ถ้าขจัดความกลัวออกไปได้ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมา
Group ตัวอย่าง
<<
เมษายน 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
14 เมษายน 2554
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 7
จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ 9
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๘
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๗
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๖
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๕
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๔
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๓
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๒
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๑
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 32
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 31
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 30
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 29
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 28
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 27
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 26
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 25
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 24
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 23
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 22
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 21
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 20
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 19
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 18
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 17
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 16
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 15
เรื่องสั้น/ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
นิยาย อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 14
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 13
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 12
เรื่องสั้นตกรอบครับ
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 11
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 10
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 9
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 7
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 6
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 5
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 4
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 3
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 2
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 1
เรื่องสั้น/คืนวันล่องไหลชั่วกะพริบตา
เรื่องสั้น-ดักไซแห้ง
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 7
คำมั่นสัญญา
ลมป่าพัดมาพร่างพรู เรายืนกอดรัดแลกเปลี่ยนรสจูบกันอย่างดูดดื่ม ท่ามกลางสายน้ำสูงแค่เข่า ซึ่งไหลรี่ผ่านไปด้านล่าง ผ่านภูมิประเทศอันงดงามอย่างน่าอภิรมย์สำหรับเรา สาวบัวยกมือประคองแก้มผมสองข้าง เผยอริมฝีปากเรียวงามรับการประทับจูบด้วยเรือนกายไหวสะท้าน
ข้อกังวลและหน่ายแหนงแคลงใจว่าจะถูกลวงหลอกให้ชอกช้ำหรือไม่? บัดนี้คงหลุดลอยไปกับสายน้ำที่กำลังไหลรี่อยู่นี้เสียแล้ว
เฉกเช่นผมซึ่งมิได้ครุ่นคำนึงถึงสิ่งอื่นใดอีกต่อไป... ผมลืมตัว ลืมหมดทุกสิ่ง นอกจากสาวบัวซึ่งกำลังอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของผมคนเดียวเท่านั้น ผมโอบกอดหล่อนแนบแน่นขณะประกบริมฝีปากและชอนไชชิวหาดูดซับรสหวานจากหล่อนจนรู้สึกอิ่มเอมสมหวัง และบอกกับตนเองว่าอื่นใดในโลกจะหาสุขใดยิ่งไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
สุดท้ายผมก็ช้อนร่างอันอ่อนระทวยของหล่อนขึ้นมาอุ้ม พาลุยน้ำเข้าฝั่ง และประจงวางเรือนร่างอันน่าชิดเชยทะนุถนอมของหล่อนลงตรงนั้น แล้วค่อยประคองศีรษะหล่อนวางแนบหนุนพื้นทรายอันอ่อนนุ่ม เรือนกายส่วนล่างจ่อมจมอยู่ใต้ผิวน้ำ ก่อนที่ผมจะคร่อมทับแล้วกอดรัดลงไป
ผมประกบริมฝีปากบดขยี้ ...ซอกซอนจมูกควาญหากลิ่นกายสาปสาวอย่างสุขสันต์
หม้ายสาวครวญครางเสียงกระเส่า
"ทูนหัวของบัว..."
"จ๋า."..
"รักบัวจริงไหม?"
"ผมเรียนจบและสอบบรรจุได้เมื่อใด จะรับบัวไปอยู่ด้วยกันทันที"
"พ่อ... แม่..?"
"เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องชี้แจงให้ท่านเข้าใจ..."
"บัวจะเป็นเมียที่จงรักและภักดี..."
"ผมรักบัวคนเดียว"
มันน่าขำที่เราต่างพร่ำรำพันกันด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งมนต์ดำฤษณาเสียยืดยาว และเมื่อทุกสิ่งอย่างบรรลุถึงจุดสูงสุด สาวบัวก็นอนหลับตาพริ้มอย่างสุขเกษม หอบหายใจถี่กระชั้น ไม่ต่างจากผมซึ่งนอนกอดกายหล่อนอย่างสิ้นเรี่ยวแรง และหากที่นี่คือห้องหับอันอบอุ่นมิดชิด เราสองก็คงจะนอนก่ายกกกอดกันไปอีกนาน แต่นี้สิเรือนร่างเปลือยเปล่ากลับจมจ่อมอยู่ในน้ำเสียครึ่งตัว ฉุดเราให้ต้องลุกขึ้นมานั่งสบตาและหัวเราะให้กันเมื่อความหนาวเย็นโฉบฉายมา
"น้องหมอนล่ะ..?." สาวบัวเอ่ยขึ้น หลังเรียกสติตนเองกลับคืน
ผมโอบรัดกายหล่อนมาแนบอก พลางปลุกปลอบใจให้หายกังวล
"เธอคงกลับทับไปแล้ว"
"ไม่หรอก...เธอรักนุ้ยนะ."
ผมหลับตา ขณะส่งจิตใจล่องลอยไปถึงหญิงหมอน...
ป่านนี้แม่นางจะหลีกเร้นไปอยู่ไหน?
แม่นางผู้งามสรรพ ไม่มีส่วนใดไหนเลยที่ผ่านตาชายแล้วตกเป็นรองผู้พี่ อีกทั้งน้ำใจของเจ้าก็งามล้น... ยอมหลบเลี่ยงเร้นหายไปเสียทุกครั้ง แม้จะพกพาหัวใจอันเจ็บปวดรวดร้าวแนบไปกับตัวก็ตาม
"หญิงหมอน..." ผมรำพึงออกมาเบา ๆ
"ตามไปสิ"
"ผมเกรงเธอหลงป่า"
สาวบัวผุดนั่ง และมองค้อน
"นี่แหละใจชาย"
ผมล้มตัวลงนอนหาย-เอาหัวพาดหนุนพื้นทราย สายตาจับนิ่งอยู่ที่ใบหน้าสาวบัว หยาดน้ำตาของหม้ายสาวเอ่อท้นคลอเบ้าก่อนจะรินไหลลงมาตามร่องแก้มเป็นทางยาว
"เธอเป็นน้องสาวของบัวนะ"
หม้ายสาวถอนสะอื้น
"เป็นหญิงอื่นสิ-จะไม่พะวงเลย"
"แต่ผมไม่เคยล่วงเกิน..."
หล่อนพยักหน้า
"บัวรู้ !"
"งั้นบัวไม่สบายใจทำไม?"
"บัวก็กำลังถามตัวเองอยู่เหมือนกัน"
ถ้อยคำพร่ำรักต่อกันของเราในคราวนั้นช่างอิดออดอ้อยสร้อยราวกับบทรักในหนังกลางแปลง
แต่นี่คือ เรื่องจริง!
ในที่สุดผมก็เอื้อมคว้ามือของหล่อนข้างหนึ่งมากุมไว้แนบอก ก่อนจะเทน้ำคำปลอบประโลมให้หล่อนคลายกังวลว่า "ข้างนอกโน้น...หัวกระไดบ้านเราก็ทอดทาบถึงกัน ซึ่งกาลข้างหน้าเราสองก็จะต้องพบเจอกันวันยังค่ำ บัวเองก็ใช่ว่าจะต้องเข้าป่ามาขุดแร่ไปจนตาย หากแต่อาชีพอื่นสำหรับลูกผู้หญิงยังมีอีกสารพัด ไว้เมื่อถึงเวลา...ผมจะคิดหาช่องทางช่วยเหลือเอง แล้วต่อไปนี้ก็ห้ามเก็บเอาเรื่องหญิงหมอนมาครุ่นคิดให้หนักอกหนักใจอีกเป็นอันขาด ผมสารภาพว่า เมื่อก่อนผมอาจมีเธอติดค้างอยู่ในใจบ้าง แต่ตอนนี้หัวใจของผมทั้งสี่ห้องยกให้บัวหมดแล้ว"
หลังจากนั้นอีกสองวัน พวกเรา ผม ไอ้บองหลา ไอ้พริ้ง และไอ้หมึก ก็ระดมพลว่าจ้างชนชาวเหมืองในดงเขายาเกือบทั้งหมดให้มาช่วยกันขนขี้ตะกรันออกจากป่ามุ่งสู่ถนนหลวงเพื่อใส่รถสองแถวไปขายที่ตะกั่วป่า กระชุแต่ละใบที่เพื่อนของผมช่วยกันสานไว้ก่อนหน้านั้นบรรจุขี้ตะกรันได้ใบละประมาณ 50 กิโลฯ ชาวเหมืองเกือบร้อยคนที่มาช่วยพวกเราใช้ไม้คานสอดหามกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลา 2 วัน โดยใช้เส้นทางเก่าที่ฝรั่งและชาวจีนสมัยนั้นได้บุกเบิกทิ้งไว้เป็นเส้นทางขนลำเลียง แม้หนทางจะยืดยาวออกไปกว่าทางลัดที่ใช้สัญจรไปมากันอยู่ประจำ แต่มันก็เดินสะดวกไม่ลาดชันมากนัก เหมาะสำหรับแบกหามของหนักไปมา เสียดายตรงที่หลายแห่งโดนน้ำป่ากัดเซาะพังทลายจนไม่อาจใช้วัวควายชักลากเกวียนบรรทุกของได้เหมือนสมัยก่อน มิฉะนั้นพวกเราคงประหยัดแรงคนมากกว่านี้
ขี้ตะกรันจำนวนห้าตันกว่า ๆ ทำรายได้ให้พวกผมสามสี่คนอย่างมหาศาล ทว่าข่าวนี้ก็ได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างออกไปในเวลาอันรวดเร็ว เป็นเหตุให้พวกสิ้นไร้ไม้ตอกเกิดความหวังลม ๆ แล้ง ๆ อยากเจอขุมทรัพย์เหมือนเราบ้าง จึงพากันดั้นด้นบุกป่าฝ่าดงเข้ามาในป่าดงเขายาไม่ขาดสาย
ป่าที่เคยสงบเย็นกลับคลาคล่ำไปด้วยผู้คนหน้าตาดุร้ายไม่น่าไว้ใจมากหน้าหลายตา นักผจญภัยหรือนักแสวงโชคร้อยพ่อพันแม่ต่างมุ่งหน้าสู่ดงเขายาทุกวัน พร้อมบุกตะลุยเข้าสู่ผืนป่า ขุดดินฟันไม้ ระเบิดหินส่งเสียงอึกทึกครึกโครม กระทั่งสัตว์ป่า ลิง ค่าง บ่าง ชะนี พากันตื่นกลัวไม่กล้ากู่ร้องหาคู่อยู่หลายวัน
พวกที่เข้ามาใหม่บางคนพกเครื่องมือมาพร้อม ทว่าบางคนมีเพียงมือสิบนิ้ว แต่ที่บั้นเอวเหน็บปืนมาด้ามโต ที่น่าขันยิ่งกว่านั้น ก็เห็นจะเป็นพวกหัวการค้าที่อุตส่าห์หอบหิ้วสินค้าเข้ามาขายในดงกันดารหวังกำไรลม ๆ แล้ง ๆ บุหรี่ เหล้าโรง กัญชา รวมทั้งลูกปืน แบกหามดั้นด้นกันมาเหน็ดเหนื่อยอย่างน่าสมเพทเวทนา
ไอ้หมึกไปขุดปืนลูกซองสั้นของมันซึ่งชโลมจารบีใส่ถุงพลาสติกฝังดินไว้กระบอกหนึ่งขึ้นมาเช็ดถูทำความสะอาด และพกติดสะเอวเพื่อความอุ่นใจอยู่เสมอ ส่วนปืนแก๊ปที่มีไว้ล่าสัตว์เป็นอาหาร เมื่อไม่ใช้ก็ต้องนำไปแอบซ่อน เพราะมีคนมาขอยืมบ่อย กำมะถันและดินประสิวสำหรับเอามาผสมทำดินปืน พร้อมทั้งเม็ดตะกั่วทำลูกกระสุนก็ไม่ซื้อมาใช้ให้ อาศัยยืมอย่างเดียว แต่ละคนหัวนอนปลายเท้าไม่รู้อยู่ไหน แต่ชอบทำกางหลาง(ฟอร์มโต) เดินวางก้ามคับป่า ซึ่งคล้อยหลังเพียงแค่วันสองวันที่นักแสวงโชคกลุ่มแรกย่างก้าวมาถึงดงเขายา ก็มีการเปิดศึกแย่งชิงขี้ตะกรันที่พบเจอเพียงไม่กี่เม็ดกระทั่งยิงกันตายเกิดขึ้น แพทย์ประจำตำบลกับตำรวจท้องที่ที่รับผิดชอบสองสามนายถูกตามให้ขึ้นมาพลิกศพ พวกเขาแบกปืนย่ำคอมแบตขึ้นเขาลงเนินสาวเท้าตามหลังกันมาตีนแทบพลิก
สิบกรีคนหนึ่งบ่นขึ้นอย่างฉุนเฉียว
"ทีหลังพวกมึงฆ่าแกงกันเสร็จแล้ว กูขอร้อง-ช่วยกันเผาให้เป็นขี้เถ้าเสียด้วย กูขี้คร้านเดินปีนเขาเข้ามาที่นี่เว้ย! ยัดแม่-ง ไกลชิบ"
วันนั้นไอ้บองหลายืนมองศพชายกลางคนผู้ซึ่งถูกยิงด้วยปืนลูกซองสั้นเข้าที่หน้าอกนอนหงายจมกองเลือดอยู่ตรงหน้าแล้วหันมาถามผม
"มึงเห็นฤทธิ์เดชเจ้าป่าเจ้าเขาในป่าดงเขายาแล้วหรือยัง?"
ผมพยักหน้า
"อือม์ เหมือนมึงพูดไว้ไม่ผิด..."
มันยิ้ม... แล้วเตือนว่า
"อย่าลืมบอกอีบัวกับอีหมอนให้ระวังตัวกันบ้าง ต่อไปนี้อย่าออกไปร่อนแร่ในที่ลับตาคนเหมือนคราวก่อน"
คำเตือนของไอ้บองหลาทำให้วัวหลังเปื่อยอย่างผมสะดุ้งโหยง... อย่าออกไปร่อนแร่ในที่ลับตาคนเหมือนคราวก่อน...
ไอ้บองหลา-ไอ้ชิบหาย- ท่าทางวันนั้นมึงคงตามไปแอบดูละซิท่า-ไอ้อุบาทว์ ผมยืนด่ามันในใจ
หลังจากย้อนกลับเข้าป่าและหยุดพักเหนื่อยจากการเดินทางออกไปขายขี้ตะกรันในครั้งนี้เสียวันหนึ่ง พวกเราก็ออกสำรวจหาขี้ตะกรันกันใหม่ แร่ดีบุกที่ขุดคุ้ยใส่ไว้ในรางที่หน้าเหมืองเก่าก็ปล่อยทิ้งไว้ชั่วคราว โดยใช้ใช้หินและทรายโรยหน้าปิดทับไว้ แต่เนื่องจากขณะนี้มีผู้คนแห่เข้ามาบุกรุกค้นหาโชคลาภที่พวกเขาวาดหวังกันเป็นจำนวนมาก การที่จะบุกตะลุยขุดค้นไปตามท้องร่องและหุบเนินเพื่อค้นหาสิ่งปรารถนาให้พบเจอเป็นรายแรกเหมือนคราวก่อนจึงไม่ใช่เรื่องหมู ๆ อีกแล้ว แม้จะฟลุ๊คไปเจอเข้าบ้าง ก็มักจะอยู่ในที่ที่ห่างไกล และมีอยู่น้อยนิด ซึ่งที่นั่นอาจเคยเป็นโรงถลุงแร่โรงเล็ก ๆ หรือไม่ก็เป็นเตาถลุงดีบุกที่มีธาตุแทนทาไลท์ผสมอยู่น้อยนิดก็ได้ แต่เราก็ชวนกันเสาะหาไปเรื่อย วันแล้ววันเล่า ได้นิดได้หน่อยก็นำมาแอบขุดหลุมฝังไว้ที่ริมทับ กะว่าพอคุ้มค่าโสหุ้ยก็จะขุดขึ้นมาล้างแล้วนำไปขาย ทว่าวันที่รอ...ก็ดูเหมือนจะยังอยู่อีกไกล
เย็นวันหนึ่งผมพลิกแผ่นปฏิทินที่แปะอยู่ข้างฝาทับเปิดดูก็รู้สึกใจหาย เพราะเหลือเวลาอีก 11 วัน ที่ทางวิทยาลัยจะเปิดเรียนในภาคการศึกษาใหม่ ซึ่งหมายถึงภาคแรกสำหรับปีการศึกษาปีสุดท้ายของหลักสูตร ป.กศ.ต้น จะได้เริ่มขึ้น และเป็นปีที่ผมจะจบออกมาสอบบรรจุเป็นครูสอนนักเรียนในระดับประถมศึกษาได้
เหลือเวลาอีกสิบเอ็ดวันเท่านั้นกับการได้อยู่ใกล้ชิดหญิงคนรัก ความเหว่ว้าอาวรณ์และรู้สึกเป็นห่วงพวกหล่อนก็พลันบังเกิดขึ้นทันที
แม้จะหวนคิดถึงภาระที่จะต้องกลับไปศึกษาปฏิบัติให้สำเร็จลุล่วงตามความมุ่งหวัง และเตรียมรับมือกับภาระก่อนถึงวันเปิดเรียนนั้น ไม่ว่าเรื่องปัจจัยชำระค่าหอพัก ค่าอาหารที่โรงอาหารของวิทยาลัย ค่าลงทะเบียนเรียน และค่าอะไรต่อมิอะไรจิปาถะ ก็ล้วนไม่เป็นปัญหาสำหรับผม เพราะเปิดเทอมนี้ผมมีเงินส่วนตัวจากการขายขี้ตะกรันเที่ยวนั้นเป็นทุนสำรองอยู่แล้วอย่างเหลือเฟือ โดยไม่ต้องรบกวนพ่อแม่สักบาทเดียวก็ว่าได้ หากแต่ปัญหาการจากพรากหญิงคนรักนี่สิมันสั่นคลอนจิตใจผมเหลือเกิน เพราะผมจะต้องออกจากป่าแห่งนี้ก่อนถึงกำหนดเปิดภาคเรียนอย่างน้อย 4-5 วัน
ซึ่งบัดนี้เวลาที่ว่านั้นก็ขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นทุกที!
"ไอ้เพื่อนรัก- -ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เห็นทีกูจะต้องงดออกไปทำเหมืองกับพวกมึงแล้วล่ะ" ผมพูดกับบองหลา "ยังเหลือเวลาอีกสามสี่วันที่กูจะอยู่ที่นี่ กูขอไปอยู่เป็นเพื่อนสาวบัวกับหญิงหมอน"
ไอ้บองหลาหัวเราะ
"นี่แหละคนเราเมื่อเข้ามาหมกตัวเงียบเหงาอยู่ในป่า แม้แต่ ลิง ค่าง บนต้นไม้ บางครั้งก็ยังรู้สึกว่าพวกมันช่างยิ้มสวย แต่มึงเชื่อกูไหมล่ะ? เดี๋ยวพอเปิดภาคเรียนกลับไปวิทยาลัย-พักเดียวมึงก็ลืม"
"ม่ายหรอก-อยู่ที่โน่นกูก็เคยมีกะเขามาบ้างแล้ว... แต่เยื่อใยมันต่างกัน" ผมพยายามพูดให้เพื่อนรักเข้าใจถึงความรู้สึกที่แท้จริงของผม ซึ่งแน่นอนว่าบัดนี้ผมหลงรักหม้ายสาวเข้าแล้วเต็มทรวง.."แล้วพวกมึงก็ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องส่วนแบ่ง... เพราะขายขี้ตะกรันเที่ยวที่แล้วพวกมึงก็แบ่งให้กูจนมากเกินพอ... เพราะฉะนั้นที่หามาได้ในเที่ยวนี้ ในส่วนของกูกูก็ยกให้พวกมึงหมดเลย รวมทั้งแร่ในก้นรางที่หน้าเหมืองเก่านั้นด้วย แต่ยังไง ๆ พวกมึงก็ต้องระวังไอ้พวกที่เข้ามาใหม่กันด้วยนะเว้ย..."
ลงท้ายผมเอ่ยปากเตือนเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง...
และหลังจากนั้นผมก็เก็บข้าวของเครื่องใช้และผ้าผวยผ้าห่มมากินอยู่หลับนอนที่ทับทองทุกวัน ซึ่งทั้งลุงทองและป้าพัวก็ไม่ได้ตั้งข้อรังเกียจรังงอนผมแต่อย่างใด มีเพียงหญิงหมอนคนเดียวที่ดูเมินเฉยและเย็นชากับผมผิดไปจากเดิม ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด ผมจึงได้พยายามหาช่องทางพูดคุยทำความเข้าใจกับหล่อนอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เพราะหล่อนไม่ยอมเปิดโอกาสให้เลย
กระทั่งวันสุดท้ายก่อนที่ผมจะอำลาเหมืองป่าในรอบนี้ โอกาสที่ผมรอคอยก็มาถึง...
ขณะออกไปร่อนแร่ตามลำธารด้วยกันสามคนในตอนเช้า โดยมีผมเป็นบอดี้การ์ดและช่วยขุดคุ้ยก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ ออกจากแนวกระสระที่พวกหล่อนจะกวาดใส่เรียงเอามาร่อนหาเม็ดแร่ สาวบัวเกิดปวดหัวและบอกจะกลับไปกินยาที่ทับ แม้ผมจะอาสาขอกลับไปเอายามาให้หล่อนก็ไม่ยอม
"นุ้ยอยู่เป็นเพื่อนน้องหมอนเถอะ นาน ๆ จะพบเจอกระสะดี ๆ อย่างนี้ ต้องรีบร่อนให้หมด ชักช้าประเดี๋ยวใครรู้เข้าก็จะมาแย่ง"
"อ้าว! ก็เราหาเจอ พวกเขาจะมาชุบมือเปิบได้ไง?" ผมว่า
"ทรัพย์ในดินไม่มีใครเป็นเจ้าของ ทันใครใครได้" หม้ายสาวพูดจบก็เอาเรียงตั้งไว้กับพื้น เดินลิ่วจากไปโดยเร็ว แม้หญิงหมอนจะร้องตามหลังว่าหล่อนจะเป็นคนไปเอายามาให้เอง สาวบัวก็ไม่หันมาพูดด้วย
แวบเดียวหล่อนก็หายลับไปจากสายตา... ทิ้งผมกับหญิงหมอนไว้ข้างหลังสองคน แม้ผมจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง แต่เมื่อสบโอกาสผมก็ถามหญิงหมอนว่า
"ทำไมพักนี้ หมอนถึงได้เปลี่ยนไป... ทำไม่ถึงเย็นชากับผมราวกับคนไม่เคยรู้จักมาก่อน ผมทำผิดอะไร? หรือว่ารังเกียจผม?"
แทนคำตอบ หญิงสาวกลับปล่อยเรียงร่อนแร่ซึ่งกวาดก้อนกระสะใส่ไว้เต็มแปล้ทิ้งไว้ในน้ำ เดินฝ่าสายน้ำมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม นัยน์ตาสองข้างแดงเรื่อ หยาดน้ำตาคลอเบ้า ริมฝีปากสั่นระริกด้วยความข่มกลั้น
************************************************
Create Date : 14 เมษายน 2554
Last Update : 26 เมษายน 2554 20:24:12 น.
16 comments
Counter : 1188 Pageviews.
Share
Tweet
อรุณสวัสดิ์วันศุกร์ วันนี้ทางเชียงใหม่เขา
เรียกว่าเป็นวันพญาวัน พวกเขาจะนำอาหารคาวหวานมาทำบุญที่วัดโดยวางรวมกันบนโต๊ะที่
ทางวัดจัดให้ สายหน่อยร่วมกันฟังเทศน์
ฟังธรรมและทำบุญสืบชาตา
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว เป็นประเพณีทางเหนืออย่างหนึ่งที่สืบทอดกันมาช้านาน
โดย:
KeRiDa
วันที่: 15 เมษายน 2554 เวลา:4:46:01 น.
ผมเคยไปเชียงใหม่สามสี่ครั้ง แต่ไม่เคยไปหน้าสงกรานต์ เพราะไม่ชอบบรรยากาศเบียดเสียดยัดเยียดของผู้คน แต่ชอบอากาศหนาวบนยอดดอย ฉนั้นทุกครั้งที่ไปเชียงใหม่จึงมักเป็นช่วงฤดูหนาว และจะไปพักบนดอย ประทับใจมาก ๆ ครับ หน้าหนาวปีนี้ก็กะว่าไปอีก จะไปนอนที่ดอยอ่างขางสักคืนสองคืน แล้วก็ดอยแม่สลองด้วย จะไปหาใบชาอู่หลงมาชงอุ่นกระเพาะอีกสักหน่อย ที่ซื้อมาปีก่อนท่าทางจะอยู่ไม่ถึงสิ้นปี
โดย:
หลวงเส
วันที่: 15 เมษายน 2554 เวลา:23:47:58 น.
สวัสดียามเช้าวันหยุด พักผ่อนสบาย ๆ
อยู่กับบ้าน หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับวันสงกรานต์ที่ผ่านมา
โดย:
KeRiDa
วันที่: 16 เมษายน 2554 เวลา:6:57:45 น.
สวัสดีครับหลวงเส
ยินดีที่ได้รู้จักครับ
ผมชอบอ่านครับ เรื่องสั้น เรื่องยาว การ์ตูน
เข้าไปติดตามเรื่องของพี่ตุ้ยเป็นประจำ...หลวงเสเขียนแนวนี้ น่าติดตามครับ แล้วผมจะมาประจำ อย่าเบื่อละกัน
โดย:
panwat
วันที่: 17 เมษายน 2554 เวลา:22:27:07 น.
มาส่งคุณหลวงเส เข้านอนคร่าาาา พรุ่งนี้เริ่มทำงานกันอีกแล้วใช่ไหมคะหลังจากหยุดมาเสียหลายวัน มีความสุขมากมายนะคะ
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 17 เมษายน 2554 เวลา:22:29:26 น.
สวัสดีค่ะคุณหลวงเส
นิยายบทนี้มีฉากโรมานซ์ อิอิ
งาน public design อากาศวันนั้น 21-22c ค่ะ
แดดจ้านิดๆ แต่ก็ไม่ร้อนค่ะ
คนที่นี่ชอบนั่งอาบแดดกัน เพราะก่อนหน้านี้หนาว แดดไม่มีเลยนะคะ
โดย:
diamondsky
วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:16:58:50 น.
[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]
สวัสดียามเย็นๆค่ะคุณหลวงเส ก่อนหน้านี้ฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้คลายร้อนลงมาบ้าง ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:17:01:53 น.
สวัสดียามเช้าวันพุธค่ะ ขอให้สนุกกับการ
ทำงานในวันนี้นะค่ะ และขอบคุณทุก ๆ กำลังใจที่มีให้แก่ต้อย เสมอมาคะ
โดย:
KeRiDa
วันที่: 20 เมษายน 2554 เวลา:6:21:45 น.
สวัสดียามเย็นๆ ระลึกถึงเสมอนะคะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 20 เมษายน 2554 เวลา:18:43:44 น.
แวะมาทักทาย วันนี้ร้อนมากมายเลยไม่อยากออกไปไหน เดินวนไปวนมาอยู่ในบ้านยังงี้แหละ สบายดีนะคะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 22 เมษายน 2554 เวลา:14:50:59 น.
แวะมาทักทายค่ะ สบายดีใช่ไหมคะ
โดย:
ดอยสะเก็ด
วันที่: 22 เมษายน 2554 เวลา:20:17:56 น.
สวัสดีค่ะคุณหลวงเส
สตรอเบอร์รี่มาเป็นฤดูนะคะ ช่วงนี้เยอะ ราคาถูกหน่อย
ตะกร้าละ 1 ยูโร (ประมาณ 500 กรัม)
ถือว่าไม่แพง แต่ถ้าไม่ใช่ฤดูก็อาจแพงนิดนึง
มะม่วงที่นี่แพงกว่า ลูกละเกือบ 2 ยูโรค่ะ อรึ๋ยยย
ไว้กลับไปกินเมืองไทยดีกว่า
โดย:
diamondsky
วันที่: 22 เมษายน 2554 เวลา:20:55:06 น.
สร้างกริตเตอร์
อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหลวงเส
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:7:16:57 น.
อรุณสวัสดิ๋วันจันทร์ วันแรกของการทำงานนะค่ะ
กลับมาประจำการที่เดิมแล้วจ้า หลังจากต้องลุ้นระทึกกับเที่ยวบิน flight FD 3974 เนื่องจากเครื่องขัดข้อง
ต้องรอแก้ไข Delay ไปสองชั่วโมง ตลอดระยะเวลาการบิน มีความรู้สึกว่า เครื่องส่ายไปมา ไฟสัญญาณขึ้นบ่อยมาก
กัปตันบอกว่า สภาพอากาศปรวนแปร ตกหลุมอากาศ อิอิ แต่ไงก็ปลอดภัยกลับมาแล้วเนอะ คิดถึงเพื่อนทุกคนค่ะ
โดย:
KeRiDa
วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:8:06:14 น.
สวัสดีคุณหลวงเสค่ะ อาหารอิตาเลี่ยนต้องระวังมาก
มีชีสๆ แป้งๆ เยอะ แต่คนอิตาเลี่ยนสุขภาพดีเพราะชอบออกกำลังกายนะคะ
ปล.เอาไข่ช็อคโกแลตอีสเตอร์มาฝากด้วย
ได้รับแจกมาเยอะ ต้องแบ่งกันอ้วนค่ะ อิอิอิ
โดย:
diamondsky
วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:22:07:54 น.
ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณหลวงเส ฝันดีนะคะ
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:23:39:35 น.
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
หลวงเส
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ดอยสะเก็ด
diamondsky
บ้าได้ถ้วย
ยาชมภู
เกศสุริยง
KeRiDa
วัวป่าหลงเงาจันทรา
nonguide
Webmaster - BlogGang
[Add หลวงเส's blog to your web]
Bloggang.com
เรียกว่าเป็นวันพญาวัน พวกเขาจะนำอาหารคาวหวานมาทำบุญที่วัดโดยวางรวมกันบนโต๊ะที่
ทางวัดจัดให้ สายหน่อยร่วมกันฟังเทศน์
ฟังธรรมและทำบุญสืบชาตา
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว เป็นประเพณีทางเหนืออย่างหนึ่งที่สืบทอดกันมาช้านาน