สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง.... มีกรรมเป็นของตน.... มีกรรมเป็นผู้ให้ผล....มีกรรมเป็นแดนเกิด.... มีกรรมเป็นผู้ติดตาม.... มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย.... จักทำกรรมอันใดไว้ ....เป็นบุญหรือบาป........ จักต้องเป็นผู้ได้รับผลกรรมนั้น ๆ สืบไป

เรื่องที่ 19 เคล็ดลับสู่ความสุข

เรื่องที่ 19 เคล็ดลับสู่ความสุข



หลาน “ตาครับ ผมเรียนใกล้จะจบแล้ว ดีใจมากๆเลยครับ”

ตา “เออ ตาก็ดีใจด้วยนะ ที่หลานจะได้เป็นผู้ใหญ่รู้จักทำงาน
ไม่ต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้เสียที แต่หลานรักของตา ตาอยากฝากเคล็ดลับสู่ความสุขและความสำเร็จในการใช้ชีวิตให้หลาน หลานตั้งใจฟังตานะ”

หลาน “ครับตา”

ตา “คนเราทุกคนปราถนาความสุขกันอันเป็นเป้าหมายสูงสุดของทุกคน ถ้าหลานอยากมีความสุขและประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงต้องมี 3 พ.นะหลาน
จำไว้นะ หรือจำง่ายๆก็คือถ้าไม่รู้จักพอก็หาความสุขที่แท้จริงไม่ได้
พ.ที่หนึ่ง พากเพียรเรียนรู้ พ.ที่สอง พอดี พ.ที่สาม พ้นทุกข์ ง่ายๆแค่นี้เอง”
หลาน “ตาช่วยอธิบายหน่อยครับ”

ตา“พ.ที่หนึ่ง พากเพียรและเรียนรู้ตลอดชีวิต ความสำเร็จของชีวิตกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์นี้มาจากความเพียรทั้งนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีเงินทองโดยไม่ต้องทำอะไร เพราะคงไม่มีใครจ้างเราให้ไปอยู่เฉยๆ คนที่ไม่มีความเพียรบางครั้งก็เป็นอาจกลายเป็นคนไม่มีน้ำใจเพราะไม่อยากมีภาระเพิ่ม ทำงานก็ทำแบบสุขเอาเผากิน ไม่พัฒนาฝีมือความสามารถเพราะมองที่เงินเดือนที่ได้รับมากกว่า เมื่อช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็พลอยช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้ ถึงมีชีวิตคู่ คนที่อยู่ด้วยก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย

อีกข้อก็คือการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพราะชีวิตคือการศึกษาและพัฒนาความรู้ความสามารถ ความรู้ที่เจ้าเรียนจบนี้ก็เป็นเพียงวิชาที่จะใช้ทำงานเลี้ยงชีพ
เท่านั้น แต่เรายังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้เรื่องอีกมากมายตลอดชีวิต เพราะโลกนี้มีแต่ความเปลี่ยนแปลง ความรู้ก็ไม่ได้อยู่เฉพาะในห้องเรียน แต่อยู่ในชีวิตประจำวัน ในหน้าที่การงาน ในสังคมรอบข้างอีกด้วย เพียงแต่เราเปิดใจให้กว้างไม่เป็นคนแบบที่เขาว่าเป็นชาล้นถ้วย ยิ่งรู้มากเท่าใดโลกก็จะเปิดกว้างกับเรามากเท่านั้น จงทำงานทุกๆงานด้วยความรักและใส่ใจในทุกๆงานที่ทำ เมื่อตัวของเรามีความรู้ความสามารถหลายๆด้าน แล้ว ตัวเรานี่แหละจะสามารถเลือกทำงานที่เรารักและเหมาะกับตัวเรามากที่สุดในภายหลัง จำไว้ว่าอย่าผลักชีวิตเข้าไปในมุมที่แคบที่สุดหรือทางตันเพราะคำว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่จงเรียนรู้และพัฒนาดัวเองในทุกๆงาน เหมือนเดินออกจากมุมมืดหรือทางตันเปิดสู่โลกกว้าง แล้วเราค่อยวางตัวเองลงไปในจุดที่เราสามารถทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์และเหมาะสมที่สุดต่อตนเองสังคมและประเทศชาติในที่สุด แล้วเราก็จะมีความสุขกับการที่เราได้ทำงานที่เรารักทุกๆวัน หลานฟังตาพูดแล้วอาจขัดๆกับที่เขาสอนกันนะ แต่จากประสบการณ์ตาว่าทำแบบนี้ทำให้เราได้รู้กว้างขวาง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าชอบหรือไม่ถ้าเราไม่ได้ลองทำดู แค่เห็นๆแค่คิดๆเอาเอง ไม่เคยลงมือทำหรือสัมผัสด้วยตัวเองไม่พอหรอก”

หลาน “ผมว่าที่ตาพูดน่าจะถูกกว่านะครับ แล้วข้อต่อไปล่ะครับ”

ตา “พ.ที่สอง พอดี คำว่าพอดีนี้เข้าใจยากที่สุด เป็นศาสตร์และศิลป์แห่งการใช้ชีวิตชั้นสูงทีเดียว ทำอย่างไรจึงจะพอดีระหว่างการกินกับการออกกำลังกาย การทำงานกับการพักผ่อน ยามร่างกายแข็งแรง
หรือเจ็บป่วย หรือแม้ในยามร่างกายแก่ชราลงตามวัย เราต้องหาจุดสมดุลให้ได้ทุกๆวัน เพื่อให้ร่างกายอันเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของเรา แข็งแรงและสมดุล ตลอดชีวิต เพื่อให้ห่างไกลจากโรคต่างๆมากที่สุด

ชีวิตนี้มีความต้องการเป็นลำดับขึ้นไป 5 ขั้น ตามที่มาสโลว์กล่าวไว้คือ ข้อหนึ่งต้องการปัจจัยสี่เพื่อความอยู่รอด ข้อสองต้องการความปลอดภัยในชีวิต ขัอสามต้องการมีความรักและความเป็นเจ้าของ ข้อสี่ต้องการยอมรับนับถือย่อง และข้อห้าต้องการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงอันเป็นจุดสุดท้ายที่เป็นเป้าหมายของมนุษย์หรือการเข้าถึงความสุขที่แท้จริงนั่นเอง

ลำดับทั้งห้าบอกเราว่าจุดที่เรียกว่า พอดี ในความรู้สึกของเราไม่ใช่จุดที่อยู่นิ่ง แต่เป็นจุดที่เปลี่ยนไปตามลำดับขั้นของชีวิต เมื่อได้ขั้นหนึ่งจึงพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง จุดที่เรียกว่า พอดี อยู่ในใจของเราเมื่อเรารู้สึกว่าสมเหตุสมผลถูกธรรมนองคลองธรรมในการได้มา ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต รู้จักหักห้ามใจไม่พอใจหรือเสียใจกับสิ่งที่สูญเสียไป เพราไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ยศศักดิ์ นินทา หรือ สรรเสริญล้วนมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคนๆหนึ่งตลอดเวลา การติดยึดไม่ปล่อยวางนำมาซึ่งความทุกข์ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่จะมาดึงดูดชีวิตเราให้ไกลจากความพอดี ความพอดีนี้เสมือนการได้รู้และปล่อยวางมากกว่า เพื่อที่เราจะได้พัฒนาจิตใจของเราให้ไปถึงขั้นที่สูงๆขึ้นไป” ตานิ่งหยุดพักเหนื่อยครู่ใหญ่

หลาน “แล้วข้อสุดท้ายหล่ะ ผมอยากฟังแล้วครับ”

ตายิ้มพร้อมพูดต่อ“ พ.ที่สาม พ้นทุกข์หรือเรียกอีกอย่างว่ามีความสุขโดยไม่ต้องพึ่งปัจจัยภายนอกนั่นเอง ไม่ว่าเราจะผ่านระดับความต้องการมาได้กี่ขั้นจะมีฐานะร่ำรวยหรือยากจน จะมีเกียรติหรือไร้เกียรติแค่ไหนก็ตาม เราสามารถมาถึงขั้นที่ห้าคือความเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงได้เลย เพราะในพุทธศาสนาของเรามีคำสอนเกี่ยวกับการศึกษากายและใจเพื่อเข้าใจตนเองอยู่อย่างครบถ้วนแต่ก็มีคนมากมายมาไม่ถึงจุดนี้ เพราะยังมีความเห็นไม่ถูกต้องกับชีวิตบ้าง ด้วยความประมาทมัวเมาบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเสียเวลาในการหาทรัพย์สินเงินทอง หาชื่อเสียง ฯลฯหรือหลงอยู่ในอบายมุขต่างๆ จนหมดเวลาในชีวิตในชาติหนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย จะมีประโยชน์อะไรถ้าเรามีเงินหลายล้ายบาทแต่ไม่มีเวลาพอที่จะหาความสงบสุขให้จิตใจ เกิดมาทั้งชาติแต่ไม่สามารถพัฒนาจิตใจให้สูงขึ้นได้เลย ยังเป็นทาสของกิเลสตัณหา ความทะยานอยาก เหมือนเดิม แล้วเมื่อไหร่จะหาความสุขที่แท้จริงได้เสียที

ฉะนั้นสิ่งที่ตาจะเน้นย้ำกับหลานก็คือ ให้ศึกษาการทำงานให้กว้างขวางที่สุดตามที่ได้เรียนมา ศึกษาและพัฒนาความรู้ให้ทันโลกและสังคมที่เปลี่ยนแปลง เรียนรู้สุขและทุกข์ที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ที่มีค่า หาจุดที่พอดีให้เจอทุกๆวัน ศึกษาธรรมะตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เพื่อความไม่ประมาท ใช้ธรรมเป็นเครื่องชี้นำชีวิตและเป็นเป้าหมายสูงสุดที่เราควรจะไปให้ถึง ไม่ว่าคนอื่นเขาจะเห็นว่าชีวิตควรเป็นอย่างไร แต่เราในฐานะชาวพุทธมีศาสดาที่รู้แจ้งถึงที่สุดและสอนเป้าหมายชีวิตและวิธีปฏิบัติไว้อย่างชัดเจนแล้ว ขอเพียงเราปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์เท่านั้น ชีวิตของเราก็จะรู้จักคำว่าพอดี มีความสงบสุขทางจิตใจ ดำรงชีวิตอันจะมีประโยชน์ต่อครอบครัว สังคมและประเทศชาติ ตามความรู้ความสามารถที่พัฒนามาดีแล้ว ทำได้อย่างนี้จึงจะได้ชื่อว่ามิได้ปล่อยเวลาอันมีค่าในชีวิตให้เสียไปโดยไร้ประโยชน์เลย”

หลาน“ครับตา ผมจะจดจำไว้ ครับ” หลานตรงเข้าไปกอดตาไว้ด้วยความรู้สึกรักและเคารพ

ที่มา จินตนาการ

อิกคิว




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2552
21 comments
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2552 15:29:19 น.
Counter : 1799 Pageviews.

 

ชอบข้อ สุดท้ายค่ะ พ. ที่สามค่ะ พี่อ๋า

อยากพ้นทุกข์ค่ะ



เย้ๆๆ ได้เจิมอีกแระ

 

โดย: ย่าชอบเล่า 30 พฤศจิกายน 2552 18:41:55 น.  

 

ขอบคุณนะครับน้องหลิน

ข้อสามนี้แหละครับ เป้าหมายของนักปฏิบัติธรรมอย่างพวกเราเลย

 

โดย: วนารักษ์ 1 ธันวาคม 2552 11:38:53 น.  

 

"ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง" คือของจริงเกิดขึ้นมาในใจเองแล้วคำพูดมาทีหลังน่ะครับ

โห คมมั๊กๆ เลยคะ พี่อ๋า อิอิ

จริงด้วยเนอะ เวลาเราคิดมันไม่เสียงนี้น้า อิอิ

ศีลเป็นสะพาน บุญและทานเป็นเสบียง นิพพาน คือเป้าหมาย

มาไปด้วยกันค่ะ

สบายดีนะค่ะพี่

 

โดย: ย่าชอบเล่า 1 ธันวาคม 2552 12:05:10 น.  

 

ขออนุญาตแถมคำว่า
พ. เพื่อน ครับ

 

โดย: sun IP: 115.67.85.198 1 ธันวาคม 2552 12:53:07 น.  

 

น้องหลินผมจำครูบาอาจารย์มาน่ะครับ อายจัง
อ้อ ใช่แล้วครับ ความจริงคือสิ่งที่ใจไปรู้เข้า
เราไม่มีคำอธิบายเพราะในขณะนั้นจิตจะหลุดจาก
ความจำ ความคิดชั่วคราว แล้วจึงเอาอธิบายทีหลัง
ด้วยภาษา

เป็นสิ่งเดียวกับที่ไอสไตน์พูดไว้ว่า เขาเห็นปรากฎการณ์
ในสมองก่อนแล้วจึงเอาสูตรคณิตศาสตร์มาอธิบาย
สิ่งนั้น เขาเรียกว่าจินตนาการ แต่ในศาสนาพุทธเรา
เรียกว่าปัญญาไงครับ

เอ ใช่คุณ sun ในเมลล์หรือเปล่า ขอบคุณที่แนะนำครับ
อยากให้มีหลายๆข้อแต่กลัวจะยาวไป ต้องแอบเอาไว้
เป็นข้อย่อยในข้อใหญ่จะได้จำง่ายๆน่ะครับั

 

โดย: วนารักษ์ 1 ธันวาคม 2552 19:10:30 น.  

 

อึมช่ายค่ะ ได้อ่านเรื่อง ไอนส์ไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห้นของ หมอสม เหมือนกันค่ะ

หมอสมบอกว่านี้ถ้าไอสนไตน แกเป็นคนพุทธและนั่งทำวิปัสสานา ด้วยละก็ รับรอง อย่าว่าแต่สูตรสะท้านโลกที่แกคิดออกเลยค่ะ

รับรอง แกคิดเครื่องทำให้คนหายไปจาก ที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ แน่เลย


พ ที่ 2ก็ทำยากนะพี่อ๋า สำหรับ หลินนะ พอดี
คือเป็นคน ไม่ค่อยพอดีค่ะ

แบบว่า ไม่ค่อยพอใจอะไรง่ายๆ พอได้แบบนี้ก็อยากจะหนีไปแบบอื่นอีก กรรม

พยายามอยู่นี้ละค่ะ เรื่อง ความพอดี และพอใจนี้ ทำยากมาก นิสัยไม่ดีค่ะ ยอมรับ

แต่ก็ยังมีข้อดีค่ะ อิอิคือรู้ว่าตัวเองไม่ดี

สู้กันต่อปายยย

ขอบคุณค่ะพี่อ๋า

ปล เพื่อนของหลิน เมื่อปีที่แล้ว โดนขโมย เพชรกับทอง เรียกว่า สินสอดที่ บรรพบุรุษให้มาค่ะ ยกไปหมดเลยค่ะ

หมดไปหลายล้านบาท กรรม เพื่อนเราจิตตกเลยค่ะ พี่อ๋า

เขาเสียดายมาก ทองตั้งแต่รุ่นคุณยาย เขาสะสมหามาให้ ตั้งแต่ทองบาทละ ไม่กี่สิบบาทคะ พี่อ๋า

ดันมาขโมยตอนทองบาทละเป็นหมื่น แถมเป็นทองโบราณอีกด้วย

ตอนนี้เพื่อนเราก็คงยังเศร้าอยู่เลยค่ะ ติดต่อไปก็เงียบเลยค่ะ


พี่อ๋า รู้ไม๊ โดนโจรขโมยทองไปนี้ก็ มี ธรรม ซ่อนอยู่นะค่ะพี่อ๋า

ท่านบอกว่า การถูกโดนขโมยสอนให้เราไม่ติดยึดในสมบัติ เพราะว่าสุดท้ายวันก็ไม่ใช่ของเรา

และสอนเราว่า สมบัติเป็นของโลก ผลัดกันชม

 

โดย: ย่าชอบเล่า 1 ธันวาคม 2552 20:14:51 น.  

 

ขอบคุณครับ คุณอิกคิว ที่กรุณาเขียนเรื่องราวดีๆให้อ่าน
และสำหรับเรื่องราวต่างๆที่ส่งไปให้อ่านครับ
สำหรับคำว่า พ.เพื่อน ก็ซ่อนอยู่ในหัวข้อใหญ่ที่คุณอิกคิว
เขียนไว้แล้วล่ะครับ
แต่ถ้ามีโอกาส น่าจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนบ้างนะครับ การคบเพื่อนอะไรประมาณนี้
เอ...หรือว่า เขียนไว้แล้ว...เดี๋ยวไปไล่อ่านดูก่อน
...เพิ่งมาเจอต้นตอ..อิ.อิ.อิ..
ขอบคุณครับ

 

โดย: sun IP: 115.67.29.96 2 ธันวาคม 2552 0:26:42 น.  

 

สวัสดีครับน้องหลิน

เล่าแล้วได้อารมณ์มากเลยครับ ดีนะครับที่รู้ข้อไม่ดีจะได้ปรับปรุงตัวได้ตรงจุด ความไม่พอดีนี่ยากจริงๆ
ใครทำได้ก็มีความสุขไปแล้วครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่ต้องเจอทุกข์จากความเปลี่ยนแปลง พัดพลาด สูญเสีย ที่จ้องดักอยู่โดยธรรมชาติของชีวิต ซึ่งต้องพึ่งศาสนาหรือเวลาทำใจถึงจะเอาอยู่

ทองที่หายไปก็เป็นสินสอดและของคุณแม่ยายที่สะสมมาตลอดชีวิตเผอิญมาฝากไว้ให้เราเก็บก็เลยหมดไปด้วยกัน
ไม่รู้ว่ามีราคาสักเท่าไหร่ ตอนแรกก็เสียดายนานๆไปก็ทำใจได้และรู้สึกดีที่ไม่มีมันให้เป็นภาระอีก มันสอนให้รู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นของเราแบบที่น้องหลินบอกจริงๆ เหลือแต่ร่องรอยในใจเล็กๆ ไปไหนมาไหนล็อกบ้านแน่นหนาทุกครั้งอย่างน้อยก็ป้องกันไม่ต้องให้ไปรื้ออะไรให้กระจุยกระจายอีก ขี้เกียจเก็บของเข้าที่ 555

คุณ sun ขอบคุณที่แนะนำเดี๋ยวต้องหาข้อมูลก่อน เรื่องนี้ก็มีบ้างในส่วนการต้องการความรัก และ การยอมรับนับถือ
แต่ไม่ได้ขยายความไว้

แต่ในการปฏิบัติธรรมนี่เพื่อนสำคัญมากๆเลยครับ ผมก็ได้เพื่อนๆนี่แหละชี้นำได้มากในการปฏิบัติธรรม

ส่วนใหญ่เรื่องพวกที่แต่งนี่ก็มีที่มาจากเพื่อนนี่แหละ เขามีปัญหาเราช่วยคิดหาคำตอบให้เขาจนแต่งเป็นเรื่องขึ้นมาเยอะแยะครับ

 

โดย: วนารักษ์ 3 ธันวาคม 2552 15:45:41 น.  

 

i got it

 

โดย: ย่าชอบเล่า 3 ธันวาคม 2552 16:05:27 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: ย่าชอบเล่า 3 ธันวาคม 2552 22:47:31 น.  

 

ขอบคุณนะครับน้องหลิน คุยไปคุยมาได้สิบกระทู้แล้ว
น้ำลายเหนียวเลยเรา ต้องหาน้ำกินสักหลายๆแก้ว ^^

หลับฝันดีครับ

 

โดย: วนารักษ์ 7 ธันวาคม 2552 16:16:27 น.  

 

หลับฝันดีค่ะ พี่อ๋า

อ้อ วันนี้เขาตอบรับให้เข้ากรรมฐานแล้วค่ะ พี่อ๋า เดือนหน้าค่ะ 27-มค ถึง 7 กพ อะค่ะ ถ้าจำไม่ผิด อิอิ

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะเอาบุญมาฝากเน้อ

 

โดย: ย่าชอบเล่า 7 ธันวาคม 2552 23:12:24 น.  

 

โมทนาในการภาวนาด้วยนะครับ

 

โดย: วนารักษ์ 9 ธันวาคม 2552 9:59:05 น.  

 

พ.พาน นี่เริ่มเป็นพญัชนะ ที่คนไทยเรารู้จักน้อยที่สุด

 

โดย: อัสติสะ 11 ธันวาคม 2552 17:22:23 น.  

 

เห็นด้วยนะครับ ถ้าเรารู้สัก พ.เราจะมีความสุขกันมากกว่านี้ครับ

 

โดย: วนารักษ์ 15 ธันวาคม 2552 18:44:13 น.  

 

สวัสดีครับ พี่ วนารักษ์
วันนี้เข้ามาทักมายเฉย ๆ
กะเข้ามาอ่าน blog ใหม่ ซะหน่อย

 

โดย: อัสติสะ 17 ธันวาคม 2552 8:26:36 น.  

 

 

โดย: ย่าชอบเล่า 19 ธันวาคม 2552 20:22:31 น.  

 

อัพเรื่องใหม่แล้วค่ะ พี่อ๋า

ปีใหม่ไปเที่ยวไหนหรือเปล่าค่ะ นี้

 

โดย: ย่าชอบเล่า 22 ธันวาคม 2552 19:15:23 น.  

 

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับผม

 

โดย: วนารักษ์ 24 ธันวาคม 2552 19:12:35 น.  

 

 

โดย: ย่าชอบเล่า 25 ธันวาคม 2552 4:16:23 น.  

 

thank you sir

 

โดย: วนารักษ์ 25 ธันวาคม 2552 15:54:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


วนารักษ์
Location :
ปราจีนบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ขอต้อนรับสู่บล็อกเล็กๆแห่งนี้มีมิตรภาพและความจริงใจให้กับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะเข้ามาทักทายกัน ^^

บทความและรูปภาพนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน พร้อมทั้งขอมอบเป็นน้ำใจกับเพื่อนๆทุกคนที่แวะเข้ามา สามารถคัดลอกนำไปเผยแพร่ได้ ยกเว้นเพื่อประโยชน์ทางการค้าซึ่งต้องขออนุญาตก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่

เพื่อนบางคนมาครั้งเดียว นานๆมาที มาไม่บ่อย มาบ่อยๆ
บางคนมาเยี่ยมทุกวันให้ชื่นใจ

บางคนเคยมาทุกวัน บางคนเคยมานานแล้ว บางคนหายไปจากบล็อก บางคนก็จะไม่แวะมาทักทายกันอีก

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะขอเก็บความรู้สึกดีๆที่มีให้กันไว้ตราบนานเท่านาน เพราะเมื่อรักกันแล้วย่อมเข้าใจกันได้ไม่ยาก

จขบ.เป็นคนซื่อๆง่ายๆจริงใจ ไม่มีเจตนาแอบแฝงในการทำบล็อก แต่บทความหรือรูปภาพก็อาจทำให้ผู้อ่านขัดใจได้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการของ จขบ.หรืออาจเป็นเพราะเราไม่เคยรู้จักดีพอ จึงกราบขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย และขอขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนด้วยความจริงใจนะครับ ^^


ฝากข้อความหลังไมค์
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
30 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add วนารักษ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.