|
Nepal ตอน 22 อาหารเย็นในทะเมล
เดินดูภาพชีวิตชาวกาฐมาณฑุกันไม่ทันเหนื่อย ก็มาโผล่ที่ย่านทะเมล อันเลื่องชื่อ ย่านนี้เทียบได้กับตรอกข้าวสารบ้างเรา มีเกสท์เฮาส์ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายสินค้าสารพัดร้านขายหนังสือ ร้าน Money Exchange ร้านหนังสือ อะไรต่อมิอะไรก็ดูเจริญหูเจริญตาไปหมด เห็นแล้วอยากย้ายมาพักแถวนี้ จะได้ชอปปิ้งได้สะดวก
เอาล่ะ เย็นนี้พวกเราจะรับประทานอาหารกันที่นี่
พวกเราเรียกร้องห้องอาหารเฮเลนน่า เป็นร้านอาหารชื่อดังร้านหนึ่งในทะเมล เพราะได้ยินมาว่า ร้านนี้มีทั้งอาหารฝรั่งและอาหารอินเดียอร่อยมาก เค้กยิ่งอร่อยล้ำเลิศ บรรยากาศของร้านก็สุดแสนจะโรแมนติก ทางเข้าร้านเป็นห้องแถวเล็ก ๆ แต่เดินเข้าไปเป็นสวนสวยน่ารัก พอมืด ๆ ก็จุดเทียน ให้รับประทานอาหารท่ามกลางแสงเทียนที่ไม่ทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ หากความอบอุ่นจะแผ่ซ่านเต็มหัวใจถ้าไม่ได้ลิ้มรสอาหารร้านนี้ ก็เหมือนยังมาไม่ถึงทะเมล
อย่าบอกว่าร้านเฮเลนน่าปิดนะ
ปรากฏว่าปิดจริงๆ ด้วย ดวงบริโภคของพวกเรายามนี้ไม่เด่นเอาเสียเลย
ที่ร้านนี้ปิดไม่ใช่ว่าเจ๊ง แต่เขาปิดเพื่อย้าย และปรับปรุงร้าน อีก 4 5 วันก็จะเปิดขายตามปกติ พวกเรายังมีโอกาสย้อนกลับมาได้ก่อนบินกลับประเทศไทย แต่ความฝันจะได้รับประทานกลางสวนน้อยน่ารักเป็นอันล่มสลาย เพราะร้านใหม่นี้เป็นตึกทั้งหมด
พวกเราส่วนใหญ่ไม่แคร์นัก สนใจแต่รสชาติอาหารเท่านั้น บรรยากาศมันกินเข้าไปได้เสียที่ไหนกัน
ถึงร้านเฮเลนน่าจะปิด ก็ยังมี สินค้าทดแทน เป็นห้องอาหารเอลิเซ่ ศิวะบอกว่าเจ้าของเดียวกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องความอร่อย
ก่อนจะถึงเวลาอาหารเย็น ก็พอมีเวลาให้ดูข้าวดูของแบบผ่าน ๆ ตาได้ แต่พี่น้อยกับพี่ป้อมไม่สนใจ กลับหลบเข้าร้านขายของชำ สองคนนี้ติดรสเค็ม อย่างถอนตัวไม่ขึ้น (ถ้าอยากเลิกต้องไปถ้ำกระบอกหรือเปล่า) แต่ตามร้านอาหารมักจะมีแต่เกลือให้ รสเค็มของเกลือไม่กลมกล่อมพอ ต้องซอสแม็กกี้เท่านั้นที่จะคู่ควรกับลิ้น
เดินหาอยู่หลายร้านกว่าจะพบ เครื่องปรุงจากสรวงสวรรค์ ราคาแพง แค่ขวดขนาดเล็กที่มักวางไว้ให้ปรุงรสตามร้านอาหาร มีราคาสูงถึงประมาณ 80 บาท เพราะเป็นสินค้านำเข้าจากมาเลเซีย
แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาประหยัด ขาดแม็กกี้ไป อาจทำให้ลงแดงได้ พี่ป้อมจึงยอมควักกระเป๋าซื้อแม๊กกี้แต่โดยดี
Tip : ควรนำเครื่องปรุงรสที่ชอบมาด้วย แม็กกี้พอหาซื้อได้แต่ราคาแพงมาก แต่น้ำพริกรสเด็ดที่คุ้นลิ้นไม่มีขายเด็ดขาด
พวกเราหิวกันทุกคน ตัดสินใจทิ้งร้านค้าในทะเมลไว้ก่อน ถ้าเรา (ยัง) ไม่ซื้อของ ร้านเขาคงไม่ต้องถึงกับเลิกกิจการ ว่าแล้วก็หันหน้าเดินตรงดิ่งไปห้องอาหารอะลิเซ่
บรรยากาศของร้านนี้ไม่ถึงกับโรแมนติกอย่างที่ฝันไว้ เป็นห้องแถวหลายชั้น มีส่วนที่เป็นเกสท์เฮาส์ด้วย ถ้านั่งอยู่ชั้นเตี้ย ๆ อาจทำให้ไม่เจริญอาหารนัก เราจึงตะกายขึ้นไปชั้นดาดฟ้า ให้ลมเย็น ๆ พัดพาความเหนื่อยล้าจากการท่องเที่ยวไปเสีย
พวกเราได้โอกาสได้รับประทานอาหารมื้อค่ำท่ามกลางแสงเทียน เพราะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในทะเมล เอ๊ย ...ไฟตก เลยต้อง Electricity Holiday กันหน่อย
สั่งอาหารแล้วก็นั่งรอ...ร้อ...รอ ย่อหน้านี้จะมีคำว่ารออีก 500 คำ ถ้าไม่ขี้เกียจเขียน ทำไมทำอาหารกันนานขนาดนี้นะ ยังเกี่ยวข้าวกันอยู่ ไก่ยังโตไม่เต็มที่ ผักก็ยังเพิ่งปลูกกระมัง
เวลาที่นั่งรอ สามารถเอามาใช้จับจ่ายซื้อของได้สบาย ๆ พี่ก้อดบอกว่า คราวหน้าสั่งอาหารเสร็จ ต้องรีบไป ช็อปปิ้งเลย จะได้ไม่เสียเวลา
Tip : สั่งอาหารที่เนปาล สั่งแล้วให้ไปเดินช็อปปิ้ง เดินเล่น แอบหลับ เดินจงกรม จีบสาว ฯลฯ สัก 30 45 นาที จะกลับมาทันเวลารับประทานอาหารพอดี
ระหว่างที่นั่งรออาหาร และคุยกันจนน้ำลายแทบจะเปียกโต๊ะอยู่แล้ว ไฟฟ้าก็สว่างพรึ่บทั่วทะเมล Electricity Holiday ได้สิ้นสุดลงแล้ว เสียงเฮ และตบมือยินดีจากนักท่องเที่ยวทั้งหัวดำ หัวทอง และไม่มีหัว เอ๊ยไม่มีผมดังลั่น
พอถึงเวลาอาหารมา บ๋อยเดินขบวนเอามาเสิร์ฟ ครบทุกจาน จนงงไปหมดว่าใครสั่งอะไร จานไหนของใคร วาง ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวต้องเวียนกันทั่วโต๊ะอยู่แล้ว
ศิวะสั่งสเต็กไก่จานร้อน น่ากินมาก จนพิมต้องสั่งเพิ่มเพื่อมากินรวมๆกัน ไก่เนื้อนุ่ม แทบจะละลายในปาก แต่ไม่เละ
ที่อาหารมาเสิร์ฟช้าก็เพราะรอให้เสร็จครบทุกจานก่อน กลัวไม่ยุติธรรม เดี๋ยวคนนี้รอนาน คนนั้นรอแป๊บเดียว เลยให้รอนานกันหมดทุกคน อาหารจานไหนเสร็จก่อน ก็เริ่มเย็นไปล่วงหน้าแล้ว
อาหารที่สั่งมามีทั้งอาหารฝรั่ง พวกพิซซ่า สเต็ก และอาหารจานร้อนแบบต่าง ๆ อร่อยมาก โดยเฉพาะพิซซ่าแป้งบางกรอบ หน้าหนาแน่น เป็นชุมชนแออัด เนยชุ่ม หอมกรุ่น อร่อยจนต้องขอเบิ้ล
อาหารอินเดียก็อร่อยสุด ๆ แกงหลายชนิด หอมกลิ่นเครื่องเทศ กินกับนาน โรตีแขกกรอบ ๆ หน้าตาคล้ายข้าวเกรียบว่าว แต่ไม่กรอบร่วนอย่างนั้น มีทั้งกาหลิกนาน หอมกลิ่นกระเทียม บัตเตอร์นาน หอมกลิ่นเนย มันหน่อย ๆ เค็มนิด ๆ แม้แต่เพลนนาน เป็นแป้งไม่ปนอะไรมาเลยยังอร่อยมากเลย นานของที่นี่กินเปล่า ๆ ก็ยังอร่อย
ยืมรูปนานจาก wikipedia นะคะ เนื้อหาเพื่มเติมเชิญที่ //en.wikipedia.org/wiki/Naan
มาถึงอาหารเนปาล ชมได้ไม่ถนัดปาก พี่เจสั่งอาหารชุดเนปาล มาในถาดทองเหลือง เทียบได้กับขันโตกทางเหนือบ้านเรา มีข้าวกับข้าว เครื่องเคียงอย่างละนิดละหน่อย (คล้ายถวายพระภูมิอยู่เหมือนกัน) บางอย่างก็ พอแหลกล่าย บางอย่างก็ แหลกไม่ลง พี่เจกัดฟันบอกว่ามาถึงเนปาลทั้งทีต้องลองกินอาหารเนปาล จานไหนไม่ถูกปาก ก็มีศิวะรับสัมปทานไปจนหมด
อาหารมื้อนี้อร่อยมาก พวกเราเจริญอาหารกันทุกคน ยิ่งได้ซอสแม็กกี้ของพี่ปุ้ย ยิ่งชูรสให้อร่อยล้ำมากขึ้นไปอีก ไม่มีการขอให้เพื่อนช่วยกินหน่อย กินไม่หมด มีแต่จะขอเพิ่ม จานไหน ๆ ก็อร่อยทั้งนั้น ถ้าไม่นับอาหารเนปาลของพี่เจกับไก่ทอดแห้ง ๆ ของพี่ป้อมที่อร่อยน้อยไปนิด
พอกินเสร็จ เราก็เข้าใจความรู้สึกของชูชก โอ๊ย
ท้องแทบจะแตก ค่าอาหารมื้อนี้คิดเป็นเงินไทยประมาณ 150 บาทต่อคน เพื่อนๆ ที่มาก่อนหน้านี้บอกว่ามื้อละ 50 บาท ไม่เห็นจะจริงเลย คงเพราะเขามากันในช่วงที่เงินบาทไม่อ่อนค่าปวกเปียกเท่านี้ และเขาไม่ตะกละกินขนาดนี้ด้วย
กว่าอาหารมื้อมหึมาจะสิ้นสุดลง ก็มืดแล้ว พวกเราปล่อยศิวะไปที่ชอบที่ชอบ เอ๊ย
กลับบ้านกลับช่องไปซะ พอมีเวลาเหลือให้ช็อปปิ้งได้นิดหน่อย เพราะถ้าเกิน 3 ทุ่ม รถแท็กซี่จะหายาก และชาร์จเพิ่ม
Tip : ถ้ามีโอกาสได้เลือก ควรเลือกพักในทะเมล เพราะไม่เปลืองค่าแท็กซี่ มีอาหารอร่อยให้สวาปามและช็อปปิ้งสะดวก
*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***
อยากกลับไปรับประทานอาหารที่เนปาลอีกจังเลยค่ะ จำได้ว่าอร่อยมากๆ โอ๊ย หิวขึ้นมาเชียว แต่มื้อนี้ยังไม่อร่อยสุดๆนะคะ มีมื้อที่อร่อยกว่านี้อีกค่ะ
เสียดายว่ารูปอาหารหายไปไหนหมดเนี่ย ไม่ได้ถ่ายไว้หรือไงนะ (บ่นเพื่อ
)
Create Date : 14 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 14 กรกฎาคม 2553 0:50:12 น. |
|
7 comments
|
Counter : 545 Pageviews. |
|
|
|
โดย: auau_py วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:37:50 น. |
|
|
|
โดย: nuch ja IP: 220.244.105.133 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:54:59 น. |
|
|
|
โดย: AutumN555 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:18:12 น. |
|
|
|
โดย: ชัชชมนต์ ตัวจริง IP: 82.194.62.25 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:15:19 น. |
|
|
|
โดย: Ezy-SeaHill วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:55:38 น. |
|
|
|
โดย: ชัชชมนต์ วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:30:42 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ
ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ
งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|