ผู้หญิงกับเครื่องบิน
หลายๆคนเวลาที่มีผู้หญิงคนไหนบอกว่าทำงานเกี่ยวกับเครื่องบินหรือสายการบินละค่ะ 99% คงคิด หรือถามต่อไปเลยว่า เป็นแอร์ใช่มั้ย บลูเองก็เจอคำถามแนวนี้บ่อยๆค่ะ พอบอกว่าเป็นนักบิน ก็จะมีคำถามต่อมาหลักคือ จริงหรอ โหเท่ห์จัง ไม่ก็ก็นักบินหญิงมีด้วยหรอ ไม่ก็จะเป้นคำถามที่บลูตอบไม่ค่อยจะถูกคือ นึกไงไปเป็นนักบิน
บลูเคยถามรินนะคะว่าแบบบลูเนี่ยพอจะเป็นแอร์กะเค้าได้มั้ย รินทำหน้าเหมือนได้ยินเรื่องแปลกที่สุดในโลก จากนั้นก้อหัวเราะ จากแค่ อิอิ คิคิ กิ๊กๆ จนปล่อยก๊ากแบบชนิดไม่ห่วงสวย เธอหัวเราะจนบลูคิดว่าบลูน่าจะไปเอาดีทางเล่นตลกเลยนะ รินหัวเราะจนเหนื่ื่อยเลยค่ะ แล้วรินก็บอกว่า บลุน่ะ หน้าตาผ่าน แต่นิสัย แค่สอบสัมภาษคงไม่ใช่แค่ไม่ผ่าน แต่อาจโดนจับโยนออกมาเลยก็ได้ (อะไรจะปานนั้นเนี่ย) รินบอกว่า ผู้หญิงหน้าตายแบบบลูเนี่ยไปปั้นจิ้มปั้นเจ๋อยิ้มต้อนรับใครไม่ได้หรอก แถมให้่บลูไปคอยบริการที่ต้องคอยท่องคำว่าอดทน ใจเย็น ยิ้มหวาน รินบอกว่าบลูคงสติแตกใน 10 วินาทีแรกแน่ๆ คิดไปคิดมาก็คงจริง แบบบลูคงทนใจเย็นกะผู้โดยสารลามก จู้จี้ เจ้าปัญหา (รินเล่าให้ฟังบ่อยตอนเป็นแอร์
หลายคนเคยถามว่าเป็นนักบินเนี่ยยากมั้ย บลูคงตอบว่าไม่ยาก มันก็ไม่ยากจริงๆนะคะ เก่งคำนวนนิดนึง ภาษาดีๆนห่อย(โทอิกไม่ต่ำกว่า 650 คะแนน) แค่นี้ก็มีลุ้นกับการสอบชิงทุนล่ะ หรือถ้ามีเงินละก้อ กำเงินไปเลยค่ะ หลักสุตรนักบินพานิชตรี ใช้เงินราวๆ 2.5 ล้าน (พอๆกะปริญญาโทเลยล่ะ)
มีคนเคยบอกว่าผู้ฆญิงไม่เหมาะกับการเป็นนักบิน โดยใช้คำอ้างที่ว่าขนาดสายการบินแห่งชาติอย่างการบินไทยยังไม่รับนักบินหญิงเลย อืมมันก็จริงนะ ไม่รู้ทำไมไม่รับซิเนี่ย แต่บลูเคยอ่านงานวิจัยพบว่า ชายมีความสามารถเฉพาะทางสูงกว่าฝ่ายหญิงรวมถึงความรวดเร็วในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าดว้ย แต่ก็มีข้อเสียคือ ผู้ชายมักจะเลือกทางที่เสี่ยงต่ออันตรยมากกว่าผู้หญิงที่มักจะรอบคอบ และมีความช่างสังเกตุมกกว่า ถึงแ้จะติดสินใจช้า แต่มักจะมีความสามารถในการรวบรวมข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ดีกว่า ข้อดีอีกอย่างของผู้หญิงคือ ความสามารถในการควบคุมอารมณืที่สูวกว่าเพศชาย ทำให้่ทนต่อสภาวะความกดดันได้ดีกว่า
อันนี้หมายถึงโดยทั่วๆไปนะคะ ไม่เกี่ยวกับการบินแต่อย่างได แต่อาจมีส่วนเล็กๆเป้นส่วนเสริเท่านั้น เพราะการเป้นนักบินพานิชนั้นนอกจะต้องสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษแล้ว (สองขั้นตอนนี้อาจจะมีเด็กเส้นหลุดมาบ้าง) ยังมีการทดสอบทางจิตวิทยา ซึ่งทางสายการบินจะมาก่าวก่ายตรงจุดนี้ไม่ได้ เพื่อทดสอบว่าเรามีคุณสมบัติพอที่จะรับผิดชอบผู้โดยสารนับร้อยบนเครื่องบินหรืิอไม่ เรียกว่า ต่อให้เส้นใหญ่แค่ไหนก็หมดสิทธิื์ค่ะ ถ้าไม่ผ่านตรงนี้ เพราะขืนให้ผ่านไปได้แบบมั่วๆ เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาบริษัทประกันจะมไ่รับผิดชอบไดทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางสายการบินต้องระวังมากๆ
บลูจำได้เลยค่ะว่าตอนที่รู้ข่าวการเปิดสอบนักบินทุนเนี่ย บลูขอลาเพื่อไปสอบโทอิกเลยล่ะ ตอนนั้นเจ้านายยังคิดว่าบลูจะไปสอบเพื่อเอาไว้เตรียมให้เจ้านายพิจารณาเลื่อนขั้นปลายปีเลยค่ะ เพราะตอนนั้นอายุทำงานบลูมากพอที่จะไปขอสอบ RHCEX ที่อเมริกาได้แล้ว หลังจากนั้นพอถึงวันสอบสัมภาษ(ตอนนั้นสอบข้อเขียนผ่านแล้วค่ะ) ดันเป็นวันธรรมดาค่ะ ยังดีที่บลูรู้ตัวล่วงหน้า เลยเคลียงานทุกอย่างของตัวเองพร้อมทั้งรอเพื่อส่งมอบงานให้คนใหม่มารับช่วงไๆด้ เพราะว่าตอนนั้นบลูไม่สามารถจะลาได้แล้วค่ะ ถ้าลาคือลาออกนั่นแหละ เรียกว่าเสี่ยงดวงมากๆ
ตอนโทรไปหารินเองยังบอกว่า แน่ใจแล้วหรอ แต่เห้นบลูบอกว่าแน่ใจล่ะ ไม่ได้ก็จะไม่่เสียใจแล้วยอมทิ้งงานตรงนี้เพื่อไปหาความฝันขอตัวเองซักที เลยยื่นใบลาออก ตนแรกเจ้านายก็งงว่าทำไมลาออก พอทราบเหตุผล คำถามที่บลลูตอบไม่ได้ก็มาทันทีค่ะ นึกยังไงจะไปเป็นนักบิน คิดแล้วก้อเสียวๆเหมือนกันค่ะ เพราะถ้าตกสัมภาษงานนี้บลูกลายเป็นคนตกงานแน่ๆ แล้วงานมันหาได้ง่ายๆซะที่ไหน แต่สุดท้ายก็บสอบผ่านล่ะค่ะ ตอนนี้เลยกลายเป็นลูกนกหัดบินล่ะ
เหลืออีกไม่เกิน 1 ปี ลูกนกน้อยๆตัวนี้จะได้ทะยานไปสู่ท้องฟ้าที่ตัวเองฝันไว้เสียที คิดแล้วก็ขำตัวเอง เด็กหญิงมืดมนในวันนั้น ที่วันๆชอบไปนั่งดูเครื่องบินบินผ่านแถวบ้าน จนเกิดเป็นความหวัง เป็นพลัง และเป็นแรงผลักดันจนมาถึงวันนี้ได้ มันไม่ง่าย แต่มันไม่ยากเลยค่ะ ขอเพียงแต่เรามีความมุ่งมั่นก็พอ
สำหรับวันนี้ขอให้คุณๆทุกคนมีพลังมากพอที่จะพาตัวเองไปถึงฝันที่ตัวเองต้องการนะคะ ฝันดีราตรีสวัสค่ะ
Create Date : 17 เมษายน 2551 |
|
10 comments |
Last Update : 17 เมษายน 2551 21:54:16 น. |
Counter : 1186 Pageviews. |
|
|
|
ยินดีด้วยนะคะ ที่ความฝันใกล้จะสำเร็จแล้ว
(ส่วนเราก็ต้องพยายามมั่ง ไม่น่าเกิดมาเป็นคนไม่ค่อยฉลาดเลย)