
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 3

3.ทับลุงทอง
ขณะกำลังศึกษาวิชาครูอยู่ที่วิทยาลัยฯ ผมชอบคลุกคลีกับพวกนิยมชมชอบด้านศิลปบันเทิง กระทั่งสมัครเข้าร่วมกิจกรรมอยู่ในชมนุมดนตรี-นาฏศิลป์กับพวกเขา มีกิจกรรมที่ไหนก็เข้าร่วมทุกครั้ง มีงานมีการก็ช่วยเหลือเขาสารพัด ตั้งแต่งานแบกหามทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ กระทั่งช่วยรื้อและจัดเวที สร้างฉากประกอบการแสดงละคร ช่วยขนย้ายและควบคุมดูแลด้านแสงสีเสียงร่วมกับรุ่นพี่ ทำให้ผ่านประสบการณ์ด้านมานี้พอสมควร เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้ารุ่นพี่เห็นเราจริงเอาจังก็เปิดโอกาสให้ฝึกซ้อมดนตรีและฝึกแสดงบทบาทตัวละคร จนในที่สุดก็ได้มีโอกาสแสดงละครเป็นตัวพระในเรื่องกามนิต-วาสิษฐี แต่เรื่องดนตรีนั้น ผมโหล่เอามาก ๆ ที่พอจะเป็นกับเขาบ้างก็มีแค่ขลุ่ยไทยอย่างเดียว และมักจะพกใส่ย่ามสะพายติดตัวไปไหนเสมอ ถ้าใช้ผ้าขาวม้าคาดสะเอวก็สอดเหน็บไว้ที่ขาวม้านั่นแหละ เหน็บไปมาจนติดนิสัย
คืนนั้น ผมก็เหน็บขลุ่ยของผมติดสะเอวไปด้วย
กระท่อมทับของหม้ายสาวกว้างใหญ่ราวกับกระท่อมปลายนา ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินสูงริมลำธาร หันหน้าไปทางทิศตะวันออก หลังคาทรงแหลมมุงด้วยใบระกำเย็บเป็นตับเหมือนตับจาก ปูพื้นด้วยฝากไม้ไผ่และยกเสาสูงเหนือบั้นเอวจนต้องใช้กระไดพาด ด้านหน้าเป็นระเบียงกว้าง ปูเสื่อผืนใหญ่ไว้ผืนหนึ่ง
ลุงทองกับป้าพัว- พ่อและแม่ของสาวบัว รวมทั้งสายสมรน้องสาวของหล่อนอีกคน ซึ่งผมเรียกเธอว่า "หญิงหมอ"ติดปากมาตั้งแต่ครั้งแก้ผ้าเล่นน้ำคลองด้วยกัน ล้วนสนิทสนมกับพวกผมเป็นอย่างดี
ผู้เฒ่าสองผัวเมียแสนปลาบปลื้มและยินดี เมื่อพวกเราหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังย่างกรายเข้าไปถึง
ก็แน่ล่ะ - คนมีลูกสาวถ้าไม่คิดที่จะคบค้าสมาคมกับเด็กหนุ่มขยันทำกินอย่างพวกเรา แล้วจะให้ไปคบหากับใครที่ไหน
โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่แสนจะรู้ใจแกอย่างไอ้หมึก ลุงทองถึงกับยิ้มร่าเมื่อเห็นมันโผล่หน้ามา
"ผมไปยกมือไหว้ขอแบ่งจากน้าคล่องได้มาหน่อยหนึ่ง" ไอ้หมึกล้วงห่อกัญชาที่อุตส่าห์ดั้นด้นไปขอแบ่งมาจากชาวเหมืองที่อยู่เลยขึ้นไปทางด้านเหนืออีกหน่อย วางบนกระบะไม้อันเล็ก ๆ ที่ใช้ทำเชี่ยนมากพลูไว้รับแขก กลางผืนเสื่อตรงหน้าลุงทอง
"แหม ให้มันได้อย่างนี้ซีวะ"ลุงทองตบเข่าฉาด "ของลุงก็หมดเกลี้ยงพอดี กะว่าจะล่องสังขารไปขอแบ่งไอ้คล่องมาสักอยู่หน่อยเหมือนกัน- - แต่อ้ายชิบหายนั่นมันหวงของมันยังกะอะไร.."
พูดแล้วแกก็โคลงหัว
"จริงครับ"
ไอ้หมึกพยักหน้าพลางยื่นมือรับเขียงหั่นกัญชาจากลุงทองวางลงหน้าตะหมาด จัดแจงคลุกเคล้ากุลีดอกกัญชาที่แกะออกจากห่อเข้ากับฝอยยาเส้น เสร็จแล้วก็ลงมือหั่นอย่างผู้ชำนาญการ
ไอ้พริ้งกับไอ้บองหลานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จ้องเขียงกัญชาที่ไอ้หมึกกำลังหั่นอย่างไม่กระพริบตา
ผมเห็นว่าได้จังหวะก็เร่งฉวยโอกาสชิ่งออกมาทันที
อุตส่าห์หอบสังขารอดตาหลับขับตานอนมาเหยียบเรือนแม่หม้ายทั้งที เรื่องอะไรจะมานั่งดมกลิ่นกัญชาให้โง่ สู้แอบไปหาอย่างอื่นที่มันให้รสชาติหอมสดชื่นระรื่นใจน่าสูดดมยิ่งกว่านี้มิดีหรือ!
ว่าแล้วไอ้เสือแผนก็ค่อย ๆ คลานเข่าอย่างแผ่วเบาเข้าไปในทับนอนอันเปรียบประดุจกระท่อมน้อยหลังนั้นทีละน้อยละหน่อย เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา
อ้ายตัวเล็ก-ลูกสาววัยสองขวบของสาวบัวนอนหนุนหมอนดูดนมขวดอยู่ข้างตักยายอย่างมีความสุข มือหนึ่งจับขวดนม มือหนึ่งคว้าชายเสื้อคอกระเช้าของยายมาดึงเล่น ไม่หันมาสนใจ
ผ่านเธอไปแล้ว ไอ้แผนนุ้ยก็เจอด่านที่สอง
เมื่อเห็นหน้านายด่าน หัวจิตหัวใจของพ่อแผนก็เต้นรัวอยู่เป็นนานสองนานกว่าจะบังคับให้สงบลงได้
สายสมรจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดนอนคว่ำหน้าอ่านนิตยสารเล่มเก่า ๆ ขวางอยู่หน้าประตูครัว พี่สาวของเธอกำลังก่อไฟควันโขมงเพื่อที่จะทำขนมให้พวกขี้กัญชาได้กินกันอยู่ในนั้น
ผมกระเถิบเข้าไปใกล้ ทำใจดีสู้เสือ ถามขึ้นเบา ๆ
"อ่านนิยายเรื่องไร?"
"หอมกลิ่นแม่หม้าย" ปากพูด สายตาจับจ้องอยู่บนหน้ากระดาษ
ท่ามกลางแสงวอมแวมของตะเกียงน้ำมันก๊าด หญิงสาวมิได้ใส่ใจทักทาย ราวกับผมมิได้อยู่ในสายตา
"อ่านหนังสือในที่ที่แสงสว่างไม่พอระวังสายตาจะเสีย"
ผมพูดแก้เขิน หวังจะให้หล่อนหลีกทาง ทว่าหญิงสาวกลับหันขวับ
"ตาเสียยังดีกว่าตาถั่ว"
เฮ้ย !
ผมอุทานและนึกงงงวยอยู่ในใจ ชะรอยอีแม่สาวคงจะรู้... หรือไม่ก็อาจระแคะระคายถึงปรากฏการณ์พญานาคคายพิษกลางสายน้ำเมื่อวันวานเข้าแล้วก็ได้
ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ และกล่าวชมเธอว่า
"ไม่พบเสียนาน สวยจนจำไม่ได้"
"สวยตาย..."
"จริง"
"ทำปากดี- -ระวังดุ้นฟืนปลิวมาจากครัว....จะว่าไม่เตือน"
คราวนี้ผมเผลอตัวปล่อยก้ากเสียงดังลั่น เป็นเหตุให้เจ้าตัวเล็กที่กำลังนอนดูดนมขวดอยู่เพลิน ๆ ตกใจ ถอดขวดนมออกจากปากส่งเสียงจ้า
"แม่-หนู -หาแม่..."
"บัวเอ้ย--มาอุ้มลูกลงไปเดินเล่นข้างล่างก่อนเถอะ มันร้องหนวกหู-พวกพ่อเขาจะคุยกัน" ป้าพัวร้องบอกลูกสาว เมื่อเห็นว่าเจ้าหลานตัวเล็กคงจะไม่หยุดร้องลงง่าย ๆ "ประเดี๋ยวของในครัวพวกนั้น แม่กับนังหมอนจะเข้าไปจัดการกันเอง"
ผมรอโอกาสนี้มานานแล้ว จึงคลานเข่าเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าป้าพัว
"ส่งมาให้ผมช่วยอุ้มให้ก็ได้จ๊ะป้า" ว่าแล้วก็ดึงขลุ่ยไม้ไผ่ซึ่งสอดเหน็บกับผ้าขาวม้าที่สะเอวเหนือตะโพกยื่นส่งให้เจ้าตัวเล็ก "มาลูกมา มาหาน้านี่- -มาเร้ว..."
ลูกน้อยของหม้ายสาวเงียบเป็นปลิดทิ้ง ลุกพรวดมาคว้าขลุ่ยจากมือผมแล้วหันไปส่งเสียงเรียกแม่ของเธอเสียงลั่น
"แม่ แม่ ฉุ่ย ฉุ่ย"
ผมยิ้มให้เธอ
"ขลุ่ย-ลูก ขลุ่ย ไม่ใช่ฉุ่ย..... ไหนว่าใหม่ซิ ขลุ่ย"
เจ้าตัวเล็กยืนจ้องผมตาแป๋ว มือขวากำขลุ่ยไว้แน่น เป็นภาพไร้เดียงที่แสนงาม จมูก ปาก คิ้ว คาง ของเธอถอดแบบมาจากผู้เป็นแม่ครบสิ้น
เหนือราวป่าสีดำหม่นเบื้องทิศตะวันออก พระจันทร์สีทองกลมโตสวยสดใสกำลังโผล่แย้มสาดแสงสว่างนวล เมื่อมองลอดเพิงหลังคาผ่านช่องประตูเห็นทิวเขาเรียงรายสลับเป็นเชิงชั้นงดงามในยามเดือนฉายที่ไกลโพ้นออกไป
"มาหาแม่-ลูก"
สาวบัวเดินสวนกับป้าพัวออกมาจากข้างในด้วยก้าวย่างที่แผ่วเบาจนผมไม่อาจรู้ตัว ก้มรวบตัวลูกสาวขึ้นไปอุ้ม ก้าวลงกระไดเดินฝ่าแสงจันทร์ตรงแน่วไปยังโขดหินน้อยใหญ่ที่ริมธารน้ำหน้าทับของหล่อนด้วยอากัปกิริยาที่ปึ่งชา มีได้หันมาใส่ใจทักทายผมให้สมกับที่คิดถึงเลย
ทว่าลูกผู้ชายชื่อไอ้แผนอย่างผมมีหรือจะไม่ประสีประสาจริตมารยาหญิง มีหรือจะไม่รู้ซึ้งซึ่งความขุ่นมัวของเจ้าหล่อน
ระดับในลำธารหน้าทับลุงทองตื้นและใสแจ๋ว ถ้าเป็นตอนกลางวันมองลงไปเห็นก้อนหินและเม็ดทรายกลางท้องธารชัดเจน มันเป็นสายธารเดียวกับที่ไหลผ่านไปยังทับนอนของพวกผม หากแต่บริเวณนี้เป็นเนินสูง สายน้ำที่ไหลทอดลงสู่เบื้องล่างจึงเชี่ยวปรี่ กระทบแก่งหินส่งเสียงซ่านซ่าได้ยินไปแต่ไกล
ก่อนที่ผมจะย่างเท้าพ้นจากขั้นกระไดทับลุงทองขั้นสุดท้าย เพื่อจะออกตามสาวบัว ก็แว่วเสียงลุงทองร้องสั่งมาว่า
"มึงบอกให้อีบัวหาอะไรปิดกระหม่อมลูกมันหน่อย อุ้มตากน้ำค้างกลางค่ำกลางคืนประเดี๋ยวหวัดก็จับเอาหรอก"
ผมขนลุกวาว คิดไม่ถึงว่าแกจะดักทางผมถูก หากแต่เมื่อได้ตัดสินใจใส่เกียร์เดินหน้าลงไปแล้ว ลูกผู้ชายชื่อไอ้แผนอย่างผมถ้าวกกลับมาใส่เกียร์ถอยมันก็หมาเท่านั้น
"ครับ - -เอ่อ- - ผมจะออกไปเดินเป็นเพื่อนเขาหน่อย" ผมหันไปบอกลุงทอง
"เออ- ว่าแต่อย่าชวนกันไถลไปให้ไกลนักล่ะ ประเดี๋ยวป้ามึงทำขนมสุกแล้วจะกู่เรียกไม่ได้ยิน"
กังวานเสียงของชายชราฟังแปร่ง ๆ คล้ายมีอะไรแอบซ่อนอยู่
ร้อนถึงไอ้หมึก ซึ่งชะรอยคงจะถุนกัญชาเข้าไปแล้วหลายบ้อง มันจึงแหย่ลุงทองด้วยลีลาสำนวนเคลิ้มควันกัญชาว่า
"ค่ำคืนนี้จันทร์เจ้าแจ่มกระจ่าง ปล่อยให้หนุ่มสาวเขาออกไปเดินกินลมชมจันทร์เล่นกันเถอะ อย่าไปขัดคอมันเลย เดี๋ยวจะเป็นบาปติดตัวไปเปล่า ๆ"
ลุงทองหัวเราะ ฮา ฮา
"... ก้อกูไม่ได้ว่าอาไร้"
พูดจบแกก็หยิบเศษกระดาษหนังสือพิมพ์ที่พับเป็นแผ่นเล็ก ๆ แบน ๆ ยาวแค่นิ้วชี้ จ่อเข้ากับไฟตะเกียงที่วางอยู่กลางวงจนไฟลุกพรึบ แล้วนำมาลนผงกัญชาซึ่งยัดใส่ไว้ในกรวยบ้อง พร้อมกับสูดควันพ่นโขมงอย่างสบายใจเฉิบ
ยามมืดค่ำ กลางป่าดงดอยเงียบเหงาวังเวง ไกลออกไปในป่าลึกผมได้ยินเสียงไก่ป่าเพ้อขันดังแว่วขึ้นครั้งสองครั้งแล้วเงียบไป ครั้นสืบเท้าต่อไปจนใกล้ตอไม้ซึ่งทอดเงาตะคุ่มอยู่ริมทางเดิน ผมก็เห็นนกตบยุงปีกลายตัวหนึ่ง กำลังกางปีกร่อนโฉบเหยื่อฉวัดเฉวียนอยู่ใกล้ ๆ ในขณะที่อีกตัวหนึ่งซึ่งคงจะเป็นคู่รักของมันกำลังส่งเสียงจุ๋ง ๆ เพรียกหาอยู่ตรงไหนซักแห่งที่ห่างออกไป ท่ามกลางแสงจันทร์อันสว่างไสวดุจกลางวัน ผมสอดส่ายสายตาแลหาไปจนทั่วแต่ไม่เห็นตัวมัน
ชะรอยนกป่าคงแอบซุ่มส่งสัญญาณเตือนภัยมายังชู้รักของมันนั่นเอง
เมื่อเดินผ่านขึ้นมาถึงบริเวณกลางเนินซึ่งเป็นพื้นราบ น้ำในลำธารก็ไหลเอื่อยเฉื่อยจนเกือบจะไร้สุ้มเสียง ผมเร่งสืบเท้าเดินเลาะเลียบแท่งหินน้อยใหญ่ริมธารด้ายซ้ายมือตามหลังหม้ายสาวไปอย่างกระชั้นชิด ในขณะที่ผิวน้ำซึ่งไหลสวนทางมาในสายธารต้องแสงจันทร์ทอประกายระยิบระยับแพรวพราวบาดนัยน์ตา
ยิ่งห่างไกลกระท่อมทับและห่างเสียงพูดคุยของพวกขี้กัญชา ผมก็รู้สึกเหมือนโลกกลางป่าลึกแห่งนี้เป็นของเรา...
บนหาดทรายขาวนวลริมสายธารตรงนั้น สาวบัวนั่งมองลูกน้อยของหล่อนวิ่งเล่นอยู่บนพื้นทรายอันอ่อนนุ่มขณะผมสาวเท้าตามไปถึง
"ถอยไปนั่งห่าง ๆ"
หม้ายสาวผลักไสเมื่อผมทรุดกายลงเคียงข้างและโอบกอด
"อย่าดิ้น เดี๋ยวลูกตกใจ" ผมออดอ้อนเสียงกระเส่า
"ก็ปล่อยซิ"
กังวานเสียงของหล่อนสั่นเครือและแผ่วเบาจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์
"คิดถึงใจจะขาด"
ลูกผู้ชายชื่อไอ้แผนแนบปากกระซิบข้างหูชู้รัก ก่อนฝังจมูกลงกลางแก้มนิ่มหวังสูดดมกลิ่นหอมจากกายสาวให้ชื่นใจ แต่มิอาจสมหวัง เมื่อสัมผัสเสียงหม้ายสาวผ่อนลมหายใจสะทกสะท้อนหนักหน่วงราวกับถอนสะอื้นสอดแทรกขึ้นมา
"นุ้ย เราคบกันแค่นี้พอแล้วนะ"
สาวบัวพูดหลังจากผมคลายอ้อมแขน น้ำเสียงของหล่อนฟังสร้อยเศร้าและบาดลึกลงกลางใจ
"เป็นเพราะเรื่องที่ผมพูดหยอกเล่นกับหญิงหมอนเมื่อครู่นั้นหรือเปล่า?" ผมปลอบถาม และยังมิทันที่หล่อนจะเอ่ยคำใดออกมา เจ้าตัวน้อยของหล่อนก็วิ่งตื้อตรงมาขัดจังหวะเสียก่อน
"แม่ แม่..."
หม้ายสาวรีบหยิบขลุ่ยไม้ไผ่ที่วางอยู่ตรงหน้าหล่อนยื่นส่งให้ผม
"เก็บไว้...อีอ้อร้อตัวนี้ชอบหยิบของเล่นโยนน้ำ"
อีอ้อร้อ! ในบริบทนี้เป็นคำชื่นชมลูกสาวตัวน้อยของหล่อน
ผมหัวเราะ พร้อมรับขลุ่ยไม้ไผ่จากมือหล่อนมาถือไว้
ลูกน้อยของหล่อนงอแงเมื่อพลาดหวัง- - แม่หยิบของเล่นที่หมายตาส่งให้ผู้อื่น
ปี๊ด ปี๊ด !
ผมแกล้งเป่าขลุ่ยเสียงแหลมเพื่อเบี่ยงเบนความรู้สึกของเธอ แต่ไร้ผล เธอยิ่งส่งเสียงงอแงหนักขึ้น กระทั่งในที่สุดมือน้อย ๆ ข้างหนึ่งของเจ้าตังน้อยก็ยื่นมาฉกกระชากขลุ่ยเลานั้นไปจากปากผมโดยที่ผมไม่ทันระวัง
"อย่าลูก"
สาวบัวทำท่าจะแย่งคืน แต่ผมเอื้อมไปยึดแขนหล่อนไว้ และเสียงงอแงของเจ้าตัวน้อยก็เงียบลง
เธอยืนจ้องผมราวกับจะถามว่า-เอ็งจะทำอะไรแม่ข้าวะ!?
ดวงตาสองข้างของเจ้าตัวน้อยกลมแป้ว จ้องผมไม่กระพริบ
วูบหนึ่งในจิตสำนึก ผมรู้สึกเศร้ารันทดที่เห็นเธอต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องเสียพ่อบังเกิดเกล้าไปตั้งแต่ยังไม่ประสีประสา
ผมละมือจากแขนหม้ายสาวไปจับแก้มขาวยุ้ยของเธอดึงเล่นเบา ๆ
"ไหนลองเป่าขลุ่ยซิลูก เป่าเป็นไหม?-" ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กระทั่งเจอของดี... "โอ้ย!"
สาวบัวหัวเราะคิก เมื่อเห็นผมหดมือกลับมาลูบหน้าผากตัวเอง...
แต่เมื่อลูกสาวของหล่อนยกขลุ่ยเงื้อง่าตั้งท่าจะตีซ้ำลงมาที่ผมอีก หล่อนก็รีบคว้ามือเอาไว้ ทำให้เจ้าตัวน้อยไม่พอใจกรีดร้องหวีดแหลมออกมาด้วยความโกรธ พร้อมกระทืบเท้าย่ำลงบนพื้นทราย สะบัดมือเหวี่ยงขลุ่ยเลานั้นกระเด็นกระดอนออกไปไกล ...จากนั้นเธอก็ร้องไห้ดีดดิ้นเป็นพัลวัน
"นอน แม่-นอน...นอน"
สาวบัวโน้มตัวไปรวบลูกสาวเข้ามาอุ้มแล้วลุกขึ้นยืน พร้อมกับเอาฝ่ามืออีกข้างปัดเม็ดทรายที่เกาะติดผ้าถุงตามตะโพกและหน้าขา ก่อนจะก้มหน้ามองผมที่ยังคงนั่งอยู่กับพื้น พูดว่า
"พี่กลับล่ะ ลูกสาวง่วงนอน..."
"ลูกหลับแล้วกลับมาอีกนะ ผมจะรอ..."
"รอคนอื่นดีกว่า"
หม้ายสาวสื่อวาจาตัดพ้อจนผมรู้สึกปั่นป่วนหัวใจ แต่ถ้าหากไม่เกรงว่าเจ้าตัวน้อยที่กอดคอซบอกหล่อนอยู่นั้นจะอาละวาดขึ้นมาอีก หล่อนก็คงไม้แคล้วโดนผมสำเร็จโทษ ซึ่งหล่อนก็เหมือนจะรู้ว่าผมกำลังคิดอกุศลใด หม้ายสาวจึงเปิดยิ้มอย่างมีชัย ก่อนจะอุ้มลูกสาวตัวน้อยของหล่อนเดินเลียบชายหาดและวกลงเนินลับหายไป
****************************************
Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2554 6:13:25 น. |
|
19 comments
|
Counter : 1215 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: หลวงเส วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:00:49 น. |
|
โดย: KeRiDa วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:5:56:10 น. |
|
โดย: KeRiDa วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:57:31 น. |
|
โดย: KeRiDa วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:5:03:12 น. |
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:06:33 น. |
|
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:42:11 น. |
|
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:50:57 น. |
|
โดย: deeplove วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:34:07 น. |
|
โดย: หลวงเส วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:04:15 น. |
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:17:48 น. |
|
โดย: KeRiDa วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:4:10:27 น. |
|
โดย: หลวงเส วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:31:30 น. |
|
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:9:07:08 น. |
|
โดย: KeRiDa วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:5:20:06 น. |
|
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:29:46 น. |
|
โดย: สาวสะตอใต้ วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:49:34 น. |
|
โดย: diamondsky วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:1:40:34 น. |
|
โดย: KeRiDa วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:5:46:37 น. |
|
| |
|
หลวงเส |
 |
|
 |
|
ขอบคุณครับ