๐ เคยเห็นไหม ดอกข้าว ตอนเช้าตรู่
เคยไหมอยู่ ตะวันแผด จนแดดร่ม
เคยไหมเป่า ปุยนุ่นคว้าง กลางสายลม
เคยไหม หอมกลิ่นฉม ดอกนมแมว
๐ ยามแสงทองส่องฟ้า ข้าวนาเหลือง
ครกกระเดื่อง ตำข้าวเม่า เร็วเข้าแถว
น้ำท่วมตื้น เห็นปลานะแซงแซว
กระเต็นแต๊ว กระยางเจ่า เคล้าคลอกัน
๐ เคยรู้ไหม เวลาเขาเกี่ยวเก็บ
เคียววงเล็บ เกี่ยวหมับ ฉับขาดผัน
ตอกไม้ไผ่ไขว้มัด จัดเป็นอัน
ตากแดดพลัน เข้าลาน วานช่วยเรียง
๐ สายลมเย็นแผ่วรำรำ ยามค่ำแล้ว
วาบหวิวแผ่ว ไผ่เบียดเสียดเป็นเสียง
ขานเพลงรับ ขับลำนำ เป็นสำเนียง
เคล้าคลอเสียง แคนพิณ ยินแต่ไกล
๐ เคยยินไหม เสียงกลองพรำ ค่ำดึกดื่น
ปลุกให้ตื่น ฟังทำนอง ลั่นฆ้องใส
เหมือนจะเตือน เราว่า ช้าอยู่ไย
ลุกขึ้นไป ชีวิตอยู่ สู้เถิดมา
๐ เคยบ้างไหม เคยคิด สักนิดไหม
ถึงเยาว์วัยวันวาน ที่บ้านป่า
ย้อนอดีต ตำนาน กาลเวลา
ปลอบหัวใจอ่อนล้าชราโรย...
ฉันขอสารภาพกับผีเสื้อตรงนี้เลยว่า ฉันไม่เคยพบเห็นเลยสักอย่างตามที่บทกวีกล่าวอ้างมา ฉันก็อยากรู้นะว่าดอกข้าวตอนเช้าตรู่จะงดงามสักเพียงไหน แล้วยังกลิ่นหอมของดอกนมแมว จะหอมสักแค่ไหนกัน ชีวิตบ้านป่า ชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ฟังเสียงแคนคลอล้อไปกับเสียงไผ่เสียดสีจะเป็นท่วงทำนองแบบไหนกันนะ แล้วหากว่าถ้ามีโอกาสได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติบ้านป่า ดังที่บทกวีพรรณนามาจะมีความสุขสักแค่ไหนกัน แล้วผีเสื้อล่ะจ๊ะ อ่านแล้วมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร
ฝากความระลึกถึงไปกับสายลมที่พริ้วผ่านให้ผีเสื้อได้รับรู้ว่ารุ้งยังห่วงใยเสมอ
คิดถึงนะจ๊ะ
รุ้งเรียว
การแต่งกลอนบางทีต้องมีอารมณ์
บางครั้งมันพรั่งพรูออกมาเอง
แต่บางครั้งมันมืดสนิท คิดไม่ออก อิอิ
มาโหวดให้พรุ่งนี้นะคะ หมดเป๋าแว้วววว