แพทย์ ขายตรง ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ให้กับคนไข้ ขณะทำหน้าที่รักษา .. ผมว่ามันไม่เหมาะ นะครับ
ช่วงนี้ มีกระทู้ " บ่น " เกียวกับการที่ แพทย์ พยาบาล ฯลฯ ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ให้กับ ผู้ป่วย ใน รพ. ( รัฐ และ เอกชน ) หลายกระทู้ ..
สืบเนื่องจากกระทู้นี้ ..
โดนยัดเยียดให้ซื้อน้ำมันรำข้าวโดยแพทย์ในโรงพยาบาล 23 ธันวาคม 2553 https://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2010/12/L10018685/L10018685.html
คิดยังไงกับคุณหมอที่มีอาชีพเสริมเป็นธุรกิจขายตรง ยี่ห้อดัง ใครเคยโดนคุณหมอขายบ้างคะ24 กรกฎาคม 2556 https://pantip.com/topic/30755940
ผมได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับ บุคลากรด้านสาธารณสุข เช่น แพทย์ พยาบาล ฯลฯ ได้เปลี่ยนสายงาน หรือ ทำอาชีพเสริม เกี่ยวกับ การขายตรง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ .. เลยอยากจะนำมาแบ่งปัน..
" ผมไม่เห็นด้วยในทุกกรณีที่ แพทย์ พยาบาล เอา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มาขายให้ผู้ป่วย (ญาติ) ในขณะกำลังทำหน้าที่ของแพทย์ พยาบาล ฯลฯ .... สั้น ๆ ง่าย ๆ ตรง ๆ .. "
๑. แพทย์ พยาบาล ฯลฯ หลายท่านอาจไม่พอใจ ที่ผมพูดแบบนี้ .. แต่ อยากให้ลองคิดนะครับว่า
สิ่งที่ท่านขายนั้น .. ท่านขาย ความเชื่อถือต่อวิชาชีพ ของคนไข้ หรือว่า ท่านขายสินค้า ???
ถ้าท่านได้ไม่ได้เป็น แพทย์ พยาบาล ฯลฯ เขาจะซื้อสินค้าท่านหรือเปล่า ??
ที่เขาซื้อ อาจเป็นเพราะ เขา เกรงใจ ไว้ใจ ว่า ท่านเป็นผู้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความน่าเชื่อถือ ... เขาไม่ได้ซื้อเพราะ คุณภาพของตัวสินค้านั้น ๆ ???
ขอให้ลองคิดสักนิดว่า " ท่านได้เอาเกียรติศักดิ์ศรี ความเชื่อถือ ที่ แพทย์ พยาบาล ฯลฯ รุ่นก่อนได้สร้างมา จนได้รับความเชื่อถือ ความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน .. มาขาย พ่วงกับสินค้า .. หรือเปล่า ???
๒. ผมไม่ได้โจมตี เรื่องการขายตรง หรือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อยากขายก็ขายไป แต่ ไม่ควรอ้างว่า รักษาโรคโน่นนี่นั่น แล้วก็ไม่ควรพูดสิ่งที่เกิดความเป็นจริง อย่าไปโกหก ไม่เช่นนั้น ก็จะกลายเป็น บาป ที่หลอกลวงผู้อื่น บางทีอาจหนักหนาถึงกับการฆ่าคนอื่น ทำให้เขาตาย เพราะไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
อย่างที่เคยบอกไว้ ใครอยากจะลองใช้ ไม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย ผมก็ไม่ห้าม นะครับ
แถม ..
อาหารเสริม ดีจริงหรือ ??? กินกูลต้าไธโอน ขาวจริงป่ะ ???
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=10-08-2008&group=7&gblog=4
ยา กับ อาหารเสริม (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) ต่างกันอย่างไร ???
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=10-08-2008&group=7&gblog=5
รวบรวมกระทู้เกี่ยวกับน้ำ MRET ... ใครเชื่อ ผมไม่เชื่อ ????
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-04-2009&group=7&gblog=25
วิตามิน อาหารเสริม ... โทษมากกว่าคุณ ??? .... จาก นสพ.ไทยรัฐ
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=19-04-2010&group=7&gblog=54
สุดยอดการหลอกลวงด้านสุขภาพ ... จาก อเมริกา ดูแล้วก็ไม่ต่างอะไร กับเมืองไทย ...
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-12-2009&group=7&gblog=40
อย.ย้ำ ผู้บริโภค อย่าหลงเชื่อ เครื่องบำบัดด้วยกระแสไฟฟ้าสถิตย์ อวดอ้างสรรพคุณรักษาโรค
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=23-09-2008&group=7&gblog=7
อาหารเสริม เลือดจระเข้ ดีจริงหรือ ???
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-12-2009&group=7&gblog=41
อาหารเสริมหรือเสริมอาหาร จะเอาอะไรกันแน่ ??? อาหารต้านอนุมูลอิสระ ??? ... นำมาฝากจากเวบ หมอชาวบ้าน
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=11-05-2010&group=7&gblog=57
กลูต้าไทโอน ทำให้ผิวขาวจริงหรือไม่.. โดย...สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=17-02-2009&group=7&gblog=16
ทำไม ต้อง " ขาว " .. ทำไม ต้อง " เอาชีวิต สุขภาพ ของเรา " เพื่อให้คนอื่นเขาดู ???
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=05-02-2010&group=7&gblog=49
บทความเรื่อง : สาร Glutathione สำหรับทำให้ผิวขาวที่กำลังเป็นที่นิยม
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=05-01-2009&group=7&gblog=9
**************************************************Sun, 2019-08-04 09:33 -- hfocus https://www.hfocus.org/content/2019/08/17462 Deceptive advertising หรือ False advertising นี้ จัดเป็นปัญหาที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก โดยได้รับการมองว่าเป็นหนึ่งในเรื่องคุกคามด้านสาธารณสุขของหลายต่อหลายประเทศ และพบมากในลักษณะของการโฆษณา ประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือ Dietary supplement เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูจะซื้อง่ายขายคล่อง ไม่เหมือนยาหรือเครื่องมือแพทย์ ที่มีกฎหมายมากำกับอย่างเข้มงวด และต้องผ่านขั้นตอนการวิจัยพิสูจน์ทั้งเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ก่อนจะได้ใบอนุญาตจำหน่ายเป็นยาหรือเครื่องมือแพทย์ ผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ Conflict of Interest (COI) นั้นแปลง่ายๆ ว่า การที่ใครสักคนหรือสักกลุ่ม ทำอะไรก็ตามภายใต้สถานะ บทบาท หรือตำแหน่งหน้าที่ โดยหวัง และ/หรือได้รับผลประโยชน์กลับมาสู่ตนเอง ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของตัวเงิน หรืออื่นๆ
คงเป็นธรรมดาของสากลโลก หากใครจะทำธุรกิจเพื่อหากำไร ให้กิจการเติบโต ขยายตัว ไปเรื่อยๆ เพราะเป็นวิถีทำมาหากินของมนุษยโลก
แต่หากพูดถึงวิชาชีพแพทย์ หรืออื่นๆ ด้านสุขภาพแล้ว เรื่องนี้จะเป็นเรื่องอ่อนไหว และผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และสุขภาพนั้นจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและชีวิตคนโดยตรง
ทุกสภาวิชาชีพด้านการแพทย์ล้วนย้ำเตือนและระบุไว้เสมอว่า บุคลากรต้องมีจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพ อันประกอบด้วย
หนึ่ง สิ่งที่แนะนำให้แก่ผู้ป่วย รวมถึงประชาชนนั้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการดูแลตนเอง การควบคุมป้องกันโรค การรักษาโรคทั้งหยูกยา เครื่องมือตรวจวินิจฉัย และอื่นๆ นั้น จะต้องแน่ใจว่า เป็น"สิ่งที่ได้รับการพิสูจน์อย่างถ้วนถี่ตามมาตรฐาน"แล้วว่า ได้ประโยชน์จริง เรียกว่าหลัก "Beneficence"
สอง พิจารณาให้ดีว่า สิ่งที่แนะนำให้ผู้ป่วยและประชาชนนั้น มีโอกาสที่จะก่อให้เกิดโทษ ผลไม่พึงประสงค์ใดๆ หรือไม่ และจะมีทางเลือกอื่นๆ ที่มีโทษน้อยกว่าหรือไม่ หลักนี้เรียกว่า "Non-maleficence" หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้สิ่งนี้ ต้องแน่ใจว่า ประโยชน์มากกว่าโทษ ทั้งนี้จำเป็นต้องสื่อสารให้แก่ผู้ป่วยและประชาชนให้ทราบ และร่วมกันตัดสินใจ
สาม ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ดูแลผู้ป่วยและประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งชั้นวรรณะ โดยยึดหลักมาตรฐานทางวิชาชีพ หลักนี้เรียกว่า "Justice"
และสี่ ต่อให้เราพยายามอธิบาย บอกเล่าเก้าสิบให้กับผู้ป่วยหรือประชาชนไปแล้ว แต่หากผู้ป่วยหรือประชาชนไม่เลือกที่จะปฏิบัติตาม สิ่งที่เราจะทำได้ดีที่สุดคือ เคารพการตัดสินใจของผู้ป่วยหรือประชาชน เพราะแต่ละคนมีชีวิตจิตใจ และมีสิทธิในการตัดสินใจต่อเรื่องของชีวิตของตน หลักนี้เรียกว่า "Respect for person" หรือ "Autonomy"
ประเด็นปัญหามันเกิดขึ้นเพราะมีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนไม่น้อยที่ผันตัวไปทำธุรกิจค้าขายสินค้าหรือบริการด้วย
จะทำด้วยตนเอง หรือแท็คทีมกันเป็นกลุ่ม เป็นเครือข่าย หรือแม้แต่ให้"สมาชิกในครอบครัว" เป็นคนประกอบการธุรกิจก็ตาม
"คงจะไม่แย่อะไร หากบุคลากรทางการแพทย์นั้นรู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ"
แต่ในชีวิตจริง มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมโลกหลายครั้ง ที่บุคลากรทางการแพทย์นั้นกลับตัดสินใจใช้ประโยชน์จากสถานะความเป็นวิชาชีพแพทย์ ที่มีต้นทุนทางสังคมด้านความน่าเชื่อถือในเรื่องการมีความรู้ด้านสุขภาพ หรือสถานะตำแหน่งหน้าที่ทางวิชาการสูงๆ จะระดับศาสตราจารย์ หรืออื่นๆ ตลอดจนตำแหน่งการงาน รางวัล เป็นต้น มาใช้ประกอบการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ข้อมูลสู่สาธารณะ โดยมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่เชื่อมไปสู่ธุรกิจของตน ของครอบครัว หรือของเครือข่าย ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
หลายกรณีศึกษาในต่างประเทศได้ถูกหยิบยกขึ้นมา นำไปสู่การปรับปรุงตัวบทกฎหมาย และระเบียบต่างๆ เพื่อหวังจะห้ามปราม และป้องกันผลกระทบที่เกิดจากการนำเสนอข้อมูลลวงเพื่อหวังผลทางธุรกิจของผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์
สหรัฐอเมริกาถือเป็นตัวอย่างให้เรียนรู้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีประชาชนจำนวนมากซื้อหามารับประทานโดยหวังผลดีต่อสุขภาพ หลังจากที่เห็นบทความ สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และหลายต่อหลายครั้งก็นำเสนอผ่านบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งต่อมาได้รับการตรวจสอบและพบว่ามีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ประกอบการธุรกิจ
เวลาผ่านมานาน ปัญหารุนแรงขึ้น จนกระทั่งเป็นที่มาของ US FDA ต้องออกประกาศในเดือนมีนาคม 2019 ที่ผ่านมาว่าจะทำการปฏิรูปกฎระเบียบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยจะกำกับอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อลดปัญหาการโฆษณาเกินจริง จนทำให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่ในอเมริกาถึง 3 ใน 4 ที่ซื้อหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากิน ทั้งๆ ที่ไม่มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใดที่ได้รับการพิสูจน์ชัดเจนว่ามีสรรพคุณในการป้องกันหรือรักษาโรคได้ แถมแทนที่จะกินแล้วได้สรรพคุณตามที่โม้ กลับกลายเป็นเกิดปัญหาสุขภาพจากการกินผลิตภัณฑ์เหล่านั้นแทน
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้น ไม่ใช่ยา จึงไม่สามารถโฆษณาสรรพคุณต่อร่างกาย ทั้งในลักษณะป้องกันโรค รักษาโรค ทุเลาอาการของโรค ฯลฯ
ก่อนเชื่อ จงใช้สติปัญญาไตร่ตรองให้ดีว่า ถ้ามันดีจริง ป้องกันโรค รักษาโรคได้จริง มันก็ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาไปแล้ว แต่ที่มันไม่ได้เป็นยา เพราะมันไม่สามารถผ่านด่านพิสูจน์ตามมาตรฐานได้นั่นเอง
สำหรับในเมืองไทยนั้น เรายังไม่เห็นรายละเอียดของปัญหาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เหลียวซ้ายแลขวา ก็คงเห็นสถานการณ์ที่ดูจะคล้ายคลึงกับต่างประเทศ
เช่น บทความที่มีการสื่อสารสาธารณะ เชียร์สารเคมี สารสกัดจากโน่นนี่นั่น อ้างงานวิจัยหลอดทดลอง และในสัตว์ มาอวดสรรพคุณต่างๆ นานา พร้อมอาจเห็นหลายบทความที่พยายามทำให้ประชาชนตื่นกลัวยาแผนปัจจุบันว่าจะทำลายตับไตหรืออวัยวะอื่นๆ รวมถึงให้กลัวแก่ กลัวพิการ กลัวตาย อยากอายุยืนอะไรเหล่านี้เป็นต้น จนสุดท้ายแล้วจึงเห็นความนิยม ความเชื่องมงายในหลายต่อหลายเรื่องจึงเกิดขึ้น ทั้งการแพทย์ทางเลือก เอายาเสพติดมารักษาสารพัดโรค อาหารเสริมสกัดจากโน่นนี่นั่นป้องกันอวัยวะเสื่อม เป็นต้น
หากคนเราฉุกคิดได้ ก็คงไม่หลงเชื่อ ไม่ติดตาม ไม่แชร์ต่อ แต่สถานการณ์จริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
สินค้าผลิตภัณฑ์ต่างๆ จึงขายดิบขายดี ใครว่าคนไทยจนคงไม่ใช่ เพราะเวลาเจ็บป่วยก็อ้างไม่มีเงินไปรักษา แต่กลับมีเงินไปถลุงกับสิ่งที่ไม่เป็นเรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด ขายกล่องละหลายพันบาท อวดอ้างสรรพคุณทำให้"ไม่ป่วย ไม่แก่ กันมะเร็งไม่ให้แพร่กระจาย" กลับขายดิบขายดี
ถ้าสังคมเรามีระบบการติดตามกำกับ ตรวจสอบ อาจเห็นปัญหาที่ชัดเจน ที่อาจครอบคลุมทั้งเรื่อง การโฆษณาเกินจริง "การผิดจริยธรรมวิชาชีพทางการแพทย์อันมาจากผลประโยชน์ทับซ้อนทางธุรกิจ" ฯลฯ
ข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อปี 2558 มีการจับกุมและดำเนินคดี รวม 101 ครั้ง พบผู้กระทำผิด 148 คน จำนวนของกลาง 1,019 รายการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 185 ล้านบาท แยกเป็นผลิตภัณฑ์ยา อาหาร เครื่องสำอาง วัตถุอันตราย วัตถุออกฤทธิ์อันตรายต่อจิตประสาท โดยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมามีการดำเนินคดีมาแล้วประมาณ 400 ราย มูลค่าของกลางกว่า 300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่มีการเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ของธุรกิจผิดกฎหมายกับบุคลากรทางการแพทย์นั้นยังไม่เคยได้รับการเผยแพร่ให้ได้ทราบ จึงยังไม่รู้ว่ามีมากน้อยเพียงใด แต่น่าสนใจหากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะมีการวิเคราะห์เจาะลึกและเปิดเผยแก่สาธารณะ
เรื่อง Dietary supplement fraud นี้เป็นเรื่องใหญ่ มีความซับซ้อน และต้องระดมสรรพกำลังในการควบคุมป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะยาว แต่ควรตระหนักถึงปัญหานี้ตั้งแต่บัดนี้ ก่อนจะสายเกินไป
แต่ปัญหาจะหนักมากขึ้นหลายเท่า หากบุคลากรทางการแพทย์ไปทำเสียเอง
ระหว่างนี้ คงได้แต่ภาวนาว่า สังคมไทยจะรู้เท่าทัน และช่วยกันตรวจสอบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
เรื่องบางเรื่องในสังคมอย่างเช่น ความพยายามทำให้ยาเสพติดเปลี่ยนจากผิดไปเป็นถูกอย่างรวดเร็ว โดยขาดหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอนั้น ก็น่าลองคิดดูให้ดีว่า มีโอกาสไหมที่จะนำไปสู่เรื่องธุรกิจในลักษณะ Dietary supplement fraud ในอนาคต
คิดไตร่ตรองให้ดี และวางแผนเตรียมรับมือเพื่อลูกหลานไทยในอนาคต ผู้เขียน : ผศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อ้างอิง 1. Cohen MH. Key Points for Physicians and other Healthcare Licensees to Consider When Selling Dietary Supplements to Patients. Cohen Healthcare Law Group. December 2, 2014. 2. Deceptive Advertising in Dietary Supplements. Kozonis & Klinger Ltd. August 16, 2018. 3. Fuster V. The Hazards of Physician Advertising. Journal of the American College of Cardiology. 2015;66(22). DOI: 10.1016/j.jacc.2015.10.016 4. 5 ปี คดีผลิตภัณฑ์สุขภาพ-อาหารเสริมพุ่ง. ข่าวสังคม. Thai PBS. 25 เมษายน 2561.
*****************************************************
Create Date : 19 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 4 สิงหาคม 2562 14:16:35 น. |
|
5 comments
|
Counter : 4696 Pageviews. |
|
|
|
โดนยัดเยียดให้ซื้อน้ำมันรำข้าวโดยแพทย์ในโรงพยาบาล
พ่อผมอายุ 69 แกไปหาหมอด้วยโรคปวดหลังเรื้อรังที่โรงพยาบาลแห่งนึง ก่อนออกจากห้องตรวจหมอและพยาบาล 2 คนก็เอากระปุกน้ำมันรำข้าวขึ้นมา แล้วก็บอกว่ากินแล้วดีนะ แพ็คนึงมี 6 กระปุก ราคา 5400 บาท ด้วยความที่พ่อผมแก่ไม่รู้เรื่องก็ไปเบิก ATM มาซื้อจ่ายเงินสดให้พยาบาลไป เพราะหมอบอกว่าอันนี้เบิกประกันไม่ได้
สิ่งที่เจ็บใจที่สุดก็คือ พ่อผมปัจจุบันเกษียณอยู่บ้าน ผมต้องเป็นคนหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว การที่จะต้องมาแบกภาระ 5400 บาท มันมากเกินไป แถมไปเจอว่าที่มาขายให้ก็ราคาแพงกว่าซื้อข้างนอก แล้วไปเปิดในเน็ต เค้าประกาศให้ว่อนว่าไม่มีสรรพคุณในการรักษาโรค แล้วอย่างงี้จะมาหากินกับคนไข้ตาดำๆ อีก ผมยอมจ่ายนะถ้ามันรักษาได้ดีจริง ยิ่งไปกว่านั้น ทำให้ผมยิ่งเจ็บช้ำเข้าไปอีกว่าหมอซึ่งสังคมให้ความนับถือ ถึงได้หน้าเงินและขาดจริยธรรมของความเป็นหมอโดยสิ้นเชิง
ผมไม่ได้พูดถึงหมอและพยาบาลที่มีจรรณยาบรรณที่ดีในวิชาชีพนะครับ จึงอยากให้พี่ๆ น้องๆ ร่วมต่อต้านพฤติกรรมแบบนี้
แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 53 20:52:48
จากคุณ : othellosomkiat
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 07:05:31 [แก้ไข]
ถูกใจ : RJ1, เรียกฉันว่าที่รัก, ใบพัดสีม่วง, แดร๊กคิวล่าสาว, puy_naka63, เวลาที่เปลี่ยน, เจ๊วรรณา, SynBi, ยิ้มแย้ม555
Share/Save/Bookmark bookmark เก็บเข้าคลังกระทู้ ส่งต่อกระทู้ พิมพ์ หน้าหลัก กระทู้ก่อนหน้า กระทู้ถัดไป
ความคิดเห็นที่ 1 [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
โห...โรงพยาบาลไหนคะนี่ ช่วยบอกหน่อยได้ไหม อาชีพหมอนี่ก็ทำรายได้ดีกว่าอาชีพอื่นๆ อยู่แล้ว ทำไมทำแบบนี้ได้ลงคอ อาศัยคนไทยเป็นคนชอบเกรงใจคนอื่นเป็นการถือโอกาส เอาเปรียบ หน้าด้านสิ้นดี
จากคุณ : หมอที่บ้านมีแต่ให้
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 08:05:46 A:183.89.169.219 X: TicketID:286693
ความคิดเห็นที่ 2 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
แนะนำให้ร้องเรียนกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลโดยตรงเลยค่ะ
จากคุณ : Ascobic acid
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 08:10:21 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 3 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ขอตอบในฐานะแพทย์คนหนึ่งครับ
อยากจะให้ จขกท.ถือน้ำมันรำนี้เข้าขอพบแพทย์ผู้อำนวยการ เล่าเรื่องให้ท่านฟัง แล้วแสดงความจำนงขอคืนน้ำมันรำ ขอเงินคืน
เชื่อว่าคงจะประสบความสำเร็จ
แต่ถ้าแพทย์ผู้ชายเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเสียเอง ก็แนะนำให้ไปพบนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดครับ
ตอบ จขกท. คห.26
"แล้วถ้าเราไปร้องเรียน อย่างนี้ เราต้องเลิกไปหาหมอที่ รพ.นี้เลยหรือเปล่าครับ
คิดดูซิ ถ้าเราร้องเรียนเป็นเรื่องแล้ว วันหลังเราไปหาหมอตรวจ แล้วเจอหมอคู่กรณี
ไม่อยากจะคิดครับ "
..คุณ พ่อของ จขกท.ปวดหลัง แพทย์ที่รักษาคงเป็นหมอ ออร์โธปิดิกส์ ซึ่งไม่ใช่แพทย์สาขาขาดแคลน ฉะนั้น คาดว่าน่าจะมีหมอออร์โธฯท่านอื่นอีกในโรงพยาบาลนั้น
ในการไปตรวจครั้งต่อไป คุณพ่อมีสิทธิแจ้งพยาบาลหน้าห้องว่าขอตรวจกับคุณหมอท่านอื่น (ระบุชื่อเลยยิ่งดี)
แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลชุมชนที่ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง ก็เลือกตรวจกับหมอท่านอื่นที่ออกตรวจพร้อมกัน
ตามปกติ พยาบาลจะทำตามความประสงค์ของคนไข้ครับ
แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 53 15:57:15
แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 53 15:40:45
จากคุณ : ส.มโนมัย
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 08:26:02 [แก้ไข]
ถูกใจ : มอคค่าปั่น, เผอิญผ่านมา, Elixir The High Priest, ลึกลับซับ_tui, Adenin, Radomski, 447, ฟ้าหมาดฝน, ขวดโหลที่ว่างเปล่า, esteem, Viper, Planch&Ling, น้องฟักทอง, winnertong, ที่บ้านมีหมาสามตัว, เฉลียง, แมวน้อยในลังส้ม, ฟ้าฉ่ำฝน, แม่โค, foscarnet, ช่อม่วงพวงคราม, RJ1, Mirror of Erised, KAEANDPOOH, เรียกฉันว่าที่รัก, ใบพัดสีม่วง, แดร๊กคิวล่าสาว, ปลากัดสีทอง, หนมโมจิ, PCM_22, tip pa rod, หายใจเข้า..กลั้นใจนิ่ง, Godgate, Top27, ปลิวไปตามสายลม, bright26, faeas25, ศุกร์ที่3, kedinvent, @Server ! maN@, มีความจริงใจมาให้, tatee086, ต้นแมกโนเลีย, LADY IN BLUE, papa mama love u, คุณน้ำตาลหวานใจ, jigabelle, หมู1 เรียก หมู2 เปลี่ยน, A r t F u l l Y, kennyG, ++Diamond Lady++, BillabongZ, Miss Berry
ความคิดเห็นที่ 4 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ตามนั้นครับ เข้าพบ ผอ. ได้ตังค์คืนแน่ๆ
จากคุณ : หมอก้อนหิน [FriendFlock] [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 09:08:17 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 5 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ร้องเรียนไปเลยค่ะ สั่งสอนซะมั่ง
เค้าน่าจะมีความละอายใจมั่งนะ
จากคุณ : Lovely Creature
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 09:13:47 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 6 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
บางทีนะคะ...หมออาจจะอยากขายให้เฉพาะกับคนที่อยากซื้อก้อ ได้นะคะ อาจจะไม่ใช่การบังคับขาย เพราะอย่างโรงพยาบาลแถวบ้านเราก้อมีเหมือนกันที่หมอเค้ามีอาชีพเสริมโดยขาย อาหารเสริมแบบนี้คนอยากซื้อก้อซื้อส่วนคนไม่อยากซื้อก้อปฏิเสธ ไม่ได้บังคับว่าคุณต้องซื้อทุกคน
จากคุณ : Hula A-u-MI GiRL
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 09:31:39 [แก้ไข]
ถูกใจ : tatee086
ความคิดเห็นที่ 7 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
บุคคลที่ เป็นที่พึ่งพิงยามเจ็บป่วยเอง กลับทำสันดานซะเอง
เห็นแก่เิงินในจำนวนแค่เล็กน้อย แต่ว่าวิชาชีพท่าน นั้นสูงค่ากว่านัก
กลับทำกับคนไข้ที่ ท่านต้องเสียเวลาร่ำเรียนมาเพื่อช่วยซะเอง อย่างนี้
กลับไปกินหญ้าดีกว่าไม๊ครับ พี่น้อง เสียดายเงินภาษี ของเราๆ ที่ต้อง
จ่ายไปให้กับ คนประเภทนี้ด้วยจริงๆ
ขอให้ จขกท. ได้เงินคืน นะครับ และถ้าเป็นผมก็คงเอาเรื่องให้ถึงที่สุดครับ
เพราะว่าผมเองก็เป็นคนที่ดูแล คุณแม่เช่นกัน เวลาไปหาหมอ ก็จะต้องพาไปด้วย
และจะเป็นคนสังเกตุ พฤติกรรมของคนต่างๆ อยู่ตลอด สมัยนี้คนเห็นแก่ได้
เห็นแก่ตัวเยอะครับ เราก็ต้อง ดูแล บุพการี ด้วยตัวเราเองก่อนด้วย ครับหนุ่มน้อยประแป้ง
จากคุณ : มือมีด
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 09:54:20 [แก้ไข]
ถูกใจ : เรียกฉันว่าที่รัก
ความคิดเห็นที่ 8 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
M เขาถึงกรอกหูสมาชิก และคนอื่นๆว่า
หมอทำกันเยอะ
หากผมเจอ ผมก็จะบอก.........ผมเป็นนักธุรกิจ Am
ทุกครั้งที่ไม่อยากซื้อก็จะบอกอยู่ฝ่ายตรงข้าม
เช่นจาก AIA ผมก็ตัวแทน...เมืองไทย ไทยประกัน
55555
"
จากคุณ : samr [FriendFlock] [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 09:59:38 [แก้ไข]
ถูกใจ : cardiogenic
ความคิดเห็นที่ 9 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
คุณ Hula ครับพูดง่ายไปนิดนึงมั้งครับ เขาเป็นแพทย์เจ้าของไข้นะครับ หมอพูดอะไรไม่มีทางที่คนไข้ไม่เชื่อหรอก
ลองคิดถึงพ่อแม่ผมถ้าโดนแบบนี้บ้างผมไม่มาโทษว่าท่านโง่หรอกครับ แต่คงได้ตามไปคุยกับหมอที่โรงพักเป็นแน่แท้
หากินกับคนป่วยหมดคำจะด่าจริงๆหมอพวกนี้
จากคุณ : ลึกลับซับ_tui
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 10:07:56 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 10 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ถูก ร้องเรียนเลย
จากคุณ : Adore [FriendFlock] [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 10:38:57 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 11 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
หมอก็คือมนุษย์ปุถุชน มีดี มีเลว ปะปนกันไป
จากคุณ : ผีตากผ้าอ้อม
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 10:56:48 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 12 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ขายตรงอีกแล้ว ...star
เฮ้อ แม้แต่หมอก็ยังไม่เว้น
ถ้ายังไม่แกะของสามารถคืนได้ครับ
จากคุณ : thongchai9309 [FriendFlock]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 11:34:54 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 13 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
คุณเอาไปคืนเองเลยค่ะ อย่ายอม เป็นหมอน่าจะมีความคิดที่สูงกว่านี้ มาขายของแบบนี้ดูไม่ดีเลย คนไข้ที่ไหนจะกล้าไม่ซื้อ โดยเฉพาะคนแก่
แล้วถ้าให้ดี เปลี่ยนหมอก็จะดีนะ
จากคุณ : จุก (khunnawat) [FriendFlock]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 11:42:26 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 14 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
น่าจะให้ลองกล่องนึงก่อนนะครับ ถ้าหากมันกินแล้วดีจริงค่อยซื้อเพิ่ม
ไม่น่าจะยัดเยียดมาให้เป็นแพ็ค ทำแบบนี้เสียความรู้สึกตายเลย
จากคุณ : Mea Culpa
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 11:55:54 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 15 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ทำไมกระทู้นี้ ไม่มีใครเข้าไปต่อว่า อย บ้างครับ เขาบอกให้ซื้อกับหมอ นา
//www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L10011576/L10011576.html
จากคุณ : กินลม ชมทะเล
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 11:56:02 [แก้ไข]
ถูกใจ : GANGSOAM
ความคิดเห็นที่ 16 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ควรร้องเรียกผู้บังคับบัญชาของหมอโดยตรง
อย่าปล่อยผ่าน ถ้าคนเป็นแพทย์ทำการค้ากับคนไข้อย่างนี้ได้
ต่อไปคุณหมอก็ไม่อยากรักษาเราหรอก เขาคงเน้นขายตรงอย่างเดียว
คนไทยเป็นขี้เกรงใจ ไม่อยากเอาเรื่อง ก็จะมีคนไข้จำใจซื้ออย่างคุณพ่อคุณอีก
เฮ้ออออ...Thailand Only
จากคุณ : Sinart_P2010 [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 12:39:27 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 17 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
หมอเราสิ
บ่นพวกอาหารเสริม ให้เราฟังทุกครั้งที่ไปพบ
เราเองทานอยู่บ้างบางตัว นั่งฟังแล้วเงียบอย่างเดียวเลย
จากคุณ : Kzybear [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 14:46:32 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 18 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ไม่ผิด ถ้าหมอจะทำ MLM
แต่ขายของด้วยวิธีนี้...หมอทำไม่ถูกค่ะ
(เราก็เป็นคนนึงที่ทำ MLM แต่ไม่เคยยัดเยียดสินค้าให้ใคร)
จขกท. ร้องเรียนเลยค่ะ
จากคุณ : Maneki-Maple [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 15:05:37 [แก้ไข]
ถูกใจ : idyzlesla, beam_beaw
ความคิดเห็นที่ 19 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
โหวตครับ
จากคุณ : esteem [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 15:15:37 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 20 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ปัญหาใหญ่อีกอย่างคือ พ่อคุณยังต้องกลับไปรักษากับหมอคนนี้อีกหรือไม่
แล้วมาตรฐานของการรักษาจะต่ำลงรึปล่าว ถ้าคุณเอาของไปคืน
มันน่ากลัวตรงนี้ละครับ
**ผมถึงไม่อยากให้อาชีพนี้มาทำขายตรง**
จะเป็นหมอหรือจะเป็นพ่อค้า เลือกซักอย่างได้มั๊ย
แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 53 19:06:57
จากคุณ : แมงแกลบ [FriendFlock]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 15:58:03 [แก้ไข]
ถูกใจ : GANGSOAM, RJ1, เรียกฉันว่าที่รัก
ความคิดเห็นที่ 21 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
หมอคนนี้ ไร้จรรยาบรรณโดยสิ้นเชิง
ผมรู้สึกว่า ถ้าหมอคนไหน อยากทำอาชีพเสริมขายสินค้า MLM ผมว่าก็ไม่ผิดหรอกครับ
แต่ขอร้องว่า อย่ามาขาย ณ เวลาที่คุณกำลังสวมบทบาทการเป็นแพทย์รักษาคนไข้ ยิ่งครั้งนี้ ถึงกับขายในโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว
ถ้าจะขาย กรุณาไปขายที่อื่น ที่ซึ่งคุณ เปลี่ยนหมวกเป็นนักธุรกิจอิสระ หรือ อะไรก็ตามแล้วแต่จะเรียก แต่ไม่ใช่ในหมวกของแพทย์
จากคุณ : zaxofone [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 18:46:40 [แก้ไข]
ถูกใจ : Dr.Eagle, RJ1, Top27, คิน * คาเนะ
ความคิดเห็นที่ 22 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
คห. ๑๕
คุณ กินลมชมทะเล .. ตีความผิดหรือเปล่าครับ ???
จากข้อความในข่าว ..
" หากจะใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควบคู่ไปกับการรักษา ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด "
......... ผมตีความเป็นว่า " แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ " หมายถึง แพทย์ที่รักษาโรคที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ ... ถ้าผู้ป่วยจะทานอาหารเสริม ก็ควรปรึกษา แพทย์จะได้แนะนำ .... นะครับ ..
....... ไม่ใช่ " อย. ให้ไปซื้อกับ หมอ " .... ผมว่า ตีความ คนละประเด็น เลยนะครับ ..
จากคุณ : หมอหมู [FriendFlock] [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 19:18:29 [แก้ไข]
ถูกใจ : 447, MaMa,PaPi, winnertong, หมาน้อยธรรมดา, แดร๊กคิวล่าสาว, Top27, โรตีแกงไก่, คุณน้ำตาลหวานใจ, kennyG, Anna_NSW
ความคิดเห็นที่ 23 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ส่วนกรณี ที่ แพทย์ พยาบาล .. ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ..
..ไม่เหมาะสม อย่างยิ่ง ..
แนะนำให้ ทำหนังสือร้องเรียน ไปยัง ผอ. รพ. และ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
หรือจะร้องเรียนไปยังสภาวิชาชีพ ( แพทยสภา และ สภาการพยาบาล ) ด้วยก็ได้ครับ ...
แถม ..
ช่องทางร้องเรียน เกี่ยวกับ เรื่อง ...ยา ....หมอ ....คลินิก .....โรงพยาบาล ...
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=23-02-2009&group=7&gblog=18
จากคุณ : หมอหมู [FriendFlock] [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 19:22:24 [แก้ไข]
ถูกใจ : Viper, ~*นิกายแมวเหมียว*~, Mirror of Erised
ความคิดเห็นที่ 24 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
คล้ายๆกัยเลยค่ะ แต่ไปทำฟัน แล้วหมอฟันกับผู้ช่วยก็เอาแปรงสีฟันกับที่แปรงซอกฟันมาให้ดู เราก็เกรงใจไม่รู้จะปฏิเสธยังไงก็เลยจำใจซื้อ หมดไป 300 ไม่ได้เสียดายเงินนะคะ แต่รู้สึกแปลกๆ เพราะต้องจ่ายให้หมอโดยตรงค่ะ ไม่ได้รวมในบิลของโรงพยาบาล
จากคุณ : junifen [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 21:25:09 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 25 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
หากินกับคนไข้อีกแล้ว
กับคนแก่ซะด้วย หมอประจำบอกใครก็ต้องเชื่อ
เพราะคิดว่า หมอ "หวังดี"
แต่ที่ไหน หวังเงินนิ่
จากคุณ : mnoppy12 [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 16:25:20 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 26 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ถามต่อ คหที่ 3
แล้วถ้าเราไปร้องเรียน อย่างนี้ เราต้องเลิกไปหาหมอที่ รพ.นี้เลยหรือเปล่าครับ
คิดดูซิ ถ้าเราร้องเรียนเป็นเรื่องแล้ว วันหลังเราไปหาหมอตรวจ แล้วเจอหมอคู่กรณี
ไม่อยากจะคิดครับ
จากคุณ : noomrangerha [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 17:50:50 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 27 [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
เพื่อนเราก็บ้า เอมสตาร์นี่มากๆเลยคะ เมื่อก่อนสนิทกันมากเด๋วนี้ไม่คุยกันแล้วคะ
จากคุณ : krandis (krandis)
เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 18:30:53 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 28 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
พาลูกไปหาหมอ มีแต่หมอให้นมยี่ห้อใหม่ให้เอามาลอง แบบฟรี ๆ
แต่ไปอีกครั้ง หมออีกคน เอาลูกไปรักษาภูมิแพ้ผิวหนัง หมอแนะนำโลชั่นขวด 3000 ให้
จ่ายยกับหมอเลย พอบอกไม่เอา หมอตรวจเสร็จโดยเร็ว ขนาดเอกชนนะเนี้ย
ส่งที่จะเจอหากเอาของไปคืน การตรวจครั้งต่อ จะรวดเร็วมาก ฟันธง!
จากคุณ : Nachama
เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 18:34:10 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 29 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ส่วนมากคนแก่จะกลัว และเกรงใจหมอค่ะ
ยิ่งต้องรักษาต่อเนื่อง ยิ่งกลัว
ก่อนจะทำอะไรลงไปปรึกษาคุณพ่อก่อนนะคะ
บางทีเราคิดว่าเราทำเพื่อความถูกต้อง แต่คุณพ่อเรากลับเป็นทุกข์ก็ไม่ดีนะคะ
จากคุณ : หนึ่งหยดน้ำหลับไหลในสายน้ำ [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 18:55:17 [แก้ไข]
ถูกใจ : ตำไทยพริกสองเม็ด
ความคิดเห็นที่ 30 [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
อย่าเพิ่งใช้นะคะ
เเบบนี้มีเคีลยร์เเน่คะ เเพงมากกก
จากคุณ : VIPUSER [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 19:20:22 [แก้ไข]
ความคิดเห็นที่ 31 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
ทั้งหมอ ทั้งพยาบาล
จากคุณ : เด็กหลังส้วม [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 20:02:54 [แก้ไข]