Nepal ตอน 20 วังประตูหนุมาน
พวกเรามากาฐมาณฑุดะระบาร์แสควร์เย็นไปหน่อย เลยไม่มีโอกาสเข้าชมวังประตูหนุมาน หรือ หนุมานโดกาดะระบาร์ (Hanuman Dhoka Durba) เพราะหมดเวลาเข้าชมแล้ว ค่าเข้าชมก็แพงอยู่ไม่น้อย พิมจำตัวเลขไม่ได้แน่นอน เพราะไม่ได้ควักกระเป๋าจ่ายเงิน น่าจะประมาณ 250 รูปี ต่อคน
พวกเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยผิดหวัง เพราะเอียนอารยะธรรมโบราณเต็มที ให้ดูอีก ก็ไม่สามารถเก็บไว้ในความทรงจำได้อีกแล้ว แค่มอง ๆ อยู่หน้าประตูก็เหลือแหล่ วังนี้เป็นวังเก่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ข้างประตูมีเทวรูปหนุมานประดิษฐานอยู่ จึงได้ชื่อว่าวังประตูหนุมาน
เทพหนุมานนี้ก็คือหนุมานที่คนไทยรู้จักกันดีอยู่แล้ว ว่าเป็นทหารเอกของพระราม แต่รูปลักษณ์ของหนุมานไทย กับหนุมานแขก แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนไทยจะชินกับหนุมานในโขน ตัวขาว ๆ ดูคล่องแคล่ว ว่องไว และออกจะซนอยู่หน่อย หนุมานบ้านเราคงเทียบได้กับลิงชิมแปนซี
หนุมานแขกตัวจะล่ำมาก ออกไปทางลิงอุรังอุตัง หรือคิงคอง มีอาวุธเป็นตะลุมพุกอันเบ้อเริ่ม ดูแล้วสูสีกับพวกยักษ์ ถ้ามีฉากขึ้นไปยืนเหยียบยักษ์แบบโขน ยักษ์จะน่าสงสารมาก ขาคงหักแหลกราน หนุมานแบบนี้หาชมได้จากรามเกียรติ์ภาคอินเดีย
สำหรับคนไทย หนุมานก็แค่ตัวละครในวรรณคดีชื่อดังเรื่องหนึ่ง พระรามก็แค่พระเอกรามเกียรติ์ แต่สำหรับคนฮินดู เขานับถือพระรามกันเป็นเรื่องเป็นราว เพราะพระรามคืออวตารของพระนารายณ์ และหนุมานก็ได้รับการนับถือในฐานะเทพเจ้าแห่งพละกำลัง
เทพหนุมานที่หน้าประตูวังนี้ จะมองซ้าย มองขวา เบิ่งตามอง เหล่ตามอง ตีลังกามอง (ไม่กล้าลงไปนอนมอง เพราะพื้นสกปรก) ก็ดูไม่ออกว่าเป็นหนุมาน เพราะที่พักตร์ของเทพหนุมานถูกทาชาดจนแดงไปหมด ร่างกายก็ห่มด้วยผ้าสีแดงแจ๋ผืนใหญ่ เลยไม่รู้ว่าแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างไร มองรวม ๆ ก็เป็นก้อนหินใหญ่ๆ มีฉัตรกั้นด้านบน
พวกเราไม่แน่ใจว่าเขาอนุญาตให้ถ่ายรูปเทพหนุมานหรือไม่ เห็นท่าทางขึงขังของทหารในเครื่องแบบสีขาว-ดำ สมัยมัลละ ก็เกรง ๆ อยู่ หน้าตาทหารไม่ได้น่ากลัวหรอก แต่เกรงใจปืนยาวที่เขาถืออยู่
คนที่อยากได้รูป ก็ทำเป็นเดินไปเดินมาแถว ๆ หน้าเทพหนุมาน แล้วให้เพื่อน ๆ ซูมแต่ไกล จะไล่แขก และฝรั่งที่อยู่แถวนั้นก็ทำไม่ได้ ก็แอบถ่ายรูปนี่นา ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักว่า ทำไมต้องขวนขวายขนาดนั้น เอาเข้าจริง ๆ เขาก็ไม่ได้หวงห้ามไม่ให้ถ่ายรูปสักหน่อย
อีกข้างหนึ่งของประตู เป็นเทวรูปครึ่งสิงห์ ครึ่งคน คือตัวเป็นคน หัวเป็นสิงห์ เรียกว่านรสิงห์ กำลังจับยักษ์หิรัญยกศิปู (Hiranya-Kashipu) วางบนตัก และใช้เล็บแหวะหน้าท้องสาวไส้ออกมา (แต่ไม่มีกาตามมากิน) นี่ก็ทาชาดสีแดง ยิ่งชวนขนลุกหนักเข้าไปอีก เทวรูปนี้เรียกว่านรสิงหาวตาร เป็นอวตารหนึ่งของพระวิษณุเช่นกัน
นรสิงหาวตาร ภาพจากอินเตอร์เน็ต
รูปสลัก รูปเคารพของฮินดู ที่น่ากลัว สุดสยองมีอยู่เต็มไปหมด อย่างรูปสลักนูน เทพไภรพดำ หรือกาฬไภรพ (Kal Bhairab) นี่ยิ่งน่ากลัวใหญ่ ขนาดเห็นตอนกลางวันยังหวั่น ๆ เลย เป็นรูปเทพเจ้าหน้าตาดุร้าย ทรงพวงประคำกระโหลกมนุษย์ มี 8 กร 6 กร ถือดาบ อีก 2 กร ที่เหลือทรงขวาน และโล่ห์ ยืนอยู่บนซากศพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนความโง่เขลาของมนุษย์ เทพองค์นี้คืออวตารปางดุร้ายของพระศิวะ
คนเนปาลเขานับถือเทพองค์นี้มาก เครื่องเซ่นไหว้จะมีอยู่ในถาดบูชารูปกะโหลกมนุษย์เสมอ มีความเชื่อว่า ผู้ใดโกหกต่อหน้าพระพักตร์เทพไภรพดำ ผู้นั้นจะต้องตกเลือดจนถึงแก่ความตาย จึงเห็นควรว่าน่าจะพานักการเมืองขี้ฉ้อ มายืนปราศรัยหาเสียงซะที่นี่ จะได้ตกเลือดตาย ๆ กันไป ไม่อยู่ให้รกแผ่นดิน
ที่จริงแล้วในจัตุรัสราชวังนี้ ยังมีรูปสลักไภรพขาว หรือเศวตไภรพ (Seto Bhairab) อยู่บนบานไม้สลักขนาดใหญ่ มีเฉพาะพระเศียรทาสีทอง แต่ต้องดูจากหนังสือสารคดีไปก่อน เพราะบานประตูนี้จะเปิดเฉพาะในเทศการอินดราจัตรา (Indrajatra) ในเดือน ส.ค ก.ย
แถว ๆ วังประตูหนุมานนี้ มีนักบวชฮินดูนุ่งห่มสีแดงแปร๊ด ถือไม้เท้าเดินไปเดินมา บ้างก็นั่งขัดสมาธิ สวดมนต์อยู่ อยากถ่ายรูปกับเขาไม่ต้องร้องขอ เพราะบาบา เขาคอย เสนอขาย กันอยู่แล้ว
ก่อนจะจากจตุรัชราชวังไป ก็มีโชว์พิเศษโผล่มาให้ดูฟรี กรรมกรคนหนึ่งแบกลังพลาสติกใส่หลังมา ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหรอก ถ้าไอ้ลังที่ว่ามันจะไม่วางเรียงซ้อนกันในแนวขวาง 2 ลัง ในแนวดิ่งไม่ต่ำกว่า 25 ลัง เรียงกันเป็นตับสูงลิบ
ทำได้ไงเนี่ย
*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***
Create Date : 11 กรกฎาคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 11 กรกฎาคม 2553 22:15:58 น. |
Counter : 2282 Pageviews. |
|
|
|