จากรายงาน การศึกษาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ในกลุ่มผู้สูบบุหรี่จะมีโอกาส หรือความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าคนไม่สูบบุหรี่ถึง 2.4 เท่า
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูบ บุหรี่ที่เป็นโรคความดันเลือดสูงหรือมีไขมันในเลือดสูง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดถึง 1.5 เท่า แต่หากผู้สูบบุหรี่นั้น เป็นทั้งความดันเลือดและไขมันในเลือดสูง จะเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 8 เท่า ของคนทั่วไป โดยเฉลี่ยแล้วผู้ติดบุหรี่ จะทำให้เส้นเลือดเสื่อม และเกิดความตีบตันเร็ว มากกว่าผู้ไม่สูบถึง 10 - 15 ปี
องค์การอนามัยได้ระบุว่า 1 ใน 4 หรือ ร้อยละ 25 ของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เป็นผลจากการสูบบุหรี่
ในสตรีสูบบุหรี่ที่ได้รับยาคุมกำเนิด จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบมากกว่าสตรีทั่วไปถึง 40 เท่า และยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองตีบ และระบบหลอดเลือดสูงกว่าสตรีทั่วไปด้วย
นอกจากนี้มีความเสี่ยงต่อการ ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 10 เท่า โดยความเสี่ยงจะเพิ่มจากจำนวนบุหรี่ที่สูบ และในกลุ่มผู้ที่เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันนั้น ครึ่งหนึ่ง (ร้อยละห้าสิบ) จะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเลย และอีกร้อยละ 25 จะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล นั่นคือ หากเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันขึ้นแล้ว โอกาสจะมีชีวิตอยู่จะน้อยลงและมีปัญหาเรื่องคุณภาพชีวิตต่อไปด้วย ผลจากการสูบบุหรี่ต่อการทำงานของหัวใจ นิโคติน เมื่อดูดซึมเข้ากระแสเลือด มีผลโดยตรงต่อต่อมหมวกไต ก่อให้เกิดการหลั่งสารเอพิเนฟริน (Epinephrine) ทำให้
1. ความดันโลหิตสูงขึ้น 2. หัวใจเต้นเร็วขึ้น 3. หลอดเลือดแดงหดตีบตัน 4. เพิ่มไขมันในเลือด
ผล ของนิโคตินทำให้เกิดการทำลายของเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือดแดง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือหัวใจขาดเลือด
# คาร์บอนมอนน๊อกไซด์ การ หายใจเอาคาร์บอนมอนน๊อกไซด์เข้าไปเป็นจำนวนมาก จะทำลายคุณสมบัติในการเป็นพาหนะนำออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อย เป็นผลทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ทำงานมากขึ้น เพื่อจะสูบฉีดโลหิตนำออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายให้เพียงพอ
# ไฮโดรเจนไซยาไนด์ เป็น ก๊าชพิษในควันบุหรี่ ทำให้เกิดหลอดเลือดแดงแข็ง ปรกอบกับสารพิษอื่นๆ ได้แก่ นิโคตินเป็นพิษต่อเซลล์เยื่อบุชั้นในของหลอดเลือด เมื่อกลไกนี้เกิดซ้ำอีก ร่วมกับการขาดออกซิเจนจากก๊าซคาร์บอนมอนน๊อกไซด์ ยิ่งจะทำลายเซลล์ชั้นในของหลอดเลือดมากขึ้น ทำให้ไขมันที่มีอยู่ในเลือดไปเกาะที่ผนังหลอดเลือดได้ง่าย นอกจากนี้ควันบุหรี่ยังทำให้เกล็ดเลือดเกาะกันมากขึ้น เกล็ดเลือดอายุสั้นลง เลือดแข็งตัวเร็วขึ้น เลือดข้นขึ้น ทั้งนี้ ทำให้เลือดจับกันเป็นก้อนได้ง่าย เป็นสาเหตุทำให้เส้นแดงที่มีไขมันเกาะอยู่ชั้นในของหลอดเลือด หรือ หลอดแดงที่ตีบอยู่แล้ว เกิดการอุดตันได้ในทีทันใด ทำกล้ามเนื้อหัวใจตาย อาจเสียชีวิตทันทีทันใดได้
การสูบบุหรี่กับโรคหัวใจและหลอดเลือด ในประเทศที่พัฒนาแล้วคนที่สูบบุหรี่ตาย จากโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าคนที่ไม่สูบเกือบ 3 เท่า และการสูบบุหรี่นั้น มีความสัมพันธ์กับจำนวนบุหรี่ที่สูบ ยิ่งสูบมากเกินกว่าวันละ 1 ซอง ก็ยิ่งทำให้อัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจมากขึ้น
ในประเทศเรา ได้มีการศึกษาในจำนวนประชากรที่เกิดโรคหัวใจขาดเลือด พบปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค เรียงตามลำดับ คือ
1. การสูบบุหรี่มากกว่า 10 มวนขึ้นไป ยิ่งสูบเกิน 20 มวน ต่อวันขึ้นไป ยิ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงมากขึ้น 2. ผู้ป่วยเบาหวาน 3. ความดันโลหิตสูง 4. อ้วน 5. ไขมันในเลือด 6. ความเครียด 7. การไม่ออกกำลังกาย
สรุปข้อมูลที่ได้จากศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า บุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
และถ้าสูบบุหรี่ร่วมกับปัจจัยอื่นๆ เช่น เป็นความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวานด้วยแล้ว ยิ่งทำให้อัตราการเกิดโรคนั้นสูงมากขึ้นตามลำดับ ข้อมูลจาก : คู่มือบุหรี่และสุขภาพ สถาบันควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
Create Date : 28 กันยายน 2551 |
Last Update : 8 ตุลาคม 2551 4:44:03 น. |
|
0 comments
|
Counter : 921 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|