Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 
14 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Nepal ตอน 22 อาหารเย็นในทะเมล

เดินดูภาพชีวิตชาวกาฐมาณฑุกันไม่ทันเหนื่อย ก็มาโผล่ที่ย่านทะเมล อันเลื่องชื่อ ย่านนี้เทียบได้กับตรอกข้าวสารบ้างเรา มีเกสท์เฮาส์ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายสินค้าสารพัดร้านขายหนังสือ ร้าน Money Exchange ร้านหนังสือ อะไรต่อมิอะไรก็ดูเจริญหูเจริญตาไปหมด เห็นแล้วอยากย้ายมาพักแถวนี้ จะได้ชอปปิ้งได้สะดวก

เอาล่ะ เย็นนี้พวกเราจะรับประทานอาหารกันที่นี่

พวกเราเรียกร้องห้องอาหารเฮเลนน่า เป็นร้านอาหารชื่อดังร้านหนึ่งในทะเมล เพราะได้ยินมาว่า ร้านนี้มีทั้งอาหารฝรั่งและอาหารอินเดียอร่อยมาก เค้กยิ่งอร่อยล้ำเลิศ บรรยากาศของร้านก็สุดแสนจะโรแมนติก ทางเข้าร้านเป็นห้องแถวเล็ก ๆ แต่เดินเข้าไปเป็นสวนสวยน่ารัก พอมืด ๆ ก็จุดเทียน ให้รับประทานอาหารท่ามกลางแสงเทียนที่ไม่ทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ หากความอบอุ่นจะแผ่ซ่านเต็มหัวใจถ้าไม่ได้ลิ้มรสอาหารร้านนี้ ก็เหมือนยังมาไม่ถึงทะเมล

อย่าบอกว่าร้านเฮเลนน่าปิดนะ

ปรากฏว่าปิดจริงๆ ด้วย ดวงบริโภคของพวกเรายามนี้ไม่เด่นเอาเสียเลย

ที่ร้านนี้ปิดไม่ใช่ว่าเจ๊ง แต่เขาปิดเพื่อย้าย และปรับปรุงร้าน อีก 4 – 5 วันก็จะเปิดขายตามปกติ พวกเรายังมีโอกาสย้อนกลับมาได้ก่อนบินกลับประเทศไทย แต่ความฝันจะได้รับประทานกลางสวนน้อยน่ารักเป็นอันล่มสลาย เพราะร้านใหม่นี้เป็นตึกทั้งหมด

พวกเราส่วนใหญ่ไม่แคร์นัก สนใจแต่รสชาติอาหารเท่านั้น บรรยากาศมันกินเข้าไปได้เสียที่ไหนกัน

ถึงร้านเฮเลนน่าจะปิด ก็ยังมี ‘สินค้าทดแทน’ เป็นห้องอาหารเอลิเซ่ ศิวะบอกว่าเจ้าของเดียวกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องความอร่อย

ก่อนจะถึงเวลาอาหารเย็น ก็พอมีเวลาให้ดูข้าวดูของแบบผ่าน ๆ ตาได้ แต่พี่น้อยกับพี่ป้อมไม่สนใจ กลับหลบเข้าร้านขายของชำ สองคนนี้ติดรสเค็ม อย่างถอนตัวไม่ขึ้น (ถ้าอยากเลิกต้องไปถ้ำกระบอกหรือเปล่า) แต่ตามร้านอาหารมักจะมีแต่เกลือให้ รสเค็มของเกลือไม่กลมกล่อมพอ ต้องซอสแม็กกี้เท่านั้นที่จะคู่ควรกับลิ้น

เดินหาอยู่หลายร้านกว่าจะพบ ‘เครื่องปรุงจากสรวงสวรรค์’ ราคาแพง แค่ขวดขนาดเล็กที่มักวางไว้ให้ปรุงรสตามร้านอาหาร มีราคาสูงถึงประมาณ 80 บาท เพราะเป็นสินค้านำเข้าจากมาเลเซีย

แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาประหยัด ขาดแม็กกี้ไป อาจทำให้ลงแดงได้ พี่ป้อมจึงยอมควักกระเป๋าซื้อแม๊กกี้แต่โดยดี

Tip : ควรนำเครื่องปรุงรสที่ชอบมาด้วย แม็กกี้พอหาซื้อได้แต่ราคาแพงมาก แต่น้ำพริกรสเด็ดที่คุ้นลิ้นไม่มีขายเด็ดขาด

พวกเราหิวกันทุกคน ตัดสินใจทิ้งร้านค้าในทะเมลไว้ก่อน ถ้าเรา (ยัง) ไม่ซื้อของ ร้านเขาคงไม่ต้องถึงกับเลิกกิจการ ว่าแล้วก็หันหน้าเดินตรงดิ่งไปห้องอาหารอะลิเซ่

บรรยากาศของร้านนี้ไม่ถึงกับโรแมนติกอย่างที่ฝันไว้ เป็นห้องแถวหลายชั้น มีส่วนที่เป็นเกสท์เฮาส์ด้วย ถ้านั่งอยู่ชั้นเตี้ย ๆ อาจทำให้ไม่เจริญอาหารนัก เราจึงตะกายขึ้นไปชั้นดาดฟ้า ให้ลมเย็น ๆ พัดพาความเหนื่อยล้าจากการท่องเที่ยวไปเสีย

พวกเราได้โอกาสได้รับประทานอาหารมื้อค่ำท่ามกลางแสงเทียน เพราะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในทะเมล เอ๊ย ...ไฟตก เลยต้อง Electricity Holiday กันหน่อย

สั่งอาหารแล้วก็นั่งรอ...ร้อ...รอ ย่อหน้านี้จะมีคำว่ารออีก 500 คำ ถ้าไม่ขี้เกียจเขียน ทำไมทำอาหารกันนานขนาดนี้นะ ยังเกี่ยวข้าวกันอยู่ ไก่ยังโตไม่เต็มที่ ผักก็ยังเพิ่งปลูกกระมัง

เวลาที่นั่งรอ สามารถเอามาใช้จับจ่ายซื้อของได้สบาย ๆ พี่ก้อดบอกว่า คราวหน้าสั่งอาหารเสร็จ ต้องรีบไป ช็อปปิ้งเลย จะได้ไม่เสียเวลา

Tip : สั่งอาหารที่เนปาล สั่งแล้วให้ไปเดินช็อปปิ้ง เดินเล่น แอบหลับ เดินจงกรม จีบสาว ฯลฯ สัก 30 – 45 นาที จะกลับมาทันเวลารับประทานอาหารพอดี

ระหว่างที่นั่งรออาหาร และคุยกันจนน้ำลายแทบจะเปียกโต๊ะอยู่แล้ว ไฟฟ้าก็สว่างพรึ่บทั่วทะเมล Electricity Holiday ได้สิ้นสุดลงแล้ว เสียงเฮ และตบมือยินดีจากนักท่องเที่ยวทั้งหัวดำ หัวทอง และไม่มีหัว เอ๊ยไม่มีผมดังลั่น

พอถึงเวลาอาหารมา บ๋อยเดินขบวนเอามาเสิร์ฟ ครบทุกจาน จนงงไปหมดว่าใครสั่งอะไร จานไหนของใคร วาง ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวต้องเวียนกันทั่วโต๊ะอยู่แล้ว

ศิวะสั่งสเต็กไก่จานร้อน น่ากินมาก จนพิมต้องสั่งเพิ่มเพื่อมากินรวมๆกัน ไก่เนื้อนุ่ม แทบจะละลายในปาก แต่ไม่เละ

ที่อาหารมาเสิร์ฟช้าก็เพราะรอให้เสร็จครบทุกจานก่อน กลัวไม่ยุติธรรม เดี๋ยวคนนี้รอนาน คนนั้นรอแป๊บเดียว เลยให้รอนานกันหมดทุกคน อาหารจานไหนเสร็จก่อน ก็เริ่มเย็นไปล่วงหน้าแล้ว

อาหารที่สั่งมามีทั้งอาหารฝรั่ง พวกพิซซ่า สเต็ก และอาหารจานร้อนแบบต่าง ๆ อร่อยมาก โดยเฉพาะพิซซ่าแป้งบางกรอบ หน้าหนาแน่น เป็นชุมชนแออัด เนยชุ่ม หอมกรุ่น อร่อยจนต้องขอเบิ้ล

อาหารอินเดียก็อร่อยสุด ๆ แกงหลายชนิด หอมกลิ่นเครื่องเทศ กินกับนาน โรตีแขกกรอบ ๆ หน้าตาคล้ายข้าวเกรียบว่าว แต่ไม่กรอบร่วนอย่างนั้น มีทั้งกาหลิกนาน หอมกลิ่นกระเทียม บัตเตอร์นาน หอมกลิ่นเนย มันหน่อย ๆ เค็มนิด ๆ แม้แต่เพลนนาน เป็นแป้งไม่ปนอะไรมาเลยยังอร่อยมากเลย นานของที่นี่กินเปล่า ๆ ก็ยังอร่อย

ยืมรูปนานจาก wikipedia นะคะ เนื้อหาเพื่มเติมเชิญที่ //en.wikipedia.org/wiki/Naan

มาถึงอาหารเนปาล ชมได้ไม่ถนัดปาก พี่เจสั่งอาหารชุดเนปาล มาในถาดทองเหลือง เทียบได้กับขันโตกทางเหนือบ้านเรา มีข้าวกับข้าว เครื่องเคียงอย่างละนิดละหน่อย (คล้ายถวายพระภูมิอยู่เหมือนกัน) บางอย่างก็ ‘พอแหลกล่าย’ บางอย่างก็ ‘แหลกไม่ลง’ พี่เจกัดฟันบอกว่ามาถึงเนปาลทั้งทีต้องลองกินอาหารเนปาล จานไหนไม่ถูกปาก ก็มีศิวะรับสัมปทานไปจนหมด

อาหารมื้อนี้อร่อยมาก พวกเราเจริญอาหารกันทุกคน ยิ่งได้ซอสแม็กกี้ของพี่ปุ้ย ยิ่งชูรสให้อร่อยล้ำมากขึ้นไปอีก ไม่มีการขอให้เพื่อนช่วยกินหน่อย กินไม่หมด มีแต่จะขอเพิ่ม จานไหน ๆ ก็อร่อยทั้งนั้น ถ้าไม่นับอาหารเนปาลของพี่เจกับไก่ทอดแห้ง ๆ ของพี่ป้อมที่อร่อยน้อยไปนิด

พอกินเสร็จ เราก็เข้าใจความรู้สึกของชูชก โอ๊ย…ท้องแทบจะแตก ค่าอาหารมื้อนี้คิดเป็นเงินไทยประมาณ 150 บาทต่อคน เพื่อนๆ ที่มาก่อนหน้านี้บอกว่ามื้อละ 50 บาท ไม่เห็นจะจริงเลย คงเพราะเขามากันในช่วงที่เงินบาทไม่อ่อนค่าปวกเปียกเท่านี้ และเขาไม่ตะกละกินขนาดนี้ด้วย

กว่าอาหารมื้อมหึมาจะสิ้นสุดลง ก็มืดแล้ว พวกเราปล่อยศิวะไปที่ชอบที่ชอบ เอ๊ย…กลับบ้านกลับช่องไปซะ พอมีเวลาเหลือให้ช็อปปิ้งได้นิดหน่อย เพราะถ้าเกิน 3 ทุ่ม รถแท็กซี่จะหายาก และชาร์จเพิ่ม

Tip : ถ้ามีโอกาสได้เลือก ควรเลือกพักในทะเมล เพราะไม่เปลืองค่าแท็กซี่ มีอาหารอร่อยให้สวาปามและช็อปปิ้งสะดวก

*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***

อยากกลับไปรับประทานอาหารที่เนปาลอีกจังเลยค่ะ จำได้ว่าอร่อยมากๆ โอ๊ย หิวขึ้นมาเชียว แต่มื้อนี้ยังไม่อร่อยสุดๆนะคะ มีมื้อที่อร่อยกว่านี้อีกค่ะ

เสียดายว่ารูปอาหารหายไปไหนหมดเนี่ย ไม่ได้ถ่ายไว้หรือไงนะ (บ่นเพื่อ…)



Create Date : 14 กรกฎาคม 2553
Last Update : 14 กรกฎาคม 2553 0:50:12 น. 7 comments
Counter : 545 Pageviews.

 
ทักทายตอนดึกๆ ฝันดีจ้า :)


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:1:28:18 น.  

 
อาหารแปลกๆ ชอบจังเลยค่ะ


โดย: auau_py วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:37:50 น.  

 
ไปมาเมื่อ 10 - 12 ปีล่ะมั่งค่ะ ดูไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่ ดูแล้วคิดถึงค่ะ

ถ้ากินเนื้อ ก็อย่าลืมสั่ง Buff chilli นะค่ะ เป็นเนื้อควายแดดเดียวเอามายำๆทอดๆค่ะ


โดย: nuch ja IP: 220.244.105.133 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:54:59 น.  

 
เหมือนข้าวเกรียบกรอบเลยครับพี่พล น่ากินอ่ะ แต่ลักษณะคล้ายเอ่อ ไม่เปรียบเทียบดีกว่า


โดย: AutumN555 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:18:12 น.  

 
โอยอ่านแล้วหิว ชั้นว่าหล่อนไปเขียนหนังสือเกี่ยวกับแนะนำอาหารได้นะนี่ อิอิ
ปล.อ่านแล้วอยากกินกาลิคนานเลยอ่ะเจ๊ เอาไปจิ้มกินกะชิคเก้นติ๊กก้า โอวสวรรคร์


โดย: ชัชชมนต์ ตัวจริง IP: 82.194.62.25 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:15:19 น.  

 
มารอเปิบ "นาน" ด้วยคน มัสมั่นผักเค้าก็อร่อยน๊า...


โดย: Ezy-SeaHill วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:55:38 น.  

 
คุณหาแฟนตัวเป็นเกลียว : โอ้โห นอนดึกจังค่ะ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ

คุณauau_py : เหมือนกันเลยค่ะ ชอบลองอาหารแปลกๆ อร่อยๆ

คุณ nuch ja : เรื่องที่เขียนเนี่ยก็ 9 ปีแล้วค่ะ พอดีไม่ทานเนื้อเลยไม่เคยทาน buff chilli ค่ะ เอ...ถ้ามีโอกาสไปอีกครั้งลองดูดีมั้ยนะ

autumn : เอิ่ม...คิดถึงอะไรอ่ะ

ชัชชมนต์ตัวจริง : ไปเนปาลเมื่อไหร่ฝากถ่ายรูปมาด้วยสิ

คุณ EzypSeaHill : แหม ชักอยากทานอาหารแขกแล้วค่ะ


โดย: ชัชชมนต์ วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:30:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.