ถนนสายนี้มีตะพาบ..กม.6 .ﺴ۩`•มนตราดามัง `•۩ﺴ ดินแดนแห่งฝันกับทานตะวัน
“อาร์.....ที! อาร์......ที!”
"เจ้ากำลังทำอะไร........."
"เสียงนั้นก้องกังวานแผ่วเบาตามแนวภูเขาและสะท้อนกลับไปมาในความ มืดมิดราวกับมีกำแพงแห่งความรู้สึก เหมือนถูกกักขัง อยู่ในมนต์สะกด ที่บีบรัดลมหายใจเล็กๆไว้
"เจ้า...มานี่ ..มา....ทำไม มา...ทำไม มา.....ทำไม"
น้ำเสียงหวานแต่แหบแห้งนั้น..อยู่ในห้วงรู้สึกของโลกแห่งความว่างเปล่า ฉับพลัน!! .....หมอกสีขาวทะมึน ก็พุ่งออกมารอบทิศทางร่วมด้วยสายลม พัดแรง ราวคลุ้มคลั่ง ควันสีขาว ปกคลุมไปทั่วบริเวณนั้น อาร์ทีหัวใจเต้นแรง ดวงใจในร่างกายแทบหลุดลอยไปพร้อมกับสายลมแรงนั้น เมื่อควันสีขาวจางลง หญิงสาวตนหนึ่งตามร่างกายของเธอมีรากไม้และดอกไม้ ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าเธอยิ้มด้วยรอยยิ้มที่แสนงดงามชวนให้หลงใหล พร้อมๆกับเสียงหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะนั้นก้องอยู่ในลำคอ แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกหนาวสั่นจับขั้วหัวใจ..
ภาพในความฝันคืนนั้นอยู่ในความทรงจำของ อาร์ทีชายหนุ่มผิวเข้มที่มีแววตามุ่งมั่นสีน้ำตาล เขากำลังพาตนเองออกไปสู่โลกกว้าง บนดินแดนแห่งการเชื่อมต่อระหว่างผืนดินที่มีพระจันทร์ทรงกลดในยามราตรีมีแสงจากดวงดาวระยับในยามกลางวันระหว่างขุนเขา ภายในดินแดนที่มหาสมุทรเป็นสีเทา ดั่งปริศนาแห่งกวีและสัญลักษณ์ที่จาลึกไว้ ในลายแทง ที่บิดาซึ่งเคยเป็นพรานป่าของเขามอบให้มา และกำชับหนักหนาว่าจะต้องนำของสองสิ่งกลับไปให้ได้
เส้นทางที่นำไปสู่เนินเขา ข้างทางเป็นทะเลสาบอันสวยงาม แต่ดูลึกล้ำเกินกว่าทั้งสองคนเคยนึกไว้ในความฝัน หาดทรายในวันฤดูใบไม้ร่วงโดยปกตินั้นจะเป็นสีขาวเป็นประกาย ใต้แสงแดดทอดยาวไปไกลจนสุดแนวภูเขา น้ำเป็นสีเขียวใส ไม่เหมือนทะเลสาบแห่งนี้ ที่ดูทึมทึบเทาๆ ลึกลับ แต่ก็เป็นเช่นทะเลทั่วไปที่มีมีฟองคลื่นขาวถาโถมเป็นคลื่นกระทบหาด เสียงคลื่นดังครืนๆ ผสานกับเสียงนกที่โบยบินวนเหนือท้องฟ้าสีคราม
อาร์ทีจูงมือทานตะวันลุยคลื่น ไปตามแนวชายหาดยามอาทิตย์กำลังเจิดจ้า สายตาสองคู่จับจ้องไปยัง ณ จุดที่ผืนน้ำบรรจบกับผืนฟ้า ภูผาสูงชันเบื้องหน้าคือจุดหมายของเขาทั้งสองคน
เวลาบ่ายพระอาทิตย์มีรำแสงสีรุ้งเป็นวงรี สองหนุ่มสาวก็มาถึงสะพานเชื่อมต่อดินแดนเป็นเถาวัลย์ ที่พันกันจนเป็นเหมือนเชือก และ หากจะข้ามไปจะต้องโหนตัวด้วยเชือกธรรมชาตินี้ไปเท่านั้น จึงจะสามารถเหยียบเท้าสู่ผืนดินในดินแดนแห่งนี้ได้ ทั้งสองคนใช้ความพยายามอยู่หลายครั้ง อาร์ทีต้องพยุงและโอบกายทานตะวันไว้ ในที่สุดทั้งสองคนก็สามารถข้ามไปได้สำเร็จ
ดินแดนแห่งนี้ กอปไปด้วยเนินภูเขาราบ สลับกับหน้าผาหิน มีลำแสงสะท้อนจับร่องหินเป็นแสงวับวาว ระยิบระยับเป็นระยะ ราวกับมีดวงดาวในยามกลางวัน แสงนั้นส่องสว่างตรงไปยังแนวผา ที่โอบล้อมด้วยต้นไม้นานาพันธ์ ตรงระหว่างช่องหน้าผา มีต้นหญ้าใหญ่น้อย และไม้เลื้อยต่างๆที่มีทั้งมีดอกและไม่มีดอกขึ้นกันอย่างแน่นหนารกครึ้ม ส่งกลิ่นหอมจาง ไปทั่วดินแดนแห่งนี้ ทำให้อาร์ทีต้องหยิบแผนที่ลายแทงที่อยู่ในเป้ ด้านหลังขึ้นมาสำรวจเส้นทางอีกครั้ง....
หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอาร์ทีและสังเกตว่าเขามีหน้ากังวล จึงเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ
"ทำไมหรอ.... อาร์ที" ชายหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิดและพรึมพรำเบาๆ
"ปีบหูดชะลูดหลังเขา....เงาของเรา..ก่ายกอดกันและกัน..."
“มันคือ...อะไรหรือ??”
"นี่!....นายอย่าบอกนะ..." ทานตะวันเอ่ยเสียงค่อนข้างดัง
"เฮ้!.....สถานที่...ที่เรากำลังจะไปกัน ..นายไขปริศนาที่ลายแทงนั่นไม่ได้อ่ะ"
"อืม.."
“ก็กำลังคิดอยู่”
ฉันเชื่อว่ามันต้องอยู่แถวนี้หละ อาจจะเป็นที่หลังเขานั่น.... แต่ถึงอย่างไร เราจะต้องหามันให้เจอก่อนที่ตะวันจะตกดิน..เพราะหากโชคไม่ดี เราจะหลงทาง ถ้าร้ายกว่านั้นอาจะต้องเจอกับเธอคนนั้น....
“งั้น ...รีบไปเหอะ”
ทานตะวันรีบเดินนำหน้าไปโดยไม่ได้ฟังชายหนุ่มพูดจบ
ทางเชื่อมต่อที่ทั้งสองคนกำลังเดินไปที่หลังเขานั้น เป็นป่าชื้นมีต้นหญ้า ขึ้นอย่างหนาแน่น และที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากคือ ทางแยกช่องเขามี ลำแสงจากดวงตะวันฉายสู่น้ำตกที่ไหลจากรอยแยกของผาด้านหนึ่ง เป็นละอองน้ำกระเซ็น...สะท้อนแสงแดดที่ส่องแสงลงมาจากเบื้องบน จนแลเห็นเป็นสีรุ้งจางๆ เมื่อมองไปยังด้านล่างจะเห็น.. ต้นหญ้า.. ต้นไม้..เถาวัลย์เกาะเกียวกันเป็นแนวยาวตลอดเนินผา
ขณะนั้นสายตาที่คมกริบของอาร์ที ก็ประสบกับสายตาคมกริบของสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่กำลังจ้องมองมายังพวกเขา อาร์ที่รีบท่องมนต์สะกดที่บิดาเคยสอนไว้เพื่อสะกดมันให้สงบนิ่งอยู่กับที่ เสียงของเขาเบาในลำคอ ทานตะวัน ที่มัวมองน้ำตกจึงไม่ได้ยินและไม่ทันเห็นมัน
สิ่งมีชีวิตที่มีลำตัวโต มีขายาวยั้วเยี้ย ซึ่งอาร์ทคิดว่ามันน่าจะมีไม่เกินแปดขา และเริ่มสังเกตุว่ามันไม่ได้ต้องมนต์สะกด...... และมันกำลังไต่เข้ามาใกล้สิ่งแปลกหน้าของมัน เตรียมพร้อมที่จะมุ่งทำร้ายแก่สิ่งมีชีวิตตรงหน้า ในทันที.....
"ทานตะวัน...หลบ!!!"
ทั้งสองคนเสียหลักและกลิ้งตกลงไปที่เนินเขา..หลายตลบ ร่างกายไปชน กับต้นไม้ด้านล่างจนทำให้ร่างกายของทั้งสองคนก่ายกอดกัน ใบหน้าเกือบ ชิดกัน สายตาทั้งคู่จับจ้องที่ดวงตาของกัน
"อาร์ทีๆๆๆๆๆ"
"ดูนั่นดิ...."
อาร์ทีมองไปยังที่ทานตะวันชี้บอก บริเวณนั้นมีต้นปีปที่ออกดอกสีขาวกำลังส่งกลิ่นหอมเบื้องล่างมีเถาของผักขี้หูดขึ้นอยู่มากมายและพันเกี่ยวเลื้อยอยู่เต็มลำต้น ถัดไปเป็นต้นชะลูดช้างที่มีดอกสีขาวงดงามต้นไม้ทั้งสามชนิดที่ขึ้นอยู่ใกล้กันในบริเวณหลังเขาแห่งนี้ เหมือนราวกับว่ามีเงาของเราสองคนที่สะท้อนกับดวงอาทิตย์เป็นเงาสะท้อนพร้อมกับต้นไม้ในลำธาร คล้ายกับกำลังก่ายกอดกันและกัน จริงๆด้วย... แสงจากดวงอาทิตย์ที่ทอดลงมาส่องประกายระยิบระยับ ทำให้บริเวณแห่งนี้สวยงามด้วยดอกไม้และดอกไม้สีขาวนี้ยังส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก...
"นั่น... ตรงนั้นไง" "ตามที่ลายแทงเขียนไว้เลย" ทานตะวันพูดเร็วทันที
"ปีบหูดชะลูดหลังเขา....เงาของเรา..ก่ายกอดกันและกัน..."
หนุ่มสาวทั้งสองคนโอบกอดและส่งยิ้มให้กันอย่างดีใจ
ทันใดนั้น!!
เจ้าแมงมุมยักษ์ไตร่ลงมาทันทั้งสองคน สายตาของมันตอนนี้เหมือนกับปีศาจร้ายที่กำลังจ้องมองไปยังเหยื่อ ..ที่มันต้องการจะให้เป็นอาหารในค่ำคืนวันนี้ มันกำลังขยับร่าง....เข้ามาใกล้ในทุกขณะแล้ว... ทำงัยกันดี
"ทานตะวัน!!!"
"ทานตะวัน!!!"
"ทานตะวัน!!!" อาร์ทีตะโกนเสียงดัง
“มันตามเรามาแล้ว...”
“วิ่งหนี!!...."
"เร็วๆๆ...”
....
..,
“อาร์ที"
"อาร์ที”
“นี่....นาย" กลับบ้านกันเหอะรอนานหรือป่าว ...รอนานเลยดิ..คิเซาหลับได้ตลอดเวลาเลย นะ.." หากความเป็นจริงหรือเรื่องแห่งความฝันจะเดินทางผ่านไปอย่างไร หากบนโลกใบเล็กนี้จะมีความผันแปรในทุกยามที่นาฬิกา ..เดินทาง ฉันขอให้ดวงใจดวงเล็กของเธอ.... อยู่ในดวงใจของฉันตลอดเวลา ดั่งที่ฉันกำลังรอ...แสงทองกระจ่าง..ตรงโค้งรุ้งใต้แสงจันทร์ส่องสว่าง กับดวงดาวที่มีแสงระยิบระยับตรงขอบฟ้าอีกฟากหนึ่ง
|
บอกเล่ากัลล์ท้ายเรื่อง
สำหรับ กม.6 โจทย์จากพี่ก๋าสุดหล่อ ให้ประโยคมาคือ "ปีบหูดชะลูดหลังเขา ..เงาของเรา..ก่ายกอดกันและกัน"ใช้เวลากับโจทย์ พอสมควร แต่เนื่องจากการหาข้อมูลจากเวปค้นไปได้กลิ่นดอกไม้สีขาว จึงได้งานมาเป็นแบบแฟนตาซีมัวร์ๆและขอเพิ่มเติมข้อมูลรายละเอียด ในลายแทงจากเรื่องเกี่ยวกับชื่อที่มาของดอกไม้ตามโจทย์ดังนี้นะค่ะ
ปีปคือ::ดอกปีปป่า กาซะลอง :: ดอกสีขาว ก้องกลางดง ขึ้นกลางพง ไพรพฤกษ์ ป่าพนาสี ดอกหอมตลอด
หูดคือ::ผักขี้หูด(ชื่อไม่ค่อยเพราะเรยเนอะ):: ลักษณะขอดเป็นปุ่ม ซึ่งจะมองเห็นเป็นตะปุ่มตะป่ำยาวตลอดฝักชาวบ้าน จึงนำลักษณะของผักดังกล่าวมาตั้งชื่อว่า "ผักขี้หูด"มีดอกสวยงามมาก ผักขี้หูดถือเป็นผักพื้นบ้านทางภาคเหนือโดยแท้จริง หาพบในภาคอื่น น้อยมาก มีพบในอีสานบ้าง ก็เฉพาะบนภูเขา...สูงเท่านั้น..
ชะลูดคือ::ดอกชะลูดช้าง(Asclepiada) :: เป็นไม้เถาเลื้อยขนาดเล็ก แต่เลื้อยได้ไกลถึง 4 เมตร ออกดอกเป็นช่อ 5-10 ดอก และจะทยอยบานมีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน ออกดอกตลอดปี
สำหรับโจทย์ครั้งหน้ากม.7 เป็นของพี่เป็ดสวรรค์ สนใจร่วมโครงการ สามารถไปสำรวจได้ที่บล็อกพี่เป็ดกม.นี้เดินทางเซๆตามตะพาบกัลล์ต่อไปค่ะ^^
ขอบคุณ : ภาพแฟนตาซีสวยจากสาวน้อยมหัศจรรย์..ญามี่..ที่น่ารัก ขอบคุณ : ข้อมูลเพิ่มเติมและเพลงประกอบจากเวปกูลเกริ้ล ขอบคุณพี่ๆและเพื่อนๆทุกคนที่มาร่วมอ่านงานด้วยนะค่ะ//
มัททะนะ
|
Create Date : 28 เมษายน 2553 |
|
20 comments |
Last Update : 22 ธันวาคม 2554 19:37:49 น. |
Counter : 2055 Pageviews. |
|
|
|
ผสมโรแมนติค ออกแนวแฟนตาซี
อ้าวฝันไปนี่เอง เพิ่งจะรู้จักหูดที่เป็นพืชที่บ้านนี้เอง
ได้ความรู้เพิ่มมาเป็นของแถม
งานหน้าเจอกันอีกนะคะ
ยังไม่ทันหายเหนื่อยเลยค่ะ ขอยาดมหน่อย อิ อิ
แอมอร