แรงผลักดันรอบตัวที่บีบคั้นให้เราต้องถอยรถ (ฮา)เดือนเมษายน ปี 2555ขณะกำลังเขียน blog นี้อยู่เป็นฤดูร้อนที่แสนอบอุ่นมากของเมืองหลวงของประเทศแถบเขตป่าฝนบนเส้นศูนย์สูตร ข้าวยากหมากแพง (แต่ไม่ได้กินหมากก็โอเคหน่อย) น้ำมันขึ้นราคากันแทบทุกสัปดาห์ ค่าโดยสาร ค่าอาหาร ค่าขนส่งพากันปรับขึ้นราคา เงินทองไม่พอใช้แต่ไฉน
“คนไทยถึงอยากซื้อรถ” ...
เห็นงานหม้อต้องโชว์ เอ้ย มอเตอร์โชว์ครั้งที่ผ่านมามียอดจองรถเกือบ 57,000 คัน!!! เฮ้ยน้ำมันกำลังขึ้นราคา อะไรๆ ก็แพงไหงพวกพี่ถึงได้อยากซื้อรถกันจังเลยฮะ จะว่ากันจริงๆ การซื้อรถนี่ถือเป็นการสร้างหนี้แบบตลอดกาลทีเดียวเชียว ตั้งแต่ได้มันมาครอบครองเราต้องจ่ายให้มันตลอด ทั้งค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา ผ่อนรถ ประกันภัย ผ่อนเสร็จก็ต้องซ่อม เปลี่ยนยาง แบ๊ต เก่าหน่อยก็ซ่อมแทบทุกเดือนเปลี่ยนอะไหล่โน่นนี่ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ผ้าเบรก จานเบรก ฯลฯ แล้วเราจะอยากได้มันไปทำซากอะไรฮะ
อยากหล่อ อยากแนว ขี่ฟิกซ์ แต่สภาพเมืองไม่อำนวยผมก็เป็นคนหนึ่งละที่อยากช่วยโลก อยากชิลๆ ขี่จักรยานแบบเด็กแนวเท่ๆ แต่การขี่จักรยานในเมืองกรุงนี่มันไม่ใช่เหมือนในเกียวโต โอซาก้า ปารีส หรือเมืองไหนๆ ในโลกนะครับ บางจุดขี่ไม่ได้มีขายของเต็มทางเท้าแบบผิดกฎหมายก็ไม่มีใครว่า บ้างมีพื้นขรุขระเป็นหลุมบ่อก็ทนๆ กันไป (ระวังๆ หน่อย) บ้างปลูกต้นไม้และวางตู้โทรศัพท์ขวางทางเหมือนไม่มีการวางแผนและไร้ซึ่งการออกแบบ ฯลฯ จนต้องลงไปขี่บนถนนซึ่งคนขับขี่รถและมอไซค์ก็มักมองว่าจักรยานคือสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญพอๆ กับแมลงวันหรือยุง คือมันช้าและเกะกะการทำความเร็วของพวกพี่เขาจริงๆ เลยนะฮะ..น่าเบียดตกถนน.... ไหนจะตอนฝนตกซึ่งตกกันหนักมากขี่ทีเปียกสนิทไม่เหมือนประเทศ 4 ฤดูเก๋ๆ สรุปคือ ลำบากฮะ
ร้อนระยำและตกกระหน่ำอากาศในบ้านเมืองเรานี้มันช่างร้อนได้ใจจริงๆ นะครับ อบอุ่นราวกับเตาอบขนาดยักษ์ครอบเมืองทั้งเมืองเอาไว้ขนาดยืนแต่งตัวหลังอาบน้ำหรือนั่งอึยังเหงื่อไหล เคยไปประเทศอื่นๆ เห็นคนเขาเดินกันรวดเร็วจนเคยคิดว่า ทำไมคนบ้านเราเดินกันช้ามิน่ามันล้าหลังกว่าชาวบ้าน พอเจอหน้าร้อนเข้าไปถึงได้เข้าใจ อ๋อ ประเทศอื่นมันเดินเร็วๆ แล้วก็ยังเฉยๆ บ้านเรานี่เหงื่อโทรมเลย พอออกจากบ้านสายหน่อยมองออกไปนอกบ้านเห็นแดดแรงๆ อากาศร้อนๆ แล้วก็ท้อครับ หันไปมองรถตัวเองแล้วหยิบกุญแจรถ น้ำมันแพงก็ยอมว่า 555
ฤดูหนาวที่อยากจะชิลๆ เดินชมนกชมไม้อย่าได้ฝัน (บางเมืองอาจพอไหว) ฤดูฝนนี่ไม่ต้องพูดตกหนักชนิดที่เดินกางร่มไม่ได้ คงพอจำตอนที่ฝนตกหนักๆ แล้วหาแท็กซี่กลับบ้านไม่ได้ หรือหลบยังไงก็เปียกเพราะฝนอัจฉริยะเมืองไทยที่ยิงเข้าทุกทิศทาง ถ้าอยู่ในรถเก๋งคันงามแอร์เย็นฉ่ำ มีบรรยากาศฝนตกรถติดก็ยังพอไหว น้ำมันหมดไปเท่าไหร่ก็ยังพอทำเนา
ระบบขนส่งที่ห่วยขั้นเทพจะไปไหนทั้งทีก็ว่าจะนั่งรถไฟฟ้าไปละฮะ แอร์เย็นฉ่ำดี แต่กว่าจะไปถึงสถานีก็เดินกันเหงื่อแตกเต็มตัว อากาศบนทางเท้าก็สุดบรรยาย ขี่จักรยานไปจอดล๊อคไว้ใต้สถานีพอมีราวเหล็กให้ กลับมาโดนตัดสายล๊อคเรียบร้อยแม่เจ้าหายไปแล้ว 3 คัน ไหนจะเส้นทางที่สุดแสนจะคลาสสิคเปิดกันมาได้ 13 ปีแล้วยังมีเส้นทางครอบคลุมแค่นิดนึง คือถ้าพวกท่านไม่โชคดีที่ทำงานอยู่บนตึกที่ติดรถไฟฟ้า มีบ้านอยู่ติดสถานีท่านก็จะเป็นผู้โชคร้ายที่อาจต้องพึ่งพาระบบอื่นๆ เช่นรถตู้ที่แออัด รถเมล์ที่อบอ้าว เบียดเสียดและบริการห่วย รถไฟที่ช้า ร้อน ห่วยและไม่ตรงเวลา.... สรุปคือพวกคุณอยากให้ผมซื้อรถก็ไม่ต้องเอาของห่วยๆ มาแกล้งให้ใช้หรอก ฮ่าๆ
รสนิยมเลอเลิศจะว่าไปคนไทยนี่จะมีจะจนก็ขอให้คนอื่นมองตัวให้ดูดีไว้ก่อน ยกตัวอย่างเช่นมือถือต้องขอแบบมีสไตล์เข้าสมัย ผ่อน 24 เดือนใครจะใส่ใจ เงินเดือนหมุนไม่ทันก็เอา ขอมี gadget ที่เท่ๆ เก๋ๆ ไว้ใช้โชว์ กินกาแฟแก้วละร้อยกว่าบาท กินอาหารเลอเลิศ ไปไหนมาไหนถ้ามีใครรู้ว่านั่งรถเมล์นี่ โหยโดนโห่แย่ ทำไมแกตกต่ำงี้วะ ไปตจว.นั่งรถทัวร์เหรออย่างกับสมัยมัธยม ขี่จักรยานนี่โดนมอง หวายจน .. คือรถนี่ถือเป็นฐานะทางสังคมที่ให้คนยอมรับกันเลยนะครับ อาจถือเป็นแรงผลักดันอันที่สำคัญที่สุด บ้านช่องเป็นไงอาจไม่มีใครเห็น แต่รถยนต์ที่จะนำพาเราไปไหนต่อไหนนี่แหละคือบ้านเคลื่อนที่ๆ ต้องมี
สรุปคือแม้น้ำมันจะแพงกว่าชาติใดในโลกก็ช่างหัว ขอเท่เก๋หล่อดูดีมีสกุลรสนิยมเลอเลิศ ล้มเลิกความอดทนและถอยรถออกจากศูนย์บางทีอาจเป็นแรงขับดันทำให้เราต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาจ่ายค่ารถและเลยพลอยทำให้ได้เลื่อนยศตำแหน่งให้ใหญ่โตก็เป็นได้ (ฮา)