|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ถนนสายนี้.....มีตะพาบ : ประโยคคลิกโดนใจในหนังสือ
โจทย์โดย : คุณก๋า ท่าหนองมะเดื่อ
โจทย์มีดังนี้
"10 คำคมที่คุณจดจำจากหนังสือเล่มโปรด"
ให้เลือกประโยค บทกวีหรือถ้อยคำที่ชอบจากหนังสือเล่มไหนก็ได้ที่คุณชอบ สัก 10 ประโยค (มากหรือน้อยกว่า 10 ประโยคก็ได้ครับ)
โดยจะเขียนความรู้สึกส่วนตัวหรือความคิดเห็นอะไรลงไปก็ได้
:: ยามบ่ายในวันที่ร้อนอบ มลุรินนักศึกษาสาวนั่งจิบน้ำมะนาว รอนักเขียนขวัญใจของเธออยู่ตรงระเบียง เสียงนกเล็กๆที่เกาะอยู่ที่กิ่งศรีตรัง ทำให้เธอเพลิดเพลิน จนไม่ได้ยินเสียงเจ้าของบ้านที่มายืนอยู่ใกล้ๆ
รอพี่นานไหมริน มลุรินยกมือไหว้
ไม่นานหรอกค่ะพี่ สาวเจ้าของบ้านยกมือรับไหว้ ส่งยิ้มให้
จะถามอะไรก็ตามมาในครัวเลยละกัน พี่กำลังติดพันทำกับข้าว ถ้าไม่รีบไปไหน กินด้วยกันเลยนะริน
มลุรินตามไปอย่างว่าง่าย คุยกันไป ช่วยกันไปก็สนุกดี
จะเอาเรื่องราวของนักเขียนโนเนมอย่างพี่ไปทำอะไร
หนูจะเอาไปทำงานวิจัยค่ะพี่ อยากรู้เรื่องหนังสือ ที่นักเขียนส่วนใหญ่เขาอ่านมีอะไรกันบ้าง
ทำไมไม่ไปสัมภาษณ์คนอื่น
ไปมาแล้ว เหลืออีกสามคน เห็นว่าพี่แอมก็เป็นนักเขียน แล้วเราก็สนิทกันด้วยไง แถมบ้านก็อยู่ใกล้ๆทำไมต้องไปหาคนอื่น
อ๋อ ที่แท้เพราะว่าอยู่ใกล้ๆนี่เอง คิดว่าประทับใจงานเขียนเราซะอีก
แหมทำน้อยใจ ประทับใจก็ด้วย
ประทับใจก็ประทับใจ ยังไงที่บอกว่าหนังสืออะไร พี่ไม่เข้าใจ
คืออย่างนี้นะพี่แอม รินต้องการชื่อหนังสือที่พี่อ่าน ข้อความหรือประโยคที่พี่ประทับใจ และสิ่งที่ได้จากหนังสือสร้างแรงบันดาลใจอะไรให้พี่บ้าง เอาแบบละเอียดๆ
เยอะแค่ไหนล่ะริน
แล้วแต่พี่ เยอะๆก็ดีค่ะ สาวเจ้าของบ้านหัวเราะชอบใจ มลุรินทำหน้างงๆ
ทำไมเหรอพี่
รินเอ๊ย จะถามอะไรไม่ถาม ถามเรื่องหนังสือ พี่อ่านแบบสะเปะสะปะ กระทั่งชื่อหนังสือยังจำไม่ได้เลย
อ้าว
ที่พอจะจำได้ก็เป็นแบบคร่าวๆไม่ได้จำมาแบบเป๊ะๆ เพราะหนังสือส่วนใหญ่พี่เข้าไปอ่านในร้านหนังสือ หรือไม่ก็ยืมจากห้องสมุด
ทำไมยังงั้นคะพี่
ก็คนมันไม่มีสตางค์นี่หว่า พอมีเงินกับเขาบ้าง บางเล่มก็สาบสูญเลิกพิมพ์ไปแล้วและบางเล่มก็เจอยืมแบบไม่คืน พี่ก็ขี้เกียจทวง คิดซะว่าให้หนังสือเป็นทาน แต่ก็ยังอ่านแบบเปิดดูสารบัญ ชอบหน้าไหนก็เจาะๆอ่าน ไม่ได้เน้นว่าต้องเริ่มจากหน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย
แล้วไม่มีแบบจดคำคม อะไรๆใส่ไว้ในสมุดบันทึกบ้างเหรอพี่ ไม่มี ไม่เคย อ่านก็อ่านไปเลยไม่เคยจด
ว๊า แล้วเป็นนักเขียนได้ไงล่ะเนี่ย รินเห็นนักเขียนเขาชอบจดคำโดนๆ เอาไปใช้ในงานเขียนกันทั้งนั้น
พี่ก็จดไว้ตรงนี้ไง พอจะใช้มันก็ไหลออกมา สาวใหญ่จิ้มนิ้วชี้ไปที่หัวของเธอ
นั่นเขาเรียกว่าจำแล้วพี่
ใช่
พี่ชอบอ่านแนวไหน นิยายชอบหรือเปล่า
ชอบมาก เคยอ่านแบบข้ามวันข้ามคืน ไม่จบไม่เลิก แต่ตอนนี้ไม่ได้อ่านแล้ว
พี่ไม่ได้อ่านมานานแค่ไหน
เกินยี่สิบปี อ่านเพลินจมเข้าไปในหนังสือ ไม่เป็นอันทำอะไร เพลินจนลืมทำในเรื่องสำคัญๆในชีวิต แบบลืมวันลืมคืน ขาดสติมากเลยในตอนนั้น เพลินจนเกือบทำไฟไหม้บ้าน ตั้งแต่นั้นก็ไม่กล้าหยิบมาอ่านอีกเลย
แล้วแรงบันดาลใจในการเขียนพี่เอามาจากไหน
ไม่รู้สิ ตื่นมาตอนเช้าๆบางทีเรื่องราวก็ไหลออกมาเอง
พี่แอมเอาอย่างนี้นะ นึกว่าช่วยน้องรินสักครั้ง รองนึกๆดูสักประโยคสองประโยคที่พอจะนึกออก
เดี๋ยวรอกินข้าวกลางวันเสร็จ น่าจะนึกออก ตอนนี้หิวสมองมันชักตื้อๆ"
และแล้วสองสาวก็ช่วยกันทำกับข้าว ยกไปนั่งกินกลางวันที่ริมระเบียง อิ่มแล้วมาคุยกันต่อ
เล่มนี้ของคุณปูปรุง ซื้อตอนไปเดินที่เดอะมอลล์ระหว่างรอเพื่อนๆ พี่ แวะเข้าไปร้านนายอินทร์ เห็นคำโปรยที่ปก ชอบประโยคนี้มาก ตัดสินใจซื้อเลย พิมพ์ครั้งที่เท่าไหร่ ไม่สนใจ แบบไม่ต้องดูว่าใครเขียน คว้ามาได้ก็จ่ายสตางค์ หาที่นั่งอ่าน รวดเดียวจบ
บางที ปลายทางก็ไม่สำคัญมากไปกว่าสิ่งที่อยู่ระหว่างทาง และความสุขในปัจจุบันก็เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ โดยไม่ต้องรอคอยความสุขของอนาคต
..
"คำที่โปรยอยู่บนหน้าปกหนังสือ ทำให้พี่เปลี่ยนความคิดในเรื่องบางเรื่อง พี่ออกจะบ้างานชีวิตมีแต่ความเร่งรีบลืมไปว่าชีวิต ต้องมีการผ่อนคลายบ้างและการอยู่กับธรรมะ ก็คือทุกวันที่เราใช้ชีวิตอยู่นั่นเอง
ตอนนั้นพี่จริงจังและซีเรียสกับงานและการก่อร่างสร้างตัว คิดว่าหากมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม จึงค่อยมีเวลาสำหรับความสุขสงบ คล้ายบอกว่าต้องรอให้แก่ก่อนค่อยปฎิบัติธรรม
พี่ไม่เคยแม้แต่จะพักและไม่รู้จักคำว่าวางหรือว่าง และไม่เคยให้รางวัลเล็กๆน้อยๆสำหรับตัวเอง ก่อนหน้าที่พี่จะเจอหนังสือเล่มนี้ พี่เคยเขียนไดอารี่
และมีหลายสิ่งหลายอย่างในหนังสือเล่มนี้ ที่อ่านแล้วอึ้ง มีความคล้ายคลึงกับไดอารี่และข้อเขียนที่พี่เคยเขียนไว้ มันโดนใจสุดๆ เรื่องกระปุกออมฝัน นั่น พี่เคยเขียนมาก่อนหน้า เป็นความบังเอิญที่แปลกในความรู้สึกของพี่
มีอีกไหมคะที่จำได้
เล่มนี้ซื้อมาใกล้ๆกับเล่มของคุณปูปรุง หลานสาวยกให้ แต่ให้น้องที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลไปอีกที และไปหาซื้อมาใหม่ในวันเกิด ไปเจออยู่ในชั้นหนังสือที่แพร่พิทยา อ่านบ่อยๆทุกครั้งที่ว่าง เป็นหนังสือแปล ของ Joseph Murphy แปลโดยคุณทศยุทธ ชื่อ พลังจิตใต้สำนึก
เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องพลังจิตใต้สำนึก และการเทียบเคียงความเชื่อของศาสนาคริสต์ การเปลี่ยนทัศนคติแบบง่ายๆด้วยความเชื่อ แรกที่อ่าน เกี่ยวกับความแก่ ทำให้มีแง่คิดใหม่ๆเกี่ยวกับอายุที่เปลี่ยนไป
เมื่อตอนอายุสามสิบเศษ ชีวิตเริ่มอิ่มเต็ม รู้สึกพอต่อทุกสิ่ง เริ่มนับถอยหลัง เพราะรสชาติของชีวิตทุกอย่างเราสัมผัสลิ้มลองไปจนหมดสิ้น และรู้ว่ามันไม่มีอะไรที่น่าพึงพอใจอย่างแท้จริง และไม่มีสิ่งใด จีรังยั่งยืน ชีวิตช่วงหนึ่งจึงคล้ายๆใบไม้เริ่มเป็นสีน้ำตาลจางๆ รอวันจะหลุดร่วงออกจากก้าน ชีวิตมันแห้งผาก ไม่มีอะไรที่ต้องการในทางโลกอีกต่อไป ซังกะตายไปวันๆรู้เลยว่าเบื่อ แต่ละวันผ่านไปช้ามาก รู้ตัวเลยว่าเหมือนไฟใกล้จะมอด
ในหนังสือเขากล่าวถึงศัลยแพทย์ผู้มีชื่อเสียง ดร.ไมเคิล ดีเบเคย์ ได้พัฒนาเครื่องปั๊มโลหิตขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1932 เครื่องปั๊มของเขายังคงใช้การได้ ยอดเยี่ยมสำหรับการผ่าตัดทำบายพาสหัวใจ ในปัจจุบันตอนที่อายุ 90นั้น ดร.ดีเบเคย์ ได้รับอนุมัติให้เริ่มคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ นั่นคือปั๊มขนาดจิ๋วที่สามารถฝังลงไปในหน้าอก ของผู้ที่มีอาการของโรคหัวใจขั้นรุนแรง
ดร.ดีเบเคย์ ไม่เพียงกระตือรือร้นกับงานวิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นศัลยแพทย์ที่มีตารางผ่าตัดยาวเหยียด เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเขากล่าวว่า
สิ่งที่คุณหมอทำทั้งหมดนั้น ต้องใช้คน 5-6คน ทำไปตลอดชีวิตทีเดียว
ดร.ดีเบเคย์ สรุปปรัชญาชีวิต เมื่ออายุ 90 ไว้ดังนี้
"ตราบเท่าที่คุณยังมีการท้าทาย และจิตใจร่างกายยังมีความสามารถ ชีวิตก็ยังมีความเบิกบานและชุ่มชื่น
มาคุส พอร์คิอุส คาโด นักชาตินิยมชาวโรมัน เรียนภาษากรีกตอนอายุ 80 ปี
สำหรับบทกวีของ ชีออส ชิโมไนด์ส ชนะรางวัลในช่วงวัย 80 ปี
โยฮัน วอน เกอเต้ เขียนนวนิยายชื่อดัง เฟาช์ท จบเอาเมื่อตอนอายุปาเข้าไป 92 เท่ากับตอนที่ ลีโอโพลด์ วอนแรงค์ จบเรื่องประวัติศาสตร์โลก
มาดาม เอิร์นสไตน์ ชูมาน ไฮค์ นักร้องเสียง คอนทรัลโต เชื้อสายอเมริกัน เยอรมัน ผู้มีชื่อเสียงนั้น มาถึงจุดแห่งความสำเร็จทางด้านดนตรี หลังจากที่อยู่ในฐานะคุณยายแล้ว
โสเครติส นักปราชญ์ชาวกรีก เรียนรู้การเล่นเครื่องดนตรี ตอนอายุ 80 ปี
ไมเคิล เองเจโล เขียนภาพสีน้ำมัน ที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ตอนอายุ 80 ปีเช่นกัน
อายุมากมิใช่จำนวนปีที่เพิ่มพูนขึ้น หากเป็นอรุณรุ่งแห่งเชาว์ปัญญาในจิตใจมนุษย์
ตอนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ ยังไม่ได้เข้ามาทำความรู้จักกับบล็อกแกงค์ พอเข้ามาจึงพบว่ามีผู้ใหญ่หลายๆท่านในนี้ คืออรุณรุ่งแห่งปัญญา อายุคือสมบัติอันล้ำค่าจริงๆ
ต่อจากนั้น พี่ทำยังไงกับตัวเองคะ
พี่เริ่มสนใจเข้าไปศึกษาในสิ่งที่อยากเรียน ที่เมื่อตอนเป็นเด็กไม่มีโอกาส เพื่อให้จิตใจสดชื่น ตื่นตัว และเปี่ยมไปด้วยความเบิกบาน ก็ด้วยแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือเล่มนี้ อย่างน้อย สิ่งที่พี่ได้ทำ อาจก่อเกิดประโยชน์ต่อตัวเอง และผู้อื่นบ้าง ก็ยังดีกว่าหายใจทิ้งไปวันๆ และปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า
แล้วตอนนี้พี่อ่านอะไรเป็นประจำคะ
เรื่องราวในบล็อกของเพื่อนๆซะเป็นส่วนใหญ่ และหนังสือเกี่ยวกับตำรับตำรายาไทย แต่ก็ยังซื้อหนังสือ ของเพื่อนๆนักเขียน เอาไว้ให้เป็นของขวัญคนที่สนิทๆกันในวันพิเศษค่ะ
หมื่นตาธรรมะของพี่ก๋าพี่ได้ซื้อไหมคะ
จะพลาดได้ไงคะน้องริน
แล้วมีประโยคโดนๆบ้างไหมคะพี่ในหนังสือเล่มนี้
ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่พี่รู้อยู่บ้างแล้ว แต่ที่พี่ชอบเพราะเป็นการ์ตูน ที่อ่านแล้วสามารถเข้าใจธรรมะได้ง่ายๆไม่จำกัดเพศและวัย
แต่ที่พี่ได้แง่คิดต่อชีวิตและทำให้พี่เข้าใจชีวิตมากขึ้น ไม่ใช่จากหนังสือ แต่เป็นประโยคที่ได้โต้ตอบกับเจ้าของหนังสือ โดยผ่านทางบล็อกแกงค์
ข้อความนั้นมีอยู่ว่า
.
ข้อสอบ"
ในความหมายของผมคือ การเกิด-ตายในวัฏฏะสงสารครับ ข้อสอบในชีวิตคนเรามีเรื่องเดียวคือ ความทุกข์ เมื่อไหร่ที่เราเข้าใจทุกข์เราก็เข้าใจชีวิต เมื่อไหร่ที่เราเข้าใจชีวิตเราก็ไม่มีทางทุกข์อีกต่อไป เมื่อไม่ทุกข์ก็ไม่มีคำตอบที่ต้องตอบ เมื่อไม่มีคำตอบก็ไม่มีคำถามครับพี่แอม
นี่หรือคะ ข้อความที่ทำให้พี่จบคำถามทั้งหมดของชีวิต
ค่ะ เพราะข้อความนี้ข้อความเดียว ที่ทำให้พี่ได้คำตอบทั้งหมด เพราะฉะนั้น หนังสืออีกกี่พันเล่มก็คงไม่ได้ทำให้พี่ค้นพบอะไร ไปมากกว่าประโยคเด็ด ประโยคเดียวนี้ได้
งั้นแสดงว่าพี่ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือแล้วสิคะ
อ่านค่ะยังอยากที่จะอ่าน แต่ความมุ่งหมายเปลี่ยนไป อ่านเพื่อผ่อนคลาย เพื่อหาความรู้ในแขนงต่างๆ และใช้เวลาในแต่ละวัน อย่างสร้างสรรค์ แต่ไม่ได้อ่านเพื่อจะค้นหาความหมายของชีวิตอีกแล้ว
แปลว่าพี่เข้าใจชีวิตแล้วสิคะ
จะว่าอย่างนั้นก็คงได้ เพราะไม่มีอะไรใหม่ ภายใต้พระอาทิตย์ดวงนี้เลย เพียงแต่มันรอเวลาโดยที่ไม่ต้องค้นหา
หนังสือบางเล่มอ่านมาตั้งนาน ไม่เคยที่จะเข้าใจ หลังจากคุยกับคุณก๋าวันนั้น หยิบขึ้นมาอ่านใหม่ ทำให้เข้าใจได้จนน่าแปลกใจ
เช่นข้อความนี้ ขณะนั้นก็อ่านไปงั้นๆดูคมดี มาตอนนี้ จึงเข้าใจว่าผู้เขียนต้องการสื่อ สภาวะที่อยู่กับปัจจุบันขณะ เช่นคนดื่มชา
ลองยกมาสักประโยคได้ไหมคะ
"ชีวิตก็คล้ายการดื่มชา ในขณะที่กำลังลิ้มรสชา ตัวเราและรสของชา ได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน เราไม่ได้แยกออกจากชา
ชาคือเรา เราก็คือชา
ไม่มีผู้ดื่มชา ไม่มีชาที่ถูกดื่ม
เพราะไม่มีการแบ่งแยกระหว่างผู้ลิ้ม ในเหตุการณ์ที่แท้ และเมื่อใครต้องการแยกผู้ดื่มกับสิ่งที่ถูกดื่มออกจากกัน ประสบการณ์นั้นก็มิได้คงอยู่อีกต่อไป
ประโยคนี้ ได้จากหนังสือของท่าน ติช นัท ฮันห์ ตอนที่ซื้อมา ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าท่านมีชื่อเสียงมาก เข้ามาในบล็อกแกงค์เห็นใครๆพูดถึงกันบ่อยๆ วันหนึ่งไปค้นหนังสือเพื่อจะนำมาบริจาค ไปเจอเข้าโดยบังเอิญ หยิบมาอ่านดู นี่เราซื้อมาเก็บจนเก่า เลยนำมาลองอ่าน เมื่อไม่นานมานี้ค่ะ
ชื่อหนังสืออะไรคะพี่แอม
กุญแจเซนค่ะ
ขอบคุณพี่แอมมากๆนะคะ สำหรับบทสัมภาษณ์และอาหารกลางวัน
ยินดีทุกเมื่อค่ะน้องริน
มลุรินลากลับไปเมื่อตะวันบ่ายคล้อย สาวน้อยเจ้าของบ้าน แอบไปงีบ พักสายตา คร่อกฟี้ๆๆคร่อกฟี้ๆๆๆๆ
แอมอร
ท้ายเรื่อง ไม่อยากพลาด มาส่งงานล่าช้าไปบ้าง หากเพื่อนท่านใดสนใจจะมาเขียนด้วยกัน เชิญอ่านธรรมนูญบล็อกที่บ้านคุณเป็ดสวรรค์ได้ทุกวันค่ะ
Create Date : 04 มีนาคม 2554 |
Last Update : 4 มีนาคม 2554 17:46:35 น. |
|
50 comments
|
Counter : 1948 Pageviews. |
|
|
|
โดย: peeamp วันที่: 4 มีนาคม 2554 เวลา:13:32:49 น. |
|
|
|
โดย: ปันฝัน วันที่: 4 มีนาคม 2554 เวลา:14:46:16 น. |
|
|
|
โดย: ปันฝัน วันที่: 4 มีนาคม 2554 เวลา:14:49:27 น. |
|
|
|
โดย: aenew วันที่: 4 มีนาคม 2554 เวลา:18:45:25 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 4 มีนาคม 2554 เวลา:20:33:24 น. |
|
|
|
โดย: พธู วันที่: 4 มีนาคม 2554 เวลา:21:22:28 น. |
|
|
|
โดย: mastana วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:0:29:19 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:1:03:12 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:6:38:49 น. |
|
|
|
โดย: สีฟ้าใส วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:9:33:16 น. |
|
|
|
โดย: tifun วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:12:12:05 น. |
|
|
|
โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:12:16:48 น. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:14:21:30 น. |
|
|
|
โดย: JohnV วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:16:34:17 น. |
|
|
|
โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน.. (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:20:05:46 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:21:41:55 น. |
|
|
|
โดย: aenew วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:22:26:48 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 มีนาคม 2554 เวลา:5:54:03 น. |
|
|
|
โดย: Casino Mix Online IP: 61.47.119.152 วันที่: 6 มีนาคม 2554 เวลา:10:32:31 น. |
|
|
|
โดย: mastana วันที่: 6 มีนาคม 2554 เวลา:21:15:53 น. |
|
|
|
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 6 มีนาคม 2554 เวลา:22:20:34 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:6:31:47 น. |
|
|
|
โดย: พระจันทร์ของขวัญ (Great_opal ) วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:9:05:00 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:10:45:21 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:10:46:48 น. |
|
|
|
โดย: ชายพจน์ (ครีมโซดาซ่า ) วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:19:40:04 น. |
|
|
|
โดย: กลิ่นดอย วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:22:07:11 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:23:59:01 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:6:24:54 น. |
|
|
|
โดย: JohnV IP: 180.180.29.43 วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:15:42:55 น. |
|
|
|
โดย: nulaw.m วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:16:43:12 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:16:50:54 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:21:37:46 น. |
|
|
|
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 8 มีนาคม 2554 เวลา:22:40:39 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 มีนาคม 2554 เวลา:6:15:05 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]
|
บางที ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า
.....
สิ่งที่อยู่ระหว่างทาง
..............^^.... และความสุขในปัจจุบัน
ก็เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้
....^^.....^^......
โดยไม่ต้องรอคอย
ความสุขของอนาคต
ปูปรุง
|
|
|
|
|
|
|
|
เพราะเน็ตไม่ค่อยจะเป็นใจ
ไว้กลับบ้าน จะนำภาพหนังสือที่กล่าวถึงมาให้ชมค่ะ
แอมอร