ฐาปนา บุณยประวิตรสถาบันวิจัยการเติบโตอย่างชาญฉลาดประเทศไทยและสมาคมการผังเมืองไทย
Thapana.asia@gmial.com/ www.asiamuseum.co.th/ www.smartgrowththailand.com
ทัศนียภาพศูนย์พาณิชยกรรมผสมผสานที่อยู่อาศัยหรือศูนย์เศรษฐกิจใหม่ย่านลำลูกกาของการเคหะแห่งชาติ
ขอบคุณภาพจากการเคหะแห่งชาติ
บทนำ
บทความการออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจตอนที่ 1 แนวทางการวางแผนและปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ผู้เขียนต้องการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจทุกระดับไม่ว่าจะเป็นศูนย์เศรษฐกิจระดับย่าน ระดับเมือง และระดับภาคเนื่องจากศูนย์เศรษฐกิจดังกล่าวมีความสัมพันธ์ผูกโยงกับระบบเศรษฐกิจของท้องถิ่นและของประเทศเป็นแหล่งจ้างงานและสร้างงานให้กับประชาชนทุกระดับรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนตั้งแต่ระดับรากหญ้าจนถึงระดับสูง หากศูนย์เศรษฐกิจขาดศักยภาพ ไร้สมรรถนะในการจ้างงานไม่เติบโต หรือไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงทางเศรษฐกิจแก่ประชาชนแล้วจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศแม้รัฐบาลจะลงทุนก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือเขตพื้นที่พัฒนาใหม่ขึ้นมาอีกกี่แห่งก็ตามก็ไม่อาจกระตุ้นให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงได้
การเติบโตอย่างชาญฉลาด (Smart Growth) มองเห็นความสำคัญของศูนย์เศรษฐกิจด้วยประสบการณ์การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาและของหลายๆประเทศได้ชี้ให้เห็นว่า ทุกแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ประกาศใช้นั้นจะบังเกิดผลเชิงบวกต่อประชาชนทุกระดับรายได้และมีการกระจายผลประโยชน์ออกไปทั่วทุกภูมิภาครัฐฯจะต้องวางผังและออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจที่มีอยู่แล้วให้มีศักยภาพสูงสุดไปพร้อมกัน ซึ่งอาจใช้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับประเทศผ่านหน่วยงานจากส่วนกลาง และใช้แผนยุทธศาสตร์ระดับเมืองผ่านเทศบาลเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนนโยบายทางกายภาพและการบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาใช้ข้อตกลงร่วมเป็นเครื่องชี้ทิศธงนำให้หน่วยงานภาครัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและออกมาตรการด้านผังเมืองพร้อมมอบสิทธิประโยชน์ชักจูงให้ภาคธุรกิจเอกชนลงทุนหรือขยายการลงทุนโดยมุ่งหวังให้เกิดการสร้างงานและจ้างงานภายในพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจตามแผนการที่วางไว้
กรณีของประเทศไทย สถาบันวิจัยการเติบโตอย่างชาญฉลาดประเทศไทย (Smart Growth Thailand Research Institute) ได้ริเริ่มนำประสบการณ์พัฒนาศูนย์เศรษฐกิจจากประเทศสหรัฐฯประยุกต์ใช้ โดยเบื้องต้นได้ดำเนินการร่วมกับภาคส่วนต่างๆในจังหวัดพิษณุโลกและเทศบาลนครภูเก็ตจัดทำแนวทางการพัฒนาและร่วมกันออกแบบยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ซึ่งบทความตอนที่ 1 นี้จะได้สรุปผลประโยชน์ที่ได้รับจากการปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจการกำหนดบทบาทของศูนย์เศรษฐกิจ และแนวทางในการวางแผนพัฒนา สำหรับบทความตอนที่ 2 ตอนที่ 3 และตอนที่ 4 จะได้กล่าวถึงแนวทางในการออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูทางกายภาพการบริหารจัดการศูนย์เศรษฐกิจ และรายละเอียดกระบวนการออกแบบปรับปรุงศูนย์ส่วนตอนที่ 5 และ 6จะได้นำกรณีศึกษาการพัฒนาศูนย์เศรษฐกิจของจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดอุดรธานีและเทศบาลนครภูเก็ตเสนอต่อไป
ประโยชน์ที่ได้จากการปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจ
อาจจำแนกผลประโยชน์ของศูนย์เศรษฐกิจออกเป็น 2 ส่วนโดยส่วนแรกเป็นผลประโยชน์ด้านการพัฒนาเมืองและสภาพแวดล้อม และส่วนที่สองเป็นผลประโยชน์ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
ผลประโยชน์ด้านการพัฒนาเมืองและสภาพแวดล้อม
กฎหมายผังเมือง Form-BasedCodes และเกณฑ์ LEED-ND กล่าวไว้อย่างชัดแจ้งโดยกำหนดให้ทุกเมืองที่ได้รับการออกแบบต้องมีศูนย์เศรษฐกิจที่มีขอบเขตที่เด่นชัดสามารถจำแนกพื้นที่เมืองตาม The Transect เป็นพื้นที่ใจกลางเมือง (T6 หรือ urban core) พื้นที่พาณิชยกรรมเมือง (T5 หรือ urban commercial) และพื้นที่ที่อยู่อาศัยผสมผสานพาณิชยกรรม(T4 หรือ general urban) ได้ โดยการจำแนกเนื้อเมืองออกเป็นส่วนๆจะทำให้เกิดความสะดวกในการกำหนดบทบาทและสามารถวางแผนการพัฒนาเพื่อให้เมืองมีความพร้อมสามารถตอบสนองต่อการอยู่อาศัยการประกอบการในเชิงพาณิชย์ และการนันทนาการได้สำหรับผลประโยชน์ในด้านการพัฒนาเมืองและสภาพแวดล้อม ประกอบด้วย
· การจำแนกพื้นที่เมืองออกจากพื้นที่อนุรักษ์และสงวนรักษา ประโยชน์ที่มองเห็นได้ชัดคือการปกป้องพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ธรรมชาติจากการรุกล้ำของเมืองและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่มีภารกิจเกี่ยวกับการเกษตรและการสงวนรักษาพื้นที่ธรรมชาติการกำหนดขอบเขตพื้นที่เมืองที่เด่นชัดนี้เป็นการลดการกระจัดกระจายของเมืองที่ดีมากอีกวิธีหนึ่งซึ่งหลายๆ เมืองได้นำมาใช้
· การจำแนกบทบาทพื้นที่เมืองเพื่อความสะดวกการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ตัวอย่างเช่นในพื้นที่ใจกลางเมืองและพาณิชยกรรมเมือง รัฐฯมีความจำเป็นในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆไว้เพื่อให้บริการแก่ภาคธุรกิจการค้าและเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินที่มีความเข้มข้นในขณะที่พื้นที่อยู่อาศัยอาจไม่จำเป็นจะต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานบางชนิดที่ประชาชนไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทำให้เมืองประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุนและการดูแลรักษา
· การกำหนดนโยบายความหนาแน่นและความเข้มข้นกิจกรรมการใช้ประโยชน์ที่ดินและอาคารได้อย่างถูกต้องเหมาะสมก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรที่มีความคุ้มค่า ดังตัวอย่างการอนุญาตให้พื้นที่ใจกลางเมืองและพาณิชยกรรมเมืองสามารถก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่หรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษหรืออาคารสูงเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานซึ่งอาจกำหนดให้มีความเข้มข้นของกิจกรรมเศรษฐกิจหรือการผสมผสานกิจกรรมการใช้อาคารได้อย่างหลากหลายเอื้ออำนวยให้เกิดเครือข่ายทางธุรกิจในพื้นที่ศูนย์บริเวณเดียวกันได้
· มีความสะดวกต่อการพัฒนาพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจให้เป็นเมืองแห่งการเดิน(Walkable City) เนื่องจากพื้นที่ศูนย์ที่ได้รับการออกแบบจะมีความกระชับมีพื้นที่อาคารต่อเนื่องกัน โดยหน่วยบริการค้าปลีกการบริการและที่อยู่อาศัยจะตั้งอยู่ใกล้เคียงกันหรือมีความสามารถในการเดินถึงกันดังนั้นจึงมีโอกาสในการปรับปรุงพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจให้เป็นเมืองแห่งการเดินที่มีความสมบูรณ์ได้
· มีความคุ้มค่าในการใช้พื้นที่ใจกลางศูนย์เศรษฐกิจเป็นที่ตั้งของศูนย์กระจายการเดินทางเนื่องจากพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจมีประชากรอยู่อาศัยและมีการประกอบการเศรษฐกิจอย่างหนาแน่นจึงมีความคุ้มค่าในการลงทุนระบบขนส่งมวลชนและสถานีขนส่งมวลชนอีกทั้งพื้นที่ภายในศูนย์เศรษฐกิจจะมีกิจกรรมการใช้ที่ดินที่หลากหลายประชาชนมีความต้องการในการเดินทางตลอดเวลาของการทำงาน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของระบบขนส่งมวลชนที่จะได้รับผู้เดินทางในแต่ละช่วงเวลาและมีความสม่ำเสมอไม่เฉพาะแต่ช่วงเวลาเช้าและเย็น นอกจากนั้นประชาชนที่อยู่อาศัยและประกอบกิจการในพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจยังจะมีโอกาสเข้าถึงและใช้บริการขนส่งสาธารณะมากกว่าประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภายนอกศูนย์ทั้งในแง่ของการมีทิศทางการให้บริการขนส่งมวลชนที่หลากหลายและมีความถี่ของการให้บริการที่มากกว่าผลประโยชน์ในข้อนี้ ยังไม่รวมถึงโอกาสในการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนจากสองพื้นที่ดังที่ได้กล่าวแล้วซึ่งแน่นอนที่สุด ประชาชนที่อยู่อาศัยภายในศูนย์เศรษฐกิจจะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางมากกว่ารวมทั้งยังมีความจำเป็นในการครอบครองรถยนต์ส่วนบุคคลและมีความจำเป็นในการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลน้อยกว่าอีกด้วย
· ผลประโยชน์จากการลดการค่าใช้จ่ายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและค่าใช้จ่ายการให้บริการประชาชนหากเมืองไม่มีขอบเขตของศูนย์เศรษฐกิจผู้บริหารเมืองจะไม่สามารถทราบได้ว่าพื้นที่ใดควรลงทุนหรือไม่ควรลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะเดียวกันในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1ยูนิตสำหรับพื้นที่ศูนย์จะมีความคุ้มค่ามากกว่าการลงทุนในพื้นที่นอกศูนย์ ทั้งนี้ เนื่องจากภายในศูนย์มีประชากรอยู่อาศัยและใช้บริการโครงสร้างพื้นฐานในจำนวนที่มากกว่าต้นทุนต่อหน่วยจึงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับต้นทุนที่รัฐต้องให้บริการแก่ประชากรภายนอกศูนย์
ผลประโยชน์ด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
การลงทุนประกอบการทางธุรกิจทุกประเภทต้องการผลกำไรและการประกอบการที่ได้รับผลประโยชน์ในเชิงบวก
ซึ่งผลกำไรที่ได้จะกระจายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการจ้างงานและห่วงโซ่การผลิตและการบริการของเครือข่ายการค้าโดยจะตกกระทบถึงประชาชนในที่สุด เพื่อให้เกิดความมั่งคั่งในระบบเศรษฐกิจและเมืองมีทิศทางการลงทุนที่ถูกต้องผู้บริหารเมืองจึงมีภารกิจในการสร้างยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมกับภาคเอกชนโดยต้องใช้ทุกกลยุทธ์ในการทำความเข้าใจและแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่สำคัญคือ ต้องกระตุ้นให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาดังที่ได้ร่วมกันวางไว้ดังนั้น เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการลงทุนและเศรษฐกิจมีการขยายตัว พื้นที่เมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจได้รับมูลค่าเพิ่มจากการประกอบการธุรกิจจากการใช้ประโยชน์ที่ดินจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เมืองต้องปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจเพื่อตอบสนองต่อการประกอบการเพื่อให้ศูนย์เศรษฐกิจเป็นพื้นที่ขับเคลื่อนการพัฒนาและประชาชนได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงสำหรับผลประโยชน์ของศูนย์เศรษฐกิจต่อการพัฒนา มีดังต่อไปนี้
·
- · การกำหนดประเภทและขนาดการลงทุน รัฐสามารถกำหนดประเภทและขนาดการลงทุนการประกอบการในแต่ละพื้นที่ให้มีความสอดคล้องกับขนาดความสามารถของทรัพยากรและสามารถใช้ประเภทกิจกรรมและขนาดการลงทุนทางธุรกิจเพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนได้
- · การกำหนดทิศทางการลงทุนรัฐสามารถกำหนดทิศทางการลงทุนและทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจได้จากการวางยุทธศาสตร์ศูนย์เศรษฐกิจสามารถนำข้อมูลการลงทุนและการวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจใช้ในการวางแผนพัฒนาด้านต่างๆได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพิจารณาการใช้งบประมาณเพื่อการลงทุนและการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดิน และการเสริมสร้างความสามารถการแข่งขันให้กับภาคการประกอบการเป็นต้น
- · การสร้างความสามารถในการแข่งขัน ในการกำหนดยุทธศาสตร์ศูนย์เศรษฐกิจรัฐและเอกชนสามารถสร้างเครือข่ายและพันธมิตรทางการค้าให้มีความแข็งแกร่งได้ด้วยการสร้างระบบห่วงโซ่ด้านการผลิตและการวิจัยและพัฒนา การแบ่งปันทรัพยากรและการใช้ความเชี่ยวชาญของแต่ละกิจการให้เกิดประโยชน์ในการลดต้นทุนการผลิตและการขยายเครือข่ายการค้าการลงทุนให้ครอบคลุมทุกส่วนของตลาดหรือสามารถเป็นผู้นำในตลาดที่ได้กำหนดเป้าหมายไว้
- · การให้สิทธิประโยชน์รัฐสามารถใช้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนและการประกอบการทั้งสิทธิประโยชน์ด้านการผังเมืองสิทธิประโยชน์ด้านการเงินและการคลัง หรือสิทธิประโยชน์ทางการค้ารูปแบบต่างๆเพื่อกระตุ้นการลงทุน ขยายการลงทุน และพัฒนาการประกอบการด้วยนวัตกรรมได้ภายในพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจ
-
จะเห็นได้ว่าศูนย์เศรษฐกิจมีคุณประโยชน์อย่างมากทั้งต่อการพัฒนาเมืองและสภาพแวดล้อมและต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ จึงเป็นหน้าที่ของผู้บริหารประเทศและผู้บริหารเมืองที่ต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาศูนย์เศรษฐกิจในทุกระดับให้เกิดผลที่สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัด
การกำหนดบทบาทศูนย์เศรษฐกิจ
บทบาทหน้าที่ในปัจจุบันและบทบาทใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตของพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับการปรับปรุงฟื้นฟูเป็นศูนย์เศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยแรกที่ต้องนำมาพิจารณาเนื่องจาก บทบาทจะเป็นเครื่องชี้หน้าที่ของศูนย์ที่จะต้องปรับปรุงในอนาคต ทั้งนี้บทบาทและหน้าที่ของศูนย์เศรษฐกิจแบ่งออกเป็น
บทบาทศูนย์เศรษฐกิจระดับย่าน
ศูนย์เศรษฐกิจระดับย่านอาจมีขอบเขตหน้าที่จำกัดตามขนาดและเอกลักษณ์ของพื้นที่โดยทั่วไป ศูนย์เศรษฐกิจระดับย่านจะมีความเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจเฉพาะด้านมีกิจกรรมที่โดดเด่นอย่างใดอย่างหนึ่งแต่มีการผสมผสานกิจกรรมการใช้ประโยชน์ที่ดินที่หลากหลายและมีความสัมพันธ์ต่อกันในทางผังเมือง Smart Growth America ได้จัดแบ่งศูนย์เศรษฐกิจระดับย่านออกเป็น4 ประเภท ประกอบด้วย
- · ศูนย์เศรษฐกิจประเภทสถาบันการศึกษา ศูนย์ดังกล่าวจะมีกิจกรรมการศึกษาการวิจัยและพัฒนา การฝึกอบรมซึ่งผสมผสานกิจกรรมพาณิชยกรรมขนาดเล็กและการอยู่อาศัยเข้าด้วยกันโดยปกติศูนย์ประเภทสถาบันการศึกษามักจะมีมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่ตั้งเป็นพื้นที่ใจกลาง
- · ศูนย์เศรษฐกิจประเภทนันทนาการ ได้แก่ศูนย์เศรษฐกิจที่ทำหน้าที่บริการการท่องเที่ยว การบันเทิง และการพักผ่อนหย่อนใจที่โดดเด่นมากประกอบด้วย ศูนย์พาณิชยกรรมและนันทนาการริมน้ำ (Waterfront) ศูนย์พาณิชยกรรมและการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หรือการท่องเที่ยวทางธรรมชาติหรือศูนย์พาณิชยกรรมและการประชุมหรือแสดงสินค้าหรือกาสิโน เป็นต้น
- · ศูนย์เศรษฐกิจประเภทการผลิต ได้แก่ศูนย์อุตสาหกรรมและกิจกรรมการผลิตเฉพาะด้าน เช่น ศูนย์อุตสาหกรรมแบบคลัสเตอร์ศูนย์อุตสาหกรรมท้องถิ่นหรือหัตถกรรมชุมชน นิคมอุตสาหกรรม ศูนย์การกระจายสินค้าและเขตอุตสาหกรรมรายสาขาที่ตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐ
- · ศูนย์เศรษฐกิจประเภทหน่วยพาณิชยกรรมชานเมือง ได้แก่ศูนย์พาณิชยกรรมผสมผสานที่อยู่อาศัยที่ตั้งเกาะอยู่ตามสถานีขนส่งและชุมชนที่ตั้งบริเวณชุมทางโครงข่ายคมนาคมศูนย์เศรษฐกิจประเภทนี้จะทำหน้าที่เป็นหน่วยพาณิชยกรรมย่อยให้กับศูนย์เศรษฐกิจระดับเมือง
ทัศนียภาพเขตอุตสาหกรรมนวัตกรรมอาหารและสมุนไพรจังหวัดพิษณุโลกตามแผนยุทธศาสตร์พิษณุโลก2020 เขตเศรษฐกิจใหม่สี่แยกอินโดจีน
ขอบคุณภาพจากสถาบันวิจัยการเติบโตอย่างชาญฉลาดประเทศไทย
บทบาทศูนย์เศรษฐกิจระดับภาคและระดับเมือง
ศูนย์เศรษฐกิจระดับเมืองและระดับภาคทำหน้าที่ในการรวบรวมความเชี่ยวชาญและความโดดเด่นของศูนย์เศรษฐกิจ
ระดับย่านหลายๆ แห่งเข้าไว้ด้วยกัน อาจปรากฏบทบาทของศูนย์ใดศูนย์หนึ่งที่มีความโดดเด่นและใช้เป็นบทบาทหน้าที่หลักของเมืองก็ได้สำหรับศูนย์ระดับภาคมักจะมีบทบาทที่เด่นชัดเฉพาะด้านซึ่งคล้ายกับศูนย์เศรษฐกิจระดับย่านเพียงแต่มีขนาดของเศรษฐกิจและขอบข่ายการบริการที่กว้างขวางมากกว่า และมักจะมีขอบเขตความสัมพันธ์ทางการค้ากับต่างภูมิภาคหรือกับต่างประเทศSmart Growth America ได้แบ่งศูนย์เศรษฐกิจระดับภาคและระดับเมืองไว้ 2 ประเภท ประกอบด้วย
- · ศูนย์เศรษฐกิจใจกลางเมืองหรือศูนย์กลางเมือง (Downtown) ศูนย์เศรษฐกิจใจกลางเมืองอาจจัดอยู่ในประเภทศูนย์เศรษฐกิจระดับภาคหรือระดับเมืองก็ได้ขึ้นอยู่กับขนาดและความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการบริหารจัดการเมืองศูนย์เศรษฐกิจใจกลางเมืองจะมีความเข้มข้นของหน่วยบริหารจัดการเมือง สถาบันและองค์กรสำคัญ โดยมีสัดส่วนที่อาจเท่าๆ กับกิจกรรมในเชิงพาณิชย์หลายศูนย์เศรษฐกิจใจกลางเมืองจะเป็นที่ตั้งของสำนักงานที่ว่าการเมือง พิพิธภัณฑ์สถานที่สาธารณะขนาดใหญ่ และโบราณสถานหรือย่านอาคารสำคัญทางประวัติศาสตร์
- · ศูนย์เศรษฐกิจที่เป็นศูนย์พาณิชยกรรมเมือง (Urban Center) อาจจัดเป็นศูนย์เศรษฐกิจในระดับภาคและระดับเมืองก็ได้โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกใช้เพื่อกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ทั้งกิจกรรมการค้าปลีก สำนักงานการบริการ และการอยู่อาศัย โดยทั่วไปแล้วหากศูนย์ดังกล่าวมีความสัมพันธ์ทางการค้าภายในพื้นที่เมืองหรือระหว่างเมืองภายในประเทศและมีขนาดกิจกรรมเศรษฐกิจที่ไม่มีความโดดเด่นมากนักก็จะจัดให้เป็นศูนย์เศรษฐกิจระดับเมือง แต่หากศูนย์ดังกล่าวมีความโดดเด่นในกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายกิจกรรมและมีความสัมพันธ์กับเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศก็จะจัดเป็นศูนย์เศรษฐกิจระดับภาค ศูนย์เศรษฐกิจระดับภาคที่สำคัญมักจะเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของกิจการข้ามชาติกิจกรรมสถาบันการเงิน และกิจกรรมค้าข่ายระหว่างประเทศ
การวางแผนพัฒนาศูนย์เศรษฐกิจ
การเติบโตอย่างชาญฉลาดแบ่งการวางแผนศูนย์เศรษฐกิจออกเป็น 3 ขั้นตอนประกอบด้วย การศึกษาข้อมูลเพื่อวิเคราะห์การวางแผนการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาศูนย์เศรษฐกิจและการนำแผนยุทธศาสตร์ลงสู่การปฏิบัติและการประเมินผล รายละเอียดสรุปได้ดังนี้
การศึกษาข้อมูลเพื่อวิเคราะห์การวางแผน
การเติบโตอย่างชาญฉลาดเสนอให้นำเอาวิธีการศึกษาการวางผังภาคและเมืองทั้งหมดใช้วิเคราะห์เพื่อการวางแผนโดยให้แบ่งปัจจัยเฉพาะที่ส่งผลโดยตรงต่อการวางผังและการออกแบบศูนย์เศรษฐกิจออกเป็น4 ส่วนประกอบด้วย
· ปัจจัยด้านการเชื่อมโยงของระบบเศรษฐกิจระดับภาคและระดับภูมิภาคโดยสรุปอิทธิพลและปัจจัยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งนี้ให้มุ่งการศึกษาไปที่ประเภทกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงของกิจกรรมเศรษฐกิจซึ่งส่งผลโดยตรงต่อโครงสร้างความสัมพันธ์ในรูปของเครือข่ายการค้าในอนาคต
- · ปัจจัยด้านกายภาพโดยสรุปองค์ประกอบด้านกายภาพที่ส่งผลทางตรงต่อการจัดการทรัพยากรการใช้ประโยชน์ที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมและขนส่งและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันและที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งนี้ให้ศึกษาเชิงลึกด้านความสามารถในการรองรับของทรัพยากรที่มีอยู่ และหาค่าความสามารถการรองรับจำแนกตามประเภทและขนาดของกิจกรรมเศรษฐกิจในอนาคต
- · ปัจจัยด้านประชากรและการจ้างงานโดยสรุปลักษณะการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและโอกาสการเติบโตในอนาคตจำแนกเป็นการเปลี่ยนแปลงประชากรและการจ้างงานตามธรรมชาติกรณีไม่มีการปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจกับการเปลี่ยนแปลงกรณีมีการปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจ
- · ปัจจัยด้านแผนงานโครงการของภาครัฐและภาคเอกชนโดยสรุปอิทธิพลและปัจจัยกระตุ้นที่อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ของศูนย์เศรษฐกิจในอนาคต
การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาศูนย์เศรษฐกิจ
ให้เริ่มด้วยการบูรณาการปัจจัย 4ด้านจากการศึกษา พยายามสรุปตัวแปรหลักและรองที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพร้อมข้อค้นพบที่ได้หรือวิธีปฏิบัติที่ดี (best practice) ที่ได้จากวางผังและการออกแบบศูนย์เศรษฐกิจของประเทศต่างๆนำมาจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนา โดยแบ่งกระบวนการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ออกเป็น 3 ขั้นตอนดังนี้
- · การนำเสนอผลการบูรณาการปัจจัยกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยเริ่มจากการให้ความรู้แนวคิดและทฤษฎีการออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูเมืองได้แก่เกณฑ์การเติบโตอย่างชาญฉลาด (Smart GrowthPrinciples) เกณฑ์ความเป็นผู้นำการออกแบบด้านพลังงานและการรักษาสภาพแวดล้อมระดับย่าน (LEED-ND) และกฎหมายผังเมือง Form-Based Codes ต่อจากนั้นให้กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้สรุปผลการบูรณาการกับแนวคิดและทฤษฎีการออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูเมืองสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น เจ้าของที่ดินในพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจนักลงทุน และตัวแทนชุมชนหรือตัวแทนองค์กรประชาชน
- · การจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาศูนย์เศรษฐกิจ ประกอบด้วยการร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียวิเคราะห์โอกาสและข้อจำกัดในการพัฒนาการวิเคราะห์หาจุดแข็งด้านต่างๆ ของพื้นที่ศูนย์เศรษฐกิจ และการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้วยการระบุตำแหน่งของศูนย์ในตลาด (Market Positioning) ความท้าทายในการแข่งขันของศูนย์การปัจจัยสนับสนุนการสร้างขัดความสามารถการแข่งขันของศูนย์การคัดเลือกกิจกรรมเศรษฐกิจที่ศูนย์มีโอกาสในการเป็นผู้นำในตลาดหรือมีโอกาสการเติบโตในอนาคตและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการวางแผน
- · การทดสอบแผนยุทธศาสตร์ ด้วยเทคนิคการออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจโดยใช้เทคนิคการสร้างสถานที่ (Placemaking) เพื่อทำความตกลงในการลงทุนทางธุรกิจและการออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูเมืองตามเกณฑ์ LEED-ND และ Form-Based Codes โดยให้เจ้าของที่ดินและนักลงทุนกำหนดประเภทกิจกรรมธุรกิจที่จะลงทุนและให้ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐกำหนดประเภทโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการลงทุนทางธุรกิจและการพัฒนาทางกายภาพให้ได้มาตรฐานตามเกณฑ์พร้อมการจัดทำแผนปฏิบัติการ
การนำแผนยุทธศาสตร์ลงสู่การปฏิบัติ
เป็นการนำแผนปฏิบัติการไปปฏิบัติซึ่งมีผู้นำของหน่วยงานส่วนท้องถิ่นเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนแผน แบ่งการ
ดำเนินงานออกเป็น 4 ขั้นตอนดังนี้
- · การออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูทางกายภาพศูนย์เศรษฐกิจ ประกอบด้วยการศึกษารายละเอียดการออกแบบรายละเอียดด้านกิจกรรมการใช้ประโยชน์ที่ดิน การจัดแบ่งแปลงที่ดินการออกแบบโครงข่ายทางเดินและถนน การจัดวางที่ตั้งหน่วยบริการสำคัญ เช่นสถานีขนมวลชน ศูนย์การค้าปลีก ฯลฯ การอกแบบพื้นที่เศรษฐกิจสองข้างทางและการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานพร้อมสาธารณูปโภค เป็นต้น
- · การลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานตามผลการออกแบบ เช่น โครงข่ายทางเดินและถนนโครงข่ายระบบระบายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม และระบบการจัดการมลภาวะและสุขาภิบาลเป็นต้น
- · การจัดทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์กระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน และการลงทุนของภาคเอกชนที่ได้ทำความตกลงไว้แล้ว
- · การประเมินผลการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนทางเศรษฐกิจโดยตัวแทนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจ
สรุป
บทความการออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจตอนที่ 1 การวางแผนและปัจจัยด้านเศรษฐกิจผู้เขียนได้กล่าวถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจประเภทของศูนย์เศรษฐกิจ และแนวทางการวางแผนการปรับปรุงฟื้นฟูศูนย์เศรษฐกิจโดยได้กล่าวเป็นภาพรวมซึ่งอาจจะยังไม่สามารถมองเห็นแนวทางการพัฒนาที่เด่นชัดมากนักแต่ในบทความตอนต่อไป ผู้เขียนจะลงลึกในรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางในการวางผังและการออกแบบศูนย์เศรษฐกิจซึ่งจะอธิบายตามเกณฑ์จากแนวคิดที่ได้กล่าวอ้างไว้ขอให้ท่านที่สนใจรอติดตาม
เอกสารอ้างอิง
ฐาปนา บุณยประวิตร (2558) การออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูเมืองด้วยการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชนเล่มที่ 1
สำหรับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, กรุงเทพฯ
Andress Duany and JeffSpeck, (2010) The Smart Growth Manual, McGraw-Hill: New York.
Urban Design Associates(2003) The Urban Design Handbook: Techniques and Working Methods,
W.W.Norton & Company,New York
U.S. EnvironmentalProtection Agency. 2009. Environmental Benefits Of Smart Growth
(Online).//www.epa.gov/smartgrowth/topics/eb.htm, January 20, 2010.