Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 
26 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Nepal ตอน 32 ข้าวแกงริมทาง

กลับมาที่พวกเรา รถตู้วิ่งตะลุยลงเขาแบบไม่กลัวอุบัติเหตุ ชวนให้พวกเราเสียว (ไม่ซ่านด้วย) ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัวว่านี่จะเป็นทางลัดสู่โลกหน้า ทางที่ดีควรจะงีบหลับดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็ตายแบบไม่เจ็บและไม่รู้สึกตัว

ถึงตอนนี้พวกเราก็ชินกับเสียงแตร ฝุ่น และกลิ่นควันพอที่จะหลับได้อย่างไม่สะดุ้งสะเทือนแล้ว

รถขับกลับไปรับศิวะที่ทะเมล เขารออยู่แล้วที่บริษัท เป็นอันว่าคุณไดเร็คเตอร์หย่ายรอดตายแน่นอนแล้ว ไหน ๆ ก็อยู่ที่ทะเมล จะหาอาหารเช้าแถวนี้กินไม่ได้หรือ อาหารอร่อยเยอะแยะไปหมด

คุณศิวะพาพวกเราขึ้นรถต่อ เขารู้จักพวกเราดี ขืนปล่อยให้กิน กำหนดการคงรวนไปหมด พวกนี้เห็นแก่กินจะตายไป วันนี้พวกเราต้องเดินทางไปโปขรา (Pokhara) ฐานที่มั่นในการขึ้น Trekking ของพวกเรา

จน 10 โมงกว่า รถตู้ก็ยอมจอด ศิวะยอมพาพวกเราไปหาข้าวเช้ากิน

คุณพระช่วย… ระหว่างสวรรค์ กับนรกใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งวัน เมื่อวานเราเพิ่งลิ้มรสอาหารเย็นสุดหรู ระดับ 5 ดาว วันนี้ต้องมาพบกับอาหารเช้าระดับ ระดับอะไรดี ระดับอุกกาบาต 5 ดุ้นก็แล้วกัน

ศิวะนำพวกเราแวะร้านข้าวแกงริมทาง อย่างที่ชาวบ้านเนปาลเขากินกัน กับข้าวหน้าตาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย มีถั่วลิสงผัดกับอะไรก็ไม่รู้สีตุ่นๆ มันเทศหรือมันฝรั่งผัดกับขมิ้นสีเหลืองอ๋อย กรรมวิธีการผัดคงลงแรงมากโขอยู่ จนชิ้นมันเละ เขละๆ ไปหมด กับข้าวอย่างอื่นดูไม่ออกว่าเป็นอะไรบ้าง คงมีบัฟ(โฟโล่)ติดมาสักถาดหรอก น่ากลัวมากกว่าน่ากิน

พวกเราแต่ละคนเดินเข้าร้านอาหารด้วยความระโหยโรยแรง เหมือนถูกจับเข้าสถานพินิจ ฯ
มีแต่พี่อ้อที่หน้าตายังเป็นปกติอยู่

พี่อ้อน่ารักอย่างนี้เสมอ ไม่เคยเรื่องมากอย่างใครเขา เอ…หรือว่าที่จริงพี่อ้อก็รู้สึกสยองเหมือนกัน แต่รักษากริยาได้ดีกว่าเพื่อน
พี่ซิปนึกถึงเมื่อครั้งไปศรีลังกา อาหารหน้าตาแบบนี้เองที่แกกินไม่ลง ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า หลวมตัวมาเที่ยวเนปาลได้ยังไงกัน

พี่ก้อดทำหน้าหดหู่เหมือนถูกหักอก 3 ครั้งติดต่อกันใน 3 วัน บอกเพื่อนๆ ว่า สั่งอะไร ก็สั่งเผื่อด้วยก็แล้วกัน เขาไม่ตัดสินใจแล้ว เพราะไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดอย่างแน่นอน

”เอาโค้กมาขวดนึง” นี่เป็นสิ่งเดียวที่พี่ก้อดกล้าตัดสินใจ

สุดท้ายพวกเราก็สะบัดก้นออกมาจากร้าน ไม่มีใครตำหนิใครว่าดัดจริต แค่นี้ก็กินไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าศิวะเขาแอบด่าเป็นภาษาเนปาลีอยู่ในใจหรือเปล่า


เอารูปมาจาก wikipedia แต่ของจริงตอนที่เจอสาหัสมากค่ะ ไม่ได้หน้าตาพอดูได้แบบนี้

ถ้าเป็นข้าวแกงริมทางบ้านเรา เราก็คงกินกันลง ถึงร้านจะดูเก่าและทรุดโทรมไปบ้าง แต่แกงไก่ ไข่พะโล้ หมูทอด ขนมจีนน้ำยา ฯลฯ ก็คงจะกระแทกปากเราได้โดยไม่ระคายเคือง แถมข้าวแกงข้างทาง ส้มตำข้างปั๊มนี่ล่ะอร่อยนัก ต่อให้มีแมลงวันบินว่อน มันก็เป็นแมลงวันไทย ดูจะเป็นมิตรและคุ้นเคยกับเรามากกว่าแมลงวันเนปาล

ข้อสำคัญ (ที่เราใช้เป็นข้ออ้าง) อาหารที่เราเห็นในร้าน ไม่ได้ทำมาร้อนๆ จะเชื่อเรื่องความสะอาดได้เท่าไหร่กันเชียว พี่น้อยกับพี่ป้อมไม่ได้กินวัคซีนป้องกันโรคไทฟอยด์มาด้วยนะ (เพิ่งจะมาห่วงเพื่อนตอนนี้)

พี่อ้อเห็นร้านอาหารฝั่งตรงข้าม ลักษณะเป็นสวนอาหาร มีที่จอดรถกว้างขวาง เลยเดินไปสำรวจ ก่อนจะกวักมือเรียกพรรคพวกยืนหน้าเมื่อยรออยู่ด้วยความหวัง

นี่ถ้า ‘Happy Home Restaurant’ แห่งนี้ ดูไม่ได้ไปด้วย เราก็คง… ไม่ไปตายเอาดาบหน้าหรอกน่า หิวจะตายอยู่แล้ว พวกเราตั้งใจจะซื้อขนมขบเคี้ยวกับน้ำดื่มกินแทนแล้ว

ศิวะคงเซ็งน่าดู กะจะให้รีบกินรีบไป ลูกทัวร์ก็ไม่ยอม พวกเราไม่ชอบ Fast Food ต้อง Slow Food ถึงจะแหลกล่าย

เหมือนเคย เราสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ ทั้งสเต็ก ก๋วยเตี๋ยวทิเบต แกงแขก ข้าวสวย ไก่ทอด พร้อมด้วยกาแฟกาใหญ่ น้ำอัดลม น้ำแร่

สรุปว่าปอบยังไม่ออก ตอนไปสวยมภูวนาถ ปศุบปตินาถ โบดะนาถ ไม่รู้จักทำพิธีไล่ปอบ

ลูกค้าในร้านมีเพียงพวกเรากลุ่มเดียวเท่านั้น เหมาร้านเขาอีกแล้ว ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครใหญ่ ร้านอาหารไม่ใหญ่นัก แต่ที่จอดรถกว้างขวางมาก เป็นตึกสมัยใหม่ สะอาดพอใช้ ตกแต่งธรรมดา ไม่ได้หรูหราอย่าง Naked Chef แต่ก็นับว่าดีมากแล้วในยามนี้

ทางร้านวุ่นวายกันยกใหญ่ คงไม่ค่อยได้รับลูกค้ามากถึงคราวละ 10 คนอย่างนี้

ศิวะกับลูกหาบอีก 2 คนที่มาด้วย เข้าไปกินข้าว เปิบด้วยมือกันหลังครัว แบบนี้เขาคงสะดวกกว่า คุณไดเร็คเตอร์ คงแอบไปเมาท์กับลูกหาบว่าคนไทยพวกนี้สนิมสร้อยกันเหลือเกิน

อันที่จริงศิวะก็เห็นอยู่แล้วว่า พวกเราเห็นแก่กินกันเพียงไหน ถ้าไม่ได้กินดี กินอร่อย สู้อย่ากินเสียเลยจะดีกว่า เขายังกล้าพาพวกเราแวะร้านอาหารระดับท้องถิ่นริมทางอีก หรือว่าเขาต้องการให้เราชินกับสภาพแบบนี้ เพราะเมื่อขึ้น Trekking เราก็ต้องทนกับสภาพกินอยู่อย่างอัตคัดให้ได้

ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย

มื้อนี้หมดไปประมาณ 1,400 รูปี คิดเป็นเงินบาทแค่ 800 กว่าบาทเท่านั้นเอง รวมค่ามันฝรั่งถุงใหญ่ กับน้ำดื่มเอาไว้กินกลางทางแล้วด้วย ถูกที่สุดตั้งแต่มาเนปาล แถมมื้อนี้เรากินควบมื้อเช้ากับมื้อกลางวันไปด้วยเลย

นี่ถ้ากินข้าวแกงฝั่งตรงข้าม คงประหยัดได้อย่างเหลือเชื่อ แต่เราไม่สนใจหรอก เรายอมจ่ายเพื่อบำรุงกระเพาะอาหาร และบำเรอลิ้น

เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้เสมอไป เพราะฉะนั้นความสุขที่สามารถใช้เงินซื้อได้ ก็จงซื้อเสียเถอะ

แวะเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เราก็กลับไปนั่งโขยกเขยกดมควันกันในรถต่อ แดดก็ร้อนขึ้น ร้อนขึ้นทุกที ต้องเอาเสื้อแจ็กเก็ตที่ใส่กันหนาวในตอนเช้ามาบังแดดยามบ่าย เมื่อยก็เมื่อย มือไม้ แข้งขา แทบจะเป็นอัมพาต

พี่ก้อดน่าสงสารที่สุด รู้สึกว่าขายาวเกินความจำเป็นก็ยามซุกตัวอยู่ในรถนี่แหละ จะเหยียดไปทางไหนก็ดูจะไม่พอเอาเสียเลย

แต่ถ้าหิว นี่เลย มันฝรั่งที่ซื้อมาตอนกินข้าว หากพอแกะออกชิม พวกเราก็ต้องปิดปากถุง แทบจะใส่หม้อถ่วงน้ำไปด้วยเลย

มันฝรั่งรสเครื่องเทศ รสชาติ แขกมากถึงแขกที่สุด รสจัดจ้าน เค็มจัด เผ็ดเครื่องเทศ กลิ่นฉุนกึ้ก กินเข้าไปปั๊บ ต้องกรอกน้ำเข้าปากตามทันที นี่คงเป็นมันฝรั่งรสที่ทำขายเฉพาะในแดนภารตะ เพื่อให้เข้ากับลิ้นคนที่นี่ ทำนองเดียวกับมันฝรั่งรสกระเพราของบ้านเรา

ความผิดพลาดแสนสาหัสนี้ต้องยกให้เป็นของพิมกับพี่ซิป ที่เป็นคนเลือกมันฝรั่งถุงนี้มา ก็อย่างรสธรรมดามันมีแต่ถุงเล็กนี่นา ซื้อหลายถุงก็ได้ แต่คำนวณแล้วซื้อถุงใหญ่ประหยัดกว่า นับเป็นการประหยัดที่ไม่เข้าเรื่องอย่างยิ่ง

Tip : ควรซื้อมันฝรั่งทอด (ไม่ว่าชนิดแผ่นเรียบ หรือแผ่นหนาเป็นรอยหยัก) เฉพาะรสธรรมดา ดั้งเดิมเท่านั้น ถ้าซื้อรสอื่น ไม่รับประกันอาการอาเจียน เวียนศีรษะ

*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***



Create Date : 26 กรกฎาคม 2553
Last Update : 26 กรกฎาคม 2553 12:24:56 น. 5 comments
Counter : 710 Pageviews.

 


แวะมาทักทายในวันหยุด ไปทำบุญที่ไหนเอ่ย




โดย: หน่อยอิง วันที่: 26 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:52:37 น.  

 
สนุกมากคะ
อ่านตั้งแต่เริ่มเดินทางจนมาถึงข้าวแกงริมทาง
แต่ก็ไม่ได้ทำให้อยากไปซักเท่าไรนักเพราะว่าความสะอาดแล้วก็อาหาร
เอาเป็นว่าเที่ยวเมืองไทยดีกว่าคะ
อิอิ


โดย: ชีเน่ IP: 164.71.1.220 วันที่: 26 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:59:45 น.  

 
คุณหน่อยอิง : อายค่ะ ยังไม่ได้ทำบุญอะไรเลย จะบอกว่าเป็นคนห่างวัด ก็ยิ่งอายหนัก เพราะวัดอยู่ใกล้บ้านมาก

คุณชีเน่ : ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ 555 ยังไม่ถึงตอนเดินขึ้นเขาเลย ทรมานสาหัสค่ะ

พูดก็พูดเถอะ คนเขียนก็เข็ดแล้ว ไปครั้งเดียวพอค่ะ


โดย: ชัชชมนต์ IP: 125.24.135.199 วันที่: 26 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:57:09 น.  

 
คงต้องไปซักวันนึง


โดย: Title_boy วันที่: 27 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:18:04 น.  

 
น่าลองไปดูสักครั้งค่ะ คุณ Title_boy

แหะๆ แต่คนเขียนน่ะ ให้ไปอีกทีก็ชักจะเหนื่อยเกิ๊นค่ะ


โดย: ชัชชมนต์ วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:37:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.