|
Nepal ตอน 16 วัดคุมเบชวาร์
วัดต่อมาที่ศิวะพามาดู คือวัดคุมเบชวาร์ (Kumbeshwar Temple) ป็นวัดฮินดูสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แด่พระศิวะ เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในปาตัน สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ 1932 โน่นแน่ะ
วัดนี้มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ 2 แห่ง ที่ชาวเนปาลเชื่อว่ามีต้นน้ำมาจากทะเลสาบศักดิ์สิทธิ ชื่อ โกเซย์กุนดะ (Gosainkunda) อยู่ห่างไปทางเหนือของหุบเขากาฎมาณฑุ เดินไปก็หลายวันอยู่
สระที่อยู่หน้าวัด มีบันไดลงไป มีท่อน้ำที่ยังให้บริการชาวบ้านอยู่ หญิงชาวบ้านยังรองน้ำนั่งซักผ้ากันอยู่เลย ท่อน้ำเป็นรูปสลัก แต่มีท่อ PVC โผล่ออกมาด้วย เป็นการผสมผสานที่ไม่ค่อยลงตัวนัก ระหว่างโบราณวัตถุ กับวิทยาการทันสมัย
ศิวะบอกว่าน้ำที่เห็นใช้ ๆ กันอยู่นี้เป็นน้ำบาดาล หากจะถามว่าสะอาดไหม ก็อย่าได้สงสัยเลยว่าสะอาดตามมาตรฐานเนปาล
สระที่อยู่ในวัด กลางสระน้ำมีศิวลึงค์ ชาวบ้านจะแห่แหนมาบูชาในงานเทศกาล ถ้าใครไปถึงทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ไม่ไหว หรือหมดแรงตะกายไป ก็มาวัดนี้แทน ประกอบพิธีกรรมที่นี่ก็ได้บุญเท่าเทียมกันกับที่ทะเลสาบ เรียกว่าเป็น กุศลทางไกล
ขณะที่เรามานี้ ไม่มีน้ำติดก้นสระ แน่นอนว่าสระน้ำสกปรกมาก เห็นแล้วคิดถึงเวลามีเทศกาล แล้วชาวบ้านเขาลงไปวักน้ำอาบอย่างสดชื่นรื่นรมย์ไม่ออกเลยจริง ๆ
ในอดีตลวดลายที่สลักเสลาอยู่รอบ ๆ สระน้ำนี้คงงดงาม หากยามนี้ตะไคร่ขึ้นเขียวครึ้ม ดูหมองมัว เห็นแล้วก็ปลงได้ว่า ใด ๆ ในโลกล้วน อนิจจัง อย่างไรก็ตาม เค้าความงามที่ปรากฏ ก็พอจะจินตนาการถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตได้
ไดเร็คเตอร์ศิวะเล่าตำนานเรื่องพระศิวะรับพิษจากการกวนเกษียรสมุทร และได้ขว้างตรีศูล หรือสามง่ามอันเป็นอาวุธของพระศิวะไปยังภูเขา เพื่อให้น้ำจากภูเขาไหลมาดับพิษ น้ำนั้นก็อยู่ในสระนี้ ส่วนตรีศูลก็ปักอยู่ใกล้ ๆสระน้ำ
สภาพภายในวัดนี้สกปรกมาก ขยะทิ้งเรี่ยราดตามวัด ไม่มีใครคิดจะทำความสะอาดบ้างเลย ถึงพวกเราก็เถอะgเราไม่ใช่สมาชิกชมรมตาวิเศษนี่ จะได้ช่วยเขาเก็บขยะ เลยดีแต่บ่น น่าเสียที่ความสกปรก และความทรุดโทรมได้ลดความงดงาม และสง่างามของวัดนี้ไปเกิน 50 %
พวกเราเห็นภาพชีวิตแสนเศร้า ชายพิการเข็ญใจ ปากเบี้ยว หน้าตาผิดรูป มือเท้าหงิกงอ นั่งอยู่บนรถเข็น น่าสงสารมาก มีหญิงชราซึ่งคงจะเป็นแม่ของเขาคอยดูแลอยู่ เห็นแล้วก็สะท้อนใจว่า ไม่ว่าแม่คนใด แม่ชาติไหน ก็เหมือนกันทั้งนั้น ที่ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร พิการเพียงใดก็ตาม ก็ยังรัก และห่วงใยลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข
แต่อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับแม่ใจยักษ์ ที่ฆ่าลูกเพิ่งเกิดยัดลงกระเป๋าเอาไปทิ้งในป่ารกชัฎ เพื่อทำลาย มารหัวขน ณ RCA พิมคิดถึงแม่ อยากโทรทางไกลกลับไปหาแม่จัง แต่ค่าโทรศัพท์ทางไกลที่นี่ นาทีละ 170 รูปี ถ้างั้นก็ช่างเถอะ แม่บอกว่า ถ้าค่าโทรศัพท์แพง ไม่ต้องโทรกลับมาก็ได้ลูก
ในวัดนี้มีรูปปั้นเจ้าแม่ปารวตี องค์เดียวกันกับเจ้าแม่อุมา ที่ท่านผู้อ่านน่าจะรู้จักกันดีว่าเป็นชายาของพระศิวะ ศิวะ(คน) บอกว่าทุกวันพฤหัส วัดนี้จะแน่นมาก ผู้คนจะมาบูชาเจ้าแม่กันเต็มไปหมด ถึงวันนี้จะเป็นวันเสาร์ ก็ยังมีคนฮินดูเข้าวัดมาอุ่นหนาฝาคั่งพอดู
ที่ผนังวัดมีรูปสลักเจ้าแม่อุมาหลายปาง ทั้งปางดุร้าย และใจดี ถามไดเร็คเตอร์ศิวะ เขาก็จำไม่ค่อยได้ว่าปางไหนเป็นปางไหน ถ้าเป็นปางดุร้ายก็พอจะรู้ว่าถ้าไม่ใช่เจ้าแม่กาลี ก็เป็นเจ้าแม่ทุรคา
ในภาคเจ้าแม่กาลีนั้น จะมีลักษณะพระวรกายอ้วนล่ำ ผิวเนื้อดำ หน้าดุ ผมยาวประบ่า มี 10 กร ถืออาวุธครบทุกกร มีโลหิตหยดตามตัว มีงูเป็นสังวาลย์ บางกรถือหัวกะโหลก หรือหัวยักษ์ตัดใหม่ ๆ ยังอุ่นอยู่ ทรงยืนเหยียบยักษ์ที่มีหัวเป็นควาย จุดสังเกตคือพระนางทรงแลบลิ้น บางรูปทรงยืนเหยียบยอดอกพระศิวะอยู่
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
ปางน่ากลัวนี้ ชาวบ้านนับถือ และ กลัวกันมาก การบูชาเจ้าแม่กาลีก็ทั้งหวาดเสียว และตื่นเต้นเร้าใจ แบบติด Rate X ก็ยังมี ที่เขาบูชายันโดยการตัดหัวแพะ หรือหัวจามรีเลือดสาดกระเซ็นใส่เทวรูปนี่เรื่องเด็ก ๆ สมัยก่อนเขาฆ่าคนเพื่อบูชายันเสียด้วยซ้ำ มาปัจจุบันเลิกแล้ว แพะเลยต้องกลายเป็นแพะรับบาปไป
คำเตือน
ย่อหน้าต่อไปนี้ผู้ปกครองควรพิจารณา !
วิธีการบูชายันอีกแบบหนึ่งนี่สิ บัดสีน่าดู (ถ้าให้ดูก็ดูไง) พี่อ้ออ่านจาก Lonely Planet ได้ความว่า เขาใช้ผู้หญิงพรหมจารี เอ๊าะ ๆ และคงสวยด้วย มาสมมติเป็นอวตารของเจ้าแม่กาลี ให้ยืนเปลือยกายกลางเทวาลัย เปลือยกายถ่ายนู้ดเหรอ ไม่ใช่สิ เขาให้สาวกชายของเจ้าแม่กาลี เฮ้อ
เขียนไปก็กระดากปากกาไปคือ
ลงแขกน่ะ แขกลงแขกจริง ๆ ด้วย แบบว่า One to Many เอ
หรือต้องเขียนว่า Many to One นะ คิดได้ยังไงนี่ วิธีการบูชายันแบบนี้ต้องเป็นผู้ชายคิดแหง ๆ
สาวกของเจ้าแม่กาลีคงไม่ได้คิดว่าบัดสีบัดเถลิง เขาคงคิดว่าได้บุญ ได้กุศลเท่านั้นเอง ศรัทธาที่รุนแรง และงมงาย ทำให้มนุษย์ทำได้ทุกอย่าง
พี่เจกับพี่ก้อดได้ฟังแล้ว ก็คงอยากไปร่วมงานนี้ด้วย แต่เสียใจ เดี๋ยวนี้ไม่มีการบูชายันแบบนี้อีกแล้ว คงเหลือแต่การฆ่าสัตว์เพื่อบูชายันเท่านั้น จะไปร่วมพิธีกับเขาด้วยไหมล่ะ เผื่อเขาจะอยากกลับมาใช้คนเป็นเครื่องสังเวยอีก
ที่จริงแล้วเกร็ดการบูชายันเจ้าแม่กาลีแบบภาคพิสดาร ชวนสยิวยังมีอีกหลายรูปแบบ แต่เกรงว่าบันทึกทริปนี้จะไม่เหมาะแก่เยาวชนมากไปกว่านี้ เอาเป็นว่าเอวังแค่นี้ก็แล้วกัน ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ต้องหาหนังสืออ่านเอาเอง หรือจะถามจากพิมก็ได้ พิมแค่รู้นะ ไม่เคยประกอบพิธีกรรมด้วย (นี่คิดว่าจะสวยพอได้รับเลือกหรือไงกัน)
ย่อหน้าต่อไปปลอดภัยสำหรับเยาวชนแล้วจ้ะ (ตกลงจะเตือน หรือจะเน้นกันแน่)
สำหรับปางทุรคานั้น ชาวเนปาลเขาเรียกว่าดุรกา คนฮินดูเขามีเทศกาลบูชาเจ้าแม่ทุรคากันเป็นล่ำเป็นสัน กินระยะเวลา 10 วัน เรียกว่าเทศกาลดาเซยน์ (Dasain) หรือ ดุรกาบูชา (Durga Puja) ประมาณเดือนตุลาคม
การบูชายันจะทำกันที่ลานหมู่บ้าน และที่วังหนุมานโดกาในกาฐมาณฑุดะระบาร์แสควร์ ก็จะมีการบูชายันขนาดใหญ่ด้วย
ถ้าเป็นที่อินเดียเทศกาลนี้ก็คือเทศกาลดุซเซร่าห์ หรือนวราตรี บ้านเราก็มีงานเทศกาลนี้ที่วัดแขกสีลม หรือวัดพระศรีอุมาเทวี วัดวิษณุที่ยานนาวา และโบสถ์พราหมณ์ข้างเสาชิงช้า
วันที่ 9 ของเทศกาลในกรุงเทพ ฯ จะมีการบูชาเจ้าแม่ทุรคาด้วยการสังเวยทำร้ายตัวเองต่าง ๆ นานา บ้างก็แทงแก้มซ้ายทะลุแก้มขวา เอามีดเฉือนลิ้น เอาตะปูเกี่ยวหนังตา ชวนสยองกันทั้งนั้น ไม่ต้องไปดูไกลถึงเนปาลหรืออินเดีย
ก่อนจะจากวัดนี้ไป ไดเร็คเตอร์ศิวะเอาดอกไม้แดง ๆ ที่ชาวฮินดูเขาเจิมกันที่หน้าผากมาจากเทวรูป มาเจิมให้พวกเราด้วย พร้อมทั้งโปรยดอกไม้รดศรีษะพวกเรา คงเพื่อความเป็นศิริมงคล น่าจะเทียบได้กับการเจิมหน้าผากด้วยทองที่ใช้ปิดพระพุทธรูป และรดน้ำมนต์ของบ้านเรา
พวกเราไม่กล้าขัดศรัทธาเขา เจิมก็เจิม พิมอดกลัวเป็นสิวไม่ได้ เป็นคราวนี้มันขึ้นกลางหน้าผากเลยนะ กลับมาจากเนปาลพลเป็นสิวบนหน้าผากจริง ๆ ด้วย ไม่แน่ใจว่าเป็นตำแหน่งเดียวกันเป๊ะกับที่เจิมหรือไม่ พิมต้องทนอายอยู่เป็นอาทิตย์กว่าจะหาย
มันจะเอายังไงกันแน่ สิวกับตีนกา มันตกลงกันไม่ได้หรือไงว่าวัยนี้อะไรควรขึ้น ถ้าเป็นสิว แล้วไม่มีตีนกาพิมจะไม่บ่นเลย นี่อะไร้
มีทั้ง 2 อย่าง
*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***
ตาวิเศษยังมีอยู่มั้ย ไม่เห็นมานานแล้ว ไม่ค่อยชัวร์ว่าใส่รูปวัดถูกค่ะ เอาน่ะ
ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละ ลองเช็คดูกับรูปของชาวบ้านแล้วน่าจะใช่นะ
Create Date : 06 กรกฎาคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 6 กรกฎาคม 2553 21:59:20 น. |
Counter : 803 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ
ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ
งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|