|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
18 ธันวาคม 2550 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ตอนที่ 2
แสงแดดอ่อนๆ ส่องรอดแนวไม้ลงมายังผืนดินเบื้องล่าง ความหนาแน่นของต้นไม้ใหญ่ลดความร้อนแรงของแสงอาทิตย์ลงจนเหลือเพียงแสงสลัวๆ ความจริงแล้วดินแดนแห่งนี้นับว่าเป็นสถานที่ที่แสงแดดอ่อนแสงมากนักแม้ในยามเที่ยงวันก็ตาม แต่กระนั้นเจ้าของดินแดนแห่งนี้ก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี แม้บรรยากาศในดินแดนแห่งนี้จะดูไม่สดใสนักในสายตาของชนเผ่าอื่นก็ตาม แต่เสียงดนตรีที่ส่งเสียงเบาๆ ไปทั่วบริเวณย่อมบ่งบอกถึงบรรพบุรุษของชนเผ่านี้ได้เป็นอย่างดี เสียงดนตรีของเหล่าแฟรี่ส่งเสียงขับกล่อมดินแดนแห่งนี้ตลอดทั้งกลางวันกลางคืน มันทำให้ดินแดนที่ดูหม่นมัวแห่งนี้น่าอภิรมย์ขึ้นมาก เสียงต่อสู้ดังมาจากด้านหนึ่งของป่า เป็นเสียงกระทบกันของดาบ สลับกับเสียงคำรามดุร้ายของพวกออร์คที่กระจายตัวอยู่กันตามดินแดนแถบนี้ “ฮึ้บ!! บ้าชะมัดทำไมเจ้าพวกนี้มันถึงได้อึดนักนะ” หญิงสาวร่างหนึ่งบ่นพลางรวบรวมกำลังทั้งหมดฟาดเข้าไปที่หัวของเบรคาออร์คที่กำลังจู่โจมเข้ามา ด้วยความแรงของแรงฟาด คมดาบผ่าทะลุหมวกเหล็กของมันจนผ่าเอาหัวของออร์คเคราะห์ร้ายแยกเป็นสองเสี่ยง หงายหลังนอนตายในทันทีนั้นเอง เสียงลูกธนูดังแหวกอากาศมาจากด้านหลัง โล่จากอีกมือหนึ่งถูกยกขึ้นรับอย่างทันท่วงที ยังไม่ทันที่ดอกที่สองจะถูกส่งตามมา นางก็เข้าถึงตัวมือธนูเบรคาออร์คและปลิดชีวิตมันอย่างง่ายดาย เมื่อหยัดกายขึ้นมองดูไปรอบๆอีกครั้ง ศพของพวกเบรคาออร์คจำนวนหนึ่งนอนตายเกลื่อนกลาด บางจุดมีซากของเห็ดยักษ์นอนตายอยู่ หญิงสาววิ่งไปตามศพต่างๆของพวกออร์ค พร้อมทั้งค้นเอาสร้อยคอของพวกมันขึ้นมารวบรวมเอาไว้ที่ถุงหนังข้างตัว ส่วนอีกถุงนึงนั้นนางนำเอาสปอร์ของพวกเห็ดที่ฆ่าได้ใส่รวบรวมไว้ “เฮ้อได้สปอร์ของเห็ดครบจำนวนซะที สร้อยคอของเจ้าเบรคาพวกนี้ก็ได้มาเยอะพอดู กลับไปขึ้นเงินรางวัลได้แล้วละมั้งเรา อุ๊บ!!” นางรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณต้นแขนข้างหนึ่งเมื่อหันไปดูปรากฏว่ามีแผลที่เกิดจากคมดาบ มีเลือดไหลซึมออกมา “สงสัยตอนสู้กับพวกออร์คเมื่อตะกี้ละมั้ง” หญิงสาวคิดในใจพลางหยิบเอายาขวดเล็กๆขึ้นมา ภายในขวดมีของเหลวสีแดงสดราวกับเลือด เมื่อเปิดขวด กลิ่นที่กำจายออมาบ่งให้รู้ว่ามันถูกสกัดจากสมุนไพรหลายๆชนิด ส่งกลิ่นหอมอวล นางจัดการดื่มไปจนเกือบหมดขวด อีกส่วนหนึ่งก็เทราดที่บาดแผล ถึงแม้จะรู้แสบอยู่บ้าง แต่แผลนั้นเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว “เฮ้อค่อยยังชั่วหน่อย แต่ยากับเสบียงก็ใกล้หมด แถมจะมืดแล้ว คงต้องกลับเข้าหมู่บ้านเสียทีล่ะ” หญิงสาวเริ่มทำการเก็บสัมภาระไว้กับตัว แล้วบ่ายหน้ากลับไปยังหมู่บ้านของตนทันที เพียงวิ่งพ้นแนวป่าไปได้ไม่นานภูเขาหินทะมึนลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ทางด้านล่างมีช่องทางเข้าเจาะเป็นถ้ำเข้าไปในภูเขาหินนั้น แสงสว่างจากดวงประทีปที่ให้แสงสว่างภายในลอดออกมาลางๆ นางยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น ตอนนี้ในหัวคิดถึงแต่เตียงนุ่มๆ และอาหารเลิศรสที่คอยอยู่ หน้าปากทางเข้ามีเซนทรีสองคนยืนเฝ้าอยู่ ใบหน้าคอยจับสังเกตทุกชีวิตที่เดินผ่านเข้าออกจากระแวดระวัง เมื่อนางเดินเข้ามาใกล้ 1 ใน 2 ขอยามที่เฝ้าปากทางเอ่ยทักอย่างคุ้นเคย “ว่าไงอายรันเดียร์ คราวนี้เจ้าหายไปเกือบอาทิตย์เลยนะ คงไปล่ามาได้เยอะล่ะซิ” “ก็พอสมควรนะท่านเนที คงได้เงินพอคุ้มกับที่เหนื่อยไปบ้างละน่า แต่ตอนนี้นะ ข้าน่ะคิดถึงเตียงนุ่มๆ กับอาหารอร่อยๆเต็มทีล่ะ” หญิงสาวเจ้าของชื่ออายรันเดียร์เอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดี “พวกท่านผู้เฒ่าถามหาเจ้ามาสองวันแล้วล่ะ คงจะมีงานมอบหมายให้เจ้าทำละมั้ง ถ้าพักผ่อนเต็มที่แล้วลองแวะไปหาดูซิ” ยามอีกคนเอ่ยปากเตือน ท่านผู้เฒ่าที่นางเอ่ย คือกลุ่มเอลฟ์อาวุโสที่มีหน้าที่ดูแล และปกครองดินแดนของเผ่าตนอยู่นั่นเอง “เฮ้อ สงสัยจะให้ข้าไปทำงานน่าเบื่ออีกตามเคย ขอให้ได้ค่าตอบแทนดีๆ หน่อยก็แล้วกัน ข้าอยากจะได้อาวุธใหม่ๆซะด้วยซิ” อายรันเดียร์เอ่ยปากรับคำพร้อมทั้งบอกลาเพื่อเข้ายังด้านในของผู้บ้าน ทางเดินลาดลงสู่หมู่บ้านคดเคี้ยวและลึกเข้าไปเรื่อยๆจนถึงใจกลางภูเขา ผู้ที่ไม่เคยเข้ามา มักจะคิดว่าทางเดินนั้นเป็นหินแข็งๆ แต่จริงๆแล้วกลับนุ่มและยืดหยุ่นราวกับเดินอยู่บนพื้นหญ้า จนเมื่อมาถึงจุดในสุด เบื้องหน้านั้นคือ ห้องโถงขนาดมหึมา เพดานอยู่สูงไปจนมองแทบไม่เห็น ด้านในถูกสลักเสลาด้วยลวดลายอย่างงดงาม มีดวงประทีปจุดสว่างไสวไปทั่ว ในที่นี้ คือหมู่บ้านของชาวเผ่าดาร์คเอลฟ์ เผ่าแห่งรัตติกาล ตัวหมู่บ้านนั้นถูกเจาะเข้าไปยังภูเขาหินขนาดยักษ์โดยฝีมือของเหล่าคนแคระผู้ซึ่งเป็นเลิศในการสรรสร้าง ภายในถูกแกะสลักด้วยลวดลายวิจิตร อาคารต่างๆสร้างขึ้นอย่างสวยงามลวดลายอ่อนช้อย สีของอาคาร และผนังภายในเปล่งประกายคล้ายสีทองด้วยแร่ธรรมชาติบางอย่างที่อยู่ในภูเขาลูกนี้ ตรงจุดศูนย์กลางมีมือหนึ่งโผล่ยื่นขึ้นมาจากใต้ดินที่ลึกลงไปจนมองหาที่สุดไม่เจอ นั่นคือมือแห่งเทพชิเลน เทพสูงสุด และเป็นเทพมารดาของชาวดาร์คเอลฟ์ ทำให้ผู้ที่เข้ามาเป็นครั้งแรกล้วนต้องตะลึงในความอลังการของเมืองใต้ดินแห่งนี้ อายรันเดียร์เดินตรงไปยังร้านขายอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อเจ้าของร้านเห็นนาง ก็ทักอย่างยินดี “ว่าไงอายรันเดียร์คราวนี้เจ้าหายไปเสียนานเลยนะ ของที่ให้ช่วยหาได้มาครบมั้ย?” “เจอหน้าข้าท่านก็ถามถึงของเลยนะ นี่ไงละ นับดูซิว่าครบตามจำนวนมั้ย” “โอ้นี่สปอร์เห็ดพิษชั้นดีเลยนะนี่ ครบตามที่สั่ง เอ้านี่เงินกับของที่ข้าสัญญาไว้” เจ้าของร้านหนุ่ม ส่งเงินพร้อมกับของอีกจำนวนหนึ่งให้ตามสัญญาว่าจ้าง อายรันเดียร์เอาเงินค่าจ้างรวมไว้กับเงินที่นางสะสมเอาไว้ “เฮ้อ ได้เงินมาแบบนี้ข้าค่อยหายเหนื่อยหน่อย ว่าแต่นอกจากงานนี้แล้ว พอจะมีงานอะไรเงินดีๆแนะนำข้าได้บ้างอีกมั้ย” “อืมม เจ้าสนใจงานของข้ามั้ยละ พอดีข้ากำลังทดลองปลูกอะไรบางอย่างอยู่ แต่ยังขาดของบางอย่างน่ะ ข้าให้ราคาดีนะ” หญิงสาวที่ขายของอีกคนหนึ่ง ยื่นข้อเสนอ “หือ งานอะไรล่ะ ถ้าเงินดีข้าก็สนล่ะ” อายรันเดียร์เอ่ยปากถามอย่างสนใจ “คืองี้ ข้ากำลังทดลองปลูกแมนดาโกร่าดู แต่ว่าขาดส่วนผสมบางอย่างทีจะใช้เป็นปุ๋ย ข้าจะให้เจ้าช่วยหาหนังหัวของพวกซอมบี้ที่อยู่ในบึงมรณะมาให้ข้าหน่อย รับรองว่าข้าให้ราคาดีแน่นอน” “อืม น่าสน ยังไงข้าก็ต้องล่าพวกออร์คแถวนั้นอีกซักพัก ว่าแต่ช่วยหยิบกระสุนวิญญาณให้หน่อยซิ ที่ซื้อไปคราวที่แล้วเริ่มจะหมดล่ะ แล้วก็ขอซื้อยารักษาเพิ่มให้ด้วยนะ” อายรันเดียร์สั่งของที่ต้องการ พร้อมทั้งล้วงเอาถุงเงินขึ้นมาจ่ายเป็นราคาของ “โอ้โห เจ้านี่เก็บเงินได้ขนาดนี้แล้วหรือนี่ ไม่ใช่น้อยๆเลยนะ พอจะซื้อดาบที่ดีที่สุดชองร้านในหมู่บ้านได้เลยนะนี่” เจ้าของร้านทักอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเงินจำนวนมากที่อยู่ในถุงเงินของอายรันเดียร์ จำนวนเงินของมันมากพอสมควรสำหรับนักรบฝึกหัดแบบนาง ที่จะสามารถนำไปซื้ออาวุธและชุดเกราะอย่างดีใส่ได้อย่างสบาย อายรันเดียร์ยิ้มรับน้อยๆอย่างอารมณ์ดี “ข้าจะเก็บเอาไว้ซื้ออาวุธหลังจากได้เลื่อนระดับแล้วน่ะ ถึงจะดูมากก็เถอะ เงินแค่นี้ คงได้แค่ซื้อดาบระดับกลางๆเท่านั้น ยังต้องสะสมอีกเยอะ สำหรับชุดเกราะ” “งั้นข้าขอให้เจ้าเก็บได้ไวๆ ก็แล้วกัน เอ้านี่ของๆเจ้า ขอให้โชคดีนะ ข้ายินดีทำการค้ากับเจ้าเสมอ” เจ้าของยิ้มพลางส่งของที่สั่งให้กับอายรันเดียร์ นางเอ่ยปากลา พร้อมทั้งมุ่งตรงไปยังโกดังสินค้าประจำเมืองทันที “ว่าไงอายรันเดียร์ วันนี้มีอะไรให้ข้าช่วยบ้างล่ะ” คนแคระที่คอยดูแลโกดังสินค้าทักอย่างอารมณ์ดี “มาฝากของหน่อยน่ะ ข้าขอฝากเงิน กับวัตถุดิบอีกนิดหน่อย แล้วก็นี่ สัมภาระ อีกวันสองวัน ข้าถึงจะมารับกลับ” อายรันเดียร์เอาของบางส่วนฝากไว้กลับคนแคระที่มาเปิดกิจการรับฝากของที่หมู่บ้านแห่งนี้ ถึงพวกคนแคระจะดูโลภ และมองทุกอย่างเป็นผลประโยชไปหน่อย แต่ก็เป็นพวกที่ซื่อสัตย์ และรักษาสัญญาเสมอ “เอ้านี่ใบรับของคืน ทั้งหมด 380 อเดน่า ขอบใจที่มาใช้บริการข้าเสมอ” “ไม่เป็นไร ว่าแต่เจ้าเถอะ เดี๋ยวนี้ยังใช้มุขโดนพวกข้าจับมาใช้ทำงาน แล้วหลอกฝากบัญชีรายได้ไปให้กับสมาคมเจ้าอีกเปล่า” “ฮ่าๆๆ ก็ยังมีบ้าง แต่เจ้าก็รู้นี่นา ถึงไงพวกคนแคระอย่างข้าก็ไม่เคยขอแรงใครฟรีๆหรอกนะ เออ เมื่อวานนี้ข้าเห็นทางกลูดิโอเอาสินค้ามาส่งที่ร้านอาวุธนะ เจ้าลองไปดูซิ เผื่อมีอะไรใหม่ๆที่เจ้าต้องการ” “คงไม่ล่ะ ของที่ข้าต้องการคงหาไม่ได้ในหมู่บ้านนี้หรอก เฮ้อหิวชะมัด ยังไงก็ฝากดูแลสินค้าของข้าด้วยนะ ข้าไปล่ะ” อายรันเดียร์มุ่งตรงไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เปิดอยู่ในหมู่บ้านนี้ ภายในร้านอาหาร เสียงจอแจไปทั่ว ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพวกดาร์คเอลฟ์เช่นเดียวกับตน แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นพวกเผ่าพันธุ์อื่นมาเพื่อทำธุระ หรือไม่ก็ติดต่อการค้า ซึ่งมักจะเป็นพวกมนุษย์ และคนแคระเป็นส่วนมาก อายรันเดียร์เลือกที่จะนั่งมุมที่ห่างจากกลุ่มพวกมนุษย์ที่จับกลุ่มกินอาหารอยู่มุมหนึ่ง ถึงอย่างไรเสียอคติระหว่างนางกับชนเผ่ามนุษย์ก็ยากที่จะเลือนหรือแกล้งหลงลืมไปได้โดยง่าย “เฮ้ว่าไงสาวน้อย มานั่งหลบมุมอยู่นี่เอง ว่าไงออกล่าคราวนี้ทำเงินได้เท่าไหร่ล่ะ” เสียงมนุษย์คนหนึ่งเอ่ยทักขึ้นพร้อมทั้งมานั่งที่โต๊ะตรงข้ามอย่างถือวิสาสะ นางเงยมองมองขึ้นนิดหนึ่งแล้วก็ก้มหน้าจัดการอาหารตรงหน้าต่ออย่างไม่ใยดี “นี่ อย่างน้อยเราก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้วนะ เจ้าจะญาติดีกับข้าบ้างไม่ได้หรือไงกัน” “สามเดือน ข้ากับเจ้าเพิ่งรู้จักกันได้แค่นั้น และเป็นการรู้จักกันโดยบังเอิญโดยที่ข้าไม่ต้องการซักนิด” อายรันเดียร์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ให้ตายซิ พวกเจ้านี่ยังเป็นพวกมนุษย์สัมพันธ์แย่ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายเลยนะ เออนี่เจ้ารู้เรื่องที่ลอร์ดแห่งโอเรนประกาศจะขึ้นภาษีหรือเปล่า” อายรันเดียร์ชะงักพร้อมเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย “ขึ้นอีกแล้วหรอ ในรอบสองเดือนมานี้ ภาษีขึ้นมาสามครั้งแล้วนะ แบบนี้พวกข้าก็แย่น่ะซิ ว่าแต่ข่าวที่เจ้าได้มาน่ะ แน่ใจแล้วหรือไงเคย์” “ก็ถือว่าค่อนข้างแน่นอนล่ะ ข้าก็พลอยแย่ไปกับเจ้าด้วยนั่นแหละ จริงๆแล้วหมู่บ้านของเจ้าเนี่ย แหล่งการค้าชั้นดีสำหรับพวกข้าเลยนะ ข้าอุตส่าห์เก็บเงินเดินมาทางจากเกาะเพื่อมาที่หมู่บ้านนี้โดยเฉพาะเลยนะ” เคย์กล่าวตอบอย่างอารมณ์เสีย เขาสู้อุตส่าห์เก็บเงินค่าเดินทาง เพื่อมาจากเกาะพูดได้ บ้านเกิดของตนเพื่อที่จะมาแสวงหาโชคยังหมู่บ้านแห่งนี้ และมันไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ ที่หมู่บ้านของพวกดาร์คเอลฟ์นี่ งานรับจ้างมีให้เลือกมมากมาย แถมแต่ละอย่างก็ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำเสียด้วย “โชคดีหน่อยที่ข้าซื้อของตุนไว้สำหรับการล่าคราวหน้าเรียบร้อยแล้ว ว่าแต่ตอนนี้เจ้ารับจ้างทำอะไรอยู่ล่ะ” “อืมม ข้ารับจ้างหาถุงพิษของแมงมุมยักษ์น่ะ เงินดีน่าดูเลยนะ นี่ข้าเก็บเงินจนซื้อชุดเกราะบรอน กับด่าบยาวเล่มนี้ได้แล้วล่ะ” เคย์พูดพลางเอาดาบประจำตัวของตนให้ดู ตัวดาบค่อนข้างยาว ส่องประกายเงาวับ พลังการโจมตีของมันอยู่ในระดับสูงสำหรับอาวุธของพวกนักรบฝึกหัดที่น้อยคนที่จะหามาใช้ได้ “เจ้าเก็บเงินได้เก่งพอใช้นี่นา แต่ระวังไว้หน่อยละ แมงมุมพวกนั้นปล่อยพิษได้ คราวนี้เจ้าอาจจะไม่โชคดีอย่างในตอนที่เจอข้าหรอกนะ” อายรันเดียร์กล่าวพูดเตือนเคย์ถึงเมื่อเหตุการณ์เมื่อสามเดือนก่อน นางไล่ล่าพวกเบรคาออร์คติดพันไปจนใกล้เขตของพวกแมงมุมยักษ์ ก็ไปเจอเคย์นอนสลบอยู่ข้างทาง ข้างๆตัวมีแมงมุมพิษยักษ์ตัวหนึ่งนอนตายอยู่ ท่าทางเขาจะโดนพิษของแมงมุมจนสลบไป นางจึงเอายาแก้พิษที่พกติดตัวมารักษาให้ โชคยังดีที่พิษไม่รุนแรงนัก ไม่นานเขาจึงฟื้นขึ้นมาได้ เมื่อคุยสอบถามกันได้ไม่นานจึงได้ทราบว่าเคย์ออกมาจากเกาะพูดได้และรับจ้างไล่ล่าพวกแมงมุมอยู่ แต่เกิดพลาดโดนพิษบาดเจ็บ ยาแก้พิษที่พกมา ก็หมดพอดี หลังจากนั้นเมื่อเจอกันเคย์มักจะแวะมาทักทายอายรันเดียร์อย่างยินดี เขาบอกเสมอว่าเป็นหนี้ชีวิตตน และจะต้องตอบแทนให้ได้ในซักวัน อายรันเดียร์เองก็ไม่ได้คาดหวังในคำพูดของเคย์มากนัก ปรกติคำพูดมนุษย์มักกลับกลอกเชื่อถือได้ยากอยู่แล้ว นางจึงไม่ได้ใส่ใจในคำสัญญาของเขามากนัก “วางใจเถอะน่าคราวนี้ข้าไม่ประมาทเหมือนก่อนอีกแล้วล่ะ อ้อข้ามารอเจ้าเพื่อที่จะบอกลาด้วยนะ ข้าจะไปเข้ารับการทดสอบเพื่อจะเป็นไนท์แล้ว เราคงไม่ได้เจอกันซักพักนึง ข้าเลยอยากให้เจ้ารับรู้ไว้ก่อน” “หือ” อายรันเดียร์ส่งเสียงอย่างประหลาดใจ “เจ้าอยู่รอเพื่อจะบอกข้าเรื่องนี้น่ะหรอ ออกเดินทางแต่ละครั้งข้ามีกำหนดกลับไม่แน่นอน แบบนี้เจ้าไม่รอแย่หรือไง ทำไมไม่ฝากจดหมายไว้ที่โกดังล่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคอย “ไม่ล่ะข้าอยากบอกเจ้าด้วยตัวเองมากกว่า ข้าไปล่ะ เลยกำหนดเดินทางของข้ามาหลายวันแล้ว แล้วเจอกันหลังจากข้าเป็นไนท์แล้วนะ ไปล่ะสาวน้อย” “ขอให้พรแห่งอเวจีจงคุ้มครองเจ้า” อายรันเดียร์อวยพรให้กับเขาตามแบบฉบับดาร์คเอลฟ์ทั่วไป “โอ้โห ปรกติพวกเจ้าไม่เคยพูดแบบนี้กับคนต่างเผ่าเลยนี่นา แบบนี้ข้าคงต้องโชคดีในการทดสอบแน่ๆ” พูดจบเข้าก็ออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว นี่คงต้องรีบเดินทางพอดู พวกมนุษย์นี่ชอบทำอะไรประหลาดๆแฮะ แต่ยังไงก็ขอให้เจ้าโชคดีละกัน อายรันเดียร์รำพึงกับตัวเองอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจพวกมนุษย์มากนัก แต่นางไม่มีเวลาจะขบคิดเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ คำบอกของเซนทรีเรื่องท่านผู้เฒ่าต้องการพบทำให้นางรีบจัดการอาหารตรงหน้าให้เสร็จโดยเร็ว กลุ่มผู้อาวุโสยืนเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้าของอายรันเดียร์ ทุกคนล้วนมีริ้วรอยแห่งการเวลา บางคนเป็นผู้สอนทักษะการต่อสู้ให้นางด้วยซ้ำ ยามปรกติพวกผู้อาวุโสมักจะไม่มีการเรียกประชุมแบบพร้อมเพรียงแบบนี้ โดยมากจะเป็นการเรียกเพื่อพบแบบตัวต่อเสียมากกว่า แสดงว่างานที่จะมอบหมายในครั้งนี้เป็นงานที่ค่อนข้างจะสำคัญพอสมควร ผู้อาวุโสซีเฟียลเอ่ยขึ้นหลังจากพิจารณาหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอยู่ชั่วครู่ “ข้าได้รับรายงานเรื่องความก้าวหน้าของเจ้ามาพอสมควร ผลงานของเจ้าที่ได้รับจากกลุ่มผู้อาวุโสเป็นที่น่าพอใจมาก เจ้าคิดได้หรือยังว่าจุดมุ่งหมายภายหน้าของเจ้าคืออะไร” “ข้าต้องขออภัยด้วย เทพชิเลนคงยังไม่คิดจะนำทางข้าในเรื่องนี้ ข้ายังคงไม่ได้ยินเสียงกระซิบแห่งท่าน” “อืม แล้วเจ้าเองเล่า คิดจะมุ่งไปในทางใด” “วิญญาณภายในตัวข้ายังคงสงบนิ่งต่อเรื่องนี้ท่านผู้อาวุโส” อายรันเดียร์เอ่ยตอบอย่างสุภาพ “เอาเถอะ ถึงอย่างนั้นเจ้าควรที่จะเริ่มวางแผนให้กับจุดหมายของเจ้าให้ดี นับวันผู้สืบสายเลือดบริสุทธิ์เช่นเจ้า ยิ่งมีน้อยลง จงระลึกไว้เสมอว่าสักวันหนึ่งหน้าที่ของพวกเจ้าคือมายืนอยู่ตรงนี้แทนพวกข้า” “สายเลือดบริสุทธิ์ ชนชั้นปกครอง ใช่ซิ ถ้าข้าอายุยืนพอ ไม่ตายลงไปซะก่อนในสนามรบนะ” อายรันเดียร์รำพึงอยู่ในใจ พลางนึกไปถึงสัญลักษณ์แห่งชิเลนที่อยู่บนหน้าผากของนาง สัญลักษณ์แห่งสายเลือดบริสุทธิ์ หรือแท้จริงคือสายเลือดของเหล่าเอลฟ์เจ้า เมื่อครั้งยังคงรวมอยู่กับพี่น้องที่น่าชิงชัง พวกเอลฟ์นั่นเอง นานนับหลายชั่วอายุคนมาแล้วที่ต้นตระกูลของนางคือเหล่าเอลฟ์ที่ร่วมกันปกครองโลกนี้หลังจากที่พวกยักษ์พากันหลบเทพทันฑ์ของไอฮัดซาท จนเมื่อเหล่าเอลฟ์ถูกล่อลวงและหักหลังโดยพวกมนุษย์จนแตกแยกเป็นสองกลุ่ม ต้นตระกูลของนางเลือกกี่จะภักดีต่อผู้ให้กำเนิด เทพชิเลนมากกว่าที่จะรักตัวกลัวตายจนลืมมารดาผู้ให้กำเนิด สงครามระหว่างพี่น้องอุบัติ คำสาปของเหล่าเอลฟ์ให้ทำรอยร้าวกว้างจนยากจะประสาน นานนับร้อยปีกว่าที่เหล่าดาร์คเอลฟ์จะถอนคำสาปนั้นและออกมาอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ได้อีกครั้ง ด้วยความภักดีต่อเทพชิเลนไม่เสื่อมคลาย นางได้ประทานพรแก่ผู้ภักดี แน่นอนชีวิตอมตะย่อมสืบทอดต่อมาในหมู่ชาวเอลฟ์ไม่ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนไปในรูปแบบใดก็ตาม เหนือจากนั้นคือเหล่าผู้ที่เรียกว่า “ผู้ได้รับพรแห่งอเวจี” เด็กสาวที่ตาบอดแต่กำเนิด หากแต่สามารถติดต่อกับโลกแห่งความตายได้อย่างเสรีราวกับการเดินเล่นบนทุ่งหญ้าธรรมดา และอีกหนึ่งนั้นคือ สัญลักษณ์แห่งชิเลนที่จะประทับบนหน้าผากของผู้ที่มีสายเลือดเอลฟ์ผู้ปกครองนับแต่ครั้งบรรพกาล ทุกวันนี้ ผู้มีสัญลักษณ์นี้นับวันจะลดน้อยลง เนื่องด้วยชาวดาร์คเอลฟ์มีมุมมองในเรื่องการครองคู่และความรักที่แตกต่างจากเผ่าพันธุ์อื่น และทั้งจากในภาวการณ์ต่อสู้ที่เกิดเสมอๆ ทำให้ผู้มีสัญลักษณ์นี้ล้มตายลงจนไม่สมดุลกับอัตราการเกิด แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ที่มีสัญลักษณ์นี้ ก็ได้รับความนับถืออย่างสูงในหมู่ชาวดาร์คเอลฟ์ และรับรู้กันโดยทั่วไปในหมู่ชนต่างเผ่า โดยเฉพาะหากผู้ที่มีสัญลักษณ์นี้คือ “เพศหญิง” เพศที่สังคมดาร์คเอลฟ์ให้ความนับถือโดยปรกติ และมีบทบาทสำคัญเสมอในการปกครองและการพิจารณาโทษเหล่าดาร์คเอลฟ์ทั่วไป และนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อายรันเดียร์ถูกเรียกตัวมาในวันนี้ก็ได้ “เฮ้อที่ข้าเรียกเจ้ามาในวันนี้เพราะว่าถึงเวลาที่เจ้าจะต้องเข้ารับการทดสอบจากเหล่าผู้อาวุโสแล้ว หากเจ้ายังไม่ได้ตัดสินใจเลือกหนทางของตนเอง จงรีบคิดเสีย อย่าปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปโดยไร้ประโยช” “แต่ข้า...” อายรันเดียร์เอ่ยปากเพื่อจะแย้ง หากแต่ซีเฟียลโบกมือห้ามไว้เสียก่อน “เจ้าไปได้แล้วอายรันเดียร์ ธุระของข้าที่จะพูดกับเจ้ามีเพียงเท่านี้ บางครั้งการชี้นำของเทพชิเลน ก็มาในรูปแบบที่เรานึกไม่ถึง ข้าขอให้เจ้าเปิดใจรับสิ่งต่างๆให้ดี ขอพรแห่งอเวจีจงอำนวยโชคให้เจ้า” อายรันเดียร์ทำความเคารพก่อนจะหายไปในความมืดอย่างเงียบๆ “เฮ้อนึกว่าจะมีงานดีๆให้ทำ โดนเรียกมาเทศน์เสียได้” ทำไมจึงยังไม่สามารถที่จะเลือกหนทางของตัวเองได้ นางเองก็ไม่สามารถเข้าใจตนเองได้เหมือนกัน นางรู้สึกเพียงว่า มันยังไม่ถึงเวลา ลางสังหรณ์บอกให้อายรันเดียร์เลือกที่จะคอย แต่จะคอยอะไรนั้น นางสุดที่จะหยั่งถึงได้
Create Date : 18 ธันวาคม 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 18 ธันวาคม 2550 22:08:19 น. |
Counter : 2468 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: lilypixel IP: 124.120.230.236 31 สิงหาคม 2551 11:49:12 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|