ตะพาบๆ กม.ที่ 331 "เรื่องเก่าเล่าใหม่"
ตะพาบๆ กม.ที่ 331 "เรื่องเก่าเล่าใหม่" ให้หยิบเรื่องราวเก่าที่เคยเขียนในบล็อกของตัวเองมาแล้ว มาเขียนเล่าใหม่ ให้เพื่อนๆได้ฟัง โดยเขียนในรูปแบบเดิม หรืออาจจะเขียนในรูปแบบ ที่แตกต่างจากเดิมก็ได้ สวัสดีค่ะทุกคน . . ตะพาบวันนี้ ขออนุญาตเขียนสดนะคะ เนื่องจากวันนี้ อิชั้นทำงานเสร็จหมดแล้ว แล้วมันก็ว่างอ่ะ อยากเม้ามอย แบบว่าเม้ามอยเรื่อยเปื่อย พร่ามไปเรื่อยๆ ตามแบบหนอนกิ๊วสไตล์ 55+ . . ตามหัวข้อเลยเรื่องเก่าเล่าใหม่ เรื่องที่บันทึกไว้ในบล็อกหลังๆ มานี้ ย่อมเป็นเรื่องกับการเข้าเผ่า และการรักษาโรคเบาหวานของอิชั้นเอง ก่อนหน้านี้เคยเอา เรื่องเบาหวานมาเม้าไว้บ้างแล้ว ในบล็อก เบาหวานหายได้ เรื่องเล่านุดเบาหวาน วันนี้เรามาเม้าเพิ่มกันอีกหน่อยดีกว่าโดยอาจจะ ขยายความเพิ่มเติมให้มันดูมีสาระเพิ่มขึ้นมานิ๊ดดนุง 55+ก่อนเม้าเรื่องเผ่าขอบ่นนิดนึง คือ อาทิตย์ที่แล้ว พี่ๆ แก้งค์ออฟฟิตเค้าไปเลี้ยงส่งพี่คนนึงมากัน แล้ววันนี้ เค้าอยากเลี้ยงน้ำตอบแทนคนที่พาเค้าไปเลี้ยง ก็เลยให้น้องอีกคนมาลิสต์รายการว่าใครกินอะไรบ้าง นางมาถามเราว่า พี่กินไรได้บ้าง ความจริงเรากินได้หมดนะ แต่ต้องไม่ใส่น้ำตาล (วันนี้กลับมาเข้าเผ่าวันแรก) ก็เลย ให้น้องสั่งชาเขียวมะนาว ไม่ใส่น้ำตาลไป . . แพร่บนึง น้ำก็มาส่ง เอะใจแล้วว่าทำไมข้างแก้วมันไม่เขียนว่าไม่ใส่น้ำตาลวะ ซึ่งปกติมันจะเขียนกำกับมา จิบไปคำนึง จี๊ดดดด เลยจร้าาา หวานเจี๊ยบเลยจร้าาาา ก็เลยยกแก้วให้น้องไป ไอ้ไม่ได้กินไม่เท่าไร แต่การดูดน้ำตาลเข้าท้องในวันที่ตั้งใจว่าจะไม่กินน้ำตาลวันแรกเนี่ยะ มันรู้สึกว่า เสียฤกษ์จริงว้อยย ฮ่วยยย รมณ์เสีย - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - สาเหตุและความตั้งใจ ตั้งแต่ต้นปี 2566 มา เรารู้สึกว่า หลังๆมานี้ร่างกายตัวเอง ดูเหมือนจะแก่ลงไปเยอะเลย มันไม่คล่องตัวเหมือนเดิม ทำอะไรก็เหนื่อยง่าย ทั้งที่แต่ก่อนก็อ้วนแบบนี้แต่มันก็ยัง รู้สึกว่าร่างกายมันยังฟิตอยู่ อันที่จริงอ้วนก็ไม่เท่าไรหรอก เพราะเราก็อ้วนมาตั้งแต่เด็กแล้ว และมันก็เหมือนจะคุ้นชินกันดี แต่ที่หนักกว่านั้น และเป็นตัวจุดประเด็นให้เรากลับมาตั้งใจ คุมอาหารอีกครั้งเนี่ยะ สาเหตุมันมาจากที่หลังๆเนี่ยะ เรารู้สึกว่า เราไม่ค่อย Happy กับการใช้ชีวิตเท่าไร ทั้งๆที่ชีวิตมันก็บันเทิง เริงใจผ่านไปทุกวันๆ อ่ะนะ แต่มันก็เหมือนไม่มีความสุขยังไงก็ไม่รู้ บวกกับโรครุมเร้า โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ซึ่งเลขน้ำตาลเนี่ยะ มีแต่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เราคิดได้เลยว่าถ้าตอนนี้ ไม่ทำอะไรสักอย่าง ในอนาคตเราจะต้องโดนสักคนหามเข้าโรงพยาบาลแน่ๆ . .21 พฤษภาคม ปี 2566 เราเลยตัดสินใจเข้าเผ่า โดยมีเป้าหมาย ระยะยาวคือ เราต้องหายจากโรคเบาหวานภายในสองปี ส่วนเป้าหมายระยะสั้น ตอนแรกก็หวังอยากได้น้ำตาลต่ำกว่า 120 ไปเรื่อยๆ แหละ แต่แม่มยากชิ๊ป ตอนนี้เลยถอยมานิด ขอแค่ทำให้ร่างกาย มีค่าน้ำตาลในเลือด (FBS) อยู่ในช่วง 120 - 140 ไปได้เรื่อยๆในทุกๆ วัน เราก็พอใจแล้ว แต่เอาจริง ได้ต่ำกว่า 120 ก็จะดีมากเลยนะ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - เข้าเผ่าคืออะไร เผ่าคืออะไร อีเผ่าที่เค้าว่ากันเนี่ยะ มันก็คือการกินแบบคีโตเจนิคนั่นแหละ การกินแบบคีโตเจนิคคือ การกินแบบกดคาร์บ(คาโบไฮเดรต)ให้ต่ำมากๆ โดยเน้นกินโปรตีน และไขมันดีจากพืชให้มากเข้าไว้ กินผักได้แต่เน้น ให้กินผักใบเช่นผักใบเขียว ความจริงบางคนเขาชั่งตวงปริมาณกันเลย แต่ . . เราเป็นพวก คีโต สายชิล เราเลยไม่ชั่งตวงอะไรแม่มสักอย่าง แค่ . .ไม่แป้ง ไม่น้ำตาล ไม่ผงชูรส ไม่ซดน้ำมันสี่อย่างแค่เนี่ยะ . . พอเลย . . แค่นี้ก็ทำให้ได้เถอะ 55+- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - เล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ก่อนอื่นเราต้องขอบคุณ คุณหมอป๊อบ จากเพจ Diet Doctor Thailandมากๆ เพราะคลังความรู้ในเรื่องนี้ของเราทั้งหมด 99% ได้มาจากเพจ ของคุณหมอนี่แหละ ซึ่งถ้าเพื่อนคนในไหนสนใจที่จะรักษาโรคเบาหวาน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เรานี่แนะนำให้ไปฟังคลิปคุณหมอในยูทูป ก่อนเลย มันมีหลายคลิปมากที่คุณหมออธิบายเกี่ยวกับปฎิกิริยาทางชีวะเคมี เมื่อร่างกายเข้าสู่กระบวนการรักษาโรคเบาหวานโดยไม่ใช้ยาไว้
ก่อนอื่นขอเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับคนที่เป็นโรคเบาหวาน นะคะ โรคเบาหวานที่เค้าว่ามันรักษาไม่หายหรอก เป็นแล้วต้องเป็นไปตลอดชีวิต ความจริงแล้วมันถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ค่ะ ไอ้ที่รักษาไม่หายที่ว่าเนี่ยะ มันคือ เบาหวานประเภท 1 เบาหวานประเภทที่หนึ่งเกิดจากความผิดปกติ ของร่างกาย ตับอ่อนไม่สามารถหลั่งฮอร์โมนอินซูลินได้ตั้งแต่เกิด ทำให้คนที่เป็นเบาหวานประเภทนี้ ต้องฉีดอินซูลินเข้าไปในร่างกาย ทุกวัน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อันนี้ไม่มีวิธีรักษาค่ะ จำเป็นต้องฉีดอินซูลินตลอดชีวิต
ส่วนเบาหวานประเภทที่สอง ซึ่งก็คือ เบาหวานประเภทที่อิชั้นเป็น นี่แหละ 55+ . . เบาหวานประเภทนี้ เกิดจากการกินแป้งและน้ำตาล ที่มากเกินไป จนถึงจุดที่ถังเก็บไขมัน ในร่างกายของคนๆ นั้นเต็มแล้ว แม้ร่างกายจะพยายามหลั่งอินซูลินเพิ่มเข้าไปในปริมาณมาก แต่ก็ไม่สามารถบังคับให้เซลล์เปิดประตูรับไขมันได้อีก ร่างกาย เกิดสภาวะดื้ออินซูลิน น้ำตาลเข้าสู่เซลล์ไม่ได้ แต่ก็อยู่ในเส้นเลือดไม่ได้ เพราะน้ำตาลมันเป็นพิษ สุดท้ายแล้ว ร่างกายจึงสั่งให้ไตขับน้ำตาล ออกทางปัสสาวะแทน เราถึงเรียกมันว่า "เบาหวาน" ซึ่งก็คือ การถ่ายเบาที่มีรสหวานนั่นเอง จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานหลายๆราย ที่รักษาเบาหวานโดยการกินยา แต่ไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน นานวันเข้าๆ ก็จะได้โรคไตพ่วงมาด้วย น่ากลัวจริงๆเลย - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - การย้อนกระบวนการรักษาโรคเบาหวานโดยไม่ใช้ยา โอ๊ยยยย . . ทุกคน . . มาถึงหัวข้อนี้แล้วทำไมรู้สึกเหนื่อย การคุยอะไรที่มันมีสาระเนี่ยะ มันดูดพลังงานเรามากจริงๆ หรือเพราะว่าปกติเราคุยแต่เรื่องไร้สาระวะ มันเลยพิมพ์ได้ไปเรื่อย 55+เอ้า กลั้นใจ ฮึบ ต่อๆ . . หัวข้อต่อไปที่เราจะมาพูดถึงคือการย้อนกระบวนการรักษาโรคเบาหวาน โดยไม่ใช้ยา มันคืออะไร? อย่างที่รู้กันว่าร่างกายของคนเนี่ยะ มันมีการนำพลังงานมาใช้ ได้ 3 อย่างชิมะ หนึ่งคือ น้ำตาล และ สองคือ ไขมัน ส่วนโปรตีน ร่างกายมักจะเอาไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอมากกว่า ในคนปกติ ร่างกายจะสามารถสลับโหมดการใช้พลังงานได้เอง ประมาณว่า ถ้าเรากินไขมันร่างกายก็จะใช้ไขมันเป็นพลังงาน ถ้าเราไม่กินไขมัน เปลี่ยนไปกินน้ำตาล มัน . . มันก็จะสลับโหมดไปกินน้ำตาลแทน ไขมันบ้าง น้ำตาลบ้าง สองโหมดแบบนี้ สลับกันไป
แต่ . . .ในคนที่เป็นโรคเบาหวาน มันไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะภาวะที่ร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงานเนี่ยะ มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ร่างกายลดการหลั่งฮอร์โมนอิซูลินลงเท่านั้น ซึ่งคนที่เป็นเบาหวาน มันทำไม่ได้ไง คนพวกนั้นมักจะเกิดอารดื้ออินซูลินพ่วงด้วย ดื้ออินซูลินคือร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินน้อยลง อินซูลินน้อยๆ ไม่สามารถบีบบังคับให้น้ำตาลเข้าสู่เซล์ได้ มันจึงพยายามเพิ่มจำนวน เข้าไปๆ มากขึ้นๆ จนสุดท้าย อินซูลินก็ค้างอยู่ในกระแสเลือดเต็มไปหมด แต่ก็ยังเก็บไม่ได้อยู่ดี เพราะถังเก็บมันเต็มแล้วไง
มันก็เป็นวัฎจักรแบบนั้นวนไป ถ้าไม่คิดเปลี่ยนพฤติกรรม ก็รักษาที่ต้นเหตุไม่ได้ คนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่สองนี้ เวลาไปโรงพยาบาลหมอก็จะ จ่ายยาให้กินเพื่อกระตุ้นอินซูลิน หรือฉีดอินซูลินเพิ่มเข้าไปอีก เพื่อเป็นการบังคับให้เซลล์เปิดรับ เอาไขมันเข้าไปให้ได้ แบบบีบบังคับ ซึ่งมันเป็นการแก้ปัญหา ที่ปลายเหตุมากๆ เพราะการทำแบบนั้น ยิ่งจะทำให้อินซูลินที่ค้างสูง อยู่ในเลือด มันยิ่งทำให้เราหิวเข้าไปใหญ่ แต่ห้ามกินนะต้องอดทนเอา อินซูลินจำนวนมาก แต่ความสามารถต่ำเตี้ย ลอยเอ่ออยู่ในเลือด ร่างกายเอาไขมันที่สะสมไว้มาใช้เป็นพลังงานไม่ได้ ประตูคลังเสบียง ถูกตัดขาด ทีนี้..พออาหารที่เรากินเข้าไปถูกใช้เป็นพลังงานหมดแล้ว ร่างกายมันก็เลยต้องเรียกร้องหาอาหารเพิ่มอีก แล้วยิ่งถ้าเรา กินพวกอาหารแปรรูปด้วยนะ กินขนมกินเค้กไรแบบนี้เนี่ยะ กินไงก็ไม่อิ่ม กินแล้วก็หิวอีก จากนั้นก็อ้วน และน้ำตาลก็สูงไปเรื่อยๆ วนไป . .เพราะงั้น เราจึงต้องมาปั้นระบบกันใหม่ ซึ่งมันก็มีหลายวิธีแหละ แต่วิธีที่เรารู้สึกว่าง่ายสำหรับเรา คือ การกินอาหารแบบคีโตเจนิค ส่วนใหญ่จะกดปริมาณ เน็ตคาร์บ หรือก็คือ ปริมาณคาร์โบไฮเดรตทั้งหมด ลบด้วย ปริมาณใยอาหาร (Total Carbohydrate – Fiber) ให้ไม่เกิน 50 กรัมต่อวัน หรือถ้าทำได้ไม่เกิน 20 กรัมต่อวันจะดีมากอยากจะหาว่าอาหารแต่ละชนิดมี Net Carb เท่าไรให้เข้ากูเกิล แล้วพิมพ์อาหารที่ต้องการรู้ + แคลอรี่ เช่น คะน้า + แคลอรี่ พอเข้า ไปดูในเว็บมันก็จะขึ้นตามแบบตัวอย่างที่อยู่ด้านล่างพอลดการกินแป้งและน้ำตาล ระดับอินซูลินก็จะค่อยๆลดลง จากนั้น ร่างกายก็จะพยายามปรับเปลี่ยนมาใช้ไขมันเป็นพลังงานเอง จนเมื่อถึงจุดหนึ่งที่โกดังไขมันในร่างกายพร่องลงไป และภาวะ การดื้ออินซูลินลดลง ระบบมันถึงจะกลับมาเป็นปกติ เราก็จะหาย จากโรคเบาหวาน ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น มันต้องใช้ระยะเวลา นานแหละ ปัจจุบัน . . ต่างประเทศมีการทดลองและเก็บค่าสถิติ สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานที่สามารถคุมน้ำตาลในเลือดให้น้อยกว่า 120 เป็นระยะเวลา 2 ปี ได้ พบว่าคนพวกนั้นมีการตอบสนอง ต่ออินซูลินดีขึ้น เกือบเทียบเท่ากับคนปกติ เราก็ได้แต่บอกตัวเองว่า ไม่ต้องไปกดดันมันมาก สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ คือ ค่อยๆ ปั้นระบบให้ร่างกาย มันหัดกินไขมันให้เก่ง ทำให้ได้ในทุกๆวัน แค่นั้น. . พอแล้ว . . - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - กินอะไรได้บ้าง เย้ๆๆๆๆ สุดท้ายเราก็มาถึงหัวข้อที่มันไม่เครียดแล้ว 55+ เม้าเรื่องกินเนี่ยะ เป็นอะไรที่เครียดน้อยสุดแล้วนะ สำหรับเรา เข้าเผ่ากินอะไรได้บ้าง แน่นอนว่า ต้องกินไอ้ที่ไม่มีแป้งน้ำตาล ผงชูรสนั่นแหละ ซึ่งยากมากเวลากินนอกบ้าน แต่อย่างที่บอกไว้ เราสายชิล ถ้าต้องกินอาหารนอกบ้าน ก็ใช้วิธีเขี่ยแป้งออกไปเอาก็พอ เล่าอย่างเดียวมันไม่เห็นภาพ มาๆ เราจะพาไปช๊อปปิ้ง อาหารชาวเผ่ากัน มาทุกคนเกาะรถเข็นเค้ามาเลย . .
ชาวเผ่าส่วนใหญ่เนี่ยะ มีความจำเป็นต้องเข้าครัวทำอาหารเอง เพราะไอ้จะให้กินอาหารนอกบ้านทุกมื้อ มันดูดเงินมากจริงๆ สิ่งที่เราไปช๊อปปิ้งกันก็มักจะเป็นผัก เนื้อสัตว์ ไข่
และเนื่องจากไม่เราไม่กินผงชูรสการซื้อเล้งไปต้ม เอาน้ำซุปจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
เมนูที่มีเห็ดหอมเป็นส่วนประกอบจะยิ่งช่วยเพิ่มความอร่อย
ชาวเผ่าไม่กินวุ้นเส้น เพราะวุ้นเส้นทำมาจากถั่วเขียวถือเป็นแป้ง เราจะกินเส้นแก้วแทน เส้นแก้วทำมาจากสาหร่าย ถือว่าเป็นผัก เส้นแก้วจะมีความกรุบกรอบ แต่ถ้าเราอยากให้มันนุ่มเหมือนวุ้นเส้น ให้เอาเส้นแก้วมาขยำกับน้ำที่ผสมเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา แล้วล้างออก เส้นจะนุ่มขึ้น แนะนำว่าอย่าแช่นานเส้นอาจอืดได้
น้ำมันที่ใช้ ส่วนใหญ่เราใช้น้ำมันมะพร้าว
หรือบางเมนูที่ต้องการน้ำมันน้อย เราจะเลือกใช้สเปรย์น้ำมันมะกอก การเลือกซื้อให้อ่านฉลากดีๆ ว่าเป็นน้ำมันที่ใช้สำหรับทำอาหารหรือไม่
แต่น้ำมันหมูก็ใช้ได้เหมือนกัน แล้วแต่ความชอบ
น้ำตาลที่ใช้เราใช้น้ำตาลหล่อฮังก้วย หรือบางคนจะใช้น้ำตาลหญ้าหวานก็ได้
หรือบางคนเค้าก็ใช้เป็นไซรัปหญ้าหวานแทน
เวลาเลือกซื้อให้เลือกดูส่วนผสมที่มีสตีเวียมากหน่อย อิริทริทอล(สารให้ความหวานแทนน้ำตาล)น้อยหน่อยเป็นใช้ได้ แต่อาหารคีโตฯ ที่เค้าทำขายส่วนใหญ่จะใช้เป็นอิริทริทอลแทนน้ำตาล เพราะมันมีราคาที่ถูกกว่า โดยเฉพาะอิริทริทอลที่มาจากจีน แต่สังเกตุว่า ที่ผลิตจากจีน จะมีรสขมกว่าอิริทริทอลที่ผลิตจากฝรั่งเศสนิดหน่อย
ปลากะป๋องที่กินได้จะเป็นของอะยัม เพราะไม่มีน้ำตาล
ส่วนเครื่องปรุงที่เราเลือกใช้เราชอบน้ำปลาหอยเป่าฮื้อ ซอส KiKoman ฉลากน้ำเงิน ซีอิ๊วขาวเชิงโชวหวั่งสีทอง
น้ำปลาตราปลาหมึกขวดทองก็กินได้ ความจริงแล้วมันกิน ได้หลายยี่ห้อเลือกยี่ห้อที่มีส่วนผสมของน้ำตาลไม่เกิน 2% ก็พอ
มีผงปรุงรสสำหรับอาหารคลีนด้วย ใส่บ้างไม่ใส่บ้างแล้วแต่อารมณ์
เกลือเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องกินในช่วงแรกๆ ต้องกินผสมน้ำ ไม่ต่ำกว่า 1 ชช. ต่อวัน กันโซเดียมตก และอาการคีโตฟูล
เราชอบกินเกลือชมพู เราว่ามันอร่อยกว่า มันเค็มไม่โดดเกินไป หลังๆ มีซื้อพวกเกลือผสมเครื่องเทศมากินด้วยเพื่อความเท่ห์
แล้วนะ . . มันก็ลามปามไปเรื่อยๆ ล่าสุด โปร 7 เดือน 7 อิชั้นสอยเครื่องปรุงคีโตไปแปดร้อยกว่าบาท บร้าไปแว้ววว
แต่ไอซอสปรุงสำเร็จแบบนี้ก็สะดวกดี อย่างซอสผัดไทย เอามาผสมเส้นบุกหรือเส้นโอ๊ตไฟเบอร์ ไรแบบนี้ ก็ทำเมนู ผัดไทคีโตออกมาได้ ซีอี๊วดำเอามาทำผัดซีอิ๊ว หลังๆ มันมี เส้นไข่ขาว กับ เส้นแอลมอนด์มาขายด้วยนะ แต่ว่าราคา ยังแพงมาก เราเลยยังไม่ได้ลองเลย ตัดใจเสียตังค์ยังไม่ได้ 55+ช็อคโกแล๊ตกินได้นะ แต่ขอให้มันเข้มข้นหน่อย ถ้าจะให้ดี ควรเป็นโกโก้ 100% บางคนก็เอาโกโก้ชงผสมกับนมอัลมอนด์ หรือนมพิซซาชิโอ้ ก็อร่อยหอมๆ ดีเหมือนกันนะหลังๆ เรามีเพิ่มอาโวคาโด กับพวกถั่วมาในมื้ออาหารด้วย อาโวก็หั่นกินแบบนั้นเลย ไม่ได้ผสมอะไร
แต่การซื้ออาโวคาโดออนไลน์นี่ลุ้นยิ่งกว่าซื้อหวยอีก ทุกวันนี้สั่งมาดีมั่งไม่ดีมั่ง หาร้านประจำยังไม่ได้เลยอ่ะ
อย่างที่เห็นในรูปนี้ กาแฟบลูเบอรี่เย็นๆ กับอาโวคาโดหนึ่งจาน กินแทนมื้อเช้าไปเลย อ่อ ผลไม้ที่ชาวเผ่ากินได้คือผลไม้ตระกูลเบอรี่ ตะลิงปลิง มะเฟือง ซึ่งมันก็คือไอ้ที่เปรี้ยวๆ นั่นแหละ เคปกู๊ดเบอรี่ก็กินได้นะ แต่ที่เราชอบคือ เรามีอีที่ว่าอยู่ 1 ต้นหน้าบ้าน นั่นก็คือมัลเบอรี่ไงจร๊า อย่างไรก็ตาม ก่อนกินก็ควรคำนวน Net Carb ต่อวันด้วยว่าห้ามเกิน 50
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - วางแผน IF ไอเอฟที่มาจาก Intermittent Fasting คือ การกินอาหารเป็นช่วงเวลาจำเป็นต้องทำไอเอฟไหม? . . ตอบ >>> ความจริงทำก็ได้ไม่ทำก็ได้นะ แต่อีไอเอฟเนี่ยะ มันก็เหมือนเรา เพิ่มช่วงเวลาให้ร่างกายมันเอาไขมันไปใช้ไง ช่วงเวลาที่เราไม่กิน ร่างกายก็จะไม่หลั่งอินซูลิน จากนั้นมันก็จะไปย่อยไขมันที่เราสะสมไว้ มาเป็นกรดไขมันและกรีเซอรอล ส่งมาที่ตับตับก็จะเปลี่ยน อี กรดไขมัน ที่ว่านี้ให้มีขนาดเล็กลง กลายเป็นคีโตน แล้วส่งไปให้ร่ายกายใช้งานอีกที ซึ่ง อีคีโตนเนี่ยะ สมองชอบกินมากนะ เพราะมันถือว่าเป็นพลังงานบริสุทธิ์ ที่ร่างกายผลิตขึ้นเอง ยิ่งทำไอเอฟที่มีช่วงระยะฟาสได้นานเท่าไร ไขมันก็ถูกใช้ไปได้ไวเท่านั้น และเมื่อไขมันถูกใช้เรื่อยๆ ถังเก็บไขมัน ก็ยิ่งพร่อง เราก็ยิ่งจะหายจากโรคเบาหวานได้เร็วยิ่งขึ้น โดยรวมแล้ว มันก็คือเครื่องมือที่ใช้ไปสู่เป้าหมายได้ไวยิ่งขึ้นนั่นแหละ ไปๆมาๆมัน ก็สำคัญอ่ะเนอะ . . จากการวิจัยที่เมืองนอกมีหมอท่านหนึ่ง รักษาผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นโรคอ้วนโดยให้ทำไอเอฟไปด้วย เค้าสามารถทำสถิติช่วงฟาส คือ ช่วงที่คนไข้ไม่กิน นานเป็นเดือนเลยนะ แสดงว่าคนพวกนี้มีไขมันที่สะสมไว้เยอะมากจริงๆ แต่เราก็ไม่กล้าทำแบบนั้น หรอกนะ อะไรที่มันสุดโต่งเกินไป ถ้าอยากทำ ก็ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ สำหรับเราแล้ว เกี่ยวกับการทำ IF เราไม่กำหนดเป็นกฎตายตัวหรอก ว่าต้องกินกี่โมงไม่กินกี่โมง เราใช้วิธีหิวก็กินอิ่มก็หยุด (แต่ต้องแน่ใจว่าหิวจริงนะ)ช่วงแรกๆ ที่เข้าเผ่า เราจะอัดมื้อเช้าให้อิ่ม ไปสักพัก แต่ในขณะเดียวกัน ก็เตรียมมื้อเที่ยงไว้ด้วย ถ้าถึงเวลา พักเที่ยงแล้วหิว เราจะกินมื้อเที่ยงด้วย ถ้ากินเช้ากับเที่ยงแล้วอิ่ม ส่วนใหญ่เราจะไม่หิวมื้อเย็น ไม่หิวแบบที่ว่า รู้สึกเหมือนอิ่มจุก อยู่ที่คอ ตลอดเวลาก็มี ทีนี้ มันก็เหมือนได้ทำ IF ไปในตัว โดยไม่ต้องพยายามเลย เพราะมันไม่หิวเอง
ในระหว่างการทำไอเอฟสามารถกินน้ำที่ไม่มีแคลอรี่ได้เช่นน้ำแร่ โซดา เกลือ ชา กาแฟไม่ใส่น้ำตาลก็กินได้นะ
เราชอบกินชาโฮจิฉะ ซองส้มๆ ที่เห็นนี้สอยมาจากเจ้เล้ง หอมมาก ถ้าหมดแล้วว่าจะไปสอยมาอีก
บางทีเราก็ไปกดกาแฟตู้ข้างล่างตึกเอามาผสมโซดาน้ำแข็ง ถ้าใส่เกลือชมพูนิดๆ ล่ะคุณเอร้ยยยย ระบายท้องได้ดีนักแลหลังจากที่กินคีโตฯ ได้สักระยะหนึ่ง จนร่างกายใช้ไขมัน ได้อยู่ตัวแล้ว มันก็จะสามารถยืดระยะเวลาไอเอฟได้มากขึ้น โดยที่ไม่หิวเลย ที่ไม่หิวเพราะร่างกายสามารถสลายไขมัน ที่สะสมไว้ได้เก่งแล้วนั่นเอง คือมรึงไม่แดรกใช่ไม๊ ไม่เป็นไรตูแดรกไขมันได้ เนี่ยะมันเหมือนเป็นสูตรโกงจริงๆนะ แบบที่ว่า นอนเฉยๆ ไขมันก็หายไปได้ อย่างไรก็ตาม . . เมื่อร่างกายมันสลับโหมดมาใช้ไขมันจนถึงจุดหนึ่ง มันก็อาจจะอยู่ตัวแล้วทำให้น้ำหนักค้าง เราอาจต้องเพิ่มการ ออกกำลังกายเข้ามาในชั่วโมงที่เรา IF ด้วย เพื่อเป็นการ กระตุ้นให้ร่างกายเอาไขมันไปใช้ได้มากขึ้น . .มิถุนายน 2566 VS กุมภาพันธ์ 2566วันนี้เป็นวันที่ 59 ของการเข้าเผ่า รอบนี้ไม่ได้เคร่งมาก ก็เลยมีแบบปนเปื้อนบ้าง หลุดบ้าง เอิ่มม ก็เหมือนจะใช้คำว่า บ้างไม่ได้เพราะมันปนเปื้อนทุกเสาร์อาทิตย์เลย เหอๆ . . แต่โดยรวมแล้วถือว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี . . กำลังใจยังเต็มร้อย ค่อยๆ ปั้นระบบกันต่อไป เป้าหมายระยะใกล้ แบบให้เลขสวยๆเลย คือ ให้ได้ค่าน้ำตาลต่ำกว่า 120 คงที่ เป็นระยะเวลาสามเดือน ถ้าทำได้ถือว่า เข้าสู่ภาวะเบาหวานสงบ ส่วนเป้าหมายระยะไกล คือทำต่อไปให้ครบสองปี ถ้าได้ ก็ถือว่าหายจากโรคเบาหวาน ซึ่งตอนนี้ ผ่านไปเกือบสองเดือนแล้ว น้ำตาลยังไม่นิ่งเลยเฮ้ย กดดันมาก 55+ อย่างไรตาม ท้อได้ แต่ก็ห้ามถอยเด็ดขาด จำไว้เลยนะหนอนเอร้ยย!!บั น ทึ ก ต ะ พ า บ แ บ บ เ ผ่ า ๆ โ ด ย . . ตั ว ห น อ น กิ๊ ว ๆ
Create Date : 18 กรกฎาคม 2566 |
Last Update : 19 กรกฎาคม 2566 19:44:59 น. |
|
40 comments
|
Counter : 917 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณทนายอ้วน, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณกะว่าก๋า, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณhaiku, คุณเริงฤดีนะ, คุณtoor36, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณThe Kop Civil, คุณkae+aoe, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณtuk-tuk@korat, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณตะลีกีปัส, คุณNENE77, คุณอุ้มสี, คุณชีริว, คุณnewyorknurse, คุณดอยสะเก็ด |
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 18 กรกฎาคม 2566 เวลา:11:54:23 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 18 กรกฎาคม 2566 เวลา:15:25:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 กรกฎาคม 2566 เวลา:20:36:58 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 18 กรกฎาคม 2566 เวลา:22:21:39 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 18 กรกฎาคม 2566 เวลา:23:19:39 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กรกฎาคม 2566 เวลา:5:24:22 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2566 เวลา:19:33:46 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กรกฎาคม 2566 เวลา:21:43:35 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กรกฎาคม 2566 เวลา:5:38:16 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 20 กรกฎาคม 2566 เวลา:11:00:17 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 20 กรกฎาคม 2566 เวลา:14:30:16 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 20 กรกฎาคม 2566 เวลา:22:55:18 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 21 กรกฎาคม 2566 เวลา:0:59:53 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 22 กรกฎาคม 2566 เวลา:12:27:07 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 22 กรกฎาคม 2566 เวลา:18:48:12 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 23 กรกฎาคม 2566 เวลา:7:25:03 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กรกฎาคม 2566 เวลา:5:28:57 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 26 กรกฎาคม 2566 เวลา:6:49:39 น. |
|
|
|
|
|
รอนะครับ
จากบล๊อก
ไม่เอาก็ได้คับ กลัว....