.
......
เสียงการละเล่นจบลง เห็นเพียงแสงเทียนในกระทงวับแวมอยู่ไกลๆ
การแสดงบนเวทีปิดฉากลงเมื่อใกล้เที่ยงคืน
อากาศยามนี้เย็นชื้น มองเห็นน้ำค้างเกาะพราวบนยอดหญ้า
สะท้อนแสงไฟวับแวม ผู้คนค่อยๆทยอยกลับ
เหลือผู้กำลังร่ำสุราคุยกันอ้อแอ้อยู่ริมสระน้ำ ใกล้ๆทางเดิน
นัยน์ตาหรี่ปรือแหงนเงยมองมายังหญิงสาว
ที่ยังสาละวนเก็บขวดเครื่องดื่มใส่กล่อง
น้องๆขอเบียร์สองกระป๋อง มิรินชะงักหยุดมอง
หมดแล้วค่ะ
ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวไปเซเว่น"
ชายทั้งสามโบกไม้โบกมือแล้วเดินจากไป
กว่าที่บรรดามดงานจะเก็บรวบรวมของที่นำไปเลี้ยงในงาน
และขนไปส่งก็เมื่อเกือบตีสอง โผเผขึ้นนอนผล็อยหลับไปในทันที
พรุ่งนี้คอยดูนะ เจ้านายตื่นขึ้นมาต้องเจ็บคออีกแน่ๆ
อดนอนทีไรเป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า
เสียงกระซิบกระซาบดังแผ่วๆ
ไม่เจ็บละม้าง เห็นเมื่อตอนหัวค่ำ กินแต่ส้ม
แล้วก็จิบน้ำเปล่าๆผสมมะนาวเข้าไปอีก
ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วางใจอยู่ดี
กลัวจะกรอกยาแก้อักเสบเข้าไป ทำให้เชื้อจุลินทรีย์ดีๆ
ต้องตายไปด้วย หายป่วยแต่ละครั้ง ทำฉันท้องผูกอยู่เรื่อย
เสียงบ่นพึมพำยังไม่ทันจาง มีเสียงเล็กๆแทรกเข้ามา
งานบางงานไม่ปล่อยวางให้คนอื่นทำบ้าง
จะทรมานสังขารทำไมก็ไม่รู้
ใช่ๆๆๆเสียงเห็นด้วยประสานกันระงม
มิรินพลิกตัวเมื่อใกล้สว่าง รู้สึกร้อนผ่าวในลำคอ
หยิบน้ำที่โต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดื่มเดินโผเผไปเข้าห้องน้ำ
ดูสิร้อนฉ่าสีเหมือนน้ำชาแก่ๆข้างในคงจะร้อนระอุ
พรุ่งนี้ปากทั้งปากคงเปื่อยเป็นแผลแน่ๆ
ปาก เหงือก ลิ้นและกระพุ้งแก้ม ทำสีหน้าสยดสยอง
เจ้านายครับๆๆมองดูในโถหน่อยนะครับ
แล้วอย่าลืมดื่มน้ำเข้าไปอีกนะครับ
เสียงร่ำร้องดังระงม มิรินกำลังสะลึมสะลือ
เพราะความง่วงเข้าเกาะกุมจิตใจ
ทิ้งตัวลงบนเตียง แต่ทนเสียงที่อยู่ภายในไม่ไหว
ฉวยขวดน้ำที่เหลืออีกครึ่งมาดื่มเข้าไปรวดเดียวหมด
เกือบสว่างพิษร้อนที่อยู่ภายในค่อยๆลดลง เธอเข้าห้องน้ำอีกครั้ง
ใสแจ๋วเลย และไม่ร้อนด้วย
เสียงนั้นยังดังก้องอยู่ในหัว
เมื่อคืนดึกซะขนาดนั้น กลับไปนอนต่ออีกหน่อยก็ได้
วันนี้ไปทำงานสายๆคงไม่มีใครว่าอะไร
เสียงจากภายในร่ำร้องอีกครั้ง
มิรินกลับไปนอน แต่ไม่อาจข่มตาให้หลับได้
คงเป็นเพราะถึงเวลาตื่นแล้วกระมังมองนาฬิกาที่หัวเตียง
เป็นเวลาตีห้าพอดี แว่วเสียงนกกาเหว่า เสียงไก่ขัน
เสียงแมลงกรีดปีกสนั่นอยู่ในดงหญ้า
แสงทองตรงขอบฟ้าสีจางๆความง่วงงุนกลับมาอีกครั้ง
เสียงนกเล็กๆแว่วมาไกลๆในภวังค์
..................
..........
อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณผึ้งน้อย
เสียงเล็กๆดังทักทาย ผึ้งน้อยเกาะนิ่งๆ
ขยับปีกที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำค้างเบาๆเป็นการทักทาย
ยุ่งอยู่เหรอคะ"
.............
.....................................
ผึ้งมุดหายเข้าไปในดอกไม้ มิรอให้นกน้อยถามต่อ
แล้วคุณไส้เดือนจะไปไหนคะ
เสียงเล็กๆช่างสงสัยนั่นดังอยู่ตรงกอไม้ใกล้ๆหันไปสนใจไส้เดือนแทน
ไส้เดือนดินคลานกระดืบๆดิ้นกระแด่วๆตอบเสียงแผ่วๆว่า
ฉันกำลังเดินหาบ้านใหม่อยู่จ้านกน้อย
บ้านที่ฉันเคยอยู่เริ่มแห้งดินมันแข็งเกินไป
วันนี้ไม่รู้ว่าจะรอดจากมดไปได้หรือเปล่า กระดืบกระดืบ
นกน้อยอดนึกสงสัยไม่ได้
แล้วดินทำไมแข็งล่ะคะคุณลุงไส้เดือน
แล้วคุณลุงกับคุณผึ้งทำงานอะไรกันบ้างล่ะจ้ะ
ไส้เดือนนึกสงสารในความไร้เดียงสาของผู้เกิดใหม่
.
"ลุงกับแมลงและจุลินทรีต่างๆ ทำหน้าที่เป็นผู้เก็บกวาด
และพรวนดินให้กับต้นไม้ ดินร่วนซุยและอุดมสมบูรณ์ดี
ต้นไม้เจริญงอกงามออกดอกสวยงาม คุณผึ้งกับคุณผีเสื้้อ
จะเป็นผู้ช่วยผสมเกสร ต้นไม้ก็จะออกผลไงจ๊ะ
ลุงและเพื่อนๆจะได้อะไรเป็นการตอบแทนล่ะจ๊ะ
นกน้อยเอียงคอไปมา
คุณผีเสื้อและคุณผึ้งจะได้น้ำหวานเป็นการตอบแทน
ส่วนลุงรอเก็บกินผลไม้และใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาไงล่ะ
ไส้เดือนตอบให้ด้วยความเอ็นดู
แล้วพวกเราเหล่านกทั้งหลาย กินแมลงและผลไม้ไปวันๆ
ได้ทำประโยชน์อะไรให้โลกหรือเปล่าคะคุณลุงไส้เดือน
ไส้เดือนยิ้มละไมในความสงสัยใคร่รู้
นกอย่างพวกหนูมีประโยชน์ต่อพื้นแผ่นดินโลกมาก
ทุกครั้งที่จิกกินก็จะทำให้ผลไม้บางส่วนหล่นลงมาข้างล่าง
เป็นอาหารให้พวกที่ปีนต้นไม่ไม่เป็น ที่เหลือก็งอกเป็นต้นเล็กๆ
และสิ่งที่กินเข้าไปเมื่อถ่ายออกมาเท่ากับว่า
เป็นผู้นำเมล็ดพืชต่างๆไปหว่านไว้จนทั่วผืนป่า
เพื่อขยายพันธุ์ต่อไปไงล่ะ
แม่นกบินมาเกาะพร้อมหนอนตัวใหญ่
พ่อนกบินมาเกาะใกล้ๆพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า
และเสียงร้องของพวกเราช่วยขับกล่อมให้ผู้ที่ได้ยินมีความสุขไงจ๊ะ
ไส้เดือนกล่าวอำลาก่อนที่จะกระดืบๆมุดหายเข้าไปในกองดิน
แม่นกหย่อนหนอนตัวเขื่องให้ลูกๆ
แม่จ๋าๆลุงไส้เดือนเล่าว่าดินกำลังแห้งและแข็ง เพราะอะไรจ๊ะ
เพราะอากาศหนาวกำลังจะมาเยือน ลมพัดเอาความแห้งแล้งมาด้วย
ดินที่เคยชุ่มชื้นก็แห้งผากไส้เดือนจึงอพยพหาที่อยู่ใหม่
บ้างก็ล้มตาย เพราะที่อยู่ใหม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆเหมือนเมื่อครั้งเก่าก่อน
ใบไม้ที่เคยปกคลุมอยู่ตรงโคนต้นไม้ ถูกแผ้วถางเอาไปเผาจนสิ้น
หญ้าที่เคยช่วยดูดซับเก็บความชุ่มชื้น
เจอยาฆ่าหญ้าและยาฆ่าแมลง พากันแห้งตายไปจนหมด
แมลงและไส้เดือนที่อาศัยอยู่ในดินพากันล้มตาย
ต้นไม้เมื่อไม่มีแมลงก็ไม่มีผู้ผสมเกสร
ดินไม่มีคนพรวนก็แห้งแข็งกระด้าง
ไม่สามารถดูซับน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้ สุดท้ายน้ำก็ท่วม
และเทบ่าลงทะเลไป ทิ้งไว้แต่ความแห้งแล้ง"
นกน้อยมองหน้าแม่นิ่งอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะยิงคำถามต่อไป
แล้วที่แม่หาแมลงมาให้พวกเรากิน
จะไม่เป็นการทำลายธรรมชาติหรือจ้ะ
แม่ส่งยิ้มเอ็นดูในความสงสัยใคร่รู้ของลูกๆ
เราเป็นผู้ควบคุมจำนวนแมลงต่างหากล่ะจ้ะ
ไม่ให้มีจำนวนมากจนเกินไป
หากมนุษย์พ่นยาฆ่าหญ้าหรือยาฆ่าแมลง
แมลงตายหมด ทำให้เราขาดแคลนอาหาร
แมลงที่เป็นมิตรกับต้นพืช คอยช่วยผสมเกสรต้องตายไปด้วย
เท่ากับคนกำลังฆ่าตัวเองทางอ้อม ใจร้ายเห็นแก่ตัวไม่ยอมแบ่งปัน
ทั้งๆที่พวกเราในแต่ละวันกินเพื่อประทังชีวิตเท่านั้น
ไม่ได้สะสมมากมาย
เหมือนอย่างพวกเขาสักหน่อย
ในที่สุดก็รับผลจากการกระทำนั้น คือกินสารพิษที่ตกค้างนั้นเสียเอง
...
....
เสียงนกส่งเสียงคุยกัน เล็ดลอดเข้ามาถึงห้องนอน
มิรินสะดุ้งตกใจตื่นอีกครั้ง
ผวาลงจากเตียงก็เมื่อสาย ที่แท้เธอเผลอหลับไป
และฝันมากมายเพราะพิษไข้นี่เอง
โอ
นี่คงเป็นปฏิบัติการลับของธรรมชาติสินะ
บนพื้นแผ่นดินโลก
หรือแม้กระทั่งในร่างกายของเรา ไม่ได้แตกต่างกันเลย
บัดนี้อาการไข้หายเป็นปลิดทิ้ง
เธอตื่นขึ้นมาพร้อมต้อนรับวันใหม่ด้วยความสดใส
หัวใจเต้นแผ่วๆดังตุบๆที่อกข้างซ้าย
"ขอบคุณค่ะเจ้านาย ไอเลิฟยู จุ๊ฟ จุ๊ฟ"
แอมอร
ท้ายเรื่อง วันนี้วันดีที่เหล่าตะพาบมาเดินร่วมกันอีกวัน
ตามอ่านงานเหล่าตะพาบด้านล่าง
แล้วเจอกันค่ำๆนะคะ
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=crazylazykoodchi
ปฏิบัติการลับที่พี่แอมเขียน
ทำให้ได้รู้จักหน้าที่สัตว์ตัวเล็กๆอีกเยอะเลยครับ