Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
 
2 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Nepal ตอน 39 ลาทีความศิวิไลซ์

บริเวณตีนเขาที่เราเริ่มเดินนี้เรียกว่า Birethanti มีสะพานเหล็กให้เดินข้ามแม่น้ำไป หน้าแล้งอย่างนี้ แม่น้ำทั้งสายแทบจะมีแต่กองหิน เมื่อข้ามสะพานไป เราก็พบกับ Check Post จุดแรก

Check Post เป็นหน่วยงานที่ไว้ตรวจสอบจำนวนคนที่ขึ้น Trekking และตรวจใบอนุญาตการ Trekking ด้วย

การเดินเขาในเนปาล ไม่ใช่ว่านึกจะเดินก็เดินกันง่าย ๆ ต้องมีการขอใบอนุญาตกันเป็นเรื่องเป็นราว ถ้านักท่องเที่ยวจ้างเอเจนซี่ให้นำเที่ยว บริษัท ฯ ก็จะจัดการขอให้ ไม่ต้องยุ่งยากแต่ประการใด

แต่พอถึงเวลาตรวจ ก็แค่เอาใบอนุญาตของทั้งกลุ่มไปให้เจ้าหน้าที่ลอกชื่อลงสมุด ไม่มีการตรวจว่าชื่อคนที่อยู่ในใบอนุญาต กับตัวจริงเป็นคนเดียวกันหรือไม่

การลอกชื่อนักท่องเที่ยวลงสมุดนั้น เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยทำด้วยความยากลำบากมาก กว่าจะลอกลงไปได้แต่ละชื่อ บรรจงเสียเหลือเกิน ประหนึ่งว่ากำลังสรรสร้างวรรณกรรมชิ้นเอกของโลกอยู่

เราส่งพี่อ้อ กับศิวะไปจัดการตรวจสอบรายชื่อ แล้วพวกเราก็มานั่งแหมะกันแถว ๆ นั้น มีที่ให้นั่งก็ต้องรีบนั่งก่อนล่ะ ต่อไปจะได้นั่งบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

เช็คเสร็จแล้วก็เดินกันต่อ เพียงครู่เดียวก็พบ Check Post อีกแล้ว ทำไมถี่นัก เขากลัวนักท่องเที่ยวซี้แหงแก๋ หรือหายไปกลางทางถึงขนาดนี้เชียวหรือ ต้องคอย Check กันบ่อย ๆ มิหนำซ้ำฝั่งตรงข้ามกับ Check Post ยังมีสถานีอนามัยตั้งอยู่ด้วย เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจครบวงจรจริง ๆ หมดแรงก็หามสั่งอนามัยได้เลย

แต่ถ้าถึงแก่ชีวิต คงต้องอาศัย ‘มือขวาน’ พ่อค้าเนื้อแพะ สับศพให้เป็นชิ้นเพื่อสะดวกในการขนย้ายกระมัง



ระหว่างที่นั่งรออยู่นั้น ก็มีพ่อค้าไก่ แบกไก่มาเต็มหลัง เพื่อเอาไปส่งยังโรงแรมต่าง ๆ บนเขา มานั่งพักใกล้ ๆ พวกเราด้วย เขามีกรงไก่แบ่งเป็นช่อง ๆ ทำเป็นคอนโดมิเนียม ใส่ไก่ได้ช่องละ 1 ตัว พ่อค้าไก่คนหนึ่งแบกไก่เป็น ๆ ได้สัก 20 ตัวเห็นจะได้ มากัน 2 คน ก็ปาเข้าไป 40 ตัวแล้วนา

พิมเห็นแล้วก็เริ่มมีอาการผวา มองกรงไก่ด้วยความหวาดระแวง แววตาล่อกแล่ก กลัวถูกประทุษร้าย ด้วยเกรงว่าไก่ทั้งเล้าจะถูกปล่อย ให้ออกมาเดินเล่น

พี่ก้อดที่สังเกตทีท่าของพิมโดยตลอด ก็เริ่มคิดแผนการชั่วร้าย พอสบโอกาสเหมาะ ก็ใช้มุขเดิม ๆ แหกปาก ตะโกนใส่พิม เพราะรู้อยู่แล้วว่าพิมกลัวสัตว์ปีกที่ยังมีชีวิตอยู่ (แต่ถ้าอยู่ในจาน ทอดเกรียมพอน่ากิน ก็รับได้ไม่มีปัญหา)

พิมหายใจวาบ หน้าซีด ประสาทเสียชั่วคราว นึกว่าไก่โผผินบินใส่ พิมกรีดร้องเสียงดังลั่นเขา กระเถิบตัวไปเบียดพี่ซิปจนเขาแทบจะลงไปนอนกองกับพื้น

ก็ทั้ง ๆ ที่เห็นว่าไก่มันยังอยู่ดีในกรง (หรือไม่ดี…ไก่น่าจะเป็นบ้าไปแล้ว) และทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพี่ก้อดแกล้ง พิมก็ยังกลัวเสียแทบตาย

เช็คชื่อเสร็จพวกเราก็ออกเดินทางอีกครั้ง

พี่ป๋อออกจะหมั่นไส้พิม ที่เดินตัวปลิว ด้วยไม่ต้องแบกถุงนอนอย่างเพื่อน ๆ น้ำดื่มก็ถือแค่ขนาด 500 ml. ไม่มีเสียหรอกให้ถือเป็นลิตร ๆ

“สบายจริงนะคุณนาย” พี่ป๋อแดกดัน

หมั่นไส้ก็หมั่นไส้ไปสิ ถึงคราวจำเป็นพิมก็ต้องงัดมารยา 108 เล่มเกวียนมาใช้บ้างล่ะ

ระหว่างทางที่แสนจะราบเรียบ เพราะเป็นทางเดินในหมู่บ้าน ความชันเพียงเล็กน้อย เราก็พบนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นนอนแอ้งแม้งอยู่ในร้านอาหารข้างทาง เขาคงผ่านสมรภูมิมาหลายวันแล้ว และกำลังลงเขาไปหาความศิวิไลซ์ สวนทางกับเราที่กำลังจะปีนขึ้นไปหาธรรมชาติ

เส้นทางการเดินเขาของพวกเรา ตรงข้ามกับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เราเลือกเดินขึ้นเขาในทางที่ชันน้อย แล้วค่อยไต่ลงเขาแบบลื่นพรืดเดียวถึงพื้น การเดินทางแบบนี้ถึงจะเหมาะสมกับสังขารของพวกเรา

พี่ก้อด กับพี่เจ ไม่ปล่อยให้การ Trekking เป็นการเดินทางอันเปล่าประโยชน์ คอยเหล่สาว ๆ (เฉพาะที่น้อย ๆ ใหญ่ไม่เหล่) ที่ผ่านมา

สายตาพี่ก้อดมาสะดุดที่สาวเนปาล ล่ำสันมาก แบกของเต็มหลัง จนหัวโย้ ยังเดินลิ่ว ๆ เลยสะกิดให้พี่เจดู

“เฮ้ยเจ หน่วยก้านดี เหมาะจะเป็นแม่พันธุ์”

“เอาไว้ผลิตลูกหาบเพิ่มหรือพี่ ลูกหาบยิ่งไม่พออยู่” พิมเจ๋อ ขอออกความเห็นด้วยคน

“ถ้าจะผลิตลูกหาบเพิ่ม พิมก็รอศิวะสิ แต่รอนานหน่อยนะ เพราะศิวะกำลังอ้วกอยู่” พี่เจย้อนกลับมา พิมหน้าหงาย เข่าอ่อนแทบหมดแรง เท่านั้นไม่พอ พี่เจยังแกล้งหันไปตะโกนเรียกศิวะ “ เอ้า…ศิวะมา”

ปากหนอปาก อยู่ไม่สุขเสียจริง เถียงกับใครไม่เถียง ไปเถียงกับพี่เจ จะกรี๊ดก็ไม่มีแรง ไม่มีเสียงแล้ว หมดไปตั้งแต่เล้าไก่ จะหัวเราะก็ไม่ออก ร้องไห้ก็ไม่ได้

พี่อ้อหัวเราะจนแทบเดินไม่ไหว แค่เดินอย่างเดียวก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว น้อง ๆ ยังปล่อยมุขขนาดตอร์ปิโดใส่อีก

แล้วเราก็รู้จักพี่เจดีขึ้นทุกที ทุกที พี่ก้อด พิมขอโทษ ที่จริงแล้วพี่ก้อดเป็นคนดี ตั้งแต่พบกับพี่เจ พิมถึงสำนักได้ว่าพี่ก้อดเป็นคนดี ที่ใครต่อใครเห็นว่าพี่ก้อดปากร้าย และโหด เป็นเพราะต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพสิ่งแวดล้อม

พวกเราเดินอย่างร่าเริง ไม่ทันเหนื่อยศิวะก็ให้พวกเราพักกินข้าวที่ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งข้างทาง

*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***



Create Date : 02 สิงหาคม 2553
Last Update : 2 สิงหาคม 2553 22:45:44 น. 0 comments
Counter : 672 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.