Nepal ตอน 13 ฝ่าดงศิวลึงค์
พวกเราถ่ายรูปบนเนินเขาให้ติดวิววัดฝั่งตรงข้าม แค่นี้ก็ดีถมแล้ว ถ้ามองลงไปที่ริมแม่น้ำฝั่งนี้จะมีศิวลึงค์ประดิษฐานอยู่ในคูหาตลอดทาง
ยัง
ยังกลับไม่ได้ ศิวะพาไปดูแท่งหินทรงกระบอกตั้งอยู่บนฐานกลมแบนที่มีรูอยู่ตรงกลางก่อน
พี่อ้อเห็นแล้วมั่นใจมากเอ่ยด้วยเสียงอันดังว่า อันนี้รู้จัก
เครื่องโม่แป้งใช่มั้ย
พิมจะห้ามก็ไม่ทัน คิดอยู่แล้วเชียวว่าพี่อ้อต้องเข้าใจผิด วัตถุดังกล่าวคือศิวลึงค์ ตั้งอยู่บนฐานโยนี หาใช่เครื่องโม่แป้งไม่
ศิวลึงค์นี่ทุกคนคงรู้จัก ส่วนโยนีก็
ของผู้หญิงนั่นแหละ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอุมาลึงค์
ฮินดูที่เป็นพวกไศวนิกาย นับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด มักจะนิยมทำรูปเคารพเป็นศิวลึงค์ มากกว่ารูปพระเป็นเจ้าเสียอีก
ศิวลึงค์หรืออวัยวะเพศชายถือเป็นเครื่องหมายของความอุดมสมบูรณ์ และเป็นจุดกำเนิดของสรรพสิ่งทั้งปวงบนโลกนี้ (อ่านมาถึงย่อหน้านี้ขอความกรุณาท่านผู้อ่านที่เป็นสุภาพบุรุษอย่าภูมิใจในตัวเองมากจนเกินไปนัก)
ดงศิวลึงค์ที่เรามาดูกันนี้ (ต้องเรียกว่าเป็นดง เพราะมีหลายแท่งเรียงกันเป็นตับ) มีทั้งแบบธรรมดาคือค่อนข้างเหมือนจริง และแบบแอดวานซ์ คือมีเศียรพระศิวะ 4 ด้าน เรียกว่าจตุรมุขลึงค์ ถ้ามีแค่หน้าเดียวเรียกว่ามุขลึงค์ อย่างหน้าเดียวนี้ไม่มีโชว์
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
โอ๊ย
เขียนไปเขียนมาชักจะเมาลึงค์
แล้วอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวฮินดู นิยมบูชาศิวลึงค์กันนัก
เรื่องนี้มีตำนาน (ใครอ่านข้ามตอนนี้จะเสียดายมาก
ขอบอก)
กาลครั้งหนึ่ง ให้บังเอิญเทพเจ้าทั้งสรวงสวรรค์
ดั๊น
พร้อมใจกันตบเท้ามาประท้วง
เอ๊ยมาเข้าเฝ้าพระศิวะ และพระอุมา โดยไม่ได้นัดไว้ล่วงหน้า
เวลานั้นเอง พระศิวะ และพระอุมาก็กำลังประกอบกิจกรรมที่ควรทำในที่รโหฐาน กลางท้องพระโรง นัยว่าเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ
เวลาอื่นก็ไม่รู้จักมาเนอะ
ทีนี้ก็ได้ดูหนังสดกันล่ะสิ พอเหล่าเทวดาเห็นโชว์โจ๋งครึ่มอย่างนั้น ก็หัวเราะเยาะเย้ย ถากถาง บ้างก็แถมขยะแขยงเสียด้วย พระศิวะจึงแสนจะอับอาย จนแทบตายตอนนั้นเลย
ก่อนจะถึงวาระสุดท้าย พระศิวะก็ตรัสว่า อวัยวะเพศของพระองค์ที่เป็นต้นเหตุให้ได้รับความอับอายนี้ ต่อไปจะต้องได้รับการเคารพบูชาอย่างแพร่หลาย (ตั้งกลางแจ้งได้ไม่อายใคร) และผู้ที่บูชาศิวลึงค์ ก็จะพบแต่ความสุข ความเจริญ
ตรัสจบก็กลับบ้านเก่าไปเลย ทั้ง ๆ ที่ยังคาราคาซังกันอยู่อย่างนั้นแหละ และแล้วการตายคาอกก็ได้เป็นที่นิยมแพร่หลายในโลกมนุษย์ เย้ย
เรื่องนี้ไม่มี
แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เป็นเทพเจ้าเสียอย่าง ตายแล้วก็ฟื้น ไม่ตายแล้วตายเลยหรอก
อ้อ
ศิวะเขาพาดูศิวลึงค์โบราณ ไม่มีแถมโชว์พิเศษ จากใจไดเรคเตอร์ กลัวผู้อ่านจะเข้าใจผิดเพราะพ่อคนนี้ก็ชื่อศิวะเหมือนกัน
ใกล้ ๆ กับดงศิวลึงค์นั้น พวกเราแอบไปเห็นฤาษีตนหนึ่ง ทรมานตัวเองด้วยการนั่งขัดสมาธิมีศิลาที่เผาไฟจนร้อนควันขึ้นวางล้อมรอบตัว บนศีรษะก็เทินกระถางที่มีถ่านร้อนๆ ควันกรุ่น คงทั้งหนักและทั้งร้อน
ดูแล้วก็น่าขนลุกอยู่เหมือนกันว่าความศรัทธาทำให้มนุษย์ทำอะไรฝืนธรรมชาติได้ถึงเพียงนี้ พี่เจกับพี่ปุ๊รีบคว้ากล้อง และวีดีโอมาถ่ายกัน ภาพแปลก ๆ แบบนี้หาได้ไม่ง่ายนักหรอก
ส่วนพี่ก้อดที่หิวข้าวเต็มทีแล้ว เดินลงมาดูกำแพงเทวาลัย โอ๊ย
เร้าใจกว่าเยอะ รูปสลักที่กำแพงเป็นรูปกามสูตรเออ
อย่างนี้ค่อยมีแอคชั่น ช็อทเด็ด มันส์กว่ากันเยอะเลย
ศิวะอธิบายให้พวกเราฟังว่า ในสมัยโบราณชาวบ้านยึดมั่นในศาสนามาก มันก็น่าจะดีอยู่แล้ว แต่นี่ดีเกินไปหน่อย จนลืมประกอบภารกิจที่ทำให้มนุษย์ดำรงเผ่าพันธุ์สืบต่อกันมาได้ ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป มีหวังสูญพันธุ์กันหมด ไม่มีร้อกประเทศเนปาลในแผนที่โลกปัจจุบัน
ผู้ปกครองนครในสมัยนั้นจึงจำเป็นต้องหาอะไรมาปลุก
กระแสสำนักในการสืบเผ่าพันธุ์ ด้วยการจัดทำรูปวาด รูปสลัก เพื่อสอน และกระตุ้นให้ชาวบ้านรู้จักกลับไปทำอะไรที่ควรทำบ้าง แทนที่จะสวดมนต์ตลอดทั้งวันทั้งคืน
ทีนี้จะเอาไปโชว์ที่ไหนดีล่ะ สวนจตุจักรก็ไม่มี จะได้ส่งคนคอยไปถามว่า โป๊มั๊ยพี่ ได้ ก็ต้องโชว์ในเทวาลัย หรือในวัดนั่นแหละ เวิร์คที่สุดแล้ว เพราะชาวบ้านเขาชอบเข้าวัดกัน ด้วยเหตุนี้รูปสลักและภาพวาดกามสูตรจึงมีอยู่แพร่หลายในวัดฮินดู
ไม่มีการบันทึกไว้ว่า เมื่อแปะรูปชวนสยิวพวกนี้ไว้ในวัดแล้ว คนเข้าวัดน้อยลง หรือมากขึ้น แต่ขอแอบสันนิษฐานว่าคงมีคนเข้าวัดมากขึ้นในเวลากลางวัน และน้อยลงอย่างมากในเวลากลางคืน
ตายละ
เล่ามาแต่ละเรื่องติด Rate PG 17 ทั้งนั้น
ผู้ปกครองควรพิจารณา ที่ควรดูก็ดูแล้ว พวกเราก็ลงมาจากเนินเขาเดินเลียบแม่น้ำ (ลำบากใจจริง ๆ ที่ต้องเรียกว่าแม่น้ำ) เดินไปขึ้นรถเพื่อต่อไปยังสถานที่ต่อไป
*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***
รู้ว่าคุณเพื่อนถ่ายรูปฤาษี แต่ฉันไม่มีค่ะ ถ้าขอมาได้จะเอามาลงให้ชมกันนะคะ รูปศิวลึงค์ก็เหมือนกัน น่าจะติดอยู่ในกล้องใครบ้างสิน่ะ
สมัยนั้นยังไม่มีเรท ฉ. ฉิ่ง ของไทยค่ะ มีแต่เรท PG แบบฝรั่ง
Create Date : 03 กรกฎาคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2553 23:09:13 น. |
Counter : 1710 Pageviews. |
|
|
|