Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 
4 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Nepal ตอน 14 ปาร์ตันดะระบาร์แสควร์

ที่หมายต่อมาของพวกเราคือ ปาตันดะระบาร์แสควร์ หรือจตุรัสราชวังแห่งปาตัน นี่ก็อยู่ใน ‘A must’ ของการมาเที่ยวเนปาล

ปาตันเป็นเมืองโบราณที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะยังมีชาวบ้านมีชีวิต มีจิตใจ อาศัยกันอยู่ตามปกติ บางส่วนของปาตันได้รับการยกย่องให้เป็น World Heritage หรือมรดกโลกด้วย

) ภาพจากอินเตอร์เน็ต

ถ้าเทียบกับบ้านเรา กาฐมาณฑุก็เทียบได้กับกรุงเทพฯ ส่วนปาตันก็คือฝั่งธนบุรีนั่นเอง เพราะระหว่าง ปาตัน กับกาฐมาณฑุมีแม่น้ำบาคมาตีขวางอยู่

ปาตันมีอีกชื่อหนึ่งคือละลิตปูร์ (Lalitpur) แปลว่าเมืองอันงดงาม เพราะเป็นศูนย์กลางของวิจิตรศิลป์ และหัตถศิลป์

นครแห่งนี้เป็นนครพุทธ เชื่อว่าผู้ก่อตั้งคือพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์แห่งอินเดีย เมื่อศตวรรษที่ 3 แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าจริงหรือไม่
พวกเรามาถึงปาตันดะระบาร์แสควร์แล้ว ก็ยังเข้าเมืองไม่ได้ ต้องไปจ่ายค่าเข้าเมืองก่อน

ชาวบ้านชาวเมืองเนปาลเขาก็เดินเข้าเดินออกปาตันกันได้ตามสบาย แต่นักท่องเที่ยวอย่างพวกเราต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 250 รูปี ทำนองเดียวกับที่คนไทยเข้าวัดพระแก้ว วัดโพธิ ได้โดยไม่เสียเงิน แต่ชาวต่างชาติต้องจ่ายเงินค่าเข้า ส่วนไกด์ที่มาด้วยไม่ต้องเสียเงิน

ภาพปาตันดะระบาร์แสควร์ที่ปรากฎต่อหน้าเรา เต็มไปด้วย วัด สถูป และวังโบราณ ที่เต็มไปด้วยรูปสลักอันงดงาม จนเราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นชมเมือง ณ จุดใดก่อนดี

และแล้วพวกเราก็มีมติเป็นเอกฉันท์ เดินเข้าอาคารที่ไม่เก่ามากนัก ก่อสร้างด้วยอิฐสีน้ำตาลแดง และแทบจะไร้รูปสลักอันวิจิตรตระการตา กรอบหน้าต่าง และกรอบประตู ก็เป็นเพียงแบบเรียบ ๆ ธรรมดา ไม่มีส่วนใดให้ต้องพินิจพิจารณาอย่างละเอียด

แล้วอาคารนี้สำคัญอย่างไร ขอบอกว่าสำคัญมากเพราะมันคือร้านอาหาร พวกเราหิวจนตาลายไปหมดแล้ว จะเอาอารมณ์ที่ไหนมาดูเมืองโบราณกันล่ะ

ร้านอาหารในปาตันดะระบาร์แสควร์ มีหลายร้าน เป็นร้านเล็ก ๆ น่ารัก บางร้านมีชั้นดาดฟ้า จัดวางเก้าอี้เอาไว้กลางแจ้ง มีดอกไม้เล็ก ๆ ปลูกรอบ ๆ น่ารัก น่านั่งมาก แต่อากาศยามบ่ายร้อนจัด พวกเราจึงเลือกนั่งในตัวอาคารมากกว่า คนไทยไม่นิยมกรำแดดอย่างฝรั่ง ยิ่งบางคนค่อนข้างดำอยู่แล้ว ยิ่งไม่อยากถูกแดด เพราะดูดแสงได้ดีกว่าปกติ แถมดูดแล้วไม่ยอมคายด้วย

ใกล้ ๆ ร้านอาหารมีร้านขายของที่ระลึก พี่ก้อดที่ตั้งใจจะซื้อผ้าปาชมินา (Pashmina) อันโด่งดังของเนปาลเอาไปฝากคุณแม่ ตามประสาลูกกตัญญู ก็เลยแอบแวะมาดูผ้าก่อน

ผ้าปาชมินานี้ใช้เป็นผ้าห่ม หรือผ้าคลุมไหล่ จับดูเนื้อผ้าแล้วนุ่มสบายมือมาก ทอจากขนแพะ คุณภาพของผ้าก็มีหลายระดับ เช่น Pasmina 70 % Silk 30 % หรือ Pashmina 90 % Silk 10 % จะจริงอย่างที่เขียนไว้หรือไม่ พวกเราก็ไม่รู้หรอก สนนราคาสำหรับสินค้าระดับงดี ๆ ก็สูงอยู่เหมือนกัน ประมาณ 3,000 กว่าบาท สำหรับผ้าที่กว้างยาว แค่พอคลุมไหล่อย่างกรุยกราย

พี่ก้อดเลือกไม่ถูก ตัดสินใจไม่ซื้อดีกว่า เอาไว้ดูหลาย ๆ ร้านเพื่อเปรียบเทียบก่อน ให้พี่อ้อมาช่วยดูน่าจะได้ประโยชน์กว่า ว่าแล้วก็บอกลาเจ้าของร้านเดินไปสมทบกับเพื่อนที่ร้านอาหาร

อาหารมื้อนี้ถูกปากพวกเราดี เป็นข้าวกินกับแกงแขก หรือไม่ก็กับข้าวจีนหน้าตาเหมือนข้าวหน้าไก่ แน่นอนต้องไม่ลืมโมโม่มาเป็นเครื่องเคียง โมโม่ร้านนี้อร่อยกว่าเมื่อวานจนต้องสั่งเพิ่ม

ความอร่อยที่มากเป็นพิเศษนี้อาจได้แรงสนับสนุนมาจากความหิว กว่าพวกเราจะมีข้าวตกถึงท้องก็เกือบบ่าย 2 เข้าไปแล้ว ไหนจะมาถึงร้านอาหารช้า ไหนจะรอเขาทำอาหารอีก

ศิวะทานข้าวกับพวกเราด้วย พวกเราเต็มใจเลี้ยงข้าวเขาอยู่แล้ว แต่มารู้ทีหลังว่าร้านอาหารจะไม่คิดค่าอาหารสำหรับไกด์ที่พานักท่องเที่ยวมา

พี่ซิปสั่ง Lemon Soda กะว่าคงมาเป็นขวดสำเร็จรูป ที่ไหนได้พอเอามาเสิร์ฟ กลายเป็นมะนาวคั้นสดใส่แก้ว มาพร้อมกับโซดาอีกขวด
ปัญหาอยู่ที่น้ำมะนาว มะนาวน่ะ สะอาดแน่ แต่อุปกรณ์การคั้นนี่สิจะเชื่อถือได้มากแค่ไหน แต่พี่ซิปถือว่ากินวัคซีนไทฟอยด์มาแล้ว ไม่เสียเวลานาน เสี่ยงตายดื่มมะนาวโซดา

อาการปริวิตกไปเสียหมดของพวกเรา ก็คล้าย ๆ กับฝรั่งที่มาเที่ยวเมืองไทย น้ำแข็งเปล่าใส่น้ำชาร้านข้างทาง คนไทยก็กินได้หน้าตาเฉย นักท่องเที่ยวฝรั่งก็ไม่กล้ากิน อย่างตอนอยู่บนเครื่องบินขามา ฝรั่งขอน้ำดื่มจากแอร์ แอร์รินน้ำใส่แก้วมาให้ ฝรั่งก็ไม่ยอมกิน น้องแอร์ต้องกลับไปเอาขวดน้ำดื่มมาโชว์ให้เห็นว่ารินจากขวดนะยะ

โธ่เอ๋ย...เอาไว้ You ไปเมืองไทยก่อน ไอ้ที่อยู่ในขวด ยูก็ไม่รู้หรอกว่าสะอาดจริงหรือเปล่า ตรา อ.ย. ที่มีก็อาจจะเป็นของปลอมก็ได้ ต่อให้ตรา อย. กับขวดเป็นของจริง น้ำในขวดก็อาจเอามาเติมใหม่ก็ได้อีก

กินข้าวที่ไม่มีปลาให้กินเสร็จ พวกเราก็เริ่มต้นเดินเที่ยวกัน ขืนทิ้งไว้นานกว่านี้ จะเปลี่ยนท่าเป็นนอนกันแล้ว

ศิวะพาพวกเราเดินตามตรอกแคบ ๆ ที่มีบ้านเรือนเก่าสีน้ำตาลแดง ปลูกติดกันเรียงเป็นแถว นาน ๆ ทีจะพบตึกใหม่สีสดหน้าตาไม่เข้าพวกแทรกอยู่บ้าง ตามกรอบประตู กรอบหน้าต่าง มักสลักรูปเทพเจ้า และเรื่องราวในศาสนาฮินดู

ประตูที่นี่เตี้ย และแคบมาก สามารถสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่ก้อดในแนวดิ่ง และสร้างความเดือดร้อนให้พิม และพี่อ้อในแนวนอน

*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***



Create Date : 04 กรกฎาคม 2553
Last Update : 4 กรกฎาคม 2553 21:55:12 น. 2 comments
Counter : 739 Pageviews.

 
ไปมาแว๊วจร้า สถาปัตยกรรมสวยมั่กๆ แปลกหูแปลกตา


โดย: Ezy-SeaHill วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:27:04 น.  

 
จริงจ้า คุณ Ezy-SeaHill ใครเคยไปมาจะเข้าใจลึกซึ้งถึงความงามของเนปาลค่ะ


โดย: ชัชชมนต์ วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:40:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.