ตอนนี้สำหรับเรา สั้น ๆ ง่าย ๆ คือหลักการ
"แรงไฟตามแรงฟืน" เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 วันที่แล้ว จากคุณเพื่อนที่มองโลก nice ๆ ตามแบบฉบับของหล่อนที่บอกว่า ทำไมไม่เสนอนั่นเสนอนี่หล่ะ เผื่อเข้าตากรรมการ 555 โชว์ไฟในตัวกันหน่อย
เราก็บอกแบบขำ ๆ ไปว่า แหม๋ ๆ ค่าจ้างเท่านี้ จะเอาไฟแรงอะไรนักหนา เขาต้องการวุฒิแค่ปวช.-ปวส. แกจะให้ชั้นใช้ไฟส่วนไหนของร่างกาย ของสมองกันหล่ะ ตอนนี้มีแต่ไฟใกล้มอดอ่ะ อีกอย่างที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็ "ไฟราคะ" จะเอาม่ะ 555
ซึ่ง...ทั้งหมดทั้งมวล คุยกันไปกันมาเลยได้ประโยคเด็ด ๆ ที่ว่า "แรงไฟตามแรงฟืน" กล่าวอรรถาธิบายได้ว่า คุณเติมเชื้อฟืน เชื้อถ่านแค่จึ๋งเดียว จะให้ไฟมันโหมลุกโชติช่วงอะไรกันหนักหนา ถ้าคนรุ่นก่อน ๆ คงบอกว่า เงินมางานเดินมั้ง ช่วยไม่ได้นี่หว่า คนเราก็ต้องกินต้องใช้ จะให้มานั่งตวัดยุงกินในที่ทำงานก็ใช่เรื่องนิ่
จะพูดให้วิชาการ ๆ หน่อยก็ เอาทฤษฎีของ Henri Fayol มาใส่ซะ เอาเรื่องแรงจูงใจในองค์กรของไมเนอร์มาซะ 555 แรงจูงใจเท่านี้ ให้ทำเท่าไหนหล่ะคะ ฝากพวกซีอีโอขององค์กรทั้งหลายไว้ด้วยแล้วกัน เพราะ...ของดีราคาถูกไม่มีในโลกหรอกค่ะ อยากได้งานดี ๆ คุณภาพดี ๆ ก็...ต้องจ่ายแพงเป็นธรรมดา ลองคุณให้เงินเดือนเราสัก 17,000 ดิ่ รับรอง เข้างานตี 5 เลิกงาน 1 ทุ่มทุกวันให้เลย แถมครึ่งวันเช้าวันเสาร์ด้วยก็ได้