|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
กางเกงมหัศจรรย์--- The Sisterhood of the Traveling Pants
ที่จริงก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ ที่แปลไปหลายปีแล้วหรอก เพียงแค่ว่าได้ดูหนังที่ทำจากหนังสือเล่มนี้ อยากจะร้องกริ๊ดกริ๊ดว่าทำไมถึงเป็นหนังที่น่าเบื่อได้เช่นนี้ ขนาดเราซึ่งก็นับว่าควรจะต้องเข้าข้างหนังสักหน่อย ดูไปได้สิบนาทีก็ต้องปิดเพราะว่าเบื่อมาก
หนังพยายามเล่าเรื่องเด็กผู้หญิงทั้งสี่คน--เลนา, บริดเจ็ต,ทิบบี้และคาร์เมนเท่า ๆกันเหมือนกับที่หนังสือทำ แต่กลับกลายเป็นว่าหนังอ่อนปวกเปียกสิ้นดี แม้ว่าจะมีการเพิ่มเรื่องของเลน่าให้ตื่นเต้นมีบทจุมพิตกับคอสตัส หรือให้บริตเจ็ตไปมีอะไรกับเอริกจริง ๆ(เข้าใจว่านะ เพราะหนังไม่ได้บอกชัดขนาดนั้น)
นอกจากนี้ตัวละครก็ยังเปรอะไปหมดไม่ใครน่าสนใจสักนิด เบลีย์ที่แหลมคมในหนังก็กลายเป็นเด็กป่วยเป็นลูคิเมียกำลังจะตายดาด ๆ ขาดความพิเศษลงไปทันที
ตัวที่ดีที่สุดน่าจะเป็นคาร์เมน เพราะได้แสดงความลึกหน่อย โดยเฉพาะตอนที่มีปัญหากับพ่อและครอบครัวของภรรยาใหม่ แต่ก็เหมือนได้แค่เลีย ๆ ผิวหน้าของมันเท่านั้น
มันเป็นผลเสียของความพยายามที่จะยัดรูปแบบของหนังสือให้ลงมาในบล็อกของความเป็นหนัง ดูแล้วนึกถึง the door in the floor ที่ทำมาจากหนังสือเรื่อง the Widow of One Year ของลุงเอ๋อ John Irving จริงอยู่ที่พลังของหนังสือก็ต่างกันลิบลับอยู่แล้ว ลุงเอ๋อย่อมแสดงพลังลมปราณอำมหิตของแกได้เจิดจ้ากว่าน้องแอน บราแชร์คนเขียนเรื่องสี่สาวหลายพันเท่าอยู่แล้ว แต่ความคิดในการทำหนังก็ต่างกันลิบเหมือนกัน
The Door in the Floor จับเอาส่วนแรกของหนังสือที่มีความยาวราว 20 % ของเรื่องราวทั้งหมดมาทำเป็นหนัง เล่าเรื่องตั้งแต่ทิมวางแผนรับเอ๊ดดี้มาฝึกงานเป็นนักเขียนกับตัวเอง เปิดโอกาสให้เอ๊ดดี้ หนุ่มนักนักรักมือใหม่เป็นชู้กับมาเรียนเมียแสนสวย แต่เย็นชาของตัว เพื่อจะฟ้องหย่าเพื่อที่จะได้รู้ธลูกสาววัยสี่ขวบไว้ในความดูแลของตัว ไปจนถึงมาเรียนหนีไปพร้อมกับรูปลูกชายสองคนแรกที่ตายไปในอุบัติเหตุร้ายแรง
The Door in the Floor มีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ดูแล้วต้องสะอึกกับหลายแง่มุมของหนัง ส่วนThe Sisterhood of the Traveling Pants ก็ดูไปสะอึกไปเหมือนกันเพราะไม่รู้จะดูยังไงให้สนุกน่ารักและพูดถึงชีวิตเด็กวัยรุ่นได้คมเหมือนอย่างในหนังสือ.......
ถ้าเลือกเอาชีวิตของเด็กผู้หญิงในกลุ่มมาสักคนหนึ่ง แล้วเล่าให้ลึกให้เนียนน่าจะดีกว่านี้ คิดว่าน่าจะเลือกทิบบี้ส์ เพราะเป็นตอนที่กินใจที่สุด ทิบบี้ส์ ฉายา the rebel ทำงานในช่วงฤดูร้อนที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองที่อาศัยอยู่ ในขณะที่บริดเจ็ตต์ สาวซ่า ผู้โหยหาความรัก ต้องไปเข้าค่ายฟุตบอลที่บาฮาในเม็กซิโก และพบกับเอริคหนุ่มหล่อที่มาเป็นผู้ช่วยโค้ช, คาร์เมนไปพบพ่อที่แยกอยู่กับแม่มานาน ที่บ้านของพ่อที่อยู่ในรัฐอื่น โดยที่ต้องไปพบว่าพ่อกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ ส่วนเลน่าไปกรีซอยู่กับปู่และย่า และได้ไปพบกับหนุ่มรูปงามที่จะแง้มหัวใจอันขี้ขลาดต่อความรักของเธอออกมา
ทิบบี้เบื่อหน่ายการทำงานและชีวิตของตัวเองที่ต้องมีเป็นพี่เลี้ยงน้องเล็ก ๆสองคน จึงได้คิดทำสารคดีขึ้นชื่อว่า suckumentary---ที่ฉันแปลไปอย่างไม่ถึงใจตัวเองเลยว่า"ร้อยเรื่องห่วยแตก"---โดยจะสัมภาษณ์คนที่ตัวเองเห็นว่าไม่ได้ความเอาไว้แล้วมาร้อยเรียงกันเป็นเรื่องราวของคนไม่เอาไหน แต่ทิบบี้ก็ได้พบกับเบลี่ย์ เด็กหญิงวัย 12 ปากจัดที่เป็นลูคีเมีย ทิบบี้ไม่ยอมรับเบลีย์ตั้งแต่ต้น แต่ในที่สุดเบลีย์ก็ทำให้ทิบบี้ได้เรียนรู้ว่าในคนที่เราเห็นว่าไม่เอาไหนที่สุดกลับมีแง่มุมอันสวยงาม แง่มุมสะเทือนใจ และแง่มุมที่น่ายกย่องเอาไว้เสมอ แต่เบลีย์ก็จากไปเพราะสุดที่จะยื้อชีวิตต่อไปได้แล้ว
หนังไม่สามารถทำให้เราผูกพันกับตัวละครใดได้เลย เพราะการแตะตัวโน้นนิดตัวนี้หน่อย คมคิดของบราแชร์สก็กลายเป็นแค่คำพูดอันว่างเปล่าที่จับใส่ปากตัวละครแต่ละตัวในบางสถานการณ์เท่านั้นเอง
ดูแล้วบอกกับตัวเองว่า เสียดายมาก....แล้วก็กลับไปหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านใหม่อีกครั้ง
Create Date : 10 ตุลาคม 2548 |
|
9 comments |
Last Update : 10 ตุลาคม 2548 23:28:09 น. |
Counter : 3678 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: rebel 10 ตุลาคม 2548 22:52:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาหาชาดา 10 ตุลาคม 2548 23:19:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชมทะเล 10 ตุลาคม 2548 23:45:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: krit587 (krit587 ) 4 ธันวาคม 2548 11:25:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาหาชาดา IP: 61.91.176.104 4 ธันวาคม 2548 12:14:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: FtRacCoon IP: 124.121.0.82 14 มีนาคม 2549 13:35:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: เมจัง IP: 203.188.54.133 6 เมษายน 2549 11:52:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: Smile" IP: 115.87.167.199 1 ธันวาคม 2554 19:24:16 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องแรกไม่รู้จักทั้งหนังและหนังสือเลยค่ะ
แต่สะดุดตรง the rebel นี่แหละ