Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 
5 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Nepal ตอน 15 วัดทองคำ

สถานที่แรกที่เราแวะชมคือ Golden Temple มีชื่อจริงว่า HIRANYA VARNA MAHAVIHAR เราต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชมวัด 25 รูปี เพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาวัด

พวกเราหลายคนเริ่มอิดออดไม่อยากเข้าวัด ต้องอ้อนวอนว่ามาถึงแล้วก็เข้ามาเถอะ ไม่ต้องเสียดายเงินหรอก แค่ 15 บาท ที่จริงไม่ได้เสียดายเงิน แต่เข้าแล้วคงจะร้อน สำนึกเรื่องบาปบุญคุณโทษตามมาหลอกหลอน

ก่อนจะเข้าไปในตัววัดด้านในได้ ก็วุ่นวายพอดู ถ้าใครใส่ร้องเท้าหนังมาก็ต้องถอดฝากไว้ เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะเก่าโทรมที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ พวก

เราเกือบต้องถอดเข็มขัดหนังฝากไว้ด้วย แต่แขกคนเฝ้าวัดเกิดใจดี ปล่อยพวกเราเข้าไปโดยไม่ต้องถอด กฎเกณฑ์ในเนปาลนี้ไม่แน่นอนตายตัว ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่

ที่เขาไม่ให้นำวัสดุที่ทำมาจากหนังเข้าวัด ก็คงเกี่ยวข้องกับวัวอีกกระมัง แต่ดูแล้วก็สับสน เพราะวัดนี้เป็นวัดพุทธ วัวมาเกี่ยวอะไรด้วย

วัดนี้เป็นประเด็นให้พวกเรากลับมาเถียงกันต่อที่กรุงเทพ ฯ ว่าเป็นวัดพุทธ หรือวัดฮินดู แต่ด้านหลังบัตรผ่านประตูวัดมีบอกไว้แน่นอนว่าเป็นวัดพุทธ ข้อสำคัญคำว่า VIHAR แปลว่าอารามพุทธ อ่านอย่างไทย ๆ ก็คือวิหารนั่นเอง MAHAVIHAR ก็คือ มหาวิหาร เหมือน ๆ กับชื่อวัดที่เมืองไทย

ที่หลังบัตรผ่านประตูมีรายละเอียดเป็นภาษาอังกฤษ พอจะสรุปให้ผู้อ่านได้รับรู้ดังนี้ เชื่อกันว่าวัดพุทธแห่งนี้สร้างในศตวรรษที่ 12 โดยกษัตริย์ Vaska Deva Varma แค่เชื่อ ไม่มีหลักฐานยืนยันอีกเช่นกัน วัดนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบเนปาลีแท้ ๆ บริสุทธิ ไม่มีศิลปะอื่นเจือปน

อีกชื่อหนึ่งของวัดนี้เป็นภาษาเนวารีคือ Kwabahal แปลว่าทรัพย์สิน เพราะสีทองนี่แหละ แต่น่าจะไม่ใช่ทองแท้ หากเป็นของแท้คงต้องรักษาความปลอดภัยกันแน่นหนากว่านี้ เพราะแค่เอาตะไบแอบไปฝนตามกำแพงวัด ก็น่าจะได้เงินหลายอยู่

ส่วนชื่อ HIRANYA มาจาก HIRANYAKA แปลว่าสีทอง และเป็นชื่อหนูในนิทานฮินดูเรื่องหนึ่งด้วย ดูเหมือนสัตว์เล็ก ๆ อย่างหนู และเหาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโบราณสถานสำคัญในเนปาลเสียจริง

วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปแบบทิเบต ที่ประดับตกแต่งด้วยทองอร่ามทั้งองค์ งดงามมาก แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป เข้าไปดูใกล้ ๆ ก็ไม่ได้ เขาล้อมกรงเอาไว้ นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปได้เพียงรอบ ๆ อาคาร หรือระเบียงชั้นบนเท่านั้น

ดูเผิน ๆ แล้ว อารามแห่งนี้ และอีกหลายวัด หลายอารามในเนปาล ก็มีหลังคาคล้าย ๆ กับวัดญี่ปุ่น หรือคล้าย ๆ เก๋งจีนเหมือนกัน แตกต่างกันในรายละเอียดลวดลายสลักที่ของเนปาลออกแขกเต็มที่

ระหว่างที่พิมเดินดูวัดด้วยความสนใจจนแยกจากเพื่อน ๆ อยู่นั้น ก็มีตาแก่แขกคนหนึ่ง เดินมาตีซี้ อธิบายโน่น นี่ให้ฟัง แรก ๆ พิมก็ฟังเสียหน่อย ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ฟังยากมาก เสียงของคุณตาฮึมฮัมอยู่ในลำคอ เบามาก พิมเองก็หูค่อนข้างตึงอยู่แล้ว ยิ่งฟังไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ เขาพูดภาษาอังกฤษหรือเปล่าก็ยังเป็นปริศนาอยู่เลย



พิมพยายามถามเขาซ้ำว่าพูดว่าอะไร เขาก็พยายามตอบ แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี พิมขี้เกียจจะถามเขาแล้ว แต่ก็ทำเป็นพยักหน้ารับรู้ ทำเป็นเข้าใจ เพราะกลัวคนแก่เสียใจ

ตาเขาคงอยากพูดเต็มแก่ (แก่เต็มที่จริง ๆ ผมหงอกหมดแล้ว) น้ำลายคงใกล้บูดเต็มที ไม่ยอมปล่อยเหยื่อชั้นดี หายากอย่างพิม ยังนำไปดูโน่นดูนี่

พิมก็ เฮ้อ…ทำยังไงดีล่ะ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงหน้าตาใจร้ายอย่างพิมจะไม่สามารถปลีกตัวออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดอย่างนี้ได้

พี่ก้อดเดินผ่านมาใกล้ ๆ เตือนว่าระวังนะ เดี๋ยวเขาเก็บเงินหรอก

พิมชักจะผวา อนุภาคความงกในกระแสโลหิตพุ่งจี๊ดขึ้นสมองทันที ก็เรื่องอะไรต้องมาหาจากไกด์แถวนี้ เราพกไกด์มาด้วย สงสัยอะไรก็ถามศิวะก็ได้ แถม’ไกด์เถื่อน’ รายนี้พูดไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย จะจ้างมาทำไมให้เปลืองรูปี

พอมีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง พิมก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันที รีบเดินไปยืนใกล้ ๆ พี่ก้อด ไม่ยอมเดินตามลุง เขาพูดอะไรมาก็เอาหูทวนลม อันนี้ไม่ยากเลย เพราะฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว

มารยาทและสมบัติผู้ดีก็ทำเป็นลืม ๆ ไปเสีย อันนี้ก็ไม่ยาก ลืมง่ายกว่าจำเยอะ ส่วนความสงสารก็กระชากออกไปจากใจเสีย โลกนี้มีคน สัตว์ และสิ่งของรอให้สงสารอีกถมไป



วิธีการนี้ใช้ได้ผลดีมาก ใครไม่กลัวพี่ก้อดก็แปลกละ ขืนยังเซ้าซี้มาก ๆ ให้พี่ก้อดยืนกอดอกเสียหน่อยเป็นอันได้เรื่อง ยังไม่ต้องทำหน้าดุด้วย นั่นเป็นมาตรการขั้นเด็ดขาด

ไม่รู้ว่าพิมคิดมากไปหรือเปล่า แปลเจตนาของเขาผิดไป เขาอาจจะแค่มีน้ำใจ และอยากพูดกับใครบ้างก็ได้

ตาเขาทนเซ้าซี้อยู่ได้ครู่เดียว ก็เดินบ่นพึมพำจากไป น่าสงสารอยู่เหมือนกัน

เดินดูวัด และถ่ายรูปจนพอใจแล้ว พวกเราก็เดินออกจากวัดมา ใครที่แปลงโฉมก่อนเข้าวัด ก็แต่งองค์ทรงรองเท้ากันให้เรียบร้อยก่อน

ที่หน้าวัดมีสิงห์คู่หนึ่งยืนเป็นทวารบาล อยู่ 2 ฝั่งประตู น่าจะเป็นสิงห์ตัวผู้และตัวเมีย พี่ก้อดไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัย เลยลงไปก้มดู

อืม…ตัวผู้กับตัวเมียจริง ๆ ด้วย

เดิน ๆ อยู่ในปาตัน พี่เจ กับพี่ก้อดก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทางเข้าเมืองปาตันไม่น่าจะมีทางเดียว ถ้าแอบเข้าทางอื่นก็ไม่ต้องเสียเงินสิ

ศิวะไขข้อข้องใจให้ว่า ทางเข้าน่ะมีหลายทางจริง แต่ล่ามโซ่ไว้ ทางไหนให้เข้า ก็เอาด่านไปเก็บเงินด้วย จึงเป็นอันว่าแผนชั่วไม่มีทางได้ใช้

*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***



Create Date : 05 กรกฎาคม 2553
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 22:28:22 น. 0 comments
Counter : 773 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.