Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 
14 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

Nepal ตอน 23 ช็อปปิ้งกันหน่อยมั้ย

ใครอยากซื้ออะไรก็ซื้อไป พิมแอบแว่บเข้าร้าน Pilgrim Book House ร้านหนังสือชื่อดังในย่านนี้ อยู่ใน Kathmandu Guest House ที่เป็นตำแหน่งอ้างอิงสำคัญในย่านทะเมล ค่าที่เป็นเกสท์เฮาส์แห่งแรกในทะเมล ถ้าจะอธิบายว่าร้านไหนอยู่ตรงไหน ส่วนใหญ่จะระบุว่าอยู่ห่างจากกาฐมาณฑุเกสท์เฮาส์ ไปทางใด เป็นระยะทางเท่าไหร่

ร้านหนังสือแห่งนี้ มีหนังสือน่าสนใจจำนวนมาก ทั้งหนังสือวิชาการ สารคดี บันเทิงคดี หนังสือเกี่ยวกับประเทศเนปาลยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีเป็นโกดัง นอกจากนี้ยังมีโปสเตอร์ภาพวิวภูเขาสูงในเนปาลจำนวนมากให้เลือกซื้อ บรรดาหนอนหนังสือที่ได้เข้ามาในร้านนี้ต่างตาเบิกโพลง อยากซื้อหนังสือไปเสียหมด


ยืมรูปมาจากเว็บไซต์ของร้านค่ะ

หนังสือหลากชนิด หลายประเภท พิมไม่สนใจ เจ้าหล่อนเดินดุ่ม ๆ ไปหยิบหนังสือกามสูตรเป็นพ็อกเก็ตบุ๊ค ขนาดเท่าฝ่ามือ ก่อนอาหารเย็น ยังหาโอกาสซื้อไม่ได้ คราวนี้ต้องซื้อให้สำเร็จ

หนังสือกามสูตรเล่มเล็กนี้เป็นหนังสือภาพจากภาพวาดโบราณ มีขายอยู่หลายเวอร์ชั่น มีคำอธิบายสั้น ๆ พอเข้าใจ แถมยังมีหลายภาษา ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และญี่ปุ่น

ส่วนฉบับเต็ม ๆ ขนาดเท่าสมุดโทรศัพท์ เป็นหนังสือระดับ ‘How to’ นั้น ได้ยินมาว่ามีขายที่ตุรกี เอิ่ม…ไปตุรกีกันเถอะ

ขอเว้นไม่บรรยายถึงรายละเอียดในหนังสือที่พิมซื้อมา เพราะแค่นี้ภาพลักษณ์กุลสตรีของพลก็ไม่เหลือหลอแล้ว ที่ซื้อมานี้ก็ไม่ใช่เพราะว่าลามก แค่อยากดูในแง่ศิลปะเท่านั้นเอง ขอบอกแค่ว่าคนโบราณเขาช่างสามารถกันเหลือเกิน ต้องโยคะแอดวานซ์ เท่านั้น ถึงจะทำได้อย่างในหนังสือ แล้วราคาก็ไม่แพงเลยเพียง 152 รูปี คิดเป็นเงินไทยแค่ 90 บาท

พี่เจ กับพี่ก้อดคว้ากางเกงแขกมาได้คนละตัว เป็นกางเกงผู้หญิงแบบที่ไม่มีซิป หรือยางยืดให้ยุ่งยาก เวลาใส่ให้เอาขาคร่อมส่วนที่เย็บเป็นเป้า แล้วเอาผ้าสองข้างมาพันรอบสะโพก ผูกเชือกซะ แค่นี้ก็ปกปิดร่างกายมิดแล้ว ชายกางเกงปักไหมสีสด ประดับด้วยกระจกสีต่าง ๆ เสื้อผ้าสไตล์แขกนี้ ดูเก๋ และเซอร์มาก

มืดลงทุกที สมควรแก่เวลากับที่พักแล้ว เอาไว้ก่อนบินกลับประเทศไทยยังพอมีเวลาให้ช็อปปิ้งอีก

พวกเราเรียกแท็กซี่กลับโรงแรม คนขับแท็กซี่เขาเรียกราคาคันละ 100 รูปี พวกเราปรึกษากันว่าน่าจะต่อเหลือคันละ 80 รูปี คนขับแท็กซี่ไม่ยอม เลยจะขอเปิดมิเตอร์

อืม…ก็น่าจะดีนะ

แต่ช้าก่อน พี่ก้อดท้วงว่าถ้าเขาขับรถอ้อมล่ะจะทำอย่างไร พวกเราเลยยืนกรานที่จะไม่เปิดมิเตอร์ และคันละ 80 รูปีขาดตัว คนขับเขาก็ยืนยันว่า 100 รูปี ยุติธรรมแล้ว

พ่อค้าแถว ๆ นั้น เขาอาสามาเป็นล่ามให้คนขับแท็กซี่ เขาบอกพิมว่า “เห่า เห่า”

“ทำไมภาษาเนปาลคล้ายภาษาจีนกลางอย่างนี้” พิมงง

“ก็ภาษาจีนนั่นแหละ” บีมให้ความกระจ่าง

พ่อค้าแขกเขามั่นใจมากว่าพิมเป็นสาวไต้หวัน

“ปู้เห่า” เอ้า…จีนก็จีนวะ พิมตอบเขากลับไป ภาษาจีนที่พอรู้บ้างก็แค่นี้แหละ เขาว่าดี เราก็ว่าไม่ดี พูดกี่ที ก็ได้ไม่เกินนี้

ต่อราคากันจะเป็นจะตาย ราวกับว่าเงิน 20 รูปี จะทำให้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จอย่างนั้นแหละ สุดท้ายคนขับแท็กซี่ก็ต้องยอม…

ที่เด็ดกว่านั้น พวกเราไม่ยอมเรียกรถ 3 คันให้นั่งไปสบาย ๆ กลับยัดกันเข้าไปในรถแท็กซี่เนปาลคันเล็กนิดเดียว 2 คัน แน่นอนว่าต้องจับพิมกับพี่อ้อแยกกันไปคนละคน ถ้าเอาไว้คันเดียวกันจะกลายเป็นรถขนหมู

พิมกับพี่อ้อได้สิทธิพิเศษ นั่งด้านหน้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่เพื่อนที่นั่งเบียดกันอยู่ด้านหลัง

คันที่พิมนั่งเป็นแม่ย่านางอยู่หน้ารถนั้น ด้านหลังมีพี่ก้อด พี่เจ พี่น้อย และพี่ป้อมเบียดกันเป็นเนื้อเดียวอยู่ด้านหลัง เป็นปลากระป๋องชนิดคุณภาพคับกระป๋อง

พี่ป้อรู้ตัวว่านั่งทับขาเพื่อนอยู่ รู้สึกเกรงใจมากจนต้องเอ่ยปาก “เมื่อยมั้ยก้อด”

“ไม่เมื่อยหรอก นั่งเลยตามสบาย” พี่ก้อดตอบ ไม่มีทีท่าว่าเมื่อยจริง ๆ

พี่เจงง ถามพี่ก้อดทำไม (วะ) ทำไมไม่ถามพี่เจ ขาที่พี่ป้อมทับ หาใช่ขาพี่ก้อดไม่ หากเป็นขาพี่เจ

แต่พี่เจก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ก็ไม่ได้ถามเขานี่ ครั้นจะบ่นว่าเมื่อย ก็กลัวว่าจะดูสำอางเกินชายไปหน่อย

ข้างพี่ก้อดไม่ได้โกหก ก็มันไม่เมื่อยจริง ๆนี่ อยากนั่งทับ ก็ตามใจสิ ไม่ใช่ขาพี่ก้อดสักหน่อย

พี่เจต้องทนเมื่อยไปตลอดทาง แกะตัวออกมาจากรถได้ ก็แทบต้องคลานเข้าโรงแรม

กลับมาถึงโรงแรม ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน พวกเราก็นัดแนะเวลาออกไปเที่ยวพรุ่งนี้ ที่ลืมไม่ได้ก็คือ ต้องสั่งอาหารเช้าพรุ่งนี้เอาไว้เลย เพราะธรรมชาติของชาวเนปาล ทำอาหารช้าทุกร้าน และทุกมื้อ ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ทำง่ายเพียงไหนก็ตาม

Tip : จะกินอาหารเช้าที่เนปาล สั่งตั้งแต่กลางคืน เพื่อกินพรุ่งนี้ ถ้าไม่สั่งอาจได้กินมื้อเที่ยงแทน

เฮ้อ…เหนื่อย วันนี้พวกเราเที่ยวกันอย่างเข้มข้นเหลือเกิน ทุกคนสะบัดหน้าแยกย้ายกันไปพักผ่อนห้องใครห้องมัน

อยู่เนปาลมาได้ 2 วัน เราก็พบว่าเริ่มเกิดอาการผิดปกติทางร่างกายบ้างแล้ว ทุกคนจมูกแห้ง จนเลือดออกซิบ ๆ เพราะที่กาฐมาณฑุอากาศแห้งมาก

ส่วนพี่ป้อมกับพี่ป๋อ อาการหนักกว่าเพื่อน เริ่มเจ็บคอมากขึ้นเรื่อย ๆ พี่ป้อมมีแถมจามด้วย ส่วนพี่ป๋อก็แสนจะน่าสงสาร เพราะป่วยแล้วยังอาจได้พักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะต้องสดับ ‘เสียงโอเปร่า’ จากเพื่อนร่วมห้อง

ในที่สุดวันที่ 2 ในเนปาลก็จบสิ้นลง ด้วยความเหน็ดเหนื่อยหากสนุกและ คุ้มค่า

*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***

หาข้อมูลจาก google ก็พบว่า Pilgrim Book House ยังอยู่นะคะ ติดต่อได้ที่นี่ค่ะ
PILGRIMS CONTACT INFORMATION
PILGRIMS BOOK HOUSE
(Next to Kathmandu Guest House )
Open 8:00 a.m. to 10:00 p.m.
Mailing Address: Thamel, PO Box 3872, Kathmandu, Nepal

Business Office: +977-1-4700919, Book Shop: +977-1-4700942
24-Hour Fax: +977-1-4700943, E-mail: pilgrims@wlink.com.np

ข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่//www.pilgrimsbooks.com/kathmandu.html




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2553
0 comments
Last Update : 14 กรกฎาคม 2553 21:52:29 น.
Counter : 628 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.