ถ้าขจัดความกลัวออกไปได้ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมา
Group ตัวอย่าง
<<
มกราคม 2556
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
23 มกราคม 2556
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๗
จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ 9
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๘
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๗
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๖
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๕
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๔
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๓
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๒
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๑
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 32
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 31
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 30
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 29
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 28
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 27
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 26
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 25
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 24
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 23
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 22
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 21
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 20
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 19
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 18
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 17
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 16
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 15
เรื่องสั้น/ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
นิยาย อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 14
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 13
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 12
เรื่องสั้นตกรอบครับ
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 11
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 10
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 9
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 7
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 6
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 5
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 4
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 3
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 2
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 1
เรื่องสั้น/คืนวันล่องไหลชั่วกะพริบตา
เรื่องสั้น-ดักไซแห้ง
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๗
บทที่ ๗
"พี่หลวง ทำไมต้องมาเป็นโต๋ยเชี้ย? หรือว่าไม่อยากจะเหยียบดงเขายาอีกแล้ว "
คำหญิงหมอนต่อว่าผมบนรถเมล์ขณะโดยสารไปขายแร่ที่ตะกั่วป่ายังกรุ่นก้องหู
หลังสึกจากพระ, คำเรียกชื่อผมจากเธอเปลี่ยนไปเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่เรียกผมผิดจากเดิม
พ่อแม่และญาติ ๆ แต่ก่อนเคยเรียกชื่อกันเฉย ๆ แต่หลังจากสึกพระมาพวกเขาก็เรียก "เจ้า" นำหน้าชื่อ, หญิงหมอนและน้องสาวของผมก็เลิกเรียกชื่อ แต่หันมาเรียก พี่หลวง แทน
วันนั้นผมบอกหญิงหมอนว่า "ความจริงหลังสึกจากพระมาแล้วพี่หลวงก็ตั้งใจจะช่วยพ่อแม่ทำสวนอยู่ที่บ้าน แต่เผอิญเจ๊กฮุยหาคนเป็นโต๋ยเชี้ยรถเขาไม่ได้ ก็เลยขอร้องให้พี่หลวงมาช่วยสักพัก...."
"อะไรกัน! รวยจนไม่มีที่จะเก็บเงินออกอย่างนั้น ทำไมจะหาคนจ้างไม่ได้" หญิงหมอนว่า
"เรื่องนั้นพี่หลวงไม่รู้หรอก แต่พี่หลวงกับเขาเป็นเพื่อนกันนี่ น้องหมอนก็รู้ไม่ใช่หรือ?" ผมชี้แจงให้หญิงสาวเข้าใจ
"รู้จะ" เธอทอดสายตาลงต่ำ น้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมาเบาบๆ สั่นเครือือ ทว่าโชคดีที่ถนนช่วงนั้นเป็นทางเรียบ เสียงเครื่องยนต์หน้ารถจึงดังหึ่ง ๆ เบา ๆ ทำให้ผมพอจะฟังได้ยิน
บวกอากัปกริยาเยี่ยงนั้น ทำให้พอคาดเดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น... แต่ผมกำลังปฏิบัติหน้าที่ของตนอยู่ จะมัวชวนเธอคุยเพลินไม่ได้ ผมจึงพูดออกตัวก่อนจะถอยฉากออกมาว่า
"เมื่อไหร่น้องหมอนว่าง จะไปเที่ยวพังงากับพี่หลวงบ้างก็ได้นะ เราจะได้คุยกัน ตอนนี้พี่หลวงกำลังทำงาน ไม่สะดวกที่จะคุยนาน ๆ "
ตอนท้าย ๆ ผมพูดเสียงเบา ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาผู้โดยสารอื่น และไม่คิดว่าแม่หญิงจากดงเขายาจะตั้งใจฟัง
"หมอนยังจะไม่กลับไปเหมืองหรอกจะ" เธอว่า "วันนี้ขายแร่ฝากเงินธนาคารให้เสร็จเสียก่อน พรุ่งนี้หมอนจะไปเที่ยวพังงากับพี่หลวง รับปากหมอนนะว่าจะพาเที่ยว"
ฉิบหายแล้วกู!
ผมสะดุ้ง แต่ปากกลับตอบตกลงอย่างง่ายดาย
"จ้า-ตกลง พรุ่งนี้รถพี่ออกจากท่าแปดเช้าโมงนะ น้องหมอนออกมารอตรงปากทางละกัน"
"คะพี่"
ตัวเมืองพังงามีขนาดเล็กถ้าเทียบกับตัวเมืองของจังหวัดอื่น แต่สิ่งที่จังหวัดอื่นอาจไม่มีและไม่อาจเทียบได้ก็คือความสงบเย็น ผู้คนมีอัธยาศัยไมตรี แม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พบหน้ากันก็พูดจาทักทายอย่างมิตร
"โกจะพาจี้ไปเที่ยวไหน"
ไอ้หนุ่มสองแถวที่นั่งจับพวงมาลัยอยู่หน้ารถหันมาถาม เมื่อผมโบกมือพาหญิงหมอนขึ้นรถโดยสารของเขา เพราะเขาจำได้ว่า ผมเป็นกระเป๋ารถเมล์ ยืนเรียกผู้โดยสารขึ้นรถเสียงปาว ๆ อยู่ที่ท่ารถ พังงา-คุระบุรี เป็นประจำทุกวัน
"ตรงไหนน่าเที่ยวบ้างล่ะ พอดีน้องสาวผมเขาอยากให้ผมพาเที่ยวสักพัก-ก่อนได้เวลาออกรถกลับนางย่อน"
ผมถามหลังจากเขาเคลื่อนรถออกจากที่มาแล้ว
นางย่อนก็คือคุระบุรี มันเป็นชื่อเดิม แม้จะเปลี่ยนใหม่เป็นคุระบุรีแล้ว แต่คนพังงาส่วนใหญ่ก็ยังเรียกนางย่อน
โชว์เฟอร์หนุ่มคนนี้อัธยาศัยดี เขาขับรถสองแถวของเขาไปเรื่อย ๆ ไม่รีบ พร้อมกับชวนผมและหญิงหมอนคุยไปตลอดทาง
"ที่เที่ยวมีมาก แต่ว่าโกมีเวลาน้อย สักครู่ก็จะต้องออกรถกลับนางย่อนแล้วนี่? "
"สองชั่วโมงกว่า ๆ " ผมว่า
รถสองแถวคันนี้เป็นรถรอบเมือง ไม่มีคิวเหมือนรถบัสของผม สามารถวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในตัวเมืองเพื่อตระเวนรับส่งผู้โดยสารได้ตลอดทั้งวัน เหมือนรถตุ๊กตุ๊กในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ ๆ เวลานั้นพังงายังไม่มีรถตุ๊กตุ๊ก มีเฉพาะรถสองแถวโดยสารอย่างนี้เท่านั้น เมื่อมีผู้โดยสารยืนโบกมือริมทางก็จะจอดรับและไปส่งทุกแห่งตามที่เขาบอกให้ไป
และบนเบาะนั่งเวลานั้นมีผู้โดยสารแค่ผมกับหญิงหมอนสองคนเท่านั้น หญิงหมอนถามเขาว่า
"ถ้าเราจะเหมาให้คุณพาไปเที่ยวให้ทั่วเมือง โดยไม่ต้องรับผู้โดยสารอื่นอีก คุณจะคิดราคาเท่าไหร่"
"สองชั่วโมงนี้ใช่ไหม?"
"ใช่ค่ะ อาจไม่ถึงด้วยซ้ำ เพราะเราต้องกลับมาก่อนรถบัสของพี่หลวงจะถึงคิวออกจากท่าอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง"
"แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน คุณสองคนจะได้เที่ยวให้ทั่วเมือง"
"เท่าไหร่คะ คุณอย่าคิดแพงนะ"
"โอ้ย-ผมไม่คิดแพงหรอกครับ ผมกับโกอาชีพเดียวกัน คิดแพงได้ไง จี้พูดมาเลยดีกว่า จะให้ผมเท่าไหร่"
"ฉันกะไม่ถูกหรอก คุณนั่นแหละบอกมาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ เพียงแต่ให้มันสมน้ำสมเนื้อก็แล้วกัน เพราะฉันไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหนกี่แห่ง"
"โกว่าไง" เขามองผมผ่านกระสกส่องหลัง "จะให้ผมกี่บาท"
"ก็แล้วแต่คุณเถอะนะ ว่ามาเถอะ เราอาชีพเดียวกัน ผมเข้าใจ"
"งั้นผมขอค่าน้ำมันร้อยเดียวพอ" เขาว่า
"ฉันให้ร้อยห้าสิบ" หญิงหมอนพูด "ไปเถอะขับพาพวกเราไปเที่ยวให้สนุกและปลอดภัยก็แล้วกัน"
เมื่อย้อนกลับไปนึกถึงวันนั้นแล้วผมก็ยังรู้สึกขำไม่หาย อุตส่าห์ต่อรองกันตั้งนาน สุดท้ายเขาคิดแค่ร้อยเดียว และก่อนจะพาเราไปไหว้พระที่วัดถ้ำสุวรรณคูหาซึ่งมีพระนอนขนาดใหญ่อยู่ภายในถ้ำเขาก็เลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน บอกเด็กปั๊มว่าเต็มถัง ซึ่งเป็นการเติมน้ำมันของนักเลงรถขนานแท้ เพราะแม้น้ำมันรถในถังจะยังมีอยู่มากน้อยยังไงก็ตาม นักเลงรถโดยสารก็จะร้องสั่งว่า "เต็มถัง" เสมอ
ในระหว่างที่เด็กปั๊มยืนจับหัวจ่ายเติมน้ำมันลงในถังข้างรถถ ผมเหลือบตามองตัวเลขมิเตอร์บนหน้าปัดหัวจ่ายวิ่งไล่กันเร็วจี๋ กระทั่งสุดท้ายมันจอดอยู่ที่ ๑๘ ลิตร ๑๘๐ บาท
สมัยนั้น น้ำมันเบนซินลิตรละะ ๑๐ บาท ดีเซล ๖ บาท
เพราะฉะนั้นราคาที่เขาคิดค่าโดยสารกับเรา กับค่าน้ำมันที่เขาจะขับพาเราไปเที่ยวมันจึงสมน้ำสมเนื้อกันอย่างแน่นอน ผมคิดว่าตลอดเส้นทางที่เราจะไป รถคงกินน้ำมันไม่เกิน ๓ ลิตร เพราะ เขาพาเราเที่ยว ๒ ชั่วโมง และจอดอยู่กับที่ให้เราเดินเล่น หรือนั่งคุยกันไม่ต่ำกว่าชั่วโมง รถแล่นไปตามทางจริง ๆ รวมแล้วก็แค่ครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ เท่านั้น เขาฟัน กำไรเหนาะ ๆ ไปแล้ว ๗๐ บาท แล้วเวลาที่เหลือถ้าเกิดฟลุ๊คได้รายเหมาอย่างนี้อีกสักรายสองรายเขาก็กลับบ้านนอนตีพุงได้สบาย เพราะกำไรไปแล้วสองร้อยกว่าบาท ซึ่งขณะนั้นเงินเดือนครูขั้นจัตวาก็สองพันกว่าบาท เฉลี่ยวันละแค่เจ็ดแปดสิบบาทเท่านั้นเอง
"ชอบไหม?"
ผมถามหญิงหมอนขณะเลือกซื้อของที่ระลึกให้เธอ ตอนที่เราลงจากรถไปเดินเที่ยวกันที่ถ้ำฤๅษี ซึ่งข้างนอกเขากำลังจัดงานสวนสนุก มีการออกร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ดรวมทั้งร้านขายอาหารเปิดขายตอนกลางวันอยู่หลายร้าน หลังเดินดูหลืบผาและอาบเอิบบรรยากาศเย็นฉ่ำภายในถ้ำกันแล้ว ผมก็ชวนหญิงหมอนออกมาเดินเล่นในสวนสนุก ซึ่งอากาศภายนอกค่อนข้างร้อน ผมจึงเลือกซื้อร่มกระดาษให้เธอคันหนึ่ง เป็นร่มโบราณทำจากเมืองจีน
"อาแป๊ะจารึกภาษาจีนลงบนร่มให้ผมด้วย" ผมบอกซินแสเครายาวสีดอกเลา ซึ่งเป็นเจ้าของร้านกำลังนั่งแต้มสีวาดรูปดอกไม้ภูเขาลงบนร่มคันใหม่ ๆ ที่กางวางอยู่เป็นภายในเต็นท์ซึ่งเปิดขายในงาน ให้แกช่วยเขียนคำอะไรที่สละสลวยลงบนร่มที่ผมจะซื้อให้ด้วย
"เขียงว่าไรลี?"
ซินแสจับพู่กันจีนป้ายลงบนตลับสีน้ำมันสีแดงที่วางอยู่ใกล้้ ๆ
"อายุมั่นขวัญยืน" ผมพูดยิ้ม ๆ
"ล่าย ๆ "
"เดี๋ยวก่อนอาแปะ"
หญิงหมอนทักท้วง
ซินแสเครายาวเลิกคิ้ว ทอดสายตาไปจับจ้องใบหน้าหญิงสาว
"อี้จะให้อั๊วเขียนอาลายรึ?" แกถาม
"เขียนว่า รักเธอเสมอ"
พูดแล้วเมินไปทางอื่น ใบหน้าแดงเรื่อ
"ฮ้อ ๆ "
แปะซินแสตวัดพู่กันจีนฉับ-ฉับ ๆ ไม่ถึงชั่วอึดใจ อักษรจีนสีแดงที่งามอย่างขรึมขลังก็ถูกจารึกลงบนผืนร่มคันนั้นเสร็จสิ้น
ผมควักเงินจ่าย ๓๙ บาท
"ขอบคุงคัก รักกังให้มั่นคงน้อ- อาโก อาจี๊ "
ร่มคันนั้นถูกวางไว้บนรถสองแถวพักเดียวสีที่เขียนภาษาจีนเอาไว้ที่ริมขอบด้านหนึ่งก็แห้งสนิท ตอนเราไปเดินเล่นกันที่วนอุทยานสระนางมโนราห์ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งของพังงา หญิงหมอนก็หยิบเอาร่มคันนั้นมากางซะเท่เลยทีเดียว แล้วก็บังเอิญมีช่างภาพตระเวนถ่ายรูปรับจ้างจากในตัวเมืองขับมอเตอร์ไซค์ไปหาลูกค้าที่นั่นพอดี
เขาเป็นชายวัยกลางคน ผิวขาว ตาหยี ๆ อย่างจีนบ้าบ๋า ซึ่งเป็นสิ่งปกติสำหรับเมืองพังงาที่เต็มไปด้วยพลเมืองลูกผสมไทยจีน
"โก ๆ " หญิงหมอนกวักมือเรียก "มาถ่ายรูปให้พวกเราหน่อยสิ"
"คิดราคายังไงครับ" ผมถามเมื่อเขาเลี้ยวมอเตอร์ไซค์มาจอดใกล้ ๆ
"ภาพละสิบบาทครับ ภาพด่วนโพลารอยด์ราคาสูงหน่อย แต่ถ้าคุณมีที่อยู่ให้ผมส่งรูปไปให้วันหลัง ผมจะถ่ายด้วยกล้องธรรมดา อัดภาพเสร็จแล้วค่อยส่งทางไปรษณีย์ราคาจะถูกกว่ากันมากเลยครับ"
นายช่างภาพมีกระเป๋าสะพายมีดำคล้องไหล่ติดมาด้วยใบหนึ่ง กล้องถ่ายรูปที่เขาว่าอยู่ในกระเป๋าใบนั้น ส่วนกล้องโพลารอยด์สำหรับถ่ายรูปด่วนเขาห้อยคอไว้
"ผมเป็นกระเป๋ารถเมล์เบอร์ ๒๖ สายนางย่อน-พังงา ครับ, โกอัดรูปเสร็จก็ค่อยเอาไปให้ผมที่ท่ารถวันหลังก็ได้"
"อ๋อ-อย่างนั้นก็ดีนะสิครับ รูปถ่ายธรรมดาแค่รูปละสามบาทเอง แล้วมันก็อยู่ได้ทนทานกว่ารูปด่วนเป็นไหน ๆ "
"งั้นถ่ายให้เราด้วยกล้องที่ว่าก็ได้ ไปเถอะพี่หลวงไปหาที่เหมาะ ๆ ถ่ายรูปด้วยกัน"
เกิดมาเป็นผมมันก็มักจะหนีไม่พ้นตกกระไดพลอยโจนอย่างนี้แหละครับ
ฮา ฮา สนุกแล้วกู
ถ้าพ่อกับแม่รู้เข้าก็คงจะชวนกันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่คนที่ชักจะยิ้มไม่ออกคือผม
เมื่อครั้งใช้ชีวิตอยู่ดงเขายา แม้ผมเคยพึ่งพิงเรือนร่างเธอกอดรัดเพื่อผ่อนคลายความหม่นเศร้าในบางครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น เพียงแต่มันก็อาจจะเป็นผลกรรมที่กำลังไล่ต้อนผมอยู่ตอนนี้ก็ได้ ชะรอยอาจเป็นใครสักคนที่ในเหมืองมาแอบเห็นสิ่งนั้นเข้าโดยบังเอิญ เสร็จแล้วก็คาบความลับนั้นไปบอกแม่ผม การทาบทามเพื่อที่จะสู่ขอหญิงหมอนเป็นสะใภ้จึงเกิดขึ้น พร้อมกับแสงริบหรี่ที่กลางใจสาวก็พลอยสว่างเรืองรองขึ้นมา
ซึ่งมันเป็นความผิดของผมเอง ผมรู้ดี เพียงแต่ตลอดเวลาผมก็ได้พยายามหาทางออกอย่างดีที่สุดแล้ว การใช้วาจาตัดรอนหรือตีตัวออกห่างโดยทันทีทันใด กับค่อย ๆ ให้เธอได้คิดตรึกตรองถึงความเหมาะสม ไม่ด่วนหักด้ามพร้าด้วยเข่านั้น ผมเลือกที่จะหยิบเอาอย่างหลังมาใช้ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานสักเท่าไหร่เรื่องหนักอกหนักใจนี้จึงจะผ่อนคลาย แต่ที่แน่ ๆ ผมจะไม่ทำร้ายจิตใจเธอ และจะไม่ทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตาหม่นเศร้ากับเรื่องนี้แน่นอน
"แล้วมึงจะทำยังไง?" เจ๊กฮุยย้อนใส่ผม "มึงหาเรื่องปวดหัวชัด ๆ "
ผมหยิบคีมหนีบก้อนน้ำแข็งในถังใส่แก้วเหล้า เติมเหล้า เติมโซดาแล้วชงด้วยคีมหนีบน้ำแข็งข้างหนึ่ง พรายน้ำสีอำพันในแก้วเดือดพล่าน
ขณะนั้นแม้พอจะเริ่มพลบค่ำ แต่ตลาดนางย่อนก็เงียบเหงาผู้คนจนรู้สึกได้ ถ้าไม่มีเสียงเพลงจากลำโพงวิกหนังกับเสียงเพลงจากตู้เพลงหยอดเหรียญในร้านอาหารที่พวกเรานั่งกันอยู่ตรงนี้ ผมคิดว่าแม้ยุงบินผ่านมาสักตัวเราก็คงได้ยินเสียงกระพือปีกของมัน
ภายในร้านอาหารมีคนคอเหล้านั่งดื่มกินกันอยู่สองโต๊ะ ลึกเข้าไปจนแทบชิดประตูห้องครัวเป็นพวกนักเลงป่าซุงห้าหกคนนั่งกันอยู่เต็มโต๊ะ ท่าทางจะเพิ่งขายไม้ซุงได้เงินกันมาเต็มกระเป๋า เพราะรู้สึกจะเสียงดังก่อนเวลาอันควร
พวกเรานั่งตรงโต๊ะหน้าตู้เพลง เจ๊กฮุยนั่งคนละฝั่งโต๊ะกับผม ครูสุทิน ครูทวิช ครูคำนึง นั่งสองด้านซ้ายขวา บนโต๊ะมีเหล้ากวางทองกลมหนึ่ง ถูกรินไปค่อนขวด กับโซดาสี่ขวด เปิดไปแล้วสอง กับแกล้มมีแค่ยำแหนมจานเดียว ต้มยำกระเพาะปลาหม้อไฟกับปลากะพงผัดเกี่ยมฉ่ายที่สั่งไว้เถ่าชิ้วยังปรุงไม่เสร็จ
"เอาเลยนิ-เจ้านุ้ย"
ครูคำนึงพูดขึ้นหลังเจ๊กฮุยหยุดพูดและจ้องหน้าผม ในมือเจ๊กฮุยประคองแก้วเหล้าเตรียมจะยกขึ้นจิบ
"ยัดแม่-ทำจั๊วเปล่า ๆ แหละมึง" ครูสุทินว่า
จั๊ว เป็นคำสแลงที่เด็กหนุ่มแถวนั้นชอบนำมาพูดเกทับกัน มีความหมายว่า คุยโม้ ผมเลยสวนกลับไปว่า
"จั๊วยัดแม่มึงนะสิ"
ทุกคนกำลังจะรุมกินโต๊ะผม เพราะไม่มีใครเชื่อว่าผมยังไม่อยากแต่งงานมีครอบครัว เนื่องจากคนแถวนั้นเมื่อบวชเรียนกันเสร็จแล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่ก็มักจะสู่หญิงสาวซึ่งอาจจะรักใคร่ชอบพอกันอยู่ก่อน หรือไม่ก็ผู้ใหญ่หมายปองไว้ก่อนแล้วให้แต่งงานอยู่กินกันเป็นฝั่งเป็นฝาไปเสีย ผู้ใหญ่ก็จะได้ชื่อว่าทำหน้าที่ของตนเสร็จสิ้นแล้ว...
ทว่าผมกลับไม่ใช่ เพราะเวลานั้นผมยังไม่คิดมีครอบครัว แต่ถ้าจะถามว่า เมื่อก่อนตอนมีสาวบัวอยู่ด้วยผมมีความรู้สึกอย่างไรกับการใช้ชีวิตคู่กับหล่อน ซึ่งผมจะตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า นั่นคือการเตรียมตัวที่จะอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาในอนาคต เพราะถ้าหากสาวบัวยังมีชีวิตอยู่ แน่นอนในอนาคตเราสองคนจะต้องเป็นคู่สามีภรรยาที่ถูกต้องชอบธรรมอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะผมรักหล่อนจริง และรักจนหมดหัวใจ แต่ครั้นขาดหล่อนไปแล้ว ในใจผมก็เหมือนกับว่ามันจะว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
บัดนี้ซากรักที่เหลือแม้มันไม่อาจสร้างความหม่นเศร้า แต่ก็ไม่ยอมหลีกทางให้ใครทอดกายลงไปแทนที่หล่อนได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
*****************************
Create Date : 23 มกราคม 2556
Last Update : 2 กรกฎาคม 2556 18:59:38 น.
21 comments
Counter : 1804 Pageviews.
Share
Tweet
รู้สึกว่าจะยังไม่ได้สวัสดีปีใหม่กันเลยค่ะ งั้นขอสวัสดีและขอให้หลวงเสประสบแต่สิ่งที่ดีงามตลอดทั้งปีนะคะ คิดถึงเสมอค่ะ พิมพ์หนังสือไปกี่เล่มแล้วคะ ส่งข่าวกันบ้างเน้อ
โดย:
ดอยสะเก็ด
วันที่: 25 มกราคม 2556 เวลา:21:42:42 น.
ครับผมสวัสดีครับคุณตุ้ย แต่ผมคลิกเข้าบล็อกของคุณไม่ได้นะครับ
คุณตุ้ยสบายดีนะครับ?
โดย:
หลวงเส
วันที่: 30 มกราคม 2556 เวลา:7:56:23 น.
มาแวบ ๆ ดูหน่อย ยังอยู่เนาะ
โดย:
pantamuang
วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:14:36:36 น.
อยู่ครับอาจารย์ แต่ไม่ได้อั๊พหลายวันแล้ว
โดย:
หลวงเส
วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:5:07:41 น.
อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณหลวงเส แวะมาทักทายหลังจากห่างหายไปนาน ยังห่วงใยกันเสมอจ้ะ
โดย:
KeRiDa
วันที่: 1 มีนาคม 2556 เวลา:9:25:14 น.
More Blessings Comments
-------------------
หลับฝันดีคุณพระคุ้มครองให้มีความสุขนะคะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 3 มีนาคม 2556 เวลา:20:55:13 น.
สวัสดีค่ะ หลวงเส แวะมาหาด้วยความคิดถึง พยายามโทรหา แต่ปรากฏว่าเบอร์ที่บันทึกไว้ในเครื่องกลายเป็นเบอร์ของคนอื่น ทำให้ติดต่อไม่ได้ ตอนนี้อยากถามหลวงเสว่าเข้าบอร์นิยายของประพันธ์สาส์นได้ไหม (ตั้งแต่ที่เขาปรับปรุงใหม่) ถ้าเข้าได้ เข้ายังไงคะ ถามไปทางประพันธ์สาส์นก็ไม่ได้คำตอบค่ะ ช่วยบอกด้วยนะคะ ขอบคุณหลายๆค่ะ
โดย:
ดอยสะเก็ด
วันที่: 6 มีนาคม 2556 เวลา:8:41:36 น.
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาเยี่ยมนะครับ ว่จะต่อนิยายให้จบเสีย ก็ยังไม่มีเวลา
โดย:
หลวงเส
วันที่: 7 มีนาคม 2556 เวลา:13:18:10 น.
แวะมาทักทายคุณหลวงเสค่ะ มาอ่านนิยาย อิอิ
ช่วงก่อนหน้านี้เอิงก็ไม่ค่อยได้เข้าบล้อกเท่าไหร่
ติดเรียนภาษา สอบด้วย นานๆ จะอัพบล้อกที ไว้มีเวลาจะเข้ามาทักทายอีกนะคะ
โดย:
diamondsky
วันที่: 13 มีนาคม 2556 เวลา:19:23:52 น.
แวะมาทักทายครับหลวง
กะว่าจะติดตามนิยายบ้านๆ เรื่องนี้ด้วยครับ
โดย:
panwat
วันที่: 14 มีนาคม 2556 เวลา:10:59:20 น.
More Good Night Comments
//////////////////////////////////////
ช่วงนี้หายอีกแล้ว มีงานติดต่อกันสามวัน วันนี้พอว่างรีบแวะมาเยี่ยมเยือนกัน ราตรีสวัสดิ์นะคะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 22 มีนาคม 2556 เวลา:21:35:07 น.
ขอคุณมิ ตรสหายทุกท่่่่่านนะครับ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 27 มีนาคม 2556 เวลา:22:04:20 น.
ครับผมขอบคุณทุก ๆ ท่านนะครับ กำลังจะต่อนิยายเรื่องนี้อยู่ครับ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 22 เมษายน 2556 เวลา:21:52:57 น.
สวัสดีคุณหลวงเส ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ
ช่วงนี้เอิงไม่ได้เข้าบล็อกเท่าไหร่ เพิ่งย้ายบ้าน จัดของกันเหนื่อยเลย
คุณหลวงเส สบายดีนะคะ ขอติดไว้ก่อน ไว้มีเวลาจะมาอ่านนวนิยายจากบ้านนี้แบบเต็มๆ ค่ะ
โดย:
diamondsky
วันที่: 22 เมษายน 2556 เวลา:23:00:50 น.
More Thinking Of You Comments
--------------------
สวัสดียามสายๆอวะมาทักทายให้หายคิดถึง หวังว่าคุณหลวงเส คงสบายดีนะคะ
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 23 เมษายน 2556 เวลา:8:48:00 น.
More Friends Online Comments
------------------------------
แวะมาทักทายให้หายคิดถึง TAKE CARE นะคะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 27 เมษายน 2556 เวลา:18:36:00 น.
More Get Well Soon Comments
-------------------------------------------
สวัสดียามเย็น ระลึกถึงเสมอค่ะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 2 พฤษภาคม 2556 เวลา:18:06:21 น.
สบายดีครับ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาทักทาย ครับผม
โดย:
หลวงเส
วันที่: 3 พฤษภาคม 2556 เวลา:8:59:35 น.
More Good Night Comments
-------------------------
ขอบคุณในมิตรภาพ ราตรีสว้สดิ์ค่ะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 6 พฤษภาคม 2556 เวลา:21:13:10 น.
------------------------------
ทักทายกันค่อนข้างคึกมาก 55555สงสัยหลับกันแล้ว อย่างไรก็ขอให้รักษาสุขภาพกันนะคะ ช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวัน ระลึกถึงเสมอค่ะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 21 มิถุนายน 2556 เวลา:23:28:29 น.
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ยังแวะมาเยี่ยมเยียนกันนะครับ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 2 กรกฎาคม 2556 เวลา:18:32:24 น.
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
หลวงเส
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ดอยสะเก็ด
diamondsky
บ้าได้ถ้วย
ยาชมภู
เกศสุริยง
KeRiDa
วัวป่าหลงเงาจันทรา
nonguide
Webmaster - BlogGang
[Add หลวงเส's blog to your web]
Bloggang.com