Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 
11 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

Nepal ตอน 20 วังประตูหนุมาน

พวกเรามากาฐมาณฑุดะระบาร์แสควร์เย็นไปหน่อย เลยไม่มีโอกาสเข้าชมวังประตูหนุมาน หรือ หนุมานโดกาดะระบาร์ (Hanuman Dhoka Durba) เพราะหมดเวลาเข้าชมแล้ว ค่าเข้าชมก็แพงอยู่ไม่น้อย พิมจำตัวเลขไม่ได้แน่นอน เพราะไม่ได้ควักกระเป๋าจ่ายเงิน น่าจะประมาณ 250 รูปี ต่อคน

พวกเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยผิดหวัง เพราะเอียนอารยะธรรมโบราณเต็มที ให้ดูอีก ก็ไม่สามารถเก็บไว้ในความทรงจำได้อีกแล้ว แค่มอง ๆ อยู่หน้าประตูก็เหลือแหล่ วังนี้เป็นวังเก่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ข้างประตูมีเทวรูปหนุมานประดิษฐานอยู่ จึงได้ชื่อว่าวังประตูหนุมาน



เทพหนุมานนี้ก็คือหนุมานที่คนไทยรู้จักกันดีอยู่แล้ว ว่าเป็นทหารเอกของพระราม แต่รูปลักษณ์ของหนุมานไทย กับหนุมานแขก แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนไทยจะชินกับหนุมานในโขน ตัวขาว ๆ ดูคล่องแคล่ว ว่องไว และออกจะซนอยู่หน่อย หนุมานบ้านเราคงเทียบได้กับลิงชิมแปนซี

หนุมานแขกตัวจะล่ำมาก ออกไปทางลิงอุรังอุตัง หรือคิงคอง มีอาวุธเป็นตะลุมพุกอันเบ้อเริ่ม ดูแล้วสูสีกับพวกยักษ์ ถ้ามีฉากขึ้นไปยืนเหยียบยักษ์แบบโขน ยักษ์จะน่าสงสารมาก ขาคงหักแหลกราน หนุมานแบบนี้หาชมได้จากรามเกียรติ์ภาคอินเดีย

สำหรับคนไทย หนุมานก็แค่ตัวละครในวรรณคดีชื่อดังเรื่องหนึ่ง พระรามก็แค่พระเอกรามเกียรติ์ แต่สำหรับคนฮินดู เขานับถือพระรามกันเป็นเรื่องเป็นราว เพราะพระรามคืออวตารของพระนารายณ์ และหนุมานก็ได้รับการนับถือในฐานะเทพเจ้าแห่งพละกำลัง

เทพหนุมานที่หน้าประตูวังนี้ จะมองซ้าย มองขวา เบิ่งตามอง เหล่ตามอง ตีลังกามอง (ไม่กล้าลงไปนอนมอง เพราะพื้นสกปรก) ก็ดูไม่ออกว่าเป็นหนุมาน เพราะที่พักตร์ของเทพหนุมานถูกทาชาดจนแดงไปหมด ร่างกายก็ห่มด้วยผ้าสีแดงแจ๋ผืนใหญ่ เลยไม่รู้ว่าแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างไร มองรวม ๆ ก็เป็นก้อนหินใหญ่ๆ มีฉัตรกั้นด้านบน

พวกเราไม่แน่ใจว่าเขาอนุญาตให้ถ่ายรูปเทพหนุมานหรือไม่ เห็นท่าทางขึงขังของทหารในเครื่องแบบสีขาว-ดำ สมัยมัลละ ก็เกรง ๆ อยู่ หน้าตาทหารไม่ได้น่ากลัวหรอก แต่เกรงใจปืนยาวที่เขาถืออยู่

คนที่อยากได้รูป ก็ทำเป็นเดินไปเดินมาแถว ๆ หน้าเทพหนุมาน แล้วให้เพื่อน ๆ ซูมแต่ไกล จะไล่แขก และฝรั่งที่อยู่แถวนั้นก็ทำไม่ได้ ก็แอบถ่ายรูปนี่นา ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักว่า ทำไมต้องขวนขวายขนาดนั้น เอาเข้าจริง ๆ เขาก็ไม่ได้หวงห้ามไม่ให้ถ่ายรูปสักหน่อย

อีกข้างหนึ่งของประตู เป็นเทวรูปครึ่งสิงห์ ครึ่งคน คือตัวเป็นคน หัวเป็นสิงห์ เรียกว่านรสิงห์ กำลังจับยักษ์หิรัญยกศิปู (Hiranya-Kashipu) วางบนตัก และใช้เล็บแหวะหน้าท้องสาวไส้ออกมา (แต่ไม่มีกาตามมากิน) นี่ก็ทาชาดสีแดง ยิ่งชวนขนลุกหนักเข้าไปอีก เทวรูปนี้เรียกว่านรสิงหาวตาร เป็นอวตารหนึ่งของพระวิษณุเช่นกัน


นรสิงหาวตาร ภาพจากอินเตอร์เน็ต

รูปสลัก รูปเคารพของฮินดู ที่น่ากลัว สุดสยองมีอยู่เต็มไปหมด อย่างรูปสลักนูน เทพไภรพดำ หรือกาฬไภรพ (Kal Bhairab) นี่ยิ่งน่ากลัวใหญ่ ขนาดเห็นตอนกลางวันยังหวั่น ๆ เลย เป็นรูปเทพเจ้าหน้าตาดุร้าย ทรงพวงประคำกระโหลกมนุษย์ มี 8 กร 6 กร ถือดาบ อีก 2 กร ที่เหลือทรงขวาน และโล่ห์ ยืนอยู่บนซากศพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนความโง่เขลาของมนุษย์ เทพองค์นี้คืออวตารปางดุร้ายของพระศิวะ

คนเนปาลเขานับถือเทพองค์นี้มาก เครื่องเซ่นไหว้จะมีอยู่ในถาดบูชารูปกะโหลกมนุษย์เสมอ มีความเชื่อว่า ผู้ใดโกหกต่อหน้าพระพักตร์เทพไภรพดำ ผู้นั้นจะต้องตกเลือดจนถึงแก่ความตาย จึงเห็นควรว่าน่าจะพานักการเมืองขี้ฉ้อ มายืนปราศรัยหาเสียงซะที่นี่ จะได้ตกเลือดตาย ๆ กันไป ไม่อยู่ให้รกแผ่นดิน

ที่จริงแล้วในจัตุรัสราชวังนี้ ยังมีรูปสลักไภรพขาว หรือเศวตไภรพ (Seto Bhairab) อยู่บนบานไม้สลักขนาดใหญ่ มีเฉพาะพระเศียรทาสีทอง แต่ต้องดูจากหนังสือสารคดีไปก่อน เพราะบานประตูนี้จะเปิดเฉพาะในเทศการอินดราจัตรา (Indrajatra) ในเดือน ส.ค – ก.ย

แถว ๆ วังประตูหนุมานนี้ มีนักบวชฮินดูนุ่งห่มสีแดงแปร๊ด ถือไม้เท้าเดินไปเดินมา บ้างก็นั่งขัดสมาธิ สวดมนต์อยู่ อยากถ่ายรูปกับเขาไม่ต้องร้องขอ เพราะบาบา เขาคอย ‘เสนอขาย’ กันอยู่แล้ว

ก่อนจะจากจตุรัชราชวังไป ก็มีโชว์พิเศษโผล่มาให้ดูฟรี กรรมกรคนหนึ่งแบกลังพลาสติกใส่หลังมา ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหรอก ถ้าไอ้ลังที่ว่ามันจะไม่วางเรียงซ้อนกันในแนวขวาง 2 ลัง ในแนวดิ่งไม่ต่ำกว่า 25 ลัง เรียงกันเป็นตับสูงลิบ…ทำได้ไงเนี่ย

*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2553
0 comments
Last Update : 11 กรกฎาคม 2553 22:15:58 น.
Counter : 2282 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.