|
ผี ผี ผี ผี และผี
มาล้อมวงกันเข้ามา ดับไฟ จุดเทียน แล้วก็มาฟังเรื่องสยองขวัญสั่นประสามกันดีก่า
เรื่องที่หนึ่ง 1
มีเพื่อนสนิทมากเป็นคนนครสวรรค์ บ้านเป็นแพอยู่แม่น้ำน่านตอนปลายที่เกือบมาสบกับน้ำปิงแล้วเกิดเป็นปากน้ำโพนั่นแหละ เราก็ไปกินไปนอนที่บ้านเขา สนิทชิดเชื้อกับบ้านเขาเป็นอันดี ญาติกี่คนรู้จักหมด
จำเนียรกาลผ่านไปเนิ่นนาน เพื่อนก็โทรมาบอกว่าเฮ้ย อาผู้หญิงที่เราสนิทด้วยเสียแล้วว่ะ เราก็บอกว่าจะไปงานศพแต่ต้องช้าไปหนึ่งวัน ศพเอาไว้ที่เรือนแพของวัดใกล้บ้าน
วันที่ไปถึงก็ไปทำตามประเพณีเรียบร้อยเป็นอันดีแล้วก็กลับมานอนที่บ้านเขา สิ่งที่สังเกตเห็นคือญาติโกโหติกาเขาติดกันเป็นตังเม เรียกว่าไปไหนไปด้วยกัน แม้กระทั่งไปห้องน้ำ เพราะว่าเป็นบ้านแบบบ้านนอกมีห้องน้ำไกลบ้าน สอบถามไปมาได้ความว่าเมื่อเอาศพไปไว้วัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ญาติ ๆก็กลับกันมาบ้าน ตกเย็นแล้วจึงไปใหม่
ในกลุ่มญาติก็มีเด็กมาด้วยสองคน คนหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิงอายุสักสี่ขวบ ตอนที่ญาติออกจากบ้านกัน เด็กคนนั้นก็หันไปทางบ้านของคุณอาที่เสียไปแล้วก็พึมพำขึ้นมาว่า เร็ว ยายเขาจะไปกันอยู่แล้ว แล้วเดินมานะ ตอนแรกผู้ใหญ่ก็ยังไม่เอะใจ เนื่องจากมีหลายยายเหลือเกิน
เมื่อไปงานศพกันเสร็จสรรพถึงเวลาเดินทางกลับบ้าน ในระหว่างที่แม่จูงเด็กคนนั้นอยู่ เด็กก็สะบัดมือหลุดไปแล้วก็ไปตะโกนเรียกที่ท่าน้ำ ยายศรี ศรี เขาจะกลับกันแล้วนั่งอยู่ได้ เร็วซิ กลุ่มญาติ ๆก็ถึงกับอึ้ง เพราะยายศรีก็คือชื่อคุณอาคนที่เสียไป พอไปถึงบ้านก็สอบถามเด็กเป็นการใหญ่ว่าทำไมต้องไปตะโกนอย่างนั้น เด็กบอกก็ยายศรีไม่ยอมกลับนี่นา ตอนไปก็ไปด้วยกันดี ๆ เดินตามหลังมาต้อย ๆ แต่ตอนกลับไม่ยอมกลับด้วยกัน นั่งอยู่ที่แพศพคนเดียว เท่านั้นแหละญาติก็เลยสามัคคีกันเป็นกลมเกลียวไปไหนก็ไปด้วยกันตลอดเวลา
วันสุดท้ายที่เราจะกลับคือวันเผา เด็กคนนี้บอกว่ายายศรีมาร้องไห้ว่าไปด้วยไม่ได้แล้ว
เรื่องที่ 2
วันหนึ่งเพื่อนนักข่าวที่ทำงานด้วยกันก็เข้ามาในออฟฟิซด้วยอาการอิดโรยอย่างยิ่งหลังจากหายไปสองสามวัน ก็เลยสอบถามว่าเป็นอะไรฤา ไม่สบายหายแล้วหรือยังทำไมจึงดูเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก
เพื่อนมองหน้าอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็บอกว่าที่หายไปสามวันไปทำพิธีส่งวิญญาณกับป๋ามา
เรื่องมีอยู่ว่าแม่ของเพื่อนคนนี้เขาเสียไปเมื่อปีก่อน ตอนที่แม่เจ็บกระเสาะกระแสะอยู่นั้น ก็ถามป๋าเขาเรื่อยมาว่า ถ้าฉันตายไป คุณจะตายตามไปด้วยหรือเปล่า สามีก็ตอบด้วยความโศกเศร้าว่าถ้าเธอตายแล้วฉันจะอยู่ไปคงไม่มีความหมาย
จากนั้นไม่ภรรยาก็สิ้นลม ที่บ้านของเพื่อนคนนี้เป็นอู่แท็กซี่ ช่วงหลังจากที่แม่เขาเสีย แท็กซี่ที่รู้จักกันก็เอาเล่าเรื่อยว่าคนโน้นคนนี้ในอู่เห็นแม่เขาเสมอ ๆ โดยเฉพาะเห็นในห้องทำงานของพ่อ เพื่อนกับป๋าก็ไม่เชื่อคิดว่าพวกคนขับแท็กซี่หลอกกันเล่นเอง
อยู่มาวันหนึ่ง พี่สาวขณะขับรถกลางคืนคนเดียวเงยหน้ามองกระจก ก็เห็นแม่นั่งสงบนิ่งอยู่เบาะหลัง แล้วก็มีเหตุการณ์อย่างนี้อีกหลายครั้ง ตัวเพื่อนเองก็เห็นด้วยเหมือนกัน
ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่พ่อทั้งไม่สบายหลายครั้งแล้วก็เกิดอุบัติทางรถหนัก ๆด้วยครั้งหนึ่ง เพื่อนกับพี่สาวก็เลยคิดว่าคงต้องทำบุญครั้งใหญ่ให้กับคนในครอบครัวและธุรกิจด้วย ก็เชิญพระมาสวดทำบุญที่บ้าน
ก่อนพระกลับก็มาสั่งป๋าว่าให้ไปหาที่วัดหน่อยซิ มีเรื่องจะคุยด้วย เรื่องสำคัญเลยล่ะ ป๋ากับเพื่อนก็ไปที่วัด พระรูปนั้นท่านบอกว่า ท่านเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาอย่างนี้อยู่ที่นั่นตลอดเวลา เป็นอะไรกับคนในบ้าน ป๋าก็บอกว่าถ้าหน้าตาอย่างนั้นก็เป็นภรรยาที่เพิ่งเสียไปแน่นอน
พระท่านก็จ้องมองแล้วบอกว่า ก่อนเขาโยมไปสัญญาอะไรกับเขาไว้หรือเปล่า ป๋าบอกว่าจำไม่ได้ว่าสัญญาอะไร พระท่านก็นิ่งไปสักพักแล้วก็บอกว่าเขาว่าโยมสัญญาจะตามเขาไปอยู่ด้วยกัน เขามาทวงน่ะ โยมจะเอาอย่างไร ก็เลยต้องทำบุญใหญ่กันอีกรอบหนึ่ง ไปทำพิธีส่งวิญญาณแม่ด้วยจะได้ไม่ต้องมาเป็นห่วงคนในครอบครัวโดยเฉพาะสัญญาที่ป๋าให้ไว้
เรื่องที่ 3
ที่บ้านเช่าของน้าสาวที่เชียงใหม่ ในห้องนอนมีเสาไม้ขนาดใหญ่มากอยู่กลางห้อง น้าเล่าว่ามักได้ยินเสียงแว่วผู้หญิงหัวเราะกันคิกคักโดยเฉพาะตอนกลางคืน แต่ก็นึกว่าเป็นบ้านอื่นเพราะบ้านเช่านั้นสร้างติดกันมาก
คืนหนึ่งน้าตกใจตื่นขึ้นมาเพราะฝันว่ามีผู้หญิงสองคนมาชะโงกดูหน้า แล้วก็แหย่อะไรบางอย่าง แล้วก็เห็นหลังแว้บ ๆเข้าไปที่เสา ก็เลยเดินไปดูแต่ไม่มีอะไรก็คิดว่าตาฝาดไป
คราวหนึ่งลูกศิษย์ของน้ามาเยี่ยมที่บ้าน คนนี้เขาเป็นลูกศิษย์วัดมาแต่อ้อนแต่ออก เชี่ยวชาญนั่งทางใน เป็นสายครูบาที่เน้นการปฏิบัติธรรมของทางเหนือซึ่งก็ลืมชื่อท่านไปเสียแล้ว พอเขามาที่บ้านเขาก็ขมวดคิ้วแล้วก็บอกว่าอาจารย์อยู่บ้านนี้สุขสบายดีหรือไร ไม่มีีเหตุผิดปกติขัดข้องใช่ไหม น้าก็ตอบไปว่าก็ดีนี่ ลูกศิษย์บอกว่าเขาเห็นผู้หญิงสองคนอยู่ในบ้านด้วย
ความเชื่อของคนทางเหนือเขาเรียกว่าผีสองนางซึ่งมักจะเป็นนางไม้อยู่ในต้นไม้ใหญ่ ๆ ถ้าอยู่ด้วยกันได้ดีก็น่าจะดี เพราะว่าเขาคงชอบอาจารย์เอามาก ๆ คงไม่ทำอะไรอาจจะมาเย้าแหย่เล่นในบางที
ตอนที่อาจารย์หลับเขามักออกมาส่องกระจกที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเสาพอดี แล้วก็หัวเราะกันคิกคักพอใจ น้าเล่าว่าตอนนั้นเรายังเด็กมาก เวลาเข้าไปในห้องนี้ ชอบไปยืนหัวเราะคิกคักกับเสาต้นนั้นด้วย แต่ตัวข้อยจำบ่ได้ดอกว่าได้เคยไปหัวเราะหัวใคร่อันใดไว้หรือเห็นอะไรในห้องนั้น เป็นแต่หนักไปทางกลัววววววววววว ไม่ค่อยเข้าไปในห้องนั้นคนเดียวถ้าไม่จำเป็น ไม่อยากให้ใครเอ็นดูแล้วออกมาหยอก
Create Date : 11 มกราคม 2549 |
Last Update : 11 มกราคม 2549 2:00:27 น. |
|
19 comments
|
Counter : 727 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ดาหาชาดา (ดาหาชาดา ) วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:2:04:36 น. |
|
|
|
โดย: รักบังใบ วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:5:24:12 น. |
|
|
|
โดย: jingsija วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:7:42:23 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:8:53:58 น. |
|
|
|
โดย: พลอยสีรุ้ง วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:11:31:35 น. |
|
|
|
โดย: แฟนนานุแฟน IP: 61.91.119.199 วันที่: 16 มกราคม 2549 เวลา:18:06:45 น. |
|
|
|
โดย: kim IP: 61.19.235.228 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:14:28:46 น. |
|
|
|
โดย: จิบิ IP: 58.9.24.193 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:14:42:55 น. |
|
|
|
โดย: ดาหาชาดา IP: 61.91.177.11 วันที่: 23 มกราคม 2549 เวลา:0:26:06 น. |
|
|
|
โดย: yunshinsuke IP: 203.118.85.202 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:06:57 น. |
|
|
|
โดย: nat IP: 202.57.181.169 วันที่: 18 มิถุนายน 2549 เวลา:9:12:01 น. |
|
|
|
โดย: TOPHER IP: 61.19.121.34 วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:15:00:53 น. |
|
|
|
โดย: ก้อง IP: 202.143.136.35 วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:12:56:07 น. |
|
|
|
โดย: น่ากลัว IP: 61.7.166.72 วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:36:36 น. |
|
|
|
โดย: น้องมิลค์ม4/2 IP: 125.24.130.61 วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:20:32:02 น. |
|
|
|
โดย: สาหร่าย IP: 203.172.149.214 วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:13:29:15 น. |
|
|
|
โดย: ko IP: 118.173.54.189 วันที่: 26 มกราคม 2551 เวลา:16:57:38 น. |
|
|
|
โดย: yot IP: 118.173.54.189 วันที่: 26 มกราคม 2551 เวลา:16:58:52 น. |
|
|
|
โดย: เกเอ้ IP: 118.172.101.86 วันที่: 11 สิงหาคม 2552 เวลา:12:08:30 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เพื่อนสาวผุ้ทันสมัยคนหนึ่งเล่ามา
คุณเธอบอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเพื่อนของเธอเอง เพื่อนคนนี้ก็เป็นนักข่าวและก็ต้องกลับบ้านดึกเป็นนิจด้วยบริการของแท็กซี่
คืนหนึ่งในขณะที่นั่งแท็กซี่อยู่ ก็สังเกตเห็นว่าลูกตาของคนขับแท็กซี่ในกระจกมองหลังนั้นมองมาที่หล่อน
ตอนแรกก็คิดว่าเขาคงระมัดระวังเหมือนกันเพราะบ้านของหล่อนอยู่ไกลไม่ใช่น้อย ต้องสำรวจตรวจตราผู้โดยสารเพื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติ
แต่เมื่อเงยหน้าทีไรก็เห็นลูกกะตามองมามา ก็ชักเริ่มกลัวแล้วก็เลยชวนคนขับคุยอย่างน้อยก็เพื่อสร้างความคุ้นเคยกันไว้แล้วก็เพื่อหยั่งท่าทีด้วย คนขับก็เป็นมิตรดีมาก ขับไปคุยไปเรื่อย สนุกสนานเฮฮากันไป ติดที่ว่าเจ้าลูกกะตานั่นมันก็ยังจ้องอยู่ไม่วาย
เจ้าหล่อนก็เลยลองชะโงกหน้าไปสังเกตคนขับ ก็เห็นเขามองทางอยูนี่นา หล่อนก็ลองขยับเปลี่ยนที่นั่งดูบ้าง ลูกกะตานั่นก็ตามไปตลอด หล่อนก็ชักจะแน่ใจอะไรบ้างอย่าง
พอถึงป้ายรถเมล์ไฟสว่างมีคนเยอะแยะ เจ้าหล่อนก็บอกให้แท็กซี่จอดรถ จ่ายตังค์แล้วก็ลงไปแต่ก็เรียกคนขับแท็กซี่ให้ลงไปคุยกันหน่อยได้ไหม แท็กซี่ออกจะงงแต่ลงมาโดยดี
หล่อนก็บอกว่าน้า บนรถน้าต้องมีอะไรแล้วล่ะ หนูเห็นลูกกะตาคู่หนึ่งจ้องหนูทางกระจกมองหลังของน้าตลอดเวลาเลยล่ะ
แล้วหล่อนก็โทรเรียกคนที่บ้านมารับไปทันที ปล่อยให้แท็กซี่ผู้น่าสงสารตกอยู่ในความกลัวไปแต่เพียงผู้เดียว