ศรีสุดา เริงใจต้นฉบับเพลงแม่สายขึ้นเวทีประกวดร้องเพลงที่บึงพระรามครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ปีเพราะคำยุของพี่สาวที่ทำงานอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ศรีสุดา เริงใจ นำเพลงฝากหมอนของบุษยา รังสีและเพลงพระราชนิพนธ์ชะตาชีวิต เข้าประกวดจนคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศจากนั้นพี่ชายก็ขอตัวไปช่วยร้องเพลงให้กับวงดุริยางค์ทหารม้าที่จังหวัด สระบุรีความที่ชื่นชอบเพลงวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ ศรีสุดามักนำเพลงของเพ็ญศรี พุ่มชูศรี, รวงทองทองลั่นธม และบุษยา รังสี มาขับร้อง
กระทั่งอายุ 16 ปี ญาติผู้ใหญ่เห็นในความสามารถจึงได้นำศรีสุดาไปฝากกับธรรมรัตน์ นาคสุริยะ ที่กรุงเทพฯจากนั้นศรีสุดาก็ได้ร้องเพลงประจำแห่งแรกที่ร้านมินสกายไนต์คลับ โดยมีมรกต จรรยาดีร้องอยู่ด้วยกัน มีวงดนตรีแสนสุข อินทร์พรหม ร่วมบรรเลง จนเมื่อวรพจน์สุวรรณกิจวัฒน์ ผู้จัดการร้านมินสกาย ย้ายไปดูแลร้านเพลินจิตไนต์คลับก็ชักชวนศรีสุดาไปร่วมร้องอยู่เสียด้วยกัน
ระหว่างร้องอยู่ที่เพลินจิตไนต์คลับ สาโรจน์ เสมทรัพย์ได้แต่งเพลงไม่เป็นไรเมื่อไม่รัก พร้อมชวนศรีสุดาอัดแผ่นเสียงเป็นเพลงแรกในชีวิตโดยเป็นแผ่นลองเพลย์สลับข้างกับนิทัศน์ ละอองศรี จากนั้นศรีสุดาได้อัดเพลงรักนั้นเป็นฉันใดก่อนจะย้ายไปร้องที่อเล็กซานดาร์ และห้องอาหารทรายทอง กระทั่งปี พ.ศ.2518 ศรีสุดาเริงใจ ก็ได้กลับมาร่วมงานกับนิทัศน์ ละอองศรี อีกครั้งเมื่อต้องร้องแก้เพลงไม่รักพี่แล้วจะรักใครของสนิท ศ.ด้วยกัน
ศรีสุดา เริงใจ มาโด่งดังเป็นที่รู้จักเมื่อได้อัดแผ่นเพลงแม่สายของศรีสวัสดิ์พิจิตรวรการ และได้ย้ายไปร้องประจำที่สีดาไนต์คลับ ที่มีรวงทอง ทองลั่นธมศิลปินที่ชื่นชอบร้องประจำอยู่ ก่อนที่จะผันลงใต้ไปร้องเพลงที่ยะลาไนต์คลับเธอเทียวมาเทียวไปกรุงเทพฯ-ยะลาถึง 3 ครั้ง หลังกลับมาร้องประจำที่ห้องอาหารต้นตำรับได้เพียงปีเศษ
สุดท้ายศรีสุดาก็ยุติอาชีพร้องเพลงไปอย่างเงียบๆ ในปี พ.ศ.2528 เหตุนี้จึงมีคนเข้าใจผิดคิดว่าผู้ขับร้องเพลงแม่สายคือพญ.พันทิวา สินรัชตานันท์ เจ้าของเพลงเทพธิดาดอยภายหลังเพลงแม่สายกลับมาโด่งดังอีกครั้ง เมื่อดาวใจ ไพจิตร นำมาอัดแผ่นเสียงใหม่
หลังเลิกร้องเพลงศรีสุดาหันไปทำธุรกิจ กิฟต์ช็อปชื่อร้านของขวัญในซอยโชคชัยร่วมมิตรอยู่ร่วม 5 ปีไม่นานนักเธอเซ้งพื้นที่ร้านอาหารติดริมบึงพระรามในตัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาได้ จึงหันไปทำธุรกิจร้านอาหารนางกวัก ซึ่งเปิดให้บริการร้องเพลงคาราโอเกะโดยมีสามารถ เริงใจ พี่ชายอดีตมือทรัมเป็ตวงดุริยางค์ทหารม้าคอยเป่าทรัมเป็ตร่วมบรรเลง ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นคนชื่นชอบเพลงสุนทราภรณ์
ปัจจุบันศรีสุดา เริงใจ ในวัย 54 ปี เลิกอาชีพร้องเพลงมาร่วม 20 ปีแต่ไม่เคยลืมพระคุณของธรรมรัตน์ นาคสุริยะ, นิทัศน์ ละอองศรี และจิตรา นาระคลผู้เป็นภรรยา ที่เคยอุ้มชูเมื่อครั้งยังเป็นนักร้องและยังคงแวะไปเยี่ยมชิมฝีมืออาหารและร้องเพลงอยู่บ่อยครั้งรวมถึงพรพิรุณที่เคยมาชวนไปร้องเพลงการกุศลให้กับกรมศิลปากรเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
ทุกวันนี้ศรีสุดา เริงใจ ครองรักอยู่กับวรพจน์ สุวรรณกิจวัฒน์อดีตผู้จัดการมินสกาย ไนต์คลับ ที่คอยดูแลทุกข์สุขมาตลอด 30 ปี.
ข้อมูลจากไทยโพสท์
แวะมาเยี่ยมเยียน สบายดีนะคะ