Nepal ตอน 29 นะกอร์กต
ที่จริงแล้วระยะทางไปนะกอร์กตไม่ไกลเลย แต่เพราะความชัน และคดเคี้ยว จึงต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินทาง ความเสียว กระชากใส่หัวใจของพวกเราเป็นระยะ ๆ เมื่อมองไปนอกหน้าต่าง เราก็แอบรำพึงรำพันในใจว่า ถ้าตกเนินเขาไปก็ต้องจ่าย 1,200 รูปี แน่นอน ขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ เจอโรงแรม รถขับเลยไป ไม่ใช่โรงแรมนี้ เอ้า
ขับต่อไปอีก เจอโรงแรม นี่ก็ไม่ใช่ ขึ้นไปอีก ไม่ใช่อยู่ดี ที่พักของเรามันสูงแค่ไหนกันนี่ รถแล่นผ่านร้านอาหารบรรยากาศดี ตั้งอยู่ริมเขา มีเทือกเขาหิมาลัยเป็นฉากหลัง (ถ้ามองเห็น) มองลงไปเบื้องล่างจะเห็นป่าเขียวขจี ขึ้นมาสูงขนาดนี้ ยังมีคนตะกายขึ้นมากินกันอีกหรือ ร้านนี้ชื่อ Naked Chef ชื่อร้านน่าจะมาจากครัวที่เป็นกระจกใสอยู่หน้าร้าน คนในร้าน และนอกร้านสามารถชมการปรุงอาหารได้ชัดเจน ไม่น่าจะมีโชว์พิเศษจาก Chef หรอก แต่ถ้ามี ก็นับว่ามีเหตุผลสมควรอยู่ถ้าผู้คนจะแห่แหนขึ้นมาหาอาหารรับประทานที่ร้านนี้ รถแล่นขึ้นไปอีกประมาณ 100 เมตร ก็ถึงโรงแรมที่เราจะพักในคืนนี้ Hotel View Point โรงแรมนี้อยู่บนยอดเขานะกอร์กต สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 7,200 เมตร นับเป็นตำแหน่งที่ดีมากสำหรับชมวิวเทือกเขาหิมาลัย และดูพระอาทิตย์ขึ้น - พระอาทิตย์ตก นอกจากจะมีโลเกชั่นที่ดีที่สุดในนะกอร์กตแล้ว โรงแรมนี้ก็ยังอยู่ในระดับที่ดี ไม่ใช่แค่ระดับเกสท์เฮาส์อย่างที่เราพักในกาฐมาณฑุ ห้องพักสะอาด เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งจัดได้ว่าดี ห้องน้ำกว้าง น้ำอุ่นหรือเปล่าเดี๋ยวก็รู้ เรียกว่าน้ำไฟบริบูรณ์ดี แต่คงไม่บริบูรณ์ตลอด เพราะที่โต๊ะข้าง ๆ เตียงมีเทียนไข พร้อมไม้ขีดไฟให้พร้อม ค่าห้องพักประมาณคืนละ 20 - 30 USD/ห้อง/คืน แพงอยู่เหมือนกัน แต่พวกเราไม่ต้องจ่าย เพราะรวมอยู่ในทัวร์ของคุณศิวะแล้ว ภาพจากอินเตอร์เน็ตค่ะ ตอนไปไม่เห็นแบบนี้หรอกค่ะ อ่านคอมเมนต์ถึงโรงแรมนี้ มีทั้งดีและไม่ดีเชิญที่//www.tripadvisor.com/Hotel_Review-g315763-d457106-Reviews-Hotel_View_Point-Nagarkot.html โรงแรมนี้สร้างสูงขึ้นไป 5 ชั้น แต่จะบอกว่าเป็นตึกแถวก็ไม่ถูก เพราะโรงแรมสร้างเลียบไหล่เขาขึ้นไป ไม่ได้เป็นตึกเดียวกันตลอด ดาดฟ้าชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิว ถ้าตะกายขึ้นดาดฟ้าไม่ไหว ก็แค่มายืนชมวิวที่ระเบียงกว้างขวางใหญ่โตของโรงแรม ที่จัดวางโต๊ะ และเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อน มีดอกไม้สีสวยปลูกเต็มไปหมด ห้องอาหารอยู่บนชั้น 3 ของโรงแรม จะเลือกนั่งในห้องอาหารหรือที่ระเบียงหน้าห้องอาหารก็ได้ บรรยากาศดูดีมาก พนักงานของโรงแรมเขารอต้อนรับเราอยู่แล้ว พอเห็นสัมภาระของพวกเรา เขาก็ต้องเบิกตากว้าง ตามปกติแล้วนักท่องเที่ยวทั่ว ๆ ไปจะมีสมบัติแค่กระเป๋าใบย่อม ๆ สำหรับพอใช้ได้ 1 วัน แต่คนไทยกลุ่มนี้มีกระเป๋าเดินทางสำหรับ 11 วัน ขนใส่เต็มแลคบนหลังคารถ เห็นจะมีแต่พี่ซิปเพียงคนเดียว ที่มีกระเป๋าขนาดสมเหตุสมผล แสนสงสารเบลบอย ที่ต้องแบกกระเป๋าของเราไปส่งที่ห้องพัก ต้องทนแบกขึ้น ๆ ลง ๆ บันได เพราะโรงแรมสร้างบนเขา โดยพยายามรักษาสภาพธรรมชาติเอาไว้ให้มากที่สุด การเดินไปตามห้องต่าง ๆ หรือส่วนต่าง ๆ ของโรงแรมจึงต้องอาศัยการปีนป่าย ศิวะจองห้องพักเอาไว้ให้เรา 5 ห้อง ห้องละ 2 คน พี่น้อยเลยจำพรากจากพี่ป้อม พี่น้อยต้องระเหเร่ร่อนไปอยู่กับพี่อ้อ ทิ้งให้พี่ป้อมอยู่กับพี่เจ พี่ปุ๊คนดีที่หนึ่งเลย ต้องเสียสละไปอยู่กับพี่ซิป ไม่ใช่พี่ปุ๊แล้วใครจะยอม พี่ก้อดกับพี่ป๋อพักห้องเดียวกัน ห้องที่เหลือก็ลงตัวที่พิมกับบีม พี่อ้อกับพี่เจขอให้ศิวะพาไปดูว่าต้องชมวิวกันที่ไหน ศิวะต้องปีนนำคนช่างสงสัยทั้งสองไปถึงดาดฟ้าชั้น 5 กว่าจะปีนลงมา ก็พบว่ารถประจำทางกลับกาฐมาณฑุเที่ยวสุดท้าย ก็ได้ออกไปแล้ว รถตู้ก็ต้องอยู่กับพวกเรา เพื่อพาพวกเรากลับพรุ่งนี้ ศิวะผู้น่าสงสารจำต้องเดินลงเขาไปตายเอาดาบหน้า เจอแท็กซี่เมื่อไหร่ก็รอดตายเมื่อนั้น เมื่อพี่เจกับพี่ก้อด เข้าห้องพักได้ ก็ต้องผิดหวังสุด ๆ โรงแรมนี้ดีทุกอย่าง เสียแต่ไม่มีทีวี คืนนี้มีแข่งกอล์ฟรอบสุดท้ายด้วย เลยต้องอดดูไป พี่ก้อดบอกว่าใครรู้ผลการแข่งขันห้ามบอกแกเด็ดขาด แกจะกลับเมืองไทยไปดูเทปล่ามาช้า แล้วสมมุติว่าดูถ่ายทอดสดอยู่ วันนี้อากาศเย็นมาก พวกเราต้องรีบไปอาบน้ำกันตั้งแต่เย็น ถ้าทิ้งไว้อาบตอนมืด ๆ ก็สงสารขนว่าจะไม่ได้พักผ่อน ต้องลุกขึ้นมาเอกเซอร์ไซส์ กันหมด อูย
หนาว น้ำอุ่นที่โรงแรมมีให้ มันก็อุ่นอยู่หรอก หากอุ่นเป็นพัก ๆ ลักปิดลักเปิด เมื่อแรกเปิด น้ำจะเย็นเจี๊ยบราวกับน้ำแข็งขั้วโลก ต้องหยุดอาบ เปิดน้ำทิ้งไว้อย่างนั้น โดยไม่สนใจว่าโรงแรมเขาขอร้องให้ประหยัดน้ำ รอจนน้ำอุ่นค่อยอาบต่อ อาบไปได้หน่อย น้ำเย็นมาอีกแล้ว ไล่ไม่ยอมไปเสียที ตามมาจองเวรอยู่ได้ ต้องทิ้งเอาไว้อีก เดี๋ยวอุ่นเดี๋ยวเย็นสลับกันอยู่อย่างนี้ กว่าจะอาบเสร็จก็แทบจะหลับคาฝักบัวกันอยู่แล้ว พี่อ้อนึกรำคาญ ขี้เกียจรอ อาบน้ำทั้ง ๆ ที่เย็นจัดอย่างนั้นเลย ชั้นไขมันของพี่อ้อหนาพอที่จะต่อสู้กับความเย็นของน้ำบนนะกอร์กตได้สบาย ๆ พิม บีม พี่ซิป พี่ปุ๊ พี่อ้อออกไปโล้ชิงช้าเล่นในสวนดอกไม้ พี่ซิปคงอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว ดูหน้าเศร้า ๆ บ่นว่าอยากกินอาหารรสจัด ๆ แซ่บ ๆ กลับไปเมืองไทยเมื่อไหร่จะกลับไปกินส้มตำเป็นอย่างแรก ชิงช้าไม่ได้หยอดน้ำมัน แกว่งไปก็ได้ยินเสียง เอี๊ยด จากชิงช้าตัวหนึ่ง ต่อด้วยเสียง อ๊าด จากชิงช้าอีกตัว พี่ปุ๊บอกว่า ชิงช้าดังประสานเสียงกันเลยนะ พี่ซิปเกิดอาการประสาทหลอนชั่วครู่ถึงขนาดถามพี่ปูว่า อยากกินส้มตำเหมือนกันเหรอปุ๊ พี่ปุ๊งง พิม บีม พี่อ้อก็งงว่าส้มตำมาได้ยังไงกัน ประโยคที่พี่ปุ๊พูด กับ ส้มตำ มีซ้ำกันแค่ ส. เสือตัวเดียว เท่านั้นเองนะพี่ซิป อาการของพี่ซิปแย่แล้ว ใครบังคับเขามากันนี่ พออาบน้ำกันเสร็จทุกคน ก็ถึงเวลา หากิน มื้อเย็นนี้เรามีทางเลือก 2 ทาง ว่าจะกินกันในโรงแรม หรือจะเดินลงไป Naked Chef *** โปรดติดตามตอนต่อไป *** Hotel View Point ก็ยังอยู่นะคะ ถามกู๋ (Google) ดูได้ค่ะ
Create Date : 22 กรกฎาคม 2553
0 comments
Last Update : 22 กรกฎาคม 2553 22:28:24 น.
Counter : 562 Pageviews.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ