Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 
18 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

Nepal ตอน 26 อพยพย้ายถิ่นเที่ยว

ลาก่อนเมลังเซ

ออกจาก ‘คุก’ มาได้ รถก็มารอรับพวกเราอยู่แล้ว นั่งรถไม่นานก็กลับมาถึงโรงแรม

กลับมาถึงโรงแรม อาหารเช้าก็ยังไม่พร้อม นี่ขนาดสั่งล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พวกเราเลยแยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระ เพื่อย้ายถิ่นฐานต่อไป

วันนี้พวกเราจะจากกาฐมาณฑุเพื่อไปพักที่ นะกอร์กต (Nagarkot) เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น - พระอาทิตย์ตก และสัมผัส Panorama View ของเทือกเขาหิมาลัย โดยระหว่างทางจะแวะชมเมืองโบราณ ‘บักตะปูร์’ ก่อนด้วย

เก็บของเสร็จ ก็มาทานอาหารเช้ากัน ของกินหน้าตาเหมือน ๆ เดิม แต่พวกเราก็กินเข้าไปมากเป็นพิเศษ เพราะไม่รู้ว่าบ่ายนี้จะได้กินข้าวกลางวันกันกี่โมง

คุณลุงเจ้าของโรงแรม เห็นเราขนข้าวของไปหมด ก็บอกว่าฝากของเอาไว้ก็ได้ เอาไปแค่กระเป๋าใส่เสื้อผ้าใบเล็กสำหรับวันเดียวไปนะกอร์กต ก็พอ แต่พวกเราก็ยืนยันว่าไม่สะดวก ไม่กล้าบอกคุณลุงว่า พวกเราจะไม่กลับมาพักที่โรงแรมนี้อีกแล้ว ไม่ใช่ว่าโรงแรมของเขาไม่ดี แต่พักในทะเมลสะดวกกว่ามาก

ศิวะ คนขับรถ และพนักงานของโรงแรม ดูจะกลุ้มใจกับสมบัติทั้งหมดที่เราจะขนไปด้วย แต่ในเมื่อลูกค้าต้องถูกเสมอ พวกเขาก็พยายามขนกระเป๋าขึ้นหลังคารถจนได้ เจ้าหนูที่ไปกับพวกเราเมื่อเช้าดูจะเข้าท่าที่สุด ขึ้นไปจัดกระเป๋าอย่างคล่องแคล่ว และเรียบร้อย

พิมติดต่อขอจ่ายค่าห้องพัก และค่าอาหารทั้งหมด แต่คุณลุงเจ้าของโรงแรมขึ้นรถตู้ออกไปเที่ยวแล้ว เลยต้องติดต่อกับลูกน้องของแกแทน

คนที่นี่เขาก็ดีเหลือเกิน ไว้ใจเราถึงขนาดให้พวกเรากลับมาจากTrekking ที่โปขราก่อนค่อยจ่ายเงินก็ได้ เขาไม่กลัวเราหนี เพราะเขารู้จักกับศิวะดี ไปไหนเราก็ไปกับศิวะ ศิวะจับพวกเราเป็นตัวประกันอยู่แล้ว เราจะหนีไปไหนพ้น

ให้ยังไงเราก็ต้องจ่ายเงินให้ได้ในวันนี้ เพราะพวกเราจะย้ายวิกไปที่อื่นแน่นอน คุณป้าเลยออกมารับเงินแทน คุณป้าคนนี้น่าจะเป็นภรรยาของคุณลุงเจ้าของโรงแรม หรือไม่ก็เป็นญาติสนิท ถึงได้มีอำนาจในการถือกุญแจเซฟ

คุณป้ายื่นบิลให้พิมดู ค่าที่พัก และอาหารรวม 163 USD แล้วนี่อะไร VAT

ก็ไหนก่อนพักบอกว่าไม่ต้องจ่ายภาษีเพิ่มอีกแล้วนี่

พิมเถียงกับคุณป้าอยู่นาน แกยืนยันว่าภาษีนี้ต้องจ่ายแน่ ๆ ไม่ว่าโรงแรมไหนก็ต้องจ่าย แล้วโรงแรมก็ไม่ได้งุบงิบเอาไว้เอง ต้องจ่ายรัฐ ภาษีที่นี่ก็ไม่ใช่น้อย ๆ ตั้ง 12 %

เถียงไปก็เท่านั้น ถึงอย่างไรก็ต้องจ่าย แต่ช้าก่อน…พิมไม่ยอมจ่ายเต็มจำนวน โดยไม่ขอลดราคาหรอก เสียเกียรติสาวไทยหมด

พิมขอคุณป้าลด 3 ดอลล่าร์ โดยอ้างว่าคนไทยนิยมเลขตัวกลม เศษนิด เศษหน่อยตัดทิ้งหมด คุณป้าท่าทางไม่พอใจ เจ้าหน้าที่โรงแรมที่ทำหน้าที่เป็นล่ามให้ และเป็นนายหน้าพาเรามาจากสนามบิน (คนที่เป็นล็อคชีวภาพนั่นแหละ) ต้องช่วยเจรจาให้คุณป้ายอม

ใครที่ผ่านมาเห็นบรรยากาศในเวลานั้น จะรู้สึกได้ถึงเงาทะมึน ที่เกิดจากสาวไทยท่าทางขึงขัง กับคุณป้าชาวเนปาลท่าทางเอาเรื่อง กำลังหักเหลี่ยมเฉือนคมกันอยู่

สุดท้ายคุณป้าแกต้องยอมแพ้ ลดให้ 3 ดอลล่าร์

แค่นี้เองลด ๆ ไปซะ แต่พอแปลงมาเป็นเงินบาท ได้ประมาณ 135 บาท เชียวนะนั่น ทำให้พิมภูมิใจมาก

เพื่อน ๆ เห็นแล้วกลัว สงสัยว่าพิมไม่กลัวป้าเขาตบเอาหรือ แกล่ำออกปานนั้น ถึงโมเมนตัมของพิมจะไม่น้อย แต่ถ้าแกตบจริง ๆ พิมคงคว่ำ หน้าแหก ต้องกลับไปทำศัลยกรรมด้วยนะ

เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย แทนที่จะประหยัดได้ 135 บาท อาจจะต้องเสีย 720 บาท (1,200 รูปี) เป็นค่าทำศพเอาน่ะสิ

Tip : ค่าที่พัก และอาหารของโรงแรม ต้องจ่าย VAT 12 % แน่นอน อย่าไปเชื่อที่โรงแรมแจ้งว่าไม่มีภาษีเพิ่มแล้ว เขาไม่ได้โกหก เพราะนี่เป็นข้อบังคับเบื้องต้น ที่(เขาเหมาว่า)นักท่องเที่ยวต้องทราบอยู่แล้ว



จ่ายเงินเสร็จ พิมก็เดินยุรยาตรออกมาจากห้องรับแขกของโรงแรม เกือบเหมาตุ๊กตาสิงห์ดินเผาของเขาที่ตั้งอยู่ข้างนอกตัวอาคาร สิงห์ตัวขนาดเท่าสุนัขขนาดกลาง ๆ หนักไม่ใช่น้อย ๆ แต่สะโพกของพิมก็มีอานุภาพเพียงพอที่จะชนให้มันกระเด็นได้ ดีว่าคว้าไว้ทัน ไม่งั้น...ต้องจ่ายเงินค่าสิงห์ตัวนี้อีก

แต่หูมันหักอยู่แล้วนะ พิมไม่ได้ทำ

เป็นอันว่าไม่มีอะไรแตกหักเสียหาย และให้ทิปพนักงานของโรงแรมแล้วทางโรงแรมก็ปล่อยพวกเราออกมาได้ คนของโรงแรมโบกมือลา เขาก็คงพอจะรู้แกวว่าเราจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว

ฝรั่งล่ะ...ฝรั่งหายไปไหน ไม่โผล่มาอีกเลย ป่านนี้พี่แกคงเปิดแชมเปญฉลองแล้วมั้ง ดีใจที่พวกเราไปแล้ว
และแล้วความสงบก็กลับมาเยือนโรงแรมเมลังเซอีกครั้ง

มุ่งสู่บักตะปูร์

รถตู้ที่มีสัมภาระเต็มหลังคา พาเรามุ่งหน้าออกจากเมืองไปตามริงโรด พวกเราอดหวั่นใจไม่ได้ว่า กระเป๋าบนหลังคาจะกลิ้งหลุน ๆ ตกไปตามทาง พอรถแวะเติมน้ำมัน พี่ป้อมก็เหยียบประตูรถ ปีนขึ้นไปสำรวจกระเป๋าว่าอยู่ครบดีหรือเปล่า การมีพี่ป้อมมาด้วยมีประโยชน์หลายอย่าง ไหนจะรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีแล้ว ยังใช้แรงงานให้ปีนป่ายจัดของบนหลังคารถได้อีก

ระหว่างทางไปบักตะปูร์ ศิวะก็พาพวกเราแวะ Pashmina Palace เป็นร้านค้าขายสินค้าที่ระลึกเกรดดีสำหรับนักท่องเที่ยว นึกว่ามาเนปาล จะไม่มี Shopping Tour อย่างไปเมืองจีนแล้วเชียวนะ

สินค้าที่ขายส่วนใหญ่ เป็นผ้าปาชมินาอย่างดี เสื้อ และกระเป๋าทำจากหนังแกะเนื้อนุ่ม ปักลวดลายสวยงามประณีตกว่าร้านข้างทาง เทวรูป และพระพุทธรูปเลียนแบบของโบราณ

พวกเราส่วนใหญ่ ก็เดินดูไปดูมา ไม่ซื้ออะไร เพราะของแพง เสียดายเงิน เงินบาทยิ่งอ่อนราวกับกระดาษชำระอยู่ด้วย (เพิ่งจะมาเสียดายตอนนี้) คนที่ตั้งอกตั้งใจเลือกซื้อสินค้า เห็นจะมีแต่พี่ก้อดเพียงคนเดียว เพราะแกมีจุดมุ่งหมายในชีวิตว่าต้องซื้อผ้าพาชมินาไปฝากคุณแม่ให้ได้ นี่คือตัวจริงของพี่ก้อด... ลูกกตัญญู

คราวนี้พี่ก้อดได้ที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถืออย่างพี่อ้อ ช่วยเลือก ช่วยต่อราคาให้ จนได้ผ้าปาชมินา 2 ผืนในราคา 75 ดอลล่าร์ พี่ก้อดยอมจ่ายแพง แต่แน่ใจว่าได้ของดีมีคุณภาพ

หลังจากเดินแล้ว ซื้อของแล้ว เข้าห้องน้ำแล้ว พวกเราก็ขึ้นรถดมฝุ่นไปบักตะปูร์กันต่อ พักหนึ่งก็ถึง ก่อนจะผ่านเข้าเมืองได้ ก็ต้องจ่ายเงินค่าผ่านประตูอีกคนละ 10 ดอลล่าร์ หรือจะจ่ายเป็นเงิน เนปาล 750 รูปี ก็ได้ คิดสะระตะแล้วจ่ายเป็นดอลล่าร์ดีกว่า เพราะ 10 ดอลล่าร์ = 730 รูปี

ค่าบัตรผ่านประตูแพงตั้งเท่านี้ น่าจะให้พี่ปุ๊ปลอมตัวเป็นผู้ช่วยไกด์เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่คนอย่างพี่ปุ๊ทำไม่ได้หรอกเรื่องแบบนี้เพราะเขาดีเกินไป

*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2553
0 comments
Last Update : 18 กรกฎาคม 2553 18:27:15 น.
Counter : 651 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.