"ความรู้" คู่ "ความงาม"
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
18 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

Skincare Basic #9-2 : Vitamin A


จากที่บอกไปในบทก่อนแล้วว่าสารกลุ่ม Vitamin A นอกจากจะเป็นสารแอนติออกซิแดนท์แล้ว ยังมีประโยชน์ด้านอื่นที่น่าสนใจอีกมากซึ่งต้องมาศึกษาเพื่อทำความเข้าใจข้อมูลเบื้องลึกกันต่อไป

Retinol คงเป็นชื่อที่เราได้ยินกันบ่อยมากที่สุด และก็มีความสับสนคลุมเครือมากด้วยเหมือนกัน สับสนมากจนกระทั่งมีคนเข้าใจว่า Retinol เป็นสารกลุ่มวิตามินเอที่มีประสิทธิภาพสูงสุด... ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง

กระผมจึงได้ทำการรวบรวมและสรุปข้อมูลสำคัญเพื่อให้ทุกท่านได้อ่านและทำความเข้าใจกันมากขึ้น





Retinoid คืออะไร?


Retinoid เป็นชื่อกว้าง ๆ ของ “สารกลุ่มกรดวิตามินเอ” หรือ “All Trans-Retinoic Acid” สารกลุ่มนี้ได้แก่ Tretinoin (Retin-A, Renova), Isotretinoin (Isotrex), Tazarotene (Tazorac) และ Adapalene (Differin)

สารกลุ่ม Retinoid นี้ทำงานโดยการกระตุ้น Retinoid Receptors ในเซลล์ของเรา เพื่อเสริมกระบวนการ Turnover ของเซลล์ กระตุ้นการสร้างคอลาเจนและอีลาสติน ทำให้เซลล์ผิวทำงานเป็นปกติ ซึ่งมีประโยชน์ในการรักษาสิวและบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแสงแดด

สารกลุ่ม Retinoid มีประสิทธิภาพมากก็จริง แต่ในทางกลับกันมันก็ก่อผลข้างเคียงและอาจเป็นอันตรายกับผู้ใช้ได้หากใช้อย่างไม่ถูกวิธี นี่เป็นเหตุผลให้สารกลุ่ม Retinoid ถูกขึ้นทะเบียบเป็น “ยา” และต้องจ่ายให้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่สามารถผสมใน “เครื่องสำอาง” ได้





แล้ว Vitamin A ที่ใส่ในเครื่องสำอางมีประสิทธิภาพเทียบเท่า Retinoid รึเปล่า?



Photobucket



สารกลุ่ม Vitamin A ที่พบบ่อยในเครื่องสำอางมีอยู่สามตัวคือ Retinyl palmitate, Retinol, Retinaldehyde (Retinal) ซึ่งผิวไม่สามารถนำไปใช้ได้โดยตรง จะต้องผ่านกระบวนการแตกตัวเพื่อกลายเป็น Retinoic Acid (Tretinoin) เสียก่อน ผิวจึงจะนำไปใช้ได้

แต่ไม่ใช่สารในกลุ่มวิตามินเอทั้งสามตัวจะมีประสิทธิภาพเท่ากันหมด เพราะ Retinyl palmitate จะต้องแตกตัวกลายเป็น Retinol ก่อนแล้วค่อยแตกตัวอีกทีเป็น Retinaldehyde และสุดท้ายจึงแตกตัวเป็น Retinoic acid ผิวถึงนำไปใช้ได้ตามผังข้างล่างนี้


Retinyl palmitate --> Retinol --> Retinaldehyde --> Retinoic acid (Retinoid)


ดังนั้นถ้าเราทาเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ Retinyl palmitate ลงไปบนผิว มันต้องแตกตัวถึง 3 ครั้งกว่าผิวจะนำไปใช้ได้ และไม่มีผลการทดสอบใดสามารถยืนยันได้ว่า Retinyl Palmitate จะมีประโยชน์กับผิวในด้านอื่นนอกจากเป็นสาร Antioxidant

Retinol กับ Retinaldehyde ต้องผ่านการแตกตัวแค่ 2 และ 1 ขั้นตอนตามลำดับ จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า Retinyl palmitate นอกจากนี้ Retinol กับ Retinaldehyde ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถกระตุ้นการสร้างคอลาเจนได้จริง (ทดสอบโดยใช้ Retinol 1% และ Retinaldehyde 0.5%)

แต่การทา “เครื่องสำอาง” ที่ผสม Retinol หรือ Retinaldehyde 0.5% ลงไปบนผิว กว่ามันจะแตกตัวจนกลายเป็น Tretinoin ที่ผิวนำไปใช้ได้ ก็คงเหลืออยู่ในปริมาณไม่มากนัก ซึ่งไม่มีทางเทียบกับการทา “ยา” Tretinoin 0.5% ลงไปบนผิวโดยตรงอย่างแน่นอน

สรุปคือ “เครื่องสำอาง” ไม่สามารถมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่า “ยา” ได้นั่นเอง

(Reference : Varani J, Warner RL, Gharaee-Kermani M, Phan SH, Kang S, Chung JH, et al. Vitamin A antagonizes decreased cell growth and elevated collagen-degrading matrix metalloproteinase and stimulates collagen accumulation in naturally aged human skin. J Invest Dermatol 2000;114:480-486., Creidi P, Vienne MP, Ochonisky S, Lauze C, Turlier V, Lagarde JM, et al. Profilometric evaluation of photodamage after topical retinaldehyde and retinoic acid treatment. J Am Acad Dermatol 1998;39:960-965.)





ในเมื่อ Vitamin A ในเครื่องสำอางมีประสิทธิภาพน้อยกว่า... ทำไมไม่เลือกใช้ยากลุ่ม Retinoid ไปเลยล่ะ?


ถ้าคุณสามารถใช้ยากลุ่ม Retinoid ได้โดยไม่มีปัญหาอะไรก็ถือว่าโชคดีไป แต่ไม่ใช่ทุกคนสามารถทนกับการ Treatment ด้วยยากลุ่ม Retinoid ได้ เพราะมีโอกาสแพ้หรือระคายเคืองได้มากพอดู และในต่างประเทศ การซื้อยากลุ่ม Retinoid มาใช้ก็ต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น (ไม่เหมือนกับเมืองไทย ที่มีเงินก็ไปซื้อตามร้านขายยาด้วยตนเองได้เลย) เครื่องสำอางที่ผสม Retinol กับ Retinaldehyde จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยากลุ่ม Retinoid ได้

(เครื่องสำอางที่ผสม Retinol และ Retinaldehyde ในความเข้มข้นที่เหมาะสม มักมีราคาแพงกว่ายา Retinoid ใครที่ใช้ยากลุ่ม Retinoid ได้ก็ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อเครื่องสำอางแพง ๆ หรอกนะขอรับ)





Retinol กับ Retinaldehyde ในเครื่องสำอางไม่ก่อการระคายเคืองจริงหรือเปล่า?


ไม่จริงเลย... เพราะทั้ง Retinol และ Retinaldehyde ที่มีความเข้มข้นมากพอจะสามารถก่อให้เกิดการระคายเคือง ผิวลอก แดง แห้ง ได้เหมือนกัน (แต่ก็น้อยกว่ายากรดวิตามินเอ) บริษัทเครื่องสำอางส่วนใหญ่จึง “โกง” โดยการโฆษณาว่าผลิตภัณฑ์ของเขามี Retinol เข้มข้น แต่จริงแล้วกลับใส่ไปน้อยนิดเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการระคายเคือง





ลักษณะของผลิตภัณฑ์ Retinol และ Retinaldehyde ที่ดีควรเป็นอย่างไร


บรรจุภัณฑ์เหมาะสม


บรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าสารกลุ่มนี้เสื่อสลายได้ง่ายเมื่อโดนแสงและอากาศ ให้เลือกบรรจุภัณฑ์แบบขวดปั้มทึบแสง (แบบปั้มสุญญากาศจะดีมาก) และหลอดบีบทึบแสง (หลอดอลูมิเนียมปลายแคบจะดีที่สุด)

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสม Retinol หรือ Retinaldehyde ที่บรรจุในกระปุกหรือบรรจุภัณฑ์แบบใส โปร่งแสง จะเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์

ความเข้มข้นพอเหมาะ


ความเข้มข้นสูงสุดของ Retinol และ Retinaldehyde ที่สามารถใส่ในเครื่องสำอางได้คือ 1% แต่เครื่องสำอางทั่วไปมักใส่สารกลุ่มวิตามิน A มาในปริมาณน้อยมากซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรมากไปกว่าการเป็นแอนติออกซิแดนท์ ถ้าต้องการได้รับประโยชน์จาก Retinol และ Retinaldehyde อย่างเต็มที่ ควรเลือกแบบที่ระบุความเข้มข้นเอาไว้ด้วย โดยความเข้มข้นของ Retinol ที่แนะนำก็คือ0.5% ส่วน 1% ที่เป็นความเข้มข้นสูงสุดนั้นก็ก่อการระคายเคืองได้ง่าย ผู้ที่เริ่มใช้ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อน จึงค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น

ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ผสม Retinaldehyde (Retinal) จะหายากหน่อย แต่จากการหาข้อมูลก็พบผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งบอกความเข้มข้น 0.1% ซึ่งได้แสดงในตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่อยู่ด้านล่างนี้

ปราศจากสารก่อการระคายเคือง


สารกลุ่มวิตามินเอที่มีความเข้มข้นเหมาะสมอาจก่อการระคายเคืองได้อยู่แล้ว เราคงไม่อยากเพิ่มสารก่อการระคายเคืองลงไปเพื่อทำให้ผิวเราย่ำแย่อย่างแน่นอน





ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ


นี่เป็นเพียงผลิตภัณฑ์บางส่วนที่กระผมเลือกมาเป็นตัวอย่างเนื่องจากมีคุณลักษณะที่ของผลิตภัณฑ์ที่ดีตรงตามมาตรฐานของปูเป้นั่นก็คือ

- มีปริมาณ Retinol หรือ Retinaldehyde ในระดับที่น่าประทับใจ

- บรรจุภัณฑ์เหมาะสม สามารถเก็บรักษา Retinol หรือ Retinaldehyde ให้คงทนได้นาน

- มีสารก่อการระคายเคืองต่ำ หรือแทบไม่มีเลย (บางตัวก็มีน้ำหอม บางตัวก็ไม่มีนะขอรับ)

- ผลิตภัณฑ์ที่ผสม Retinol หรือ Retinaldehyde ส่วนใหญ่จะมีเนื้อค่อนข้างเข้มข้นเหมาะกับผิวแห้งเสียเป็นส่วนใหญ่ มีเพียง SkinCeuticals : Retinol 0.5 Refining Night Cream ที่เป็นเบสน้ำ + ซิลิโคน ที่พอจะใช้ได้กับทุกสภาพผิว

ผลิตภัณฑ์ Retinol หรือ Retinaldehyde ที่น่าสนใจหลายตัวไม่มีขายในไทยนะขอรับ กระผมขออภัยที่ไม่สามารถหาผลิตภัณฑ์ที่มีขายในไทยมานำเสนอมากกว่านี้ได้ เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องฐานข้อมูลส่วนผสมและเวปไซท์เครื่องสำอางในประเทศไทยแทบจะไม่มีการบอกส่วนผสมเอาไว้เลย

แต่ยังมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจอยู่อีกมากมายที่ไม่ได้อยู่ใน List ที่นำมาเสนอนี้ ซึ่งทุกท่านสามารถตรวจสอบ Ingredient List ด้วยตัวเองและเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

Photobucket


ชื่อผลิตภัณฑ์ รีวิว และส่วนผสม เรียงลำดับจากซ้ายไปขวา


SkinCeuticals : Retinol 0.5 Refining Night Cream

Price : $ 42 / 30 ml.

SkinCeuticals ถูก L’Oreal ซื้อไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ และก็ถือเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด เพราะแบรนด์นี้มีสินค้าที่น่าสนใจหลายตัวทีเดียว

Retinol 0.5 Refining Night Cream มีส่วนผสมของ Retinol 0.5% มาในเบสครีมเบสน้ำและซิลิโคนที่เหมาะจะเป็น treatment ให้กับทุกสภาพผิว (ผิวมันก็น่าจะใช้ได้เพราะไม่มี Emollients กับ Thickener ที่น่าจะเป็นปัญหา) พ่วงมาด้วย Natural Moisturizing Factors ตัวเด็ด ๆ อย่าง Lecithin และ Ceramide ส่วน Phytosphingosine ทำหน้าที่เป็น Cell-Signaling Substance ให้เซลล์ผิวทำงานเป็นปกติ สารต้านการระคายเคืองที่พอจะมีประโยชน์จริง ๆ คงมีแค่ Bisabolol บรรจุภัณฑ์เป็นขวดปั้มทึบแสงจึงสามารถรักษา Retinol ให้เสถียรพร้อมใช้งานได้ยาวนาน...

ข้อเสียรึขอรับ?

ราคาของผลิตภัณฑ์ตัวนี้แพงกว่ายา Retinoid อยู่หลายเท่า แต่ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยา Retinoid ได้ และถ้าคุณต้องการผลิตภัณฑ์ที่แรงกว่านี้ SkinCeuticals ก็ยังมีแบบ Retinol 1% ให้เลือกใช้ตามอัธยาศัย

Ingredients :
Water, Cyclomethicone, Cyclopentasiloxane, Dimethicone Crosspolymer, Dimethicone, Dimethiconol, Laureth-4, Laureth-23, Hydrogenated Lecithin, Butyrospermum Parkii (Shea Butter), Caprylic/Capric Triglyceride, Ceramide 2, Ceramide 3, Phytosphingosine, Cholesterol, Hypericum Perforatum Extract, Propylene Glycol, Allyl Methacrylate Crosspolymer, Polysorbate 20, Retinol, BHT, Sodium Polyacrylate, Dimethicone Peg-7 Isostearate, Glycerin, Polyacrylamide, C13-14 Isoparaffin, Laureth-7, Bisabolol, Rosa Canina Leaf Extract, Silybum Marianum Fruit Extract, Passiflora Incarnata Flower Extract, Chamomilla Recutita (Matricaria) Leaf Extract, Citric Acid, Methylisothiazolinone, Tetrasodium Edta


Neutrogena : Healthy Skin Anti-Wrinkle Cream

Price : $13.99 / 50 ml.

ของถูกและดีมีในโลก (แต่ดันไม่มีขายในไทยอีกแล้ว) Healthy Skin Anti-Wrinkle Cream เป็นมีเนื้อครีมเข้มข้นเหมาะกับผิวแห้งถึงผิวธรรมดา ปริมาณ Retinol ก็น่าประทับใจ มีสารสกัดชาเขียวเป็นแอนติออกซิแดนท์และต้านการระคายเคือง Panthenol เพิ่มความชุ่มชื้น Tocopheryl Acetate เป็นแอนติออกซิแดนท์ ปราศจากสีและน้ำหอม ที่เลิศมากคือบรรจุภัณฑ์แบบหลอดอลูมิเนียมทึบแสงที่ไม่คืนรูปซึ่งเก็บรักษา Retinol ได้เป็นอย่างดี

ผลิตภัณฑ์นี้สามารถทำให้ผิว Healthy ได้สมชื่อ แต่ถ้าจะให้ Anti-Wrinkle ยับยั้งการเกิดริ้วรอยได้นี่คงจะเป็นการฝันที่เกินเลยไปหน่อย

Ingredients :
Water, C12-15 Alkyl Benzoate, Glycerin, Cetyl Alcohol, Cetearyl Alcohol, Ethylhexyl Hydroxystearate, Dimethicone, Camellia Oleifera Extract, Retinol, Panthenol, Disodium EDTA, Tocopherol, Cetearyl Glucoside, Tocopheryl Acetate, Polysorbate 20, Triethanolamine, Methylparaben, Propylparaben, Butylene Glycol, Diazolidinyl Urea, BHT, Carbomer


ROC : Retin-Ox Multi-Correxion Day and Night

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่ได้ให้คุณแค่ Retinol เท่านั้น เพราะมีทั้งวิตามินซี (แอนติออกซิแดนท์) สารให้ความชุ่มชื้น (Glycerin + Panthenol) และสารต้านการระคายเคือง (Bisabolol) มาในเบสโลชั่นที่เหมาะกับผิวแห้งถึงผิวธรรมดา (แต่ผิวผสมที่ไม่เป็นสิวง่ายก็น่าจะพอไหวอยู่นะ ตบแป้งฝุ่นก็กลบความมันได้แล้ว) บรรจุภัณฑ์แบบหลอดบีบทึบแสงก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว โดยรวมก็ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดีมากตัวหนึ่ง แต่จะดีกว่านี้ปราศจากน้ำหอม

จากประสบการณ์ส่วนตัวพบว่าพอใช้ไปสักประมาณสองเดือนเนื้อโลชั่นมันจะเปลี่ยนสี (คงเพราะวิตามินซีมัน Oxidize) ก็คงต้องใช้ผลิตภัณฑ์เป็นประจำทุกวัน เพื่อที่มันจะได้หมดก่อนที่วิตามินจะเสื่อม

Ingredients :
Aqua, Isononyl Isononanoate, Glycerin, Steareth-2, Ascorbic Acid, Dimethicone, Cetyl Palmitate, Peg-8, Sorbitan Stearate, Butylene Glycol, Cetyl Alcohol, Steareth-21, Cyclopentasiloxane, Panthenol, Copper Gluconate, Magnesium Aspartate, Zinc Gluconate, Bisabolol, Retinol, Butyrospermum Parkii, Lactoferrin, Caprylyl Glycol, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Hydroxyethyl Acrylate/Sodium Acryloyldimethyl Taurate Copolymer, Squalane, Sucrose Cocoate, Xanthan Gum, Polysorbate 60, Polysorbate 20, Sodium Hydroxide, Disodium Edta, Tocopherol, Bht, Bha, Chlorhexidine Digluconate, Phenoxyethanol, Methylparaben, Propylparaben, Potassium Sorbate, Parfum


Prescriptives : Skin Renewal Cream

Price : $ 60 / 30 ml.

อยากให้ Thai ELCA พิจารณาเอา Prescriptives กลับมาทำตลาดในไทยใหม่จริง ๆ เพราะเท่าที่ลองหาข้อมูลดู แบรนด์นี้มีผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมเยี่ยม ๆ หลายตัวเหมือนกัน ซึ่ง Skin Renewal Cream ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ถึงราคาอาจจะแพงไปสักหน่อย แต่ครีมเข้มข้นหลอดนี้ก็มีของแถมอื่น ๆ นอกจาก Retinol อยู่มากมายเช่นสารสกัดจากพืชหลายตัวที่เป็นสารแอนติออกซิแดนท์และต้านการระคายเคือง รวมถึง Palmitoyl Oligopeptide ที่เป็น Cell-Signaling Substance สูตรผสมปราศจากสีและน้ำหอม อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม

ขอติเล็กน้อยเกี่ยวกับ Clary Extract ที่มีองค์ประกอบของ Sclareolide ซึ่งเป็น Fragrance Component ที่อาจก่อการระคายเคืองได้ถ้าใส่มาเป็นลำดับต้น ๆ ของ Ingredient List แต่ดูแล้วในปริมาณน้อยแบบนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรให้ต้องห่วง ถึงกระนั้น Clary Extract ก็ยังไม่มีข้อมูลที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าจะมีประโยชน์ในแง่ใดกับผิว

Ingredients :
Water, Cyclopentasiloxane, Polyethylene, Isopentyldiol, Polysilicone-11, Acrylamide/Sodium Acryloyldimethyltaurate Copolymer, Isopropyl Jojobate, Yeast Extract, Palmitoyl Oligopeptide, Glycine Soja (Soybean) Protein, Retinol, Sodium Rna, Triticum Vulgare (Wheat) Flour Lipids, Sigesbeckia Orientalis (St. Paul's Wort) Extract, Salvia Sclarea (Clary) Extract, Triticum Vulgare (Wheat) Germ Extract, Hordeum Vulgare (Barley) Extract, Morus Nigra (Mulberry) Root Extract, Scutellaria Baicalensis Extract, Vitis Vinifera (Grape) Fruit Extract, Sodium Hyaluronate, Pantethine, Tocopheryl Acetate, Glycine, Squalane, Glycerin, Jojoba Alcohol, Glyceryl Polymethacrylate, Propylene Glycol Alginate, Anthemis Nobilis (Chamomile), Propylene Glycol, Chamomilla Recutita (Matricaria), Acacia Senegal, Isohexadecane, Peg/Ppg-20/20 Dimethicone, Disodium Distyrylbiphenyl Disulfonate, Sodium Chloride, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Peg-8, Polysorbate 40, Polysorbate 80, Polysorbate 20, Tromethamine, Carbomer, Phenoxyethanol, Methylparaben


SkinMedica : Retinol Complex

Price : $50 / 30 ml.

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีวิตามินเอมาให้ถึง 3 รูปแบบ และรูปแบบที่ดีที่สุดในนี้ก็คือ Retinol นอกจากนี้ก็มีวิตามินอีเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ส่วน Willowherb, Green Tea, Bisabolol ช่วยต้านการระคายเคือง อยู่ในเนื้อครีมที่อุดมไปด้วย Emollients จึงน่าจะเหมาะกับผิวแห้งถึงผิวธรรมดา ปราศจากสีและน้ำหอม บรรจุภัณฑ์เหมาะสม

น่าเสียดายที่หาซื้อในไทยไม่ได้ขอรับ :P

Ingredients :
Water, Cetyl Ethylhexanoate, Cetearyl Alcohol, Cetyl Phosphate, Retinyl Palmitate, Retinyl Acetate, Retinol, Oryza Sativa (Rice) Bran Extract (Tocotrienol), Tocopheryl Acetate, Tocopheryl, Epilobium Angustifolium (Canadian Willowherb) Extract, Camellia Oleifera (Green Tea) Extract, Bisabolol, Phytantriol, Sodium Polyaspartate, Glycine Soja (Soybean) Oil, Cyclomethicone, PEG/PPG-18/18 Dimethicone, Steareth-2,Caprylic/Capric Triglyceride, Allyl Methacrylates Crosspolymer, Butylene Glycol, Aminomethyl Propanol, Carbomer, Phenoxyethanol, Isobutylparaben, Butylparaben, Ethylparaben, Methylparaben, Propylparaben, Disodium EDTA


Eau Thermale Avene : Retrinal Cream 0.1%

Price : $63.95 / 30 ml.

ส่วนผสมค่อนข้าง Basic มาก เพราะไม่มีอะไรมากไปกว่าเบสครีม + Retinal (Retinaldehyde) + สี + สารกันเสีย แต่ก็ถือว่าเป็นผลิภัณฑ์ที่น่าสนใจถ้าคุณกำลังตามหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinaldehyde

Retrinal Cream 0.1% หาซื้อตามท้องตลาดทั่วไปไม่ได้เนื่องจากเขาทำการตลาดเอาไว้ว่าต้องจ่ายให้โดยแพทย์เท่านั้น (ไร้สาระเนอะ...) และตัวนี้ไม่มีขายในไทยด้วยขอรับ

Ingredients :
Water, Caprylic/Capric Triglyceride, Mineral Oil (Parafinum Liquidum), Glyceryl Stearate, PEG-100 Stearate, Squalane, Propylene Glycol, Glycol Montanate, PEG-40 Hydrogenated Castor Oil, BHT, Butylparaben, Carbomer, Disodium EDTA, Phenoxyethanol, Prolylparaben, Red 33 (CI 17200), Retinal, Triethanolamine


Philosophy : Help Me

Price : $45 / 30 ml.

นี่เป็นตัวเลือกที่ดีตัวหนึ่งสำหรับผิวที่แห้งมากกกกกกกกกก เพราะมีส่วนผสมของ wax อยู่เยอะทีเดียว ผิวประเภทอื่นโดยเฉพาะผิวมันหรือเป็นสิวง่ายโปรดอย่าได้แหยม เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน....

บรรจุภัณฑ์แบบหลอดอลูมิเนียมนี้ก็ดีสำหรับการเก็บรักษา Retinol และการที่ไม่ผสมน้ำหอมมาด้วยทำให้มันอ่อนโยนขึ้นในระดับหนึ่ง แต่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า Retinol กับสารแอนติออกซิแดนท์อีกนิดหน่อย... กับราคาขนาดนี้คุณสามารถซื้อ Retin-A มาใช้ได้ประมาณชาติเศษ และยังมีประสิทธิภาพกว่าด้วย (แต่ก็ระคายเคืองได้ง่ายด้วยแหล่ะ)

Ingredients :
Water, Caprylic/Capric Triglyceride, Emulsifying Wax, Glycerin, C10-30 Cholesterol/Lanosterol Esters, Cetyl Ricinoleate, Cetyl Alcohol, Dimethicone, Benzyl Alcohol, Cyclomethicone, Retinol, Tocopherol Acetate, Ascorbyl Palmitate, Acrylates Copolymer, Stearic Acid, Peg-10 Soya Sterol, Phenoxyethanol, Magnesium Aluminum Silicate, Methylparaben, Triethanolamine, Disodium Edta, Bisabolol, Bht


Alpha Hydrox : Retinol Night ResQ

Price : $14.99 / 30 ml.

มันคือร่างโคลนนิ่งของ Philosophy : Help Me เพราะส่วนผสมหลักนั้นเกือบเหมือนกันหมดเลย บรรจุภัณฑ์ก็เป็นหลอดอลูมิเนียมเหมือนกัน ปริมาณเท่ากัน แต่ราคาถูกกว่า 3 เท่า

ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ประหยัดกว่าสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งมากและเป็นสิวได้ยาก

Ingredients :
Water, Caprylic/Capric Triglyceride, Emulsifying Wax, Glycerin, C10-30 Cholesterol/Lanosterol Esters, Cetyl Ricinoleate, Cetyl Alcohol, Dimethicone, Benzyl Alcohol, Cyclomethicone, Retinol, Tocopherol Acetate (Vitamin E), Ascorbyl Palmitate (Vitamin C), Acrylates Copolymer, Bisabolol, Peg-10 Soya Sterol, Magnesium Aluminum Silicate, Stearic Acid, Methylparaben, Phenoxyethanol, Bht, Disodium Edta, Propyl Gallate, Polysorbate 20, Triethanolamine





จากข้อมูลที่ได้นำเสนอมา ทุกท่านคงจะทราบแล้วว่า ถ้าสามารถใช้ยา Retinoid ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินแพงเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ Retinol หรือ Retinaldehyde ราคาแพงมาใช้ให้กระเป๋าฉีกเล่น เพราะยากลุ่ม Retinoid มีราคาเริ่มต้นแค่เพียง 200 - 300 บาท แพงสุดก็ไม่เกิน 850 บาท

แต่หากไม่สามารถใช้ยากลุ่ม Retinoid ได้ เครื่องสำอางที่ผสม Retinol หรือ Retinaldehyde ก็เป็นทางเลือกที่ควรเก็บไว้พิจารณา


ใบบทต่อไปคือ Skincare Basic #9-3 : Vitamin B3 ซึ่งเป็นวิตามินสารพัดประโยชน์และมีราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้สบาย ๆ




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2551
34 comments
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2551 2:30:43 น.
Counter : 38685 Pageviews.

 

อาจจะอัพเดทช้าหน่อยนะขอรับช่วงนี้ เพราะว่าทำ Blog เมื่อมีเวลาว่าง

ช่วงไหนเห็นอัพพรวด ๆ แปลว่าว่างจัดขอรับ แต่ช่วงไหนหายไปนานๆ แปลว่าติดงานหลวง :P

 

โดย: PuPe_so_Sweet 18 ตุลาคม 2551 23:39:13 น.  

 

หวัดดีค่ะ อัพซะดึกเลยน้าคุณปูเป้

 

โดย: PP IP: 124.120.219.195 19 ตุลาคม 2551 0:18:58 น.  

 

ขอบคุณมากค่ะ ติดตามอ่านอยู่เรื่อยๆนะ

รู้สึกคสอ.ผสม vitamin A ดีๆ ไม่ค่อยมีในไทยเลยแฮะ

 

โดย: brichea IP: 124.120.145.42 19 ตุลาคม 2551 1:49:51 น.  

 

โชคดีที่พี่ใช้ดิฟเฟอรินแล้วไม่แพ้ หรือสิวเห่อค่ะ ต้องรอดูผลต่อไปอีกสักสามเดือน จะยังใช้ไปเรื่อยๆอย่างใจเย็น

ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับความรู้

ติดตามอยู่เสมอค่ะ

 

โดย: sriwis IP: 125.26.165.88 19 ตุลาคม 2551 8:57:44 น.  

 

เจอ Philosophy : Help Me แล้วแอบขำ

ฟังแล้วเหมือน Philosophy กำลังพูดเบาๆ กับคนฟังว่า "ช่วยด้วยยยยยย"


555

เห็นเคย มาติดตามดูตอนต่อไป

 

โดย: AntiSpam IP: 125.24.250.231 19 ตุลาคม 2551 15:06:49 น.  

 

จะพิมพ์ว่า

เช่นเคย มาติดตามดูตอนต่อไป


ไปหากาแฟกินดีกว่า ชักจะเบลอ

 

โดย: AntiSpam IP: 125.24.250.231 19 ตุลาคม 2551 15:07:43 น.  

 

ตอนนี้เรากำลังสนใจพวกวิตามินaอยู่พอดีเลย
ระหว่างที่รอคุณปูเป้อัพก็เลยไปนั่นอ่านในboard essentialdayspa.com ตั้งนาน

อ่านไปอ่านมา พบว่าฮิตใช้พวกวิตามินเอพวกนี้มากเหมือนกัน

 

โดย: narusu IP: 118.174.162.31 20 ตุลาคม 2551 17:33:37 น.  

 

ขอบคุนค่ะ

 

โดย: บี IP: 58.9.61.182 28 ตุลาคม 2551 12:26:43 น.  

 

อ่อ เราใช้เรตินเอแล้วไม่แพ้ งั้นเราก็สามรถใช้ทาไปได้เลยใช่มั้ยคะ ไม่ต้องมาเสียเงินซื้อครีมแพงๆ ถูกมั้ยเอ่ย??

 

โดย: cHoCz 9 พฤศจิกายน 2551 15:12:40 น.  

 

ถูกต้องแล้วขอรับ

แต่พอได้ผลจนเป็นที่พอใจแล้ว จะลดความถี่ในการใช้ลงบ้างก้ได้ :D

ที่อเมริกาออ Retin-A Micro ที่ค่อย ๆ ปล่อยตัวยาออกมาทีละน้อย ลดการระคายเคืองไปได้เยอะขอรับ แต่ยังไม่เข้าไทย แต่คาดว่าอีกสักพักก็คงเข้ามาแน่นอน (รอ อย. ก่อน)

 

โดย: PuPe_so_Sweet 9 พฤศจิกายน 2551 18:25:46 น.  

 

คุณปูเป้คะ พอดีอยากจะทราบว่าส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ตัวนี้เข้าข่ายสรรพคุณด้าน Vitamin A ควรมีหรือเปล่า และอ่อนโยนพอไหมคะ เพราะตั้งใจจะเอามาทารอบดวงตาและมุมปากตรงร่องแก้มค่ะ

รายละเอียดดังนี้นะคะ
Product Name: DHC - Retino A Essence (หลอดอะลูมิเนียม)

Ingredient: water, butylene glycol, cyclopentasiloxane, isotridecyl isononanoate, glycerin, olea europaea (olive) fruit oil, triethylhexanoin, hydrogenated castor oil, squalane, cetyl PEG/PPG-10/1 dimethicone, sodium chloride, sorbitan trioleate, placental protein, quaternium-18 hectorite, retinyl palmitate, tocopherol, methylparaben, propylparaben, stearyl glycyrrhetinate

ลองอ่านเองแล้วสะดุดว่า isotridecyl isononanoate และ triethylhexanoin ใช่ตัวที่แปรมาจาก Isotretinoin (Isotrex) และ Tretinoin หรือเปล่าคะ คือถ้าใช่มันแปรแล้วดีขึ้นหรือห่วยลงหรือคะ นอกจากนี้ท้าย ๆ list ยังมี retinyl palmitate ที่คุณปูเป้บอกว่ามันทำหน้าที่ได้ต้องแตกตัวถึงสามครั้ง ไม่อย่างนั้นก็เป็นแค่ antioxidant ธรรมดา ๆ อีกด้วย

ส่วนผสมของน้ำมันโอลีฟ(อันนี้เหมือนจะเน้นด้านความชุ่มชื้นใช่ไหมคะ) จะทำให้ผลิตภัณฑ์มีความเป็นกรดสูงขึ้นด้วยหรือเปล่าคะ หรือไม่เกี่ยวกันเลย --" ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

 

โดย: เจี๊ยกค่อกลิงน้อย IP: 203.107.217.194 18 พฤศจิกายน 2551 11:49:57 น.  

 

isotridecyl isononanoate และ triethylhexanoin เป็น Emollient / Occlusive ช่วยเคลือบผิวเฉย ๆ และอย่างที่ว่าคือ retinyl palmitate มันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพนัก คงหวังอะไรมากไม่ได้

olive fruit oil ใช้เป็น Emollients และ Antioxidant ไม่ได้ทำให้เป็นกรดเพิ่มขึ้นขอรับ (ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย)ช่วยเคลือบผิวให้เก็บกักความชุ่มชื้นและต้านอนุมูลอิสระ

ก็อ่อนโยนขอรับทารอบดวงตาได้ ไม่มีน้ำหอมด้วย แต่ต้องเข้าใจเรื่องร้ิวรอยซะหน่อย ถ้าเป็นร่องลึก (อย่างร่องแก้ม) เครื่องสำอางไม่ว่าสจะเป็นตัวไหนก็ยากที่จะขจัดมันให้ออกไปได้ ร่องพวกนี้มันลึกมากกว่าผิวชั้นบน เครื่องสำอางช่วยอะไรไม่ได้มาก ถ้าเป็นรอยรอบดวงตาเล็ก ๆ ตื้น ๆ อันนี้ยังพอไหวอยู่

อยากให้เข้าใจไว้หน่อยขอรับ เพื่อที่จะไม่ได้คาดหวังในสิ่งที่ Skincare ทำไม่ได้ จะได้ไม่ผิดหวังหรือรู้สึกไม่ดี :D

 

โดย: PuPe_so_Sweet 18 พฤศจิกายน 2551 14:04:31 น.  

 

ขอบคุณมากค่ะคุณปูเป้
ดั๊นเข้าใจผิดจนหน้าแหกเลย -"-
เดี๋ยวต้องไปหาครีมมาสมานใบหน้าซะแล้ว ๕๕๕
ขอบคุณงาม ๆ อีกครั้งค่ะ m_ _m

 

โดย: เจี๊ยกค่อกลิงน้อย IP: 58.8.10.29 18 พฤศจิกายน 2551 19:23:29 น.  

 

พี่ปูเป้ค่ะ

ตอนนี้ใช้ Benzac Ac (Benzoyl peroxide) ก่อนล้างหน้า 15นาที กับ steiva-a cream 0.05% (Tretinoin cream USP) ก่อนนอน เฉพาะบริเวณเป็นสิว แล้วผิวลอกเฉพาะบริเวณสิวค่ะ บางครั้งรู้สึกยิบๆ ตอนทาตัวBPด้วยค่ะ

เป็นเพราะระคายเคือง หรือว่าอากาศหนาวขึ้นแล้วผิวแห้งค่ะ??
เพราะพอทามอยซ์เจอไรเซอร์เพิ่มไป ก้ดีขึ้น
แบบนี้ต้องหยุดตัว steiva-a cream 0.05% ก่อนหรือเปล่าค่ะ??


แล้วเรื่อง รอยแดง steiva-a cream ช่วยได้หรือเปล่า หรือตัวไหนเหมาะกว่าค่ะ?


ขอบคุณความรู้ดีดี มากค่ะ
ฉลาดเลือกขึ้นเยอะเลย
หลังจากที่แพ้skincare สิวโหมหน้าอยู่ ณ ขณะนี้
T_____________T







 

โดย: pun IP: 125.27.12.112 20 ธันวาคม 2551 10:47:28 น.  

 

ช่วงนี้อากาศแห้ง หามอยซืเจอไรเซอร์มาทาก็ช่วยได้ขอรับ จะลองปรับลดระยะเวลาหรือความถี่ในการใช้ BP ลงก็ได้ ส่วน steiva-a cream ให้ระวังเรื่องปริมาณในการใช้ขอรับ ถ้ามากไปมันก็ระคายเคืองมากลอกมากเหมือนกัน ถ้าอาการลอกเป็นหนักมากก็ควรหยุดให้ผิวกลับมาเป็นปกติก่อน ค่อยเริ่มกลับมาใช้ใหม่โดยระวังเรื่องปริมาณในการใช้ขอรับ

steiva-a cream เป็นสารกลุมกรดวิตามินเอ ช่วยเรื่องรอยสิวได้ขอรับ

 

โดย: PuPe_so_Sweet 21 ธันวาคม 2551 2:23:01 น.  

 

พึ่งเข้ามาอ่าน หุ..หุ.. โชคดีอ่านเจอดิฟเฟอริน ก่อน เพราะเกือบถอย Help Me ซะแร๊น

 

โดย: kitty IP: 61.19.220.5 8 มกราคม 2552 13:35:38 น.  

 

ไปอ่าน Vitamin B3 ต่อ โย่วๆ

 

โดย: Modtanoy IP: 58.136.118.16 27 กุมภาพันธ์ 2552 16:38:55 น.  

 

อ่านรีวิวคุณปูเป้แล้วปลื้มมากครับ
จนต้องรีบไปแอดไฮไฟฟ์ ^^

you are my hero ครับ

 

โดย: Con_Prince IP: 58.10.234.158 20 พฤษภาคม 2552 16:14:45 น.  

 

คุณปูเป้ค่ะ

ตอนนี้ใช้ Benzac 2.5% (Benzoyl peroxide) ก่อนล้างหน้าประมาณ 10-15 นาที และตามด้วย Robaz 0.75% ในขั้นตอนแรกก่อนการบำรุง ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้ หมอแนะนำให้ใช้ค่ะ แต่ก็ยังมีสิวอุดตันขึ้นเยอะมากค่ะ

ก่อนที่หมอจะแนะนำให้ใช้ทั้ง 2 ตัวนี้ เคยใช้ Afirm Retinol 2% ค่ะ ก่อนขั้นตอนการบำรุงค่ะ รู้สึกว่าตอนนั้นหน้าดีกว่าตอนหาหมออีกค่ะ สิวอุดตันน้อยมาก

เลยอยากจะทราบว่าถ้าใช้ยาที่หมอสั่งทั้ง Benzac 2.5% และ Robaz 0.75% อยู่ จะสามารถใช้ Afirm Retinol 2% เหมือนที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ได้มั้ยค่ะ และ Afirm Retinol 2% ตัวนี้ ใช้ได้ตลอดหรือเปล่า มีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่าค่ะ

ป.ล. ไม่อยากจะถามหมอค่ะ เพราะว่ากลัวว่าหมอจะให้ใช้ยาของหมออย่างเดียวเลย กลัวไม่ได้ความจริง

 

โดย: ปุ่ย IP: 58.137.124.210 8 มิถุนายน 2552 9:48:12 น.  

 

^
^
^
แก้นิดนึงค่ะ Afirm Retinol ที่ใช้คือ 0.3% ไม่ใช่ 2%

 

โดย: ปุ่ย IP: 58.137.124.210 8 มิถุนายน 2552 10:01:35 น.  

 

Robaz เป็นตัวยา Mebemdazole ที่ช่วยฆ่าเชื้อ สำหรับสิวที่อักเสบ

Benzac ก็เป็นยาฆ่าเชื้อ เน้นหลักไปที่สิวอักเสบอีกเช่นกัน

ถ้าปัญหาหลัก ๆ คือสิวอุดตัน ยาทั้งสองตัวนี้ไม่ค่อยให้ผลเท่าไหร่ขอรับ

ถ้าใช้ Afirm Retinol 0.3 แล้วรู้สึกว่าสิวอุดตันน้อยกว่า ก็สามารถใช้คู่ไปกับ Robaz (แต้มเฉพาะที่อักเสบ) ได้ หรือจะลองใช้เป็น Differin / Retin-A ดูก้ได้ขอรับ เป็นตัวยากลุ่มกรดวิตามินเอที่เห็นผลชัดเจนกว่า Retinol แต่ก็มีโอกาสระคายเคืองมากกว่าเช่นกัน

 

โดย: PuPe_so_Sweet 12 มิถุนายน 2552 13:39:26 น.  

 

ขอบคุณ...คุณปูเป้มากค่ะ

 

โดย: ปุ่ย IP: 58.137.124.210 15 มิถุนายน 2552 10:10:50 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่เป้ วันนี้มาถามเรื่องผลิตภัณ์ค่ะ

พอดีเห็น essence ของ Neutrogena FIne Fairness
ไลน์ล่าสุดน่ะค่ะ (พี่เป้เห็นยังคะ)ที่มี vitcแบบ ascobly palmitate+retinol
รู้สึกว่าส่วนผสมโอเคเรยคล้ายๆ Healthy Skin Anti-Wrinkle Cream ตัว essence ที่พูดถึงมี asbobly palmitate ก่อน แล้วตามด้วย ชาเขียว วิตอี ประมาณนี้อะคะ มีเรตินอล อยู่ไม่เกินอันดับสิบแน่ๆค่ะ
ป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกตัวเรย เพราะราคา 630 ด้วย 30 g

พี่เป้ว่ามันน่าจะมีเรตินอลกี่เปอเซนอะคะ
หรือสอบถามไปทางบริษัทเรยดี เขาจะตอบเรามั้ยหว่า

ขอบคุณค่ะ ^^

 

โดย: แพร IP: 203.131.211.142 24 สิงหาคม 2552 13:44:18 น.  

 

Neutrogena FIne Fairness ตัว Serum มาแล้วรึขอรับ เดี๋ยวจะลองไปเก็บข้อมูลแล้ว (แต่รู้สึกราคาจะแพงขึ้นนะ)

ลองโทรไปถามก่อนก็ไม่เสียหาย (แต่คิดว่า Call Center คงไม่รู้หรอก)

 

โดย: PuPe_so_Sweet 28 สิงหาคม 2552 1:33:45 น.  

 

พี่เป้ลองเชคดูนะคะ ^^

พี่เป้ พอดีบังเอิญไปเจอลิงค์นี้ค่ะ
//74.125.153.132/search?q=cache:esryGYAAXfsJ:futurederm.wordpress.com/2008/01/22/product-review-green-cream-high-potency-retinol/+green+cream+retinol+0.6&cd=3&hl=th&ct=clnk&gl=th

the other hand, Skinceuticals 0.5 does not contain anti-aging vitamin E, but instead contains ceramides 2 and 3. """An article in the International Journal of Cosmetic Science reports that ceramides replenish reduced ceramide levels""" (particularly the phytosphingosine-containing ceramides) and levels of long-chain fatty acids in dry skin. However, according to this 2000 study by the same author, it was found that moisturizers incorporating ceramide 3 had no greater effect on transepidermal water loss (TEWL) than ordinary lotions without ceramide 3. To soothe, Skinceuticals 0.5 contains bisabolol and chamomile, although in fairly low concentrations.

อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจเรยอะค่ะพี่เป้ มันพูดถึงการทำงานของ
เซราไมที่ไม่ได้เต็มประสิทธิภาพใช่ไหมคะ
พี่เป้อธิบายให้ฟังหน่อยน้า
ขอบคุณมากๆเรยค่ะ


 

โดย: แพร IP: 203.131.211.142 28 สิงหาคม 2552 22:03:21 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องปูเป้
มีคำถามมารบกวนอีกแล้วค่ะ

พี่เคยใช้bha 2% แล้วทา differin ตามไปเลย ไม่มีมีปัญหาแสบลอกอะไรเลยค่ะ ทาไป 6 เดือน ไม่เป็นไรค่ะ

ตอนนี้พี่ว่าจะใช้ เรติน เอ ค่ะ อยากทราบว่า ใช้บีเอชเอ แล้วต่อด้วย เรตินเอ ได้ไหมคะ มีข้อห้ามหรือเปล่า หรือว่าควรใช้เรตินเอ เดี่ยวๆไปเลยคะ

ขอบคุณล่วงหน้านะคะ สำหรับคำตอบค่ะ

 

โดย: ปุ๊น้อย IP: 113.53.142.254 30 ตุลาคม 2552 10:45:54 น.  

 

เมื่อไรDifferin0.3 จะมีขายในเมืองไทยสักที
ใช้ Differin 0.1 มา2เดือนกว่าแล้วผิวดีขึ้นแต่ยังมีสิวอุดตันอยู่บ้าง สิวเสี้ยวตามรูขุมขนเต็มจมูกและแก้มเลยทรงๆตัวเหมือนเดิม แล้วจะเปลี่ยน เป็นพวกRetin-a ดีหรือได้ผลกว่าDifferinละป่าวคับ

 

โดย: thos IP: 118.174.76.154 7 กุมภาพันธ์ 2554 14:35:23 น.  

 

คุณปูเป้ค่ะทำไมเวลาใช้ วิตามิน A (ตอนนี้ใช้ diffarine) แล้วสิวยกขบวนขึ้นมาเยอะมากเลยค่ะ

 

โดย: กิ๊ก IP: 124.121.228.179 13 เมษายน 2554 19:16:24 น.  

 

วันก่อนไปทำโดยเลเซอร์มาหน้าสิวขึ้นไป 4 เม็ด

 

โดย: LoveOnly 5 พฤษภาคม 2554 13:48:24 น.  

 

I like Tretinoin Cream , I am used tretinoin cream 0.05%

 

โดย: Phakamas IP: 123.3.186.17 28 พฤศจิกายน 2556 8:52:19 น.  

 

Where I can buy Tretinoin Cream in Thailand,
Jessica.

 

โดย: Phakamas IP: 123.3.186.17 28 พฤศจิกายน 2556 10:41:08 น.  

 

Sorry,
My Email is Jesica2009@me.com
Jessica.

 

โดย: Phakamas IP: 123.3.186.17 28 พฤศจิกายน 2556 10:44:50 น.  

 

Retinol

 

โดย: Retinol IP: 171.7.130.149 24 กันยายน 2557 23:30:12 น.  

 

เเล้ว สรุปว่า differin ดีกว่าป่าวครับ

 

โดย: -*- IP: 171.7.249.222 23 พฤษภาคม 2558 9:46:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


PuPe_so_Sweet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1829 คน [?]




Advertisement


About Pupe_so_Sweet
Pupe_so_Sweet on facebook
Pupe_so_Sweet on Youtube
vr AHA project


หากมีคำถามหรือต้องการคำปรึกษา
สามารถทิ้งคำถามไว้ได้ที่หน้า Wall ของ Facebook ครับ



Web Counter


Counter Start on 29 September 2008


Search by Google

ค้นหาข้อมูลและรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ต้องการภายในBlog ของปูเป้ได้ไม่ยากด้วย Google Search Box ด้านล่างนี้เลยขอรับ

Custom Search

Friends' blogs
[Add PuPe_so_Sweet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.