงกระซิบที่ข้างหู ซึ่งฟังดูคล้ายกำลังขบขันเสียเต็มประดา
"โถ-น่าสงสาร" เสียงนั้นว่า "ทูนหัวของบัว บัวนอนแนบข้างอยู่นี่แล้ว"
ในเศษเสี้ยววินาทีที่กลิ่นแป้งของเจ้าตัวน้อยที่ติดกายหล่อนมา-ลอยเข้าจมูก ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้หลังคืนสติตื่นจากฝัน ท่ามกลางหมู่ดาวน้อยใหญ่บนท้องฟ้าที่สาดแสงสว่างมารำไร ผมก็พลันลืมตาและเห็นสาวบัวนอนซบอยู่กับอกของผม แล้วหม้ายสาวก็ค่อย ๆ ถอนฝ่ามืออ่อนนุ่มที่ปิดปากผมอยู่เคลื่อนออกไปอย่างแช่มช้า เมื่อหล่อนรู้ว่าผมตื่นจากฝันร้ายนั้นแล้ว
"บัว...! " ผมกระซิบถาม "...มานอนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"ตั้งแต่เริ่มได้ยินเสียงนุ้ยละเมอ" หล่อนกระซิบตอบ
ผมเผยอจูบแก้มหล่อนอย่างสุดแสนดีใจ
"นอนกอดผัวอยู่ตรงนี้อย่าไปไหนอีกนะ"
หม้ายสาวผงกหัวแทนคำตอบ
ผมจูบหล่อนซ้ำเบา ๆ อีกครั้ง แล้วสองหูก็แว่วเสียงไก่ป่าละเมอขัน ราวกับห้วงเวลารุ่งรางกำลังจะมาพรากเราสอง แต่เมื่อสอดสายตามองออกไปข้างนอก ก็เห็นดาวจระเข้ยังคงทำมุมเฉียงอย่างอ้อยอิ่งอยู่ใต้ชายคาทิศตะวันออก... อีกนานกว่าจะรุ่งสาง ผมบอกตัวเองก่อนจะกอดรัดหม้ายสาวเสียแนบแน่น ราวกับหวั่นว่าหล่อนจะร่วงหล่นลงสู่หุบเหวเหมือนอย่างฝันร้ายเมื่อครู่นั้นอีก
********************************************
Create Date : 26 เมษายน 2554
Last Update : 26 เมษายน 2554 20:23:47 น.
12 comments
Counter : 1388 Pageviews.
Share
Tweet
ง่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
โดย:
ตะวันเจ้าเอย
วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:20:31:51 น.
ติดตามมาแล้วครับหลวงเส
อดีรักเหมืองป่า น่าติดตามซะแล้ว
อยากรู้ขีวิตไข่นุ้ยจะไปยังไง
ระหว่าง 2 สาวบ้านป่า
............
สวัสดีครับหลวงเส
โดย:
panwat
วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:20:44:25 น.
แวะมอ่านและเอาดอกไม้มาฝากค่ะ โหวตให้ด้วย
โดย:
ดอยสะเก็ด
วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:9:34:55 น.
สวัสดีค่ะ เข้ามาทักทายด้วยความคิดถึงเช่นเคยจ้า
โดย:
KeRiDa
วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:10:40:27 น.
สร้างกริตเตอร์
ทักทายยามสายของวันพุธ อากาศขมุกขมัวแต่ร้อนจับใจ หวังว่าคุณหลวงเส คงสบายดีนะคะ
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:11:18:20 น.
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นดีดีนะจ่ะ ทำให้มีแรงใจเขียนบล๊อกต่อไป อิอิ
โดย:
ตะวันเจ้าเอย
วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:13:07:05 น.
สวัสดียามดึกค่ะ แบบว่านอนไม่หลับสักที หลังจากไปนอนให้คีโม
มาเมื่อวันพฤหัส เลยลุกมาอัพบล้อกและสวัสดียามดึกกับเพื่อน ๆ ดีกว่า อ๊ะ..มาส่งเข้าสู่นิทราก็ได้ ขอให้หลับฝันดี
และมีพลังเพื่อจะต่อสู้กับวันใหม่ ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งนะค่ะ
โดย:
KeRiDa
วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:1:52:06 น.
วันเสาร์แล้ว เข้ามาทักทายด้วยความคิดถึงน๊า
โดย:
KeRiDa
วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:7:49:50 น.
ราตรีสวัสดิ์ หลับฝันดีมีความสุขนะคะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:23:30:07 น.
จากบ้านส้องไปตัดปาล์มในสวนที่คุระบุรี-พังงาตังแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ได้พกเจ้า notebook ไปด้วย ทำให้ห่างหายหน้าจอไปเสียวันสองวัน
ขอบคุณแควน ๆ ที่แวะมาเยือนครับ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 4 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:08:13 น.
อรุณสวัสดิ์ค่ะ ขอให้มีความสุข
และสนุกกับวันหยุดในวันนี้นะค่ะ
โดย:
KeRiDa
วันที่: 5 พฤษภาคม 2554 เวลา:5:17:06 น.
วันหยุด ตื่นสาย อากาศร้อน ไปไหนดี?คิดถึงนะคะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 5 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:51:43 น.
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
หลวงเส
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ดอยสะเก็ด
diamondsky
บ้าได้ถ้วย
ยาชมภู
เกศสุริยง
KeRiDa
วัวป่าหลงเงาจันทรา
nonguide
Webmaster - BlogGang
[Add หลวงเส's blog to your web]
Bloggang.com