Group Blog
 
 
กันยายน 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
12 กันยายน 2557
 
All Blogs
 

'หญ้าหวาน' อีกหนึ่งทางเลือกของคนกลัวอ้วน...แต่ขาดหวานไม่ได้!

 
 
 
 
 
ปัจจุบันนี้ ผู้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจกับสุขภาพ และการดูแลร่างกายกันมากขึ้น
เหตุเพราะมลพิษบนโลกที่นับวันก็ยิ่งมีเยอะขึ้นทุกวัน รวมถึงอาหารการกินที่มีขายตามท้องตลาด
ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยถูกต้องตามหลักโภชนาการเท่าไรนัก อาศัยความสะดวกและรวดเร็วเข้าว่า
จึงไม่แปลกเลย...เมื่อเดินตามท้องถนน หันไปทางไหนก็จะเห็นแต่ร้านอาหารฟาสฟู้ด
เปิดขายตามข้างทางเต็มไปหมด การบริโภคที่ไม่ถูกหลักนี้เอง
ทำให้ผู้คนป่วยเป็นโรคนั้นโรคนี้ รวมเป็นถึงโรคอ้วนด้วย 
ถ้าความอ้วนนำมาซึ่งโรคภัย จงรู้ไว้เถิดว่า... เมื่อน้ำหนักตัวคุณเพิ่มมากขึ้น 1 กิโลฯ 
หมายถึงว่า.. ร่างกายของคุณกำลังสุ้มเสี่ยงต่อการเป็นโรคเพิ่มขึ้นไปตามกันแล้ว..
 
จากปัญหาข้างต้นเราจึงเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาปฏิวัติการกินกันเสียใหม่
พวกเขา... ย้อนกลับไปกินอาหารตามสมัยดึกดำบรรพ์ โดยการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ 
ครบทั้ง 5 หมู่ และเน้นการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด ยกตัวอย่างเช่น การกินคลีน เป็นต้น 
แม้ว่ารสชาติอาหารดังกล่าวจะย่ำแย่แค่ไหนก็ตาม..เถอะนะ 
แต่เพื่อสุขภาพแล้ว จึงต้องอดทนกันต่อไป...
 
แต่สำหรับคนบางจำพวก... ที่ยังติดอยุ่กับกลิ่นและรสชาติของอาหาร
แม้จะรักสุขภาพเท่าไรก็ตาม แต่การจะให้คนพวกนี้.. ลุกขึ้นกินต้มๆ จืดๆ เหมือนใครๆ เขา
คงเป็นไปได้ยาก ดังนั้น... วันนี้ เราจึงขอนำเสนอพืชชนิดหนึ่ง
 
ที่ชื่อว่า.. "หญ้าหวาน"  ซึ่งเป็น . . .พืชจำพวกสมุนไพร 
ที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 10-15 เท่า โดยข้อดีของมัน 
ก็คือ เป็นความหวานที่ไม่ก่อให้เกิดพลังงานแต่อย่างไร (0 แคลอรี/กรัม) 
 
 
 
นอกจากนี้ ในพืชที่ว่ายังมีสารสกัดที่ชื่อว่า สตีวิโอไซด์ (stevioside) 
ซึ่งเป็นสารที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 200-300 เท่า
ย้ำกันอีกครั้งว่า 0 แคลอรี่ เท่านั้นนะ เลิศมากไหมล่ะ เพราะงั้น.. 
ด้วยความพิเศษนี้เอง มันจึงเป็นพืชที่ควรค่าแก่การศึกษาและหยิบยกเอามาบอกกล่าว
ให้รู้โดยทั่วกัน ที่สำคัญเลยคือ มีประโยชน์มากๆ กับคนที่เป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วน
 
 
 
ต้นหญ้าหวาน  มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า
สตีเวีย รีบาวเดียนา เบอร์โทนี (Stevia Rebaudina Bertoni) เรียกสั้นๆ ว่า สตีเวีย
 
 
 
เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุประมาณ 3 ปี  ลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย สูงประมาณ 30-90 เซนติเมตร
ลำต้นแข็งและกลม ลักษณะทั่วไปคล้ายต้นโหระพา ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด และการใช้กิ่งชำปลูก
จัดอยู่ในประเภท พืชพื้นเมืองที่เกิดโดยธรรมชาติ โดยมากเติบโตในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ของประเทศปารากวัย และต่อเนื่องไปจนถึงประเทศบราซิล ของทวีปอเมริกาใต้
 มีชื่อเดิมว่า "คาร์เฮฮี" (Kar-he-e) ในภาษาปารากวัย หรือ "เยอบา ดูเคิล" (Yerba ducle)
ในภาษาสเปน ซึ่งแปลว่า "สมุนไพรหวาน" ที่ชาวพื้นเมืองใช้สำหรับผสมเพิ่มรสหวาน
ในอาหารเครื่องดื่มและชงชา "มะเตะ" ซึ่งมีรากฐานการใช้มานานกว่า 1500 ปีแล้ว
ต่อมา ญี่ปุ่นได้นำหญ้าหวานมาใช้อย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ปี 1982 คือ นำไป
ใช้ผสมกับผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ เช่น เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว ผักดอง เนื้อปลาบด เป็นต้น
 
 
สำหรับในประเทศไทย หญ้าหวานได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในภายหลัง และ
ได้มีการนำเข้ามาปลูกในช่วงปี พ.ศ.2518 โดยมีการนำมาเพาะปลูกในภาคเหนือ 
ซึ่งพบว่า มีปลูกกันมากในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และลำพูน เนื่องจาก
พืชนิดนี้ชอบอากาศที่ค่อนข้างเย็น ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส 
และพืชชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีเมื่อเพาะปลูกในพื้นที่สูง
ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 600-700 เมตรขึ้นไป
 
 
 
 
[ ความเป็นมาของหญ้าหวาน ]
 
 
เดิมทีนั้น..  พืชสมุนไพรตัวนี้ เป็นเพียงภูมิปัญญาที่ปราชญ์ชาวบ้าน
ได้ดัดแปลงเป็นยา เช่น ต้มน้ำดื่มแก้หวัด บ้วนปากแก้ฟันผุ เท่านั้น จนมาในปี
ค.ศ.1887 Bertoni นักวิทยาศาสตร์ชาวปารากวัยได้เข้าศึกษาถึงความสำคัญ
ของสมุนไพรหญ้าหวานนี้  ผ่านไปถึงปี ค.ศ.1899 ได้มีชาวอังกฤษผู้หนึ่ง
นำเอาต้นสตีเวียจากประเทศปารากวัยไปทดลองปลูก
จึงทำให้ชาวโลกได้รู้จักพืชชนิดนี้กันมากขึ้น
 
จากวันนั้น... มีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้นำเอาเจ้าต้นหญ้าหวานนี้
ไปศึกษาหาสารสำคัญ ค้นคว้าประโยชน์และโทษกันอย่างต่อเนื่อง 
และมีการนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางยาวนาน ซึ่งในขณะนั้น
ยังไม่มีรายงานว่ามันเป็นอันตรายแต่อย่างใด 
 
จนกระทั่งต่อมาในปี ค.ศ.1985 มีผลงานวิจัยทางด้านลบของหญ้าหวานออกมา 
จากนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันที่ชื่อ John M. Pezzuto และคณะ
โดยสรุปผลการวิจัยว่า... หญ้าหวานนั้นอันตราย 
เพราะทำให้เกิดการ Mutagenic สูงมากในหนูทดลอง
ซึ่งจากผลงานวิจัยนี้เอง ส่งผลให้องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA)
ออกมาประกาศให้หญ้าหวานเป็นหญ้าชนิดไม่ปลอดภัยและห้ามใช้เป็นสารปรุงแต่งในอาหาร
ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย
 
 
ต่อมาในปี ค.ศ.1991 มีนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า Emily Procinska และคณะ 
ออกมาแย้งว่ารายงานวิจัยของนาย John M. Pezzuto  ว่าน่าจะมีข้อผิดพลาดนะเออ..
โดยเขาบอกว่า..ตนได้ทำการทดลองซ้ำอยู่หลายครั้ง
 แต่ผลก็ออกมาว่า.. หญ้าหวานไม่มีผลทำให้เกิด Mutagenic แต่อย่างใด
หลังจากนั้น.. ก็ได้มีรายงานต่างๆ ของนักวิทยาศาสตร์หลายท่าน
ออกตามมาอีกมากมายที่ระบุว่า... 
 
ผลของ mutagenic ในสารสกัดหญ้าหวานมีผลน้อยมาก 
มีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้นำหญ้าหวานนี้มาตรวจสอบความเป็นพิษ
สุดท้ายพบว่างานวิจัยส่วนมาก ระบุ... หญ้าหวานไม่มีพิษและไม่มีหลักฐานใดๆ 
ที่บอกว่าหญ้าชนิดนี้ ทำให้เกิดข้อบกพร่องหรือเกิดโรคมะเร็งแต่อย่างใด
ถึงอย่างนั้น... FDA ของสหรัฐเองก็ยังไม่สั่งระงับการห้ามใช้หญ้าหวาน
 
 
จนในที่สุดองค์การอนามัยโลก หรือ WHO (World Health Organization) 
ได้ยื่นมือเข้ามาไกล่เกลี่ย และรายงานการประเมินผลอย่างละเอียดจากงานวิจัยต่างๆ 
โดยระบุว่าหญ้าชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด และในที่สุดของที่สุดอีกทีหนึ่ง
(เออหลายสุดจริงๆ 55+) เมื่อปี ค.ศ.2009 FDA สหรัฐจึงออกประกาศว่า..
 
 
' หญ้าหวานเป็นพืชที่ปลอดภัย และให้การยอมรับ
ว่าเป็น GRAS (Generally Recognized As Safe) '
 
 
จึงเป็นอันยุติข้อพิพาททางวิชาการเกี่ยวกับพืชชนิดนี้
ในส่วนของประเทศไทยของเรานั้น ได้มีทีมวิจัย
 จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกมาสรุปว่า.. 
 
สารสกัดจากหญ้าหวานมีความปลอดภัยในทุกๆ กรณี 
 
 
โดยค่าสูงสุดที่กินได้อย่างปลอดภัย คือ 7,938 มิลลิกรัม/กิโลกรัม 
ซึ่งสูงมากถ้าเทียบเท่ากับการการผสมในเครื่องดื่ม นั่นก็คือ กาแฟ 73 ถ้วยต่อวัน 
หมายถึงว่า.. คุณต้องกินกาแฟที่ผสมน้ำเชื่อมหญ้าหวานถึง 73 ถ้วยต่อวันเท่านั้น 
จึงจะมีผลกระทบต่อร่างกายได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอน คนบ้าอะไรจะกินกาแฟตั้ง 73 ถ้วย
แค่ 2-3 ถ้วย ต่อวัน ก็ถือว่ามากแล้ว โดยสัดส่วนการใช้หญ้าหวานอย่างปลอดภัย 
คือ ประมาณ 1-2 ใบต่อเครื่องดื่ม 1 ถ้วย  ถือเป็นปริมาณที่เหมาะสม 
และไม่หวานมากจนเกินไปนัก เอาเป็นว่ากินแต่พอดี 
ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปนั่นล่ะดีที่สุด
 
 
ในปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
 ก็ได้มีขึ้นทะเบียนให้สามารถใช้สารสตีวิโอไซด์เพื่อการบริโภค
แทนน้ำตาลได้ เพราะมีความปลอดภัยสูง มีพิษเฉียบพลันต่ำ
ไม่เป็นอันตราย หรือมีผลข้างเคียงใดๆ 
 
 
เอาล่ะ ในเมื่อ.. อย. ปุกาดๆ ว่าหญ้าหวานกินได้แล้ว
เราก็มาดูถึงคุณประโยชน์ของมันกันบ้างดีกว่า...
 
 
[ ประโยชน์ของหญ้าหวาน ]
 
 
1. ง่ายต่อการนำมาใช้ลดน้ำหนักและดีกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
เพราะมีสาร Stevioside ที่ให้รสหวานกว่าน้ำตาลถึง 200-300 เท่า 
 ใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล โดยไม่ทำให้นำตาลในเลือดสูง
และมีข้อดีเหนือกว่าน้ำตาลหลายอย่าง เช่น ไม่ทำให้ฟันผุ ทนต่อความร้อนและกรด 
ไม่ทำให้อาหารเกิดสีน้ำตาล เมื่อผ่านความร้อนสูงๆ สามารถนำมาปรุงอาหารร้อนบนเตาได้ 
ไม่ถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ เพราะฉะนั้นเมื่อใช้กับอาหาร จึงไม่ทำให้เกิดการบูดเน่า 
และประการสำคัญที่สุด คือไม่ถูกดูดซึมในระบบการย่อย จึงไม่ให้พลังงาน 
ทานเท่าไรก็ไม่ทำให้อ้วน จึงช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี 
 
 
2. นำไปแปรรูปผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่างๆ ดยปัจจุบัน
นิยมบริโภคหญ้าหญ้าหวานอยู่ด้วย 5 รูปแบบ โดยเรียงลำดับจากมากไปน้อยได้แก่ 
ใบอบแห้ง, ใบแห้งบดสำหรับชงแบบสำเร็จรูป (ชาหญ้าหวาน), ใบสด, 
ใบแห้งบดสำหรับใช้แทนน้ำตาล (หญ้าหวานผง), และแบบสารสกัดจากใบแห้งด้วยน้ำ 
โดยจะนิยมนำมาชงเป็นชาดื่ม รองลงมาก็คือ การนำมาต้มและเคี้ยว 
แต่จะไม่ค่อยนิยมนำมาบริโภคในแบบผสมกับอาหารเท่าใดนัก 
 
 
3. นำใช้แทนน้ำตาล หรือใช้ทดแทนน้ำตาลบางส่วน
เพราะสารสตีวิโอไซด์นั้นมีความทนทานต่อกรดและความร้อนได้เป็นอย่างดี 
จึงสามารถนำใช้ในอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น น้ำอัดลม น้ำชาเขียว 
ขนมเบเกอรี่ แยม เยลลี่ ไอศกรีม ลูกอม หมากฝรั่ง ซอสปรุงรส ฯลฯ 
 
 
4. อุตสาหกรรมอาหารสารสกัดจากหญ้าหวานถือว่ามีข้อดีหลายอย่าง 
เช่น การไม่ถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ เมื่อนำมาใช้กับอาหารจึงไม่ทำให้อาหารเกิดเน่าบูด 
ไม่ทำให้อาหารเกิดสีน้ำตาลเมื่อผ่านความร้อนสูงๆ และที่สำคัญก็คือ 
จะไม่ถูกดูดซึมในระบบย่อยอาหาร จึงเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่เป็นโรค
เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิต และโรคหัวใจ โดยสารสตีวิโอไซด์ 
นอกจากจะใช้ในอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ปัจจุบันยังมีการนำไปใช้
แทนน้ำตาลในการผลิตยาสีฟันอีกด้วย
 
 
 
[ หญ้าหวาน อันตรายหรือไม่ ? ]
 
 มีความกังวลว่า สารสกัดดังกล่าวสามารถทำให้เป็นหมันได้หรือไม่? 
แล้วมันจะไปขัดขวางการดูดซึมของสารอาหารอื่นๆ ในร่างกายด้วยหรือเปล่า? 
เพราะเคยมีรายงานระบุว่าชาวปารากวัยกินหญ้าหวานแล้วทำให้เป็นหมัน
หรือไปลดจำนวนของอสุจิลง จนทำให้ประเทศไทยได้ใช้ประเด็นนี้ในการอ้างไม่อนุญาต
ให้มีการใช้หญ้าหวาน ซึ่งจากรายงานต่างๆ ที่ประชุมได้สรุปข้อมูลจากรายงายต่างๆ 
และได้มีการยืนยันว่าสารสกัดดังกล่าว เมื่อป้อนในหนูทดลองถึง 3 ชั่วอายุ จำนวน 3 รุ่น 
ไม่พบการก่อการพันธุ์แต่อย่างใด หมายความว่าหนูทดลองยังคงขยายพันธุ์ได้เป็นปกติ 
และในญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีการห้ามใช้หรือกลัวประเด็นนี้แต่อย่างใด เพราะมีการใช้มายาวนาน
ถึง 17 ปี โดยไม่พบว่ามีแนวโน้มความเป็นพิษแต่อย่างใด
 
 
Special Tip:  Green Coke
 
 
 
บริษัท โคคา โคล่า ในอาร์เจนติน่า เปิดตัวน้ำอัดลมเพื่อสุขภาพ 
ซึ่งป็นสูตรที่ใช้  “หญ้าหวาน” ลดแคลอรี่ และน้ำตาลในเครื่องดื่มลง 
บริษัท โคคา โคล่า ของอาร์เจนติน่า ได้เปิดตัวน้ำอัดลมเพื่อสุขภาพ 
 “โคคา โคล่า ไลฟ์” (Coca Cola Life)  ที่ลดแคลอรี่และน้ำตาล
ในผลิตภัณฑ์ลง แต่รสชาติยังคงเหมือนเดิม โดยใช้สารทดแทนความหวาน
ที่สกัดมาจากพืชธรรมชาติอย่าง “หญ้าหวาน” แทน 
 
“โคคา โคล่า ไลฟ์” ถือเป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมชนิดแรก 
ที่สามารถนำสารทดแทนความหวานที่สกัดจากพืชธรรมชาติมาใช้ในผลิตภัณฑ์ได้เป็นผลสำเร็จ
นอกจากนี้ยังได้เปลี่ยนฉลากของผลิตภัณฑ์โคคา-โคล่า ไลฟ์ให้เป็นสีเขียว 
จากเดิมที่เป็นสีแดง เพื่อสื่อถึงว่า “เครื่องดื่มนี้มีสารสกัดจากธรรมชาติ”  อีกด้วย
 
เลิศ....... เมื่อไหร่เมืองไทยจะมีนะ.. หนอนจะได้ประกาศตัวเป็นสาวก ฮ่าๆ
 
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 
 
สำหรับตัวหนอนเอง.. ที่กำลังอยู่ระหว่างทางของการลดน้ำหนัก
ถึงแม้จะกินคลีนอย่างใครเขาไม่ได้ แต่ก็พยายามกินแบบไม่ปรุง กินจืดบ้างไรบ้าง
จืดๆ มันก็กินได้นะ.. ถ้าเบื่อนานๆ ทีหนอนก็จัดยำจัดต้มยำเผ็ดๆ สักครั้งหนึ่ง
สรุปอาหารคาวไม่ใช่ปัญหาเท่าไรนัก แต่ของหวานนี่สิ
อยากบอกว่าอ้วนมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะของหวานนี่แหละ ฮ่าาา..
(ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน) เพราะงั้น... เพื่อเป็นการรั้งระยะเวลา
การคุมอาหารของตัวเองไว้ให้ยาวนาน หนอนก็เลยจัดเมนูของหวานที่อ้วนไม่มาก
(มีหรอยะ ไอ้ไม่มากนี่ จะหาเรื่องกินก็บอกมาเถอะหล่อน) นั่นล่ะ... 
โดยอัตราการทำตก อาทิตย์ล่ะครั้ง (บางทีทำเยอะก็เก็บไว้กินได้หลายวัน) 
 
แต่ส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้ใส่มากนัก ให้พอรับรู้รสหวานเป็นพอ
ไม่ใช่กลัวจะติดหวานหรืออะไรหรอกนะ... แบบว่า.. ประเด็นสำคัญเลย 
คือ มันแพงอ่ะ... ฮ่าาาาา กินหวานเยอะ หมดเร็วขึ้น ก็ซดตังค์มากขึ้น..ตามกัน
 
ขอยกตัวเมนู ... มาไว้นิดหน่อย เช่น
 
 
1.  ไข่หวาน   หนอนเรียกการโยนไข่ลงในนม 0 % ที่กำลังเดือดว่าไข่หวานจ๊ะ.. 55+
 แน่นอนเหยาะหญ้าหวานลงไปนิดโหน่ยยย อร่อยล้ำ เป็นอันหายอยาก..
 
 
 
 
2. พุดดิ้งโยเกิร์ต  ไปอ่านเจอว่าการกินวุ้นหรือเจลาตินมากไม่ดี
แต่ยังไม่ได้หารายละเอียดเพิ่มเติมไม่รู้ว่าจริงไหม แต่เจลาตินมันกินแล้วไม่อ้วนเพราะ
แคลอรี่ต่ำมาก คือ 340 กิโล/แคล ต่อ 100 กรัม หนอนทำพุดดิ้งใช้เจลาติน 1 ชต.
ผสมกับโยเกิร์ต 0 % และนม 0 % อย่างละถ้วยได้ฟุดดิ้งหลายชิ้นเลย 
แถมแคลฯ ต่ำอีกต่างหาก เลยทำกินบ่อยเหมือนกันเมนูนี้ 
 
 
 
 
3. พวกขนมที่ทำจาก Oat Bran
 เช่น คัพเค้กช็อคโกแลต คลิกดูวิธีการทำ , เค้กอบเชย, แพนเค้ก ฯลฯ เป็นต้น
พวกนี้กินมากก็อ้วนเหมือนกัน แต่ว่ามีใยอาหารและทำให้อิ่มได้นาน เพราะงั้นกินได้.. (คิดเอง)
 
 
 
4. พวกวุ้นต่างๆ  วุ้นมีแคลอรี่พอๆ กับเจลาตินนั่นก็คือ 340 กิโล/แคล ต่อ 100 กรัม
ซึ่งวุ้น 1 ชต. ทำวุ้นได้ 2 ถ้วย เทียบกับแคลอรี่ต่อร้อยกรัมแล้ว ถือว่าน้อยนิดเหมือนกัน
เลือกสรรค์เมนูได้ตามชอบใจ.. หนอนก็ทำไปเรื่อย วุ้นกาแฟในนม 0 % บ้าง
วุ้นกาแฟในกาแฟดำบ้าง... กินเป็นหวานเย็นกันไปเลย แต่ทำจืดเหมือนกัน
ขนาดคิดว่ามันหวานแล้วนะ คนข้างๆ กินแล้วยังบอกว่า.. จืดอะหนอน ไรฟระ
ของคนลดน้ำหนักจะให้หวานไปไหน.. อยากได้หวานๆ เอาตังค์ค่าหญ้าหวานมา
หนอนจะเทให้หมดขวดเลย รับรองคราวนี้หวานจ๋อยอะ..
 
 
 
5. นมกาแฟ   เมนูนี้ จะกินในตอนบ่าย เป็นนม 0 % + หญ้าหวาน + ข้าวโอ๊ต 
เวฟกินร้อนๆ เลิศมาก หายง่วงเลย
 
 
6. อเมริกาโน่  แบบเป็นคนติดกาแฟ และชอบกินกาแฟดำ ก็เลยโชคดีไปเพราะกาแฟ
เป็นอะไรที่แคลอรี่ต่ำมาก.. (ถ้าไม่ใส่น้ำตาลน่ะนะ) เวลาไปต่างจังหวัดเพื่อนมันแวะปั๊ม
เข้าอะเมซอนทุกรอบ.. ก็ได้กินกับเขาด้วย ดำเนินชีวิตไปอย่างไร้ปัญหา 
(เออ เรื่องกินเป็นปัญหาหลักของชีวิตหล่อน  -  - " ) หิ้วซองหญ้าหวานเข้าไป
บอกพนักงานไม่ต้องใส่น้ำตาลนะคะ พร้อมยกซองให้เขาไป
บอกใส่ไอ้นี่แทน แค่นี้ก็คุมแคลฯ ได้แล้ว เสียใจอยู่อย่างเดียวว่า.. 
เสียเงินเท่าเดิม.. มันน่าจะมี.. นโยบายลดตังค์ให้กับคนพกหญ้าหวานมาจากบ้านนะ
เอิ๊กกกกก ไร้สาระเนอะหนอนนี่ 55+ ..
 
 
 
ส่วนการหาซื้อหญ้าหวานมากินนั้น.. 
 
 
ใบแห้ง หาซื้อได้ตามร้านขายสมุนไพรไทย ของหนอนซื้อที่โครงการหลวงค่ะ
 
 
 
 
บันทึกและรวบรวม... บทความ
...เกี่ยวกับความเลิศสแมนแตนของ 'หญ้าหวาน'
โดย... หนอน
 
 
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก..
 
 
 
 




 

Create Date : 12 กันยายน 2557
7 comments
Last Update : 31 มกราคม 2563 14:55:45 น.
Counter : 6089 Pageviews.

 

มันหวานจริงๆเหรอ พี่ไม่เคยกินเลยอ่า


เห็นของกินของหนอนแล้ววว แต่ละอย่างขยันจริงๆน้องเอ๊ย!

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 861805 12 กันยายน 2557 19:28:17 น.  

 

หญ้าหวานที่เมืองจีนก็มี
แล้วหวานจริงๆนะครับ
เป็นสมุนไพรเช่นกัน
แต่ไม่รู้ใช่ตัวเดียวกันรึเปล่า
เพราะน้องหนอนบอกไว้ว่ามาจากปารากวัย

ปล. อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆนะครับ
ความตายอยู่ใกล้ตัวเรามาก
จนเราไม่ทันได้นึกถึงเลย

 

โดย: กะว่าก๋า 12 กันยายน 2557 21:05:55 น.  

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ

พี่ก๋าเคยซื้อมาชงกิน
แต่ซื้อจากเมืองจีนครับ

หอมหวานจริงๆ

 

โดย: กะว่าก๋า 12 กันยายน 2557 23:32:11 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องหนอน

 

โดย: กะว่าก๋า 13 กันยายน 2557 6:30:59 น.  

 

 

โดย: I_am_umami 14 กันยายน 2557 10:01:24 น.  

 

มาเยี่ยมจ้าาา คิดถึงง

 

โดย: ladysamui 14 กันยายน 2557 19:26:56 น.  

 

สวัสดียามเช้า
เที่ยวสนุกไหม
เป็นไงบ้าง
ไม่เห็นในเฟสเลย
บล็อคนี้มีคุณประโยชน์แก่พี่ นัก
เดี๋ยวจะไปฟุ๊ดแลนด์
สอย หญ้า หวาน สักกล่อง
..........
พี่มันพวก ขาด หวาน ไม่ได้
ไม่ได้จริง ๆ
555

 

โดย: รู้นะว่าคิดถึง 15 กันยายน 2557 8:33:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nonnoiGiwGiw
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Friends' blogs
[Add nonnoiGiwGiw's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.