|
เลห์ - ลาดัค : ฤาพระเจ้าจะยังไม่ตาย?
God is Dead, thus spoke Sarathustra. by Friedrich Nietzsche. ถ้านิทเช่มาเห็นภูเขาแห่งเลห์จะสงสัยขึ้นมาบ้างไหมว่าบางทีพระเจ้ายังไม่ตาย?
***********************************************
ฉันเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินอย่างไร้จุดหมาย เมฆขาวนุ่มนวลสะท้อนกับแสงแดดยามสายเป็นรังสีเหลืองทอง เสียงประกาศจากแอร์โฮสเตสสาวสายของสายการบินเดคข่านว่าเรากำลังจะลงจอดที่สนามบินของเลห์แล้วแว่ว ๆมา แต่ฉันก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะกำลังนึกถึงหนังสือที่อ่านมาเมื่อคืนนี้ชื่อว่า Shadow from Ladakh เขียนโดยภวนีย์ภัตตาจารย์ ผู้ที่คนไทยรู้จักกันดีเพราะหนังสือเล่มที่ดังที่สุดของเขาในเมืองไทย มีชื่อว่า He who rides the tiger หรือ คนขี่เสือ ที่แปลโดยจิตร ภูมิศักดิ์
ฉันอุตส่าห์ควานหาหนังสือเรื่อง Shadow from Ladakh ทางอินเตอร์เน็ตเพื่อดูว่ามีอยู่ที่ไหนบ้างจะได้ไปตามหามาอ่าน เพราะอยากรู้มาเนิ่นนานว่ามันพูดเรื่ีองอะไรกันแน่รู้แต่คร่าวว่ามีประเด็นความขัดแ้ย้งเรื่องดินแดนระหว่างอินเดียกับจีน การจะได้ไปเยือนแว่นแคว้นลาดัคห์ของฉันกระตุ้นให้อยากอ่านขึ้นมาติดหมัด แต่โอ้อนิจจาหนังสือเล่มนี้พิมพ์เมื่อราวสี่สิบปีก่อนกระมัง ทำให้ไม่มีวางตลาดแล้ว
จากที่ค้นมาในกูเกิ้ล หนังสือเล่มนี้มีอยู่ในห้องสมุดสถาบันราชภัฎอุบลราชธานี--ช่างไกลลิบเกินกว่าที่จะไปหามาอ่านได้ ฉันปรารภย์กับคุณอิบเพื่อนสนทนาทางเอ็มเอสเอ็นที่อยู่ที่สิงคโปร์ว่าคงอดอ่านเสียแล้ว แต่สามสี่วันต่อมา ก๊อปปี้ของหนังสือเล่มนี้ก็เหินฟ้ามาจากสิงคโปร์มาถึงมือฉัน ส่งมาโดยคุณอิบผู้น่ารักที่อุตส่าห์ไปควานหามาให้ในห้องสมุดของที่นั่น
หนังสือเริ่มต้นด้วยตัวเอก สุรุชี กำลังอยู่เครื่องบินบินข้ามฟ้าลาดัคกลับมาจากรัสเซียสู่เดลี ตอนนั้นอินเดียอยู่ภายใต้ความขัดแย้งเรื่องดินแดนกับจีนอย่างรุนแรง ต่างกับฉันจะลงลาดัคเป็นสถานีสุดท้าย และตอนนี้อินเดียจูบปากกับจีนแล้ว และกำลังขัดแย้งกับปากีสถานถึงขั้นสะสมอาวุธนิวเคลียร์แข่งกัน
เครื่องบินเอียงปีกเพื่อจะลดระดับลงจอด ใจฉันหายวูบเมื่อเห็นสิ่งมหึมาผุดขึ้นมาทางหน้าต่างเครื่องบิน ความรู้สึกนี้กระชากฉันให้ออกจากภวังค์หันไปเขม้นมองหน้าต่างอย่างใคร่รู้ แต่เครื่องบินเชิดปีกด้านที่ฉันนั่งขึ้น หน้าต่างกลับมาเป็นวิวสีฟ้าจัดจ้าพร้อมปุยเมฆสีขาวตามเดิม
เมื่อเครื่องบินร่อนลงต่ำกว่าระดับเดิม ภูเขาแห่งเลห์ที่ฉันเห็นส่วนเสี้ยวของมันในช่วงตกภวังค์ก็ผุดขึ้นมาแทนฟ้าเจิดจ้ากระจ่าง มันใหญ่โตน่าเกรงขามและให้ความรู้สึกเหมือนอสุรกายแทรกกายขึ้นมาจากพื้นดินอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าจับเครื่องบินเอาไว้
ภูเขาสูงเสียดฟ้าเรียงกันไปสลับซับซ้อนสุดสายตาไม่มีต้นไม้แม้สักต้น นับเป็นภูเขาหัวโล้นที่มหึมาที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาชั่วชีวิต สีน้ำตาลเข้มจากหินดินดานล้วน ๆตัดกับท้องฟ้าอย่างจัง บางยอดมีหิมะขาวกระจ่างปกคลุมอยู่ ฉันพยายามคิดว่ามันเหมืิอนอะไรที่เคยเห็นมาก่อนหรือเปล่า ในที่สุดก็มาลงเอยที่เนื้อมะพร้าวกะทิป่นกับกะลาของมัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามาได้ยังไงเหมือนกัน
เครื่องบินลงจอดอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแล้วประตูก็เปิดออก ทั้งแขกและไทยและชาติอื่น ๆผุดลุกขึ้นเตรียมตัวลงไปสู่อ้อมกอดแห่งขุนเขา และพบกับเลห์เมืองหลวงของแคว้นลาดัคและชุมทางค้าขายในเขตเื้ทือกเขานับแต่โบราณมา แต่ในวันนี้เปลี่ยนตัวเองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงแห่งอินเดียเหนือ...
ฉันพยายามนึกว่าเราจะไปที่ไหนกันบ้างในเมืองเลห์ตามโปรแกรมที่กำหนดเอาไ้ว้ ไฮไลท์ของการมาเลห์ก็คือการไปชมเทศกาลระบำหน้ากากที่วัดเฮมิสซึ่งจะเป็นในวันที่สอง วันแรกที่ไปถึงจะให้พักผ่อนชมเมืองเสียก่อนเพื่อปรับร่างกายให้เข้ากับพื้นที่สูงและอากาศบางเบาให้ได้
(ใส่รูปไปก่อน แล้วจะมาบรรยายทีหลัง ช้านานไปอาจถูกก่นด่าได้เพราะดันไปลงหัวข้อไว้ว่าเป็นแกลเลอรี่ภาพถ่าย )
วัดโชกังกลางเืมืองเลห์
หนุ่มหล่อที่เลห์ คนแถวนี้หน้าตาดีมีมากมายนะเออ
พระรุ่นใหญ่เสวนา
วิวโดยรอบของเลห์
หมู่บ้านชนบทรอบ ๆเมืองเลห์
Create Date : 24 กรกฎาคม 2551 |
|
7 comments |
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 0:46:53 น. |
Counter : 1140 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ดาหาชาดา 24 กรกฎาคม 2551 21:31:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาหาชาดา 24 กรกฎาคม 2551 22:42:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาหาชาดา 24 กรกฎาคม 2551 22:54:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ib IP: 218.186.8.10 25 กรกฎาคม 2551 0:16:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: gotchi IP: 58.9.157.102 25 กรกฎาคม 2551 11:23:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: DeE dEe 1 สิงหาคม 2551 22:01:58 น. |
|
|
|
|
|
|
|
และอยู่ท่ามกลางเทือกเขาคุนหลุนอันสลับซับซ้อนที่ทอดมาจากซินเกียงในจีน มาตัดกับเืทือกเขาหิมาลัยทางใต้
ผู้ที่ตั้งถิ่นฐาานอยู่แถบนี้เป็นพวกแรก นักประวัิติศาสตร์สันนิษฐานว่าจะเป็นชนเผ่าเร่ร่อนที่มีเชื้อสายมาจากชาติพันธ์ธิเบตที่มีชื่อว่า ชางปา ศาสนาแรกเริ่มที่ชางปานับถือคือ บอนที่มีพ่อมดหมอผีเป็นผู้หยัึ่่่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร ซึ่งตอนนั้นกระจายไปทั่วเขตเอเชียกลาง ต่อจากชางปาก็จะมีกลุ่มที่เรียกว่า มอน ซึ่งถูกพระเจ้าอโศกมหาราชหรือกษัตริย์แห่งอินเดียหลังจากนั้นส่งเข้ามาเพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธ พวกชางปาเรียกกลุ่มใหม่นี้ว่า มอนปา ซึ่งแปลว่า ผู้อาศัยอยู่ในหุบเขา จากนั้นก็ตามมาด้วยกลุ่มอื่น ๆที่เข้ามาตั้งรกรากในเขตหุบเขาของลาดัคห์และก่อตัวขึ้นเป็นชุมชนถาวร
เมื่อการค้าระหว่างแคชเมียร์กับธิเบตรุ่งเรืองขึ้น สถานะของลาดัคห์ก็ดีขึ้นตามไปด้วยเพราะอยู่ระหว่างกลางของเมืองใหญ่ทั้งสอง และพ่อค้ามากมายก็จะแรมรอนมากับขบวนสินค้าของตนมาพักที่เมืองเล็กเมืองน้อยของลาดัคห์ก่อนที่จะไปยังธิเบต
เมื่อธิเบตเรืองอำนาจขึ้นในช่วงต้นของคริสตศตวรรษ ลาดัคห์ก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลทั้งการเมือง ศาสนาและสังคมของธิเบต และแม้จนบัดนี้ ลาดัคห์อยู่ภายใต้การปกครองของอินเดีย แต่ศาสนาและสังคมของที่นี่ก็ยังมีส่วนคล้ายธิเบตมากกว่าอินเดีย เลห์ เมืองเอกของลาดัคห์ก็ได้ชื่อว่าธิเบตน้อย