space
space
space
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
space
space
1 ตุลาคม 2552
space
space
space

พริก…เรื่องเผ็ดร้อนที่น่ารู้




ตั้งแต่เล็กจนโตเราจะพบว่าในอาหารไทยส่วนใหญ่ มีพริกเป็นเป็นเครื่องปรุงอยู่ด้วยเสมอ เดิมเราจะได้ยินอยู่เสมอว่าการบริโภคพริกมากเกินไปไม่มีประโยชน์ แต่เมื่อมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพริกมากขึ้น ทำให้เราพบว่า นอกจากพริกจะมีสีสัน และความเผ็ดร้อนจะช่วยให้อาหารดูดีมีรสชาติขึ้นแล้ว ยังมีสรรพคุณเป็นยา เป็นอาหารเสริมสุขภาพอีกด้วย

พริกเป็นพืชในวงศ์โซลานาซิอี (Solanaceae) เช่นเดียวกับมะเขือเทศ มันฝรั่ง ยาสูบ และอยู่ในสกุลแคปซิคัม (Capsicum) ถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ และมีประวัติการใช้มายาวนานหลายพันปีก่อนที่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส จะสำรวจพบทวีปอเมริกาเสียอีก เมื่อเขาได้ลิ้มลองรสชาติที่น่าพิศวง เขาจึงนำพืชชนิดนี้ไปเผยแพร่ในยุโรป โดยเรียกชื่อเสียใหม่ว่า พริกแดง ( red pepper) ตามลักษณะของสี

หลายคนสงสัยว่าทำไมพริกจึงมีรสเผ็ด? จากการค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์พบว่าในพริกมีสารเคมีชื่อ แคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้พริกมีรสเผ็ด แคปไซซินเป็นสารธรรมชาติจำพวกอัสคาลอยด์ มีสูตรโมเลกุลคือ C18H27NO3 เสน่ห์ของพริกไม่ได้อยู่ที่ความเผ็ดแต่เพียงอย่างเดียว แต่คุณค่าทางอาหารคือสิ่งที่ทำให้พืชชนิดนี้ได้รับความสนใจ ในการค้นคว้าและทดลองอย่างกว้างขวาง สีเหลือง สีส้ม และสีอื่นๆที่มีอยู่มากมายถึง 20 ชนิดในพริกก็เป็นสารที่ให้ประโยชน์ ที่สำคัญได้แก่ เบตาแคโรทีน (Beta-carotene ) เป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงสายตา

นอกจากนี้พริกยังมีวิตามินซีอยู่ในปริมาณที่สูงมากโดยมีปริมาณที่สูงมากกว่าในผลส้มเสียอีก โดยในพริก 28 กรัม จะมีวิตามินซีสูงถึง100 มิลลิกรัม และวิตามินเอถึง 16,000 หน่วย

ในปี พ.ศ. 2456 หรือประมาณ 90 ปี มาแล้ว มีผู้ริเริ่มวัดค่าความเผ็ดของพริกเป็นคนแรก คือ นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันนี ชื่อ วิลเบอร์ สโควิลล์ (Willbur Scoville) โดยใช้กลุ่มคนที่ชอบทานพริกเป็นกลุ่มทดลอง ต่อมาได้มีการพัฒนาเครื่องมือชื่อ เอช พีแอล ซี (HPLC – pressure liquild chromatography) เข้าช่วยวัด และปรากฏผลความเผ็ดดังนี้

อันดับที่หนึ่ง ฮาบาเนโรแดงซาวีนา มีความเผ็ด 580,000 หน่วย นับว่าเผ็ดที่สุดในโลก
อันดับที่สอง ฮาบาเนโร
อันดับที่สาม พริกขี้หนู พริกสก็อต บอนเนท พริกจาเมก้า
อันดับที่สี่ พริกชี้ฟ้า เป็นพริกที่มีความเผ็ดระดับปานกลาง
อันดับที่ห้า พริกหยวก หรือพริกหวาน เป็นพริกที่ไม่มีความเผ็ดเลย มีความเผ็ดเป็น 0 หน่วย

ประโยชน์ของพริก
1. ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด และทำให้การหายใจสะดวกขึ้น สารแคปไซซินที่อยู่ในพริกมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำมูกหรือสารกีดขวางระบบทางเดินหายใจอันเนื่องจากการเป็นหวัด
2. ช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือด ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ช่วยลดความดัน ทั้งนี้เพราะสารพวกเบต้าแคโรทีน และวิตามินซีช่วยเสริมสร้างหลอดเลือดให้แข็งแรง เพิ่มการยืดตัวของผนังหลอดเลือด ทำให้ปรับตัวเข้ากับแรงดันระดับต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
3. ช่วยลดปริมาณสารคอเลสเทอรอล สารแคปไซซินช่วยป้องกันไม่ให้ตับสร้างคอเลสเทรอลชนิดไม่ดี ( LDL)
4. ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
5. ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด
6. ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและอารมณ์ที่ดี

ขอบคุณ หมอชาวบ้าน


Create Date : 01 ตุลาคม 2552
Last Update : 1 ตุลาคม 2552 7:25:50 น. 3 comments
Counter : 1100 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับสาระดีๆค่ะ


โดย: แม่น้องกะบูน วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:10:54:19 น.  

 
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ^^


โดย: peeshin วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:12:08:27 น.  

 
อยากกินบ้างอ่ะ

แต่กินเผ็ดไม่ค่อยได้

แย่จัง ถ้ากินได้คงจะดี


โดย: Kra_tai (stardift ) วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:14:38:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

tanas251235
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]






space
space
[Add tanas251235's blog to your web]
space
space
space
space
space