Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ผู้ค้าน้ำมันประกาศลดราคาเบนซิน 40 สต.-ดีเซล 80 สต.พรุ่งนี้

. . .

ผู้ค้าน้ำมันประกาศลดราคาเบนซิน 40 สต.-ดีเซล 80 สต.พรุ่งนี้

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 ตุลาคม 2551 09:55 น.

บริษัท เชลล์ ประเทศไทย จำกัด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศปรับลดราคาน้ำมัน มีผลพรุ่งนี้ (14 ต.ค.) เวลา 05.00 น. โดยเบนซินปรับลดลงลิตรละ 40 สตางค์ และดีเซลปรับลดลง ลิตรละ 80 สตางค์

ส่งผลให้ราคาเบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 32.99 บาท
เบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 35.99 บาท
ดีเซล บี 2 อยู่ที่ลิตรละ 26.74 บาท
ดีเซล บี 5 อยู่ที่ลิตรละ 26.24 บาท
อย่างไรก็ตาม ปตท.ไม่ได้ปรับลดราคาแก๊สโซฮอล์

. . .




 

Create Date : 13 ตุลาคม 2551
1 comments
Last Update : 13 ตุลาคม 2551 10:28:41 น.
Counter : 628 Pageviews.

 

. . .

รัฐบาลออก 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มูลค่ารวม 1.2 ล้านล้านบาท


เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงแนวทางการรับมือวิกฤติเศรษฐกิจโลก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรปประกาศอุ้มธนาคารชั้นนำหลายแห่ง ให้มีสถานะดีขึ้น และสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ

นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้มีมติให้ออก 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และป้องกันผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลก มูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท โดยเชื่อมั่นว่าหากรัฐบาลดำเนินมาตรการดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวร้อยละ 5.1 และปี 2552 ขยายตัวร้อยละ 4.0

6 มาตรการดังกล่าวประกอบด้วย

1. มาตรการด้านตลาดทุน กระทรวงการคลังเห็นชอบขยายวงเงินที่ได้สิทธิลดหย่อนภาษี สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF และกองทุนหุ้นทุนระยะยาว LTF จาก 500,000 บาทเป็น 700,000 บาท

การดึงกองทุนแมทชิ่งฟันด์ กองทุนภาคเอกชน และกองทุนต่างๆ รับมือการขายหุ้นของต่างชาติที่มีการลงทุนในไทยรวม 110,000 ล้านบาท

การส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ซื้อหุ้นคืน 30,000 ล้านบาท

การจัดตั้งกองทุนโดยความร่วมมือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน(บลจ.) จำนวน 2,000 ล้านบาท และการจัดตั้งกองทุนแม็ทชิ่งฟันด์โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกับสถาบันการเงิน รวม 10,000 ล้านบาท

2. มาตรการดูแลสภาพคล่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันสภาพคล่องในระบบมีเพียงพอประมาณ 1 ล้านล้านบาท และจะดูแลให้มีการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและเพียงพอต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

จะสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์ขยายการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 หรือประมาณ 400,000 ล้านบาท
ส่วนธนาคารรัฐ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน เอสเอ็มอีแบงก์ จะขยายการปล่อยสินเชื่อเพิ่มอีก 50,000 ล้านบาท จาก 1.1 ล้านล้าน เป็น 1.15 ล้านล้านบาท

3. มาตรการเร่งรัดรายได้ส่งออก และการท่องเที่ยว เพื่อให้การส่งออกและท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 5 โดยให้การส่งออกทำรายได้เพิ่มขึ้น 300,000 ล้านบาท ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 60,000 ล้านบาท

โดยกระทรวงพาณิชย์จะขยายตลาดในเอเชียและเพื่อนบ้าน, ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย, แอฟริกา, และละตินอเมริกา ซึ่งยังพอมีกำลังซื้อ โดยใช้ทีมไทยแลนด์ซึ่งมีผู้บริหารภาครัฐ และเอกชนร่วมกันเจรจาการค้าการลงทุน

4. มาตรการสร้างเศรษฐกิจในประเทศ ด้วยการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ โดยกระทรวงการคลังจะเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 180,000 ล้านบาท, การส่งเสริมกองทุนหมู่บ้าน, ดูแลสินค้าโอท็อป ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ

5. มาตรการเร่งรัดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เพิ่มวงเงินลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ จาก 250,000 ล้านบาทเป็น 350,000 ล้านบาท โดยเร่งรัดลงทุนระบบรถไฟฟ้า 60,000 ล้านบาท, การพัฒนาระบบขนส่งทั่วประเทศ 10,000 ล้านบาท, และการลงทุนด้านพลังงานอีก 30,000 ล้านบาท

6. มาตรการสนับสนุนประชาคมการเงินเอเชีย โดยให้ ญี่ปุ่น และจีนมีบทบาทนำ เพื่อความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในแถบเอเชีย ให้มีการรักษาอัตราการขยายตัวให้มีความมั่นคง เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจเอเชียและเศรษฐกิจโลก มีความร่วมมือทางการเงินเพื่อสร้างสภาพคล่องร่วมกัน รวมถึงการผลักดันการค้าในภูมิภาค

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวมีแนวทางช่วยเหลือ คือ สนับสนุนด้านสินเชื่อวงเงิน 60,000 ล้านบาท ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านท่องเที่ยว เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ 14 กลุ่ม, ปรับปรุงสถานที่และโครงการต่างๆ, การจัดงานไทยแลนด์แกรนด์เซลล์ ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี ด้วยการดึงสายการบิน และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวร่วมจัดงานโดยเฉพาะชูมาตรการลดแลกแจกแถม ซื้อ 1 แถม 1 เพื่อดึงรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าการทำตลาดส่งออกในประเทศที่ยังมีกำลังซื้อ เพื่อให้มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 300,000 ล้านบาท ในปี 2551 และเพิ่มถึง 600,000 ล้านบาท ในปี 2552 โดยจะเพิ่มจำนวนสำนักงานทูตพาณิชย์จาก 60 แห่งเป็น 66 แห่ง และความร่วมมือกับที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ 44 แห่ง เพื่อช่วยเจรจาการค้าการลงทุน

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.จะมุ่งเน้น 3 ด้าน คือ สภาพคล่องในระบบให้มีอยู่อย่างเพียงพอ ส่งเสริมให้สถาบันการเงินกระจายสินเชื่อไปยังธุรกิจต่างๆ อย่างทั่วถึง และธนาคารพาณิชย์ต้องแข่งขันปล่อยสินเชื่อภายใต้ความระมัดระวัง

. . .



ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พอใจ 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึง 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ว่า ภาคเอกชนรู้สึกพอใจ เพราะส่วนใหญ่เป็นข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งรัฐบาลควรเร่งผลักดันให้นโยบายที่แถลงออกมาดำเนินการให้เป็นรูปธรรมเร็วที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักลงทุน เชื่อว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนจะกลับมา หุ้นไทยก็จะกลับมาบวกอีกครั้ง

สำหรับมาตรการสนับสนุนสินเชื่อเอสเอ็มอี และดูแลสภาพคล่องให้เพียงพอนั้น ถือว่า น่าพอใจ โดยเฉพาะการส่งออก และท่องเที่ยวที่กำหนดเป้าหมายจะต้องเติบโตเพิ่มอีกร้อยละ 5 หากทำได้จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ต้องดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพไม่แข็งค่ากว่าคู่แข่ง เพราะปีหน้าการส่งออกจะทำได้ยาก และมีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างรุนแรง ซึ่งขณะนี้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงบ้างโดยอยู่ระหว่าง 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอัตราที่มีเสถียรภาพและผู้ส่งออกค่อนข้างพอใจ

ส่วนการที่จะให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 นั้น ค่อนข้างยาก เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้น ธนาคารรัฐควรเป็นผู้นำปล่อยสินเชื่อออกสู่ระบบเศรษฐกิจ

นายสันติ กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงว่าปีหน้าราคาสินค้าเกษตรของไทยจะดีหรือไม่ หากดีจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวม เนื่องจากเกษตรกรและระดับรากหญ้าจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น แต่หากราคาพืชผลทางการเกษตรไม่ดีวิกฤติเศรษฐกิจจะหนักยิ่งขึ้น

ส่วนการที่รัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัวร้อยละ 4 นั้น นับว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม จะต้องจับตาดูว่าการตื่นตระหนกวิกฤติสถาบันการเงินโลกจะยุติเร็วเพียงใด หากยุติเร็วก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า อยากเสนอให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยลดการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 25 เพื่อให้ภาคเอกชนมีเงินเหลือมาใช้จ่ายและลงทุนเพิ่ม รวมทั้งลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีรายได้ระดับกลางลงมาเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย

. . .


รมว.พลังงานเน้นดูแลเสถียรภาพพลังงาน พร้อมส่งสัญญาณให้ลดราคาน้ำมันลงอีก ปตท.เผยสัปดาห์นี้จะปรับลดราคาอีก 2-3 ครั้ง

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มอบนโยบายผู้บริหาร ข้าราชการ และพนักงานของกระทรวงพลังงาน โดยเน้นให้ดูแลความมั่นคง
เสถียรภาพของพลังงาน และดูแลเรื่องภาวะราคาพลังงานให้เหมาะสม สอคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุน รวมทั้งเร่งส่งเสริมพลังงานทดแทนต่างๆ

โดยในเรื่องราคาน้ำมัน ได้เน้นย้ำว่า ตั้งแต่ 30 กันยายนเป็นต้นมา ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันอยู่ในเกณฑ์สูง 3-5 บาทต่อลิตร โดยค่าการตลาดที่ระดับ 5 บาท มาจากน้ำมันเบนซิน 95 จึงขอให้ผู้ค้าน้ำมันร่วมพิจารณาปรับลดราคาให้ค่าการตลาดอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมที่ 1.20-1.50 บาทต่อลิตร แม้ว่า อัตราค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ จะอยู่ในเกณฑ์ 1 บาทต่อลิตรก็ตาม

ส่วนโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม ยืนยันว่า จะมีการปรับโครงสร้างออกเป็น 2 ราคาโดยเร็วที่สุด โดยปรับราคาของภาคขนส่งและอุตสาหกรรมให้สะท้อนราคาตลาดโลก แต่ราคาครัวเรือนยังตรึงราคาตามมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาลจนถึง 31 มกราคม 2552

นอกจากนี้ จากความเป็นห่วงเรื่องความไม่ปลอดภัย หากมีผู้นำก๊าซในครัวเรือน (แอลพีจี) ไปใช้ในรถยนต์ จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งกำหนดมาตรการดูแล ซึ่งมาตรการทั้งหมด จะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชขาติ (กพช.) ให้พิจารณาโดยเร็วที่สุด เพราะปัจจุบัน ราคาแอลพีจีในไทยต่ำกว่าตลาดโลก 3 เท่า ทำให้มีการนำเข้าสูงขึ้น และปตท.ต้องรับภาระเบื้องต้นเดือนล่าสุดที่มีการนำเข้าถึง 80,000 ตันต่อเดือน และยังมีการลักลอบส่งออกไปตามแนวชายแดนอีกด้วย

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ค่าการตลาดหากดูวันต่อวัน จะเห็นว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่หากเฉลี่ยทั้งปี ค่าการตลาดของ ปตท.ที่รวมค่าขนส่งไปยังปั๊มทั่วประเทศ ไม่ถึง 1 บาทต่อลิตร ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และราคาน้ำมันในไทยขณะนี้ไม่สามารถปรับทุกวันได้ แต่ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมามีการปรับลดลงโดยตลอด เฉพาะสัปดาห์ที่แล้วปรับลดราคาน้ำมันลงแล้ว 3 รอบ

ส่วนในสัปดาห์นี้ วันที่ 14 ต.ค.นี้ ก็จะลดราคาเบนซิน 40 สตางค์ และดีเซล 80 สตางค์ต่อลิตร และจะมีการปรับอีกประมาณ 3 ครั้ง ภายในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าเมื่อมีการปรับลดลงอีก 2-3 รอบ ค่าการตลาดก็จะเข้าสู่ระดับปกติ 1.50 บาทต่อลิตร โดยตั้งแต่ 2- 3 ปีที่ผ่านมา ผู้ค้าน้ำมันรับภาระขาดทุนการค้าน้ำมันมาโดยตลอด โดยในปีนี้ ปตท.รับภาระไปแล้ว 5,000 ล้านบาท

นายประเสริฐ เสนอว่า กระทรวงพลังงานควรเรียกเก็บเงินกองทุนน้ำมันในช่วงราคาน้ำมันขาลง เพื่อให้มีเงินกองทุนนำมาใช้ ในการชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม หรืออุดหนุนพลังงานทดแทน ซึ่งในส่วนของแอลพีจี ที่ ปตท.รับภาระนำเข้ามาก่อน ขณะนี้รับภาระแล้ว 6,000 ล้านบาท คาดว่า หากยอดนำเข้ายังสูง 80,000 ตันต่อเดือนแล้ว มูลค่านำเข้าที่ ปตท.รับภาระถึงสิ้นปีจะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่ง ปตท.คงรับภาระมากกว่านี้ไม่ได้ จึงเห็นว่า ควรเร่งปรับโครงสร้างราคาโดยเร็ว

. . .

ราคาน้ำมันเบนซินลดลง 40 สตางค์ต่อลิตร - ดีเซลลดลง 80 สตางค์ต่อลิตร วันที่ 14 ต.ค. นี้

ผู้ค้าน้ำมันประกาศปรับลดราคาน้ำมันลง มีผลวันที่ 14 ต.ค. นี้ โดยผู้ค้าน้ำมันลดราคาเบนซิน 91 และ 95 ลงลิตรละ 40 สตางค์ แต่แก๊สโซฮอล์ไม่ปรับลดราคา เพราะต้นทุนเอทานอลที่สูงขึ้น ส่วนน้ำมันดีเซลและไบโอดีเซลปรับลดลงลิตรละ 80 สตางค์ ตามราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลงแรง

สำหรับราคาน้ำมันวันนี้(14 ต.ค.) เป็นดังนี้

เบนซิน 95 ลิตรละ 35.99 บาท
เบนซิน 91 ลิตรละ 32.99 บาท
ดีเซล ลิตรละ 26.74 บาท
ไบโอดีเซล บี 5 ลิตรละ 26.04 บาท
แก๊สโซฮอล์95 ลิตรละ 26.49 บาท (เท่าเดิม)
แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 25.69 บาท (เท่าเดิม)

การปรับลดลงของน้ำมันอย่างรวดเร็วเป็นผลจากตลาดน้ำมันโลกวิตกปัญหาผลกระทบวิกฤติการเงินโลกจะกดดัน ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงอย่างรวดเร็วตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก


เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันกับช่วงต้นปี 2551

ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ต่ำกว่าราคาต้นปี 22%
ราคาน้ำมันในประเทศ
เบนซิน 95 สูงกว่าราคาต้นปี 9%
เบนซิน 91 สูงกว่าราคาต้นปี 4%
แก๊สโซฮอล์ 95 ต่ำกว่าราคาต้นปี 8%
แก๊สโซฮอล์ 91 ต่ำกว่าราคาต้นปี 9%
ดีเซล ต่ำกว่าราคาต้นปี 9%
ไบโอดีเซล บี 5 ต่ำกว่าราคาต้นปี 8%

. . .



หุ้นไทยดีดกลับตามตลาดต่างประเทศ- 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เริ่มสดใสมากขึ้น ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ ตามแรงซื้อหุ้นเกือบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ เช่น ปตท., บ้านปู, และหุ้นกลุ่มธนาคาร จึงช่วยหนุนตลาดให้พลิกฟื้นขึ้นได้ เพราะได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากเริ่มคลายกังวลวิกฤตการเงิน หลังหลายประเทศรวมทั้งกลุ่มจี 7 หาแนวทางแก้ปัญหาเงินตึงตัว ประกอบกับ รัฐบาลไทยได้ออก 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ 1.2 ล้านล้านบาท รับมือวิกฤตการเงินโลก ทำให้นักลงทุนใจชื้นและกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง

ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา เปิดที่ระดับ 455.77 จุด และระหว่างวันพุ่งขึ้นสูง 31.49 จุด จนมาปิดตลาดที่ระดับ 476.33 จุด เพิ่มขึ้น 24.37 จุด หรือ 5.39% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16,855 ล้านบาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นแรง หลังจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลงหนักกว่า 150 จุด โดยปัจจัยบวกหลักมาจากทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ฟื้นตัวทางเทคนิค ตอบรับข่าวมาตรการความร่วมมือในการเร่งแก้ไขวิกฤตภาคการเงิน ที่ผู้นำของ 15 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร หรือกลุ่มยูโรโซนให้คำมั่นที่จะค้ำประกันหนี้ใหม่ของธนาคารในกลุ่มยูโรโซนจนถึงปีสิ้นปี 2009 พร้อมเปิดทางให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือธนาคารโดยการซื้อหุ้นบุริมสิทธิ ขณะเดียวกันผู้นำยูโรโซนได้ประกาศจะซื้อหุ้น เพิ่มทุนของสถาบันการเงินที่มีสถานะทางการเงินเปราะบาง ประกอบกับยังไม่มีข่าวลบใหม่เข้ามากดดันการลงทุน ซึ่งการที่ราคาหุ้นปรับลงไปแรงมาก จึงจูงใจให้มีการเข้าซื้อกลับ

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำนักลงทุนเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากปัจจุบันตลาดเผชิญกับปัญหาทั้งภายในและภายนอกประเทศ
แนะนำให้เลือกลงทุนในธุรกิจที่มีโครงสร้างที่ดีไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และเลือกบริษัทที่ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ที่ดี รวมถึงมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง พอจะรับมือกับภาวการณ์เปลี่ยนแปลง และต้องยอมรับกับความเสี่ยงที่ราคาหุ้นอาจปรับตัวลดลงได้อีกหากมีปัจจัยอื่นๆเข้ามากดดัน

. . .

 

โดย: loykratong 13 ตุลาคม 2551 18:51:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.