Group Blog
All Blog
|
### ความสุขที่ถูกมองข้าม ###
โดยไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ ทั้ง ๆ ที่รายได้ของคนไทยสูงขึ้นทุกปี เนื่องจากมีเงินเดือนมากกว่า ไม่นานมานี้มหาเศรษฐีคนหนึ่งของไทย เขาพูดถึงตัวเองว่า เขาเคยพูดว่า "ผมจะมีความหมายอะไร เขาจึงอยู่เฉยไม่ได้ ด้วยความหวังว่าถ้าเป็นเศรษฐีแสนล้าน คำถามข้างต้นคงมีประโยชน์ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยก็คงตอบคำถามที่อยู่ในใจ จึงไม่หยุดหาเงินเสียที แต่ถ้าเราอยากจะค้นพบ ทั้ง ๆ ที่มีอยู่แล้วนับหมื่นแผ่น ทำไมถึงไม่หยุดซื้อรองเท้าเสียที ในทำนองเดียวกัน เสื้อผ้า มีหลายตัวหลายคู่ ใช่หรือไม่ว่า สิ่งที่เรามีอยู่แล้วในมือนั้น ก็ไม่ทำให้จิตใจเบ่งบานได้เท่ากับ ในทำนองเดียวกัน พูดอีกอย่างก็คือ เพราะเรามักคิดว่า บ่อยครั้งของที่ได้มาใหม่นั้น แต่เพียงเพราะว่ามันเป็นของใหม่ ไม่เฉพาะแต่มนุษย์เท่านั้น มันจะรีบคายของเก่า ไม่ว่าหมาตัวไหนก็ตาม ถ้าหากว่าของใหม่ให้ความสุข ของใหม่นั้นไม่นานก็กลายเป็นของเก่า และดังนั้นจึงต้องไล่ล่าหาของใหม่มาอีก เป็นเช่นนี้ไม่รู้จบ น่าคิดว่า เพราะไล่ล่าแต่ละครั้งก็ต้องเหนื่อย ครั้นได้มาแล้วก็ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ ยิ่งมีมากชิ้นก็ยิ่งต้องเสียเวลา ก็ต้องยุ่งยากกับการตัดสินใจว่า ถ้าเราเพียงแต่รู้จักแสวงหาความสุข อันที่จริงความพอใจ และเอาสิ่งใหม่มาเทียบกับของที่เรามีอยู่ เมื่อเห็นเขามีของใหม่ ก็อยากมีบ้าง การเปรียบเทียบจึงเป็นหนทางลัด นิสัยชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น แม้จะมีหน้าตาดี ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่สวย การมองแบบนี้ทำให้ "ขาดทุน" สองสถาน พูดอีกอย่างคือไม่มีความสุขกับปัจจุบัน ไม่มีอะไรที่เป็นอุทธาหรณ์สอนใจได้ดี ขณะที่กำลังเดินข้ามสะพาน ผลก็คือเมื่อเนื้อตกน้ำ บ่อเกิดแห่งความสุข เมื่อใดที่เรามีความทุกข์ รวมทั้งจิตใจของเรา แทนที่จะแสวงหาแต่ความสุขจากการได้ สุขเพราะเห็นน้ำตาของผู้อื่น จากจุดนั้นแหละ ไม่ยึดถือในสิ่งที่มี เกิดมาทั้งที น่าจะมีโอกาสได้สัมผัส พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต อ.แก่งคร้อ จ.ชัยภูมิ ### เรื่องเล่าหลวงพ่อเทียน โดย พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต
.เรื่องเล่าวันพระ : ก่อนมาเป็นหลวงพ่อเทียน หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ วัดสนามใน เขียนเล่าเรื่อง พระไพศาล วิสาโล หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ พันธ์ อินทผิวเป็นคนที่ใฝ่ในการทำบุญตั้งแต่เล็ก เมื่ออายุราว ๔๐ ปี ได้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต ครั้นถึงเวลาเช้าภรรยาของท่านมาถามว่า คำพูดของภรรยากระทบใจท่านมาก นับแต่นั้นท่านได้ตัดสินใจว่าจะเลิกทำมาค้าขาย นับแต่วันนั้นท่านก็มั่นใจว่าได้พบสิ่งที่แสวงหามานาน วิธีหาจิต
เรื่อง วิธีหาจิต เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2535 อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ท่านที่สนใจในการปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน อาจจะช่วยให้ท่านได้สมความปรารถนาในการนี้ได้ และพบกับความสุขโดยทั่วกัน ในลำดับต่อไปจะได้แสดงธรรม เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติเรื่องสมาธิภาวนา สมาธิคือ ทำให้จิตใจมั่นคง การทำสมาธินอกจากจะทำให้ใจสงบแล้ว ธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเป็นข้อปฏิบัติ ซึ่งเป็นหลักการปฏิบัตินั้น การปฏิบัติในศีลก็เพื่อให้กายกับวาจามีความเรียบร้อย การที่กายกับวาจาอยู่ในขอบเขตอันดีงาม ความสบายไร้กังวล ไม่ต้องมีวิปฏิสาร เมื่อใจเป็นปกติไม่เดือดร้อนก็เป็นผลส่งต่อให้เกิดสมาธิ ข้อนี้ดังจะเห็นได้ง่าย และยากที่จะบังคับใจให้เกิดความสงบได้ และยิ่งเป็นเรื่องกังวลเกี่ยวกับความประพฤติด้วยแล้ว เพราะฉะนั้น ศีลเมื่อรักษาดีแล้ว การทำสมาธิดังที่เคยแสดงไว้บ่อยๆ ใน 40 แบบนี้จะกล่าวโดยสั้นๆ ก็เหลือเพียง 2 อย่าง การทำสมาธิด้วยการเพ่งอย่างหนึ่ง คือ พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง คือเป็นของเลอะเทอะสกปรก ทั้งสี สัณฐาน ล้วนแล้วแต่อยู่กับพื้นฐานที่ไม่สะอาดทั้งสิ้น ก็เพื่อถอนใจที่มีอุปทานในความยึดมั่นถือมั่น เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ เป็นต้น กายมีสิ่งเหล่านี้อยู่ มีผม มีขน มีเล็บ มีฟัน มีหนัง เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า ที่พระองค์ทรงแสดงออกมาแล้วนั้น ส่วนการที่สิ่งเหล่านี้มีเป็นธาตุ และมีการประดับประดาตกแต่งด้วยประการต่างๆแล้ว ครั้นเมื่อลืมพื้นฐานเดิม ลืมของเก่า ด้วยอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้รู้ความจริงอย่างนี้ อะไรเป็นของจริง อะไรเป็นของปลอม จะเป็นเหตุให้ใจว่างหรือว่าเป็นกลาง ตั้งบทภาวนาอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง การที่เราทำใจทุกๆวันแต่ไม่สงบ ใจยังไม่มีอิสรภาพ ยังไม่เป็นกลาง เพราะฉะนั้น ในวันใดถ้าหากว่าเราปลงตก วันนั้นภาวนาอย่างไรใจก็จะค่อยยังชั่วขึ้น เห็นธรรมอันจะเป็นแนวทาง ให้จิตใจเบาบางลงไปได้ หรือเหมือนพระอาทิตย์ พระอาทิตย์ไม่สามารถจะส่องแสงได้ เพราะฉะนั้น ใจที่ถูกกิเลสครอบงำแล้ว แม้จะภาวนาบทไหนอย่างไร ด้วยการพิจารณาธรรม อสุภกรรมฐานบ้าง ก็เจริญพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านและรำคาญ เพื่อให้จิตเกิดความสังเวช วิจิกิจฉา เป็นสิ่งแต่ละอย่างละอย่างมาประชุมกัน จนเกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริง ครั้นพ้นจากการบังแล้วก็จะส่องแสง ก็จะเกิดความส่องแสง คือเป็นปรกติ การทำสมาธิอบรมจิตใจให้สงบ รวมความข้อสำคัญในกาารปฏิบัติข้อที่ว่า จึงจะภาวนาบทใดบทหนึ่ง เพราะเหตุนั้นก่อนที่จะทำกรรมฐาน หรือฟังธรรมเพื่อให้เป็นแนวทางของจิตใจ เช่น พุทโธ พุทโธ เป็นต้น หรือทุกๆคำที่เราว่าภาวนา ใจจะนึกว่าโธ ก็มีสติดูใจที่นึกว่าโธด้วย หรือตาเห็นรูป หูฟังเสียง ได้ยินสิ่งหนึ่งสิ่งใด ปล่อยจิตใจเลื่อนลอยไปคิดเรื่องอื่น เพราะฉะนั้น สติเป็นธรรมที่สำคัญ เราจะภาวนามาก ภาวนาน้อย อย่างไรก็แล้วแต่ ต่อเมื่อมี่สติคุมใจให้อยู่ทุกๆขณะแล้ว เพราะฉะนั้นการภาวนาบทใดก็ตาม และขึ้นอยู่กับการสะสางใจ เพราะฉะนั้น จงตั้งใจตรวจตรา ให้ใจปรกติ ให้มีสติอยู่เป็นปรกติ และความเป็นกลางของจิต พุทโธ พุทโธ ด้วยความมีสติ ################### การทำใจให้สงบ
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะเรียนรู้วิธีปฏิบัติกรรมฐาน สามารถนำไปปรับเปลี่ยนชำระใจเราเองให้ผ่องแผ้ว และมีสติตลอดเวลา รู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งต่างๆ เราจะพ้นจากทุกข์และพบกับความสุขตลอดไป เรื่อง การทำใจให้สงบ อบรมเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ วัดป่าริมธาราวาส อันจะเป็นการนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติ เพราะธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ให้ออกจากทุกข์ หรือ ให้พ้นทุกข์ ใจที่สงบกับใจที่ไม่สงบ มีแต่ความวุ่นวาย ความฟุ้งซ่าน เป็นต้น เช่น "สงบสุข" คือใจสงบแล้วนั่นเอง ก็จะหาความใสของน้ำนั้นไม่ได้ฉันใด คือ....ความสุขที่เกิดจากใจสงบ ถ้าสำเร็จแล้วก็สงบ สงบแล้วก็เป็นสุข เมื่อความไม่สงบมีอยู่ ความสุขก็ไม่เกิดขึ้น การทำใจให้สงบนั้น แต่ละข้อๆนั้น เป็นชื่อหัวข้อแห่งการเรียน มาเป็นข้อปฏิบัติก็ใช้ได้ ด้วยความจริงใจสม่ำเสมอ เมื่อเกิดความสงบแล้ว วิธีอื่นๆก็เหมือนกัน หรือจะภาวนาว่า สัมพุทโธก็สงบ ดูคำสอนของพระองค์เป็นตัวอย่าง เกสา คือผม นึกไปที่ผม ดูไปที่ผม โลมา คือ ขน นึกไปที่ขนทั้งสรรพางค์กาย นะขา คือ เล็บ นึกไปที่เล็บทั้งนิ้วมือนิ้วเท้า ทันตา คือ ฟัน นึกถึงฟันของตนเอง ตะโจ คือ หนัง นึกไปถึงสิ่งหนึ่ง นึกมากๆเข้า คล่องมากเข้า ไปที่อื่นความสงบก็จะเกิดขึ้น แต่ถ้าหากเราเพียงแต่นึก แล้วก็ว่าฝึกเป็น แม้จะว่า เกสา โลมา นะขา ตะโจ ตะโจ ถ้าไม่จงใจคือไม่ส่งใจ เมื่อส่งใจจริงจัง ฝึกไปมากๆเข้า สิ่งนี้เป็นปฏิกูลด้วย ก็เป็นหนทางแห่งความสงบทั้งสิ้น การนำความสงบไปอบรมจิต จิตคือความนึกความคิดมีหน้าที่อย่างนั้น เรียกว่าอารมณ์ และสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นในปัจจุบัน ก็นึกเอามาคิดเป็นอดีตของอารมณ์ อันเป็นการปลูกอารมณ์ให้เกิดขึ้น ความติดอยู่ในอารมณ์ต่าง ๆ นั้น และไม่สามารถจะมีอุบายอะไรให้แก้ได้ คืออารมณ์สงบ ได้แก่ใจสงบนั่นเอง คืออารมณ์ต่างๆ นั้นไป คำว่าจิต คำว่าใจ ควรรู้จัก ในขณะที่เป็นกลางๆ ถ้าจะเปรียบเทียบเหมือนต้นไม้ใบไม้ ครั้นเมื่อเวลามีลมพัดใบไม้ เวลามีลมพัดมีระลอกคลื่นนั่นเหมือนจิต หรือเมื่อนำน้ำไปต้มเวลาน้ำมันเดือด เพราะฉะนั้นภาวนาจิตให้เป็นใจ พึงกล่าวในเบื้องต้นไว้ว่า อะไรบ้างที่จะมาทำใจให้เกิดความไม่สงบ หรือที่คอยล้างผลาญคุณงามความดีของใจ นิวรณ์ คือ ธรรมอันกั้นจิต เป็นศัตรูของใจไม่ให้เกิดความสงบอย่างหนึ่ง เป็นศัตรูที่ทำใจไม่ให้สงบอย่างหนึ่ง เป็นศัตรูรบกวนใจและขวางใจ เช่น มีอะไรสักนิดก็คิดไปเสียมากมาย และไม่สามารถจะยับยั้งได้ ความสงสัยลังเลไม่แน่ใจลงไปว่า หรือจะภาวนาว่า อะระหัง จึงจะสงบ หรือจะพิจารณาเป็น อสุภะ คิดอย่างโน้นบ้างอย่างนี้บ้าง ในที่สุดก็วนไปวนมา เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นหนทางกั้นจิตใจ ต้องรู้จักศัตรูทั้ง ๕ ประการนี้ เช่นให้นึกถึงความตาย ไม่มีใครเขาสอนกัน และเมื่อยังไม่ตายก็สอนให้นึกถึงความตาย ความเจ็บความตายนี้ไม่มีใครเขาสอน มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นสอน อะไรไม่ดีเท่ากับนึกถึงความแก่ เมื่อนึกถึงแล้วเป็นเหตุ หรือเป็นสะพานเชื่อมให้ใจเข้าถึงความสงบ รับรองว่า จิตทำอย่างไร ๆ ก็ไม่สงบ การที่จะทำให้จิตเกิดความสังเวช ความตายเป็นสะพานเชื่อมโยงให้ใจ ก็จะเกิดความสงบ เกิดความสังเวช ก็จะหายไปหรือเบาบางไป สิ่งเหล่านี้จึงเป็นธรรม คือเป็นธรรมชำระจิตใจ สิ่งหนึ่งที่เกิดมาด้วย ให้รู้ตามความเป็นจริง ธรรมที่ไม่เหมือนผู้อื่น ทุกคนเกิดมาแล้วไม่พ้นความแก่ มานั่งกอดเข่าระทมทุกข์ว่าทำไมจะต้องแก่ ทำไมไม่พ้นจากความเจ็บ ลงไปในน้ำก็มีเรือ แต่ทำไมไม่คิดหาหลักการ มัวคิดมัวแต่ระทมใจอยู่อย่างนี้ เอาสิ่งสลายมาแก้ความเกิด สิ่งที่จะรักษาความมัวเมาก็คือ เพราะฉะนั้น การพิจารณาถึงความแก่ แม้ในข้ออื่นๆ ซึ่งเราได้สดับตรับฟังมา ให้รู้ตามความเป็นจริงก็ตาม บางทีภาวนาทำไม ภาวนาไปแล้วไม่สงบ ตั้งใจว่าใจอยู่กับพุทโธ พุทโธ พุทโธ แต่ว่าไป เพราะยังไม่มีความสลด เมื่อใจรับรู้ความสังเวชนั้น เมื่อน้อยลงก็สติคุมได้ง่าย คือไม่รุนแรง ไม่ช้าไม่นานจิตก็จะเป็นกลาง ที่ท่านกล่าวว่า เราจะภาวนาธรรม คอยแก้อารมณ์ของจิตให้จบเสียก่อน ในขณะนี้จิตของเราควร ต้องดูให้ดีเสี่ยก่อน ถ้าดูแล้ว พบแล้ว ถ้าควรพิจารณาให้เกิดความสังเวช ถ้าหากว่าจิตจะสงบอยู่แล้วไม่มีอะไรกวนใจ อายตนะภายใน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ วันไหนสติมีมาก ถ้าวันไหนกระทบอะไรมากก็ตาม น้อยก็ตาม คือที่สัมผัส เช่น ตาเห็นรูปเป็นต้น ในสิ่งที่เห็นนั้น ที่ชอบใจบ้างไม่ชอบใจบ้าง เป็นต้น ถ้าเราพิจารณาก็ต้องแก้ไขเหตุการณ์ เพราะฉะนั้น นักปฏิบัติ นักภาวนา เราพิจารณาหรือภาวนากันมาเป็นปีๆ มีสติน้อย สติไม่สามารถจะคุมจิตได้ พุทโธ พุทโธ พุทโธ หรือบทใดบทหนึ่งก็ตาม เพื่อให้จิตเป็นปกติหรืออ่อนลง อันจะเป็นหนทางแห่งความสงบได้ง่าย ให้เกิดศรัทธาเชื่อมั่นดีแล้ว แล้วตั้งภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ ด้วยความมีสติ เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ เพื่ออบรมจิตของตนให้สงบ ####################### จงได้พบแต่ความสุขกาย สุขใจ (‿✿) ♦♦♦ ทางสายกลาง ♦♦♦
เรื่อง "ทางสายกลาง" ณ ศาลาบำเพ็ญบุญแม่ปาง วัดป่าริมธาราวาส อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ท่านพระครูวิบูลธรรมกิจ (บัวเกตุ ปทุมสิโร) เพราะผลแห่งการอ่านบทเทศนาธรรมบทนี้ เรามั่นใจว่า จิตของท่านจะสงบลง ไม่ฟุ้งซ่าน การปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนานี้ ดังปรากฎในพระธรรมเทศนากัณฑ์แรก คือ ปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันฯ เพราะในสมัยนั้นมีการปฏิบัติเอนเอียงไปทาง "อัตตกิลมถานุโยค" คือ การตึงเกินไป ไม่ใช่เป็นทางตรัสรู้อมตธรรม อันเป็นอริยมรรคที่จะพาให้บุคคลสูงถึงโลกุตตรภูมิ มีอริยมรรคมีองค์แปด คำว่า "ทางสายกลาง " ในอริยมรรคมีองค์แปดนั้น พร้อมด้วยสมาธิ พร้อมด้วยปัญญา หรือถึงซึ่งวิมุตติความหลุดพ้นจากกิเลสได้ ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป พอเหมาะพอดี คือการปฏิบัติอันใดเป็นไปเพื่อตัดกิเลสและกองทุกข์ได้ เรียกว่าทางสายกลาง ทั้งศีล ทั้งสมาธิ ท้้งปัญญา เฉพาะอย่างยิ่ง อย่าเอาตัวเองเข้าไปวัด ก็อาจจะเกิดความผิดพลาดได้ บำเพ็ญหรือปฏิบัติมากไป เกรงจะเหนื่อย อันนั้นก็ไม่ถูก จึงบอกว่าไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปวัด เกิดความอิ่มใจ เกิดความอุ่นใจ เกิดความสบายใจ หรือว่าเป็นไปเรื่อยๆ เพราะเหตุที่ได้ประพฤติปฏิบัติดีแล้ว แต่ว่าการที่จะปฏิบัติให้ถูกทางเป็นสายกลางนั้น การอบรมจิตต้องทำด้วยความสม่ำเสมอ ในทางสายกลางนั้น ถ้าหากว่าทำมากบ้างน้อยบ้าง ต้องให้เกิดความสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้น จิตต้องให้เป็นมัชฌิมาปฏิปทาและสม่ำเสมอ ตลอดจนอิริยาบทที่มีความเป็นไปแต่ละวัน วันหนึ่งความเป็นไปเราอาจจะต่างกัน จิตใจจึงเกิดความฟุ้งซ่านเหล่านี้ เป็นต้น เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการฉันอาหาร ใจก็จะเข้าสู่ความสงบได้ง่าย กิเลสชนิดหนึ่งคือ โกสัชชะ ความเกียจคร้านจะเกิดขึ้น ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่มีกำลังใจก็จะเกิดขึ้น คืนหนึ่งอีกสิบสองชั่วโมงเป็นยี่สิบสี่ชั่วโมง พึงเปรียบเทียบกัน ถ้าหากปฏิบัติน้อยกว่า ทำความเพียรขึ้นมาให้ได้มาก ถึงแม้เวลาปฏิบัติแต่ละครั้งจะเกิดความเหนื่อยยาก มัชฌิมาปฏิปทาของพระพุทธเจ้าจึงรวมความว่า สมาธิเจริญขึ้น ปัญญาเจริญขึ้น เพราะการปฏิบัติเป็นมัชฌิมาปฏิปทาแล้วจะทำให้เสมอ เมื่อเสมอและเกิดความพอดีแล้ว เพราะชินต่อสภาพที่เป็นมัชฌิมาปฏิปทาที่พอดีอยู่ คือ สติ เป็นตัวสำคัญ เวลาที่เรานึกว่าพุทโธนั้น และมีสติคุมอยู่ที่จิตที่นึกว่า พุท ว่า โธ นั้นอยู่ทุกคำที่นึก แต่มีข้อสังเกตอยู่ว่า นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เพราะจะเป็นเหตุให้เกิดความรวมหรือมีสติเข้าพุ่งสู่คุมจิต หรือว่าเฉียดๆ ไม่เข้าจุดศูนย์กลาง เพราะฉะนั้น ที่ท่านบอกว่า จงกลั้นใจ อึดใจ และเมื่อเวลาให้ใจตรงนั้นคิดนึกว่า พุท ว่า โธ เหมือนกับว่าใบไม้ที่ไม่โดนลมมันก็นิ่ง ความที่มันคิดปรุงแต่งส่งส่าย น้ำที่นิ่งๆเหมือนคลื่นสงบแล้ว เหมือนกับใจ กิเลสเหมือนการถือขันน้ำที่เปรียบเทียบให้ฟังนั้น พยาบาทสงบ ถีนมิทธะสงบ อุทธัจจะสงบ หมายความว่าเป็นมัชฌิมาปฏิปทา เฉพาะอย่างยิ่ง ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ลมปะทะตรงไหนของปลายจมูก นึกอยู่ตรงนั้น อันนี้ก็เป็นอุบายอันหนึ่ง อันนี้ก็เป็นวิธีการอีกอย่างหนึ่ง เมื่อเวลาจิตนึกว่าพุท ว่า โธ นั้น ใจอยู่ตรงนั้น ใจอยู่ตรงนี้ให้ได้ แน่วแน่เสียก่อน บางทีก็อาจจะมีวิจิกิจฉาอยู่บ้าง ถ้าจับตรงนี้ได้ไม่ช้าไม่นานก็สงบ ในขณะที่เมื่อย จับตรงนี้ได้คุมได้ เดี๋ยวเดียวกายก็เบาและเดี๋ยวเดียวก็สงบ มีจิตมีสติคุมได้แล้ว ลมหายใจหมดไปแล้วเบาแล้ว จิตจะเกิดความสุข คือใจจะเกิดความสุข เป็นหนึ่งขึ้น หรือเพ่งโดยจิตอย่างเดียวที่จิตว่า คือพบที่อยู่ของจิตของใจแล้วทิ้งคำว่า พุทโธ ออกไป ถ้าหากว่าเผลอและมันรวนเร จึงค่อยว่า พุทโธใหม่ ถ้าหากว่าเวลาเพ่งที่จิตนั้น เพ่งที่ใจน้้น มันก็ไม่เดินหน้า ความสงบก็จะไม่เดินหน้า แต่ไม่ยอมลงเพราะพุทโธดึงอยู่ ดูแต่จุดนั้นจุดเดียวด้วยความมีสติตั้งมั่น แต่การที่จิตจะดิ่งลงตามควรนั้น เกิดความรู้สึกอื่นๆอีก มันจะเป็นอยู่อย่างนี้ เพราะฉะนั้น หลักการทื่สำคัญดังกล่าวมาแล้ว และในความเป็นไป ตลอดจนฉลาดมีสติในการคุมจิต เพราะฉะนั้นต่อนี้ไปจงตั้งใจภาวนา และเมื่อพบสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้ว จำจุดที่ฝึกนั้นไว้ และสามารถปฎิบัติได้ จงปฏิบัติต่อไป........... ♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦ และขอให้ได้พบกับความสุขกายสุขใจ |
tangkay
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?] (‿✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้ แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ .... สิบปีผ่านไป....... อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์ แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ Link |