Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ขยายเวลาค้ำเงินฝาก 3 ปี-จำนำข้าวโพด-มันสำปะหลัง--TDRI--สศค.

. . .

ครม. มีมติขยายเวลาคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนจาก 1 ปี เป็น 3 ปี สิ้นสุด ส.ค.2554


นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินที่ให้ความคุ้มครองเพิ่มขึ้น พ.ศ....... เพื่อคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนเป็นเวลา 3 ปี นับจากปัจจุบันจนถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2554 จากเดิมที่กฎหมายกำหนดการคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนวันที่ 10 สิงหาคม 2552

เนื่องจากปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐฯได้ลุกลามไปยังยุโรป ทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องที่รัฐบาลแต่ละประเทศต้องเข้าให้ความช่วยเหลือ ทั้งการเข้าควบคุมกิจการ และการให้เงินกู้แก่สถาบันการเงินที่มีปัญหา

เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ฝากเงินในประเทศ รัฐบาลจึงได้ขยายเวลาค้ำประกันเงินฝากเต็มจำนวนออกไปจาก 1 ปีเป็น 3 ปี เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกจากปัญหาเศรษฐกิจโลก และถอนเงินไปฝากในสถาบันการเงินประเทศอื่นที่คุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนทั้งสหรัฐ ยุโรป และหลายประเทศในเอเชีย เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง

พรบ. สถาบันคุ้มครองเงินฝาก มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2551 โดยระบุว่าในปีแรก( 11 ส.ค.51-10 ส.ค.52) จะคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน หลังจากนั้นการค้ำประกันเงินฝากโดยรัฐจะค่อยๆทยอยลดวงเงินลง (ตามตาราง)

การคุ้มครองเงินฝากตามพรบ. สถาบันคุ้มครองเงินฝาก

ปีที่ 1 เริ่ม 11 ส.ค.51-10 ส.ค.52 คุ้มครองเต็มจำนวน
ปีที่ 2 เริ่ม 11 ส.ค.52-10 ส.ค.53 คุ้มครอง 100 ล้านบาท
ปีที่ 3 เริ่ม 11 ส.ค.53-10 ส.ค.54 คุ้มครอง 50 ล้านบาท
ปีที่ 4 เริ่ม 11 ส.ค.54-10 ส.ค.55 คุ้มครอง 10 ล้านบาท
ปีที่ 5 เริ่ม 11 ส.ค.56 เป็นต้นไป คุ้มครอง 1 ล้านบาท

. . .



ครม. มีมติเปิดรับจำนำข้าวโพด 8.50 บาท/กก. –มันสำปะหลัง 1.80 บาท/ก.ก. เริ่มวันที่ 1 พ.ย.นี้

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกำหนดราคารับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ประจำปีการผลิต 51/52 ใช้วงเงินรวมกว่า 11,122 ล้านบาท
โดยกำหนดรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในราคาก.ก.ละ 8.50 บาท จำนวน 5 แสนตัน เริ่มเปิดรับจำนำตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-30 ธ.ค.51

ส่วนมันสำปะหลัง กำหนดราคารับจำนำที่ ก.ก.ละ 1.80 บาท และทยอยปรับขึ้นเดือนละ 5 สตางค์ รวมจำนวน 5 ล้านตัน เริ่มรับจำนำตั้งแต่ 1 พ.ย.-30 เม.ย. 52 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ที่กำลังมีราคาตกต่ำอย่างหนักตามภาวะราคาน้ำมัน ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ในรายละเอียดทั้งหมดกรมการค้าภายในจะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามมติครม.และช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วน

เบื้องต้นคณะอนุกรรมการด้านงบประมาณและการเงินที่มีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง เป็นประธาน จะพิจารณาหาแหล่งเงินสินเชื่อเพื่อนำมาใช้ในโครงการให้ชัดเจน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ในการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เช่น เช่าโกดัง ประกันภัยพืชผล การแปรสภาพ วงเงิน 666 ล้านบาท ส่วนวงเงินสินเชื่อคาดว่าจะใช้ประมาณ 4,250 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับปริมาณที่นำเข้ามารับจำนำ เช่นเดียวกับมันสำปะหลัง ที่มีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,456 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อ 4,750 ล้านบาท

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะออกประกาศห้ามนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1พ.ย. - 30 ธ.ค.นี้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาในประเทศ ขณะเดียวกันปริมาณข้าวโพดในประเทศมีเพียงพอต่อความต้องการ รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์จะเข้มงวดในการตรวจสต็อก และการเคลื่อนย้ายปริมาณข้าวโพดที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงนี้อย่างใกล้ชิดด้วย

. . .


หุ้นไทยฟื้นตัวเล็กน้อยตามตลาดหุ้นภูมิภาค

ตลาดหุ้นไทยวันที่ 28 ต.ค. ดัชนีแกว่งตัวผันผวนทั้งตลอดทั้งวัน แต่สามารถยืนแดนบวกได้ หลังปรับลงแรงเมื่อวันก่อน ดัชนีปิดตลาดที่ 398.04 จุด เพิ่มขึ้น 10.61 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 2.74 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16,784 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,156 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 494 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,662 ล้านบาท

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า การปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทย เป็นการฟื้นตัวตามตลาดต่างประเทศ โดยดัชนีฮั่งเส็ง ที่ฮ่องกง ปรับเพิ่มขึ้น 13% และดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่น ปรับขึ้น 6.4% ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้นตามไปด้วย จะสังเกตว่ามีแรงซื้อกลับเข้ามาในกลุ่มหลักอย่างพลังงานและแบงก์ อย่างไรก็ตาม ถ้าดัชนีขึ้นไปใกล้ๆ 420 จุด ก็คิดว่ามีแรงขาย

นักวิเคราะห์ บล.ฟินันซ่า ระบุว่าหุ้นไทยทรุดลงเกือบ 60% จากระดับ Peak ของปีที่ 886 จุด ราคาหุ้นถือว่าถูกเนื่องจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น หรือ P/E ratio ตลาดหุ้นไทยเหลือไม่ถึง 6 เท่า เป้าหมายระยะสัปดาห์นี้คือ 475-485 จุด นักลงทุนควรรอให้ดัชนีขึ้นเกินระดับ 410 จุด แล้วจึงเข้าซื้อลงทุนได้

นางสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี มองว่า ตลาดหุ้นไทยสามารถฟื้นตัวทางเทคนิค เพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังปรับลดลงติดต่อกันถึง 2 วัน รวมกว่าร้อยละ 16 เนื่องจากมีแรงซื้อขายเก็งกำไรข่าวการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจมีการปรับลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.5 ประกอบกับ การเตรียมหารือระหว่างผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง เพื่อหามาตรการรับมือวิกฤติที่เกิดขึ้น จึงช่วยหนุนตลาดให้ฟื้นขึ้นได้

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันที่ 29 ต.ค.นี้ มองว่า ยังคงแกว่งตัวผันผวน และมีโอกาสลดลงได้อีก เนื่องจากตลาดยังรอปัจจัยอื่นๆ เช่น การประกาศตัวเลขจีดีพี ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐ ว่าจะออกมาในทิศทางใด โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 380-362 จุด และแนวต้านที่ระดับ 400-420 จุด
ด้านกลยุทธ์การลงทุน เมื่อดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นแนะนำให้เทขายทำกำไร แต่หากดัชนีปรับตัวลดลง ควรชะลอลงทุน เพื่อรอดูจุดต่ำสุดก่อน

. . .


"ทีดีอาร์ไอ" กระตุ้นภาครัฐเร่งการลงทุนในประเทศ ทดแทนการส่งออกรองรับอัตราว่างงานทะลุ 1 ล้านคน

นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจส่วนรวมและการกระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ หรือ ทีดีอาร์ไอ (TDRI) กล่าวว่าในปี 2552 มีโอกาสที่อัตราการว่างงานของประเทศไทยจะสูงขึ้นตามที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ออกมาเปิดเผยข้อมูล หากภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าตกต่ำลงมาก เนื่องจากอัตราการว่างงานจำนวนประมาณ 1 ล้านคนนั้น จะคิดเป็น 4-5% ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเลิกจ้างงานในช่วงเกิดวิกฤตปี 2540

ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐควรจะต้องเร่งดูแลไม่ให้เศรษฐกิจตกต่ำ ด้วยการเร่งการลงทุนในประเทศ โดยเริ่มจากโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) เพื่อทดแทนการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง เพื่อรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้าไม่ให้ต่ำกว่า 3%

รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในอนาคตจำนวนผู้ว่างงานอาจเพิ่มเป็น 2 ล้านคน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ คนงานที่อยู่ในระบบถูกปลด ส่วนผู้จบการศึกษาใหม่ไม่มีตำแหน่งงานรองรับ โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งที่จะถึงนี้มีแนวโน้มจำนวนผู้ว่างงานมากขึ้น

ดังนั้นรัฐบาลต้องแก้ปัญหาให้ถูกต้อง และแยกแยะให้ชัดเจน ทั้งการว่างงานจากวิกฤตเศรษฐกิจ และการว่างงานแฝงในระบบ ซึ่งต้องแยกทำแผนรับมือให้ชัดเจน รศ.ดร.ณรงค์ เชื่อว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ จะถือเป็นการกระจายรายได้เป็นอย่างดี

สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจที่ประสบปัญหา ขอให้คำนึงถึงผลระยะยาว โดยเปลี่ยนจากการเลิกจ้างเป็นการต่อรองลดวันทำงาน เช่น จาก 6 วันเหลือ 4 วัน เนื่องจากปัจจุบันคนงานดี มีประสบการณ์ค่อนข้างหายาก ทั้งนี้ หากวิกฤตการเงินโลกสิ้นสุดลง คนงานก็สามารถกลับมาทำงานตามปกติ เหมือนครั้งที่ประเทศไทยเจอวิกฤตปี 2540

. . .


สศค.เร่งหามาตรการรับมือวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐที่คาดจะเผาจริงปีหน้า

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ว่า ขยายตัวในทิศทางชะลอตัวลงจากการส่งออกที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะที่การบริโภคเอกชนยังขยายตัวต่อเนื่องจากค่าครองชีพและเงินเฟ้อลดลง รวมถึงผลของ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติ เพื่อไทยทุกคน

สศค.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 เติบโตร้อยละ 4.5 โดยการส่งออกยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักแม้จะชะลอลง และแม้เศรษฐกิจไทยไม่เกิดวิกฤติ แต่เริ่มมีผลกระทบจากปัจจัยภายในและภายนอก ส่วนเศรษฐกิจไตรมาส 4 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4 และทั้งปีเศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 5.1 เพราะเป็นอานิสงส์จากครึ่งปีแรก ที่ไทยสามารถส่งออกได้ดี และเศรษฐกิจขยายตัวได้ร้อยละ 5.7

สำหรับปัจจัยเสี่ยงเป็นเรื่องการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ ดังนั้น ปีหน้าพึงระวังผลกระทบที่จะตามมา จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สศค.ได้เดินหน้าจัดทำมาตรการไว้รองรับวิกฤติเศรษฐกิจโลกล่วงหน้า คาดว่าจะได้ข้อสรุป 2-3 วันนี้ เนื่องจากประเมินว่า ปีหน้าเศรษฐกิจสหรัฐที่ขณะนี้มีผลกระทบภาคการเงินจะเริ่มกระทบภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง หากบริษัทใหญ่เริ่มปลดคนงานก็จะเป็นสัญญาณเริ่มเผาจริง

โดยมาตรการที่จำเป็นสำหรับไทย เช่น มาตรการสร้างงานสร้างรายได้ โดยอาจร่วมกับหลายหน่วยงานในรูปแบบบูรณาการ แต่ยังคงรักษาวินัยการเงินการคลัง ซึ่งประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงกว่าเงินทุนระยะสั้น 4 เท่า ซึ่งขณะนี้มียอด 102,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, อัตราการว่างงานก็ไม่สูงมาก, หนี้ต่างประเทศก็ไม่สูงเช่นกัน, อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เหมาะสม, ด้านค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงบ้าง ซึ่งเป็นผลดีต่อภาคส่งออก แต่ค่าเงินบาทควรเป็นไปตามกลไกตลาด ขอย้ำว่าเศรษฐกิจไทยตามความรู้สึกเลวร้ายลง แต่ข้อเท็จจริงชะลอลงบ้างเท่านั้น

นายสมชัย กล่าวว่า สศค.เห็นว่ารัฐบาลควรเร่งดำเนินโครงการเมกะโปรเจกต์ให้ชัดเจนมากกว่านี้ เพราะภาคเอกชน และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวกับการก่อสร้างจะได้เดินหน้าต่อไปได้ รวมถึงมาตรการอื่นๆ เช่น กองทุนเอสเอ็มแอล พัฒนาสินค้าโอท็อป มาตรการเหล่านี้ถ้าออกมาอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นความหวังให้กับประชาชนได้

. . .




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2551
2 comments
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 20:28:48 น.
Counter : 686 Pageviews.

 


คำหวานจากผู้เตรียมเป็นนายก

 

โดย: Cheria (SwantiJareeCheri ) 28 ตุลาคม 2551 22:29:35 น.  

 

คุณ รุ้ ไหม ความ หวัง ของ ประ ชาชน ส่วน ใหญ่ คือ ชน อิสานขอ ให้ เป็น ไป ตาม ที่ เเน่ นอน เเหละ ไม่ เปลียน ทิศ ทางถึง เเมน อะไร จะ เกิด ขึ้น ก็ ตาม จาก ลูกชาวนา ..ชอบ สนถนา เรือง หุ่น เเต่ พูด ไทย ..เเละ เขียน ไทย ใด้ น้อย..
.I DO SPEAK FRANCE OR DISCUSSIONS EN FRANCAIS สาธรคะ

 

โดย: สาธร FRANCAIS IP: 94.108.199.171 29 ตุลาคม 2551 4:45:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.