Group Blog
All Blog
### เรื่องเล่าหลวงพ่อเทียน โดย พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต






.เรื่องเล่าวันพระ : ก่อนมาเป็นหลวงพ่อเทียน
หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ วัดสนามใน
เขียนเล่าเรื่อง พระไพศาล วิสาโล

หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ
ซึ่งได้รับการยกย่องจากนายแพทย์ประเวศ วะสี
ว่าเป็นปรมาจารย์แห่งการเจริญสตินั้น
ชื่อเดิมของท่านคือพันธ์ อินทผิว
 ส่วน “เทียน”นั้นเป็นชื่อบุตรชายของท่าน
ธรรมเนียมของเชียงคานบ้านเกิดของท่าน
นิยมเรียกผู้ใหญ่ตามชื่อของลูกคนหัวปี
(หรือคนโตที่ยังมีชีวิตอยู่)
ใครต่อใครจึงรู้จักท่านในนามของ “หลวงพ่อเทียน”

พันธ์ อินทผิวเป็นคนที่ใฝ่ในการทำบุญตั้งแต่เล็ก
 เมื่อโตขึ้นได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน
 ก็เป็นผู้นำชาวบ้านในการทำบุญเสมอมา
นอกจากนั้นความที่ท่านเป็นพ่อค้า
 มีเรือค้าขายขึ้นล่องตามลำน้ำโขงไปจนถึงเมืองลาว
 ประสบความสำเร็จพอสมควร
จึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาก

เมื่ออายุราว ๔๐ ปี ได้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต
ที่ทำให้ท่านหันมาสนใจปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจัง
 ครั้งนั้นท่านเป็นเจ้าภาพทอดกฐินที่เมืองลาว
ในงานมีมหรสพต่าง ๆ มากมาย
 เช่น หมอลำ ภาพยนตร์
ท่านได้ตกลงกับภรรยาว่า การใช้จ่ายต่าง ๆ
 ตลอดจนการจัดอาหารเลี้ยงแขก
ยกให้เป็นหน้าที่ของภรรยา
ส่วนตัวท่านเองจะรับอุโบสถศีลและรับแขกทางไกล

ครั้นถึงเวลาเช้าภรรยาของท่านมาถามว่า
จะต้องจ่ายค่าหมอลำเป็นจำนวนเท่าใด
ท่านรู้สึกโกรธมาก ท่านเล่าความรู้สึกตอนนั้นว่า
 “มันหนักจนลุกแทบจะไม่ได้ มันตำเข้าในใจ”
 แต่ท่านก็ข่มอารมณ์ไว้ และตอบด้วยสีหน้าปกติว่า
เป็นหน้าที่ของภรรยาท่าน
 อย่างไรก็ตามความโกรธนั้น
ยังคงคุกรุ่นในจิตใจของท่าน
 เมื่อเสร็จงานกฐิน
ระหว่างรับประทานอาหารมื้อเย็นกับภรรยา
ท่านเปรยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเช้าว่า
“คนไม่รู้จักเคารพนับถือก็อย่างนี้แหละ”
ท่านกล่าวซ้ำหลายหนจนภรรยาเอะใจ
เมื่อสอบถามจนรู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ก็พูดขึ้นว่า
 “เจ้าไม่พอใจละสิ .....โอ เจ้าตกนรกแล้ว
 แม้ทำกองกฐินก็บ่ได้บุญดอกเจ้า ”

คำพูดของภรรยากระทบใจท่านมาก
ทำให้ได้คิดขึ้นมาว่า การทำบุญให้ทานนั้น
ไม่ได้ช่วยให้ท่านหายทุกข์เลย
ท่านจึงหันมาสนใจการทำกรรมฐาน
 และตั้งใจว่าหากยังเอาชนะความทุกข์ไม่ได้
ก็จะไม่เลิกละการทำกรรมฐาน
นับแต่นั้นท่านได้ตัดสินใจว่าจะเลิกทำมาค้าขาย
เพื่อทำกรรมฐานอย่างเดียว
แต่กว่าจะสะสางการงาน
และจัดการเรื่องเงินทองต่าง ๆ
 จนแล้วเสร็จก็ใช้เวลาถึงสามปี
 จากนั้นท่านก็แสวงหาครูบาอาจารย์
เพื่อแนะนำการปฏิบัติธรรม
แต่ก็ไม่พบวิธีที่จะช่วยแก้ทุกข์ของท่านได้
จนได้ทดลองปฏิบัติตามแบบของท่านเอง
ด้วยการยกมือเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ
พร้อมกับมีสติรู้กายตามไปด้วย ในยามที่ใจเผลอ
ไปคิดนึกเรื่องราวต่าง ๆ ก็มีสติรู้ทันอาการของใจ
แล้วพาใจกลับมารู้กาย
จนเกิดความรู้สึกตัวอย่างต่อเนื่อง
 ท่านทำเช่นนี้อยู่นานจนเช้าวันหนึ่ง
ขณะที่กำลังนั่งเจริญสติอยู่
จู่ ๆ แมงป่องแม่ลูกอ่อนตัวหนึ่งตกมาที่ขาของท่าน
 แล้วลูกมันก็ออกมาวิ่งตามขาของท่าน
 พอท่านเอาไม้มาแตะขา แมงป่องก็เกาะไม้นั้นไว้
ระหว่างที่ท่านเอาไม้และแมงป่องไปวางไว้ที่คันนา
ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นที่ใจของท่าน
เกิดปัญญาเห็นรูปนาม รู้สมมติ เข้าใจไตรลักษณ์
 เมื่อถึงตอนเย็นก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอีก
จนท่านรู้ชัดในอริยสัจและปรมัตถสภาวะ

นับแต่วันนั้นท่านก็มั่นใจว่าได้พบสิ่งที่แสวงหามานาน
 ความทุกข์ใจที่เคยมีดับไปอย่างสิ้นเชิง
ท่านจึงหยุดการแสวงหา และเริ่มแนะนำญาติมิตร
ให้รู้จักการเจริญสติด้วยวิธีดังกล่าว
 ในเวลาต่อมาก็มีคนมาเรียนกับท่านมากขึ้น
 แต่ท่านก็เห็นความจำกัดของเพศคฤหัสถ์ในการสอนผู้คน
 ในที่สุดจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี ๒๕๐๓
 ด้วยวัย ๔๘ ปี เป็นเวลา ๒๘ ปีที่ท่านสอนลูกศิษย์
อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย
ด้วยวิธีการที่เป็นแบบฉบับของท่านเอง
 จนมรณภาพเมื่อปี ๒๕๓๑ สิริรวมอายุได้ ๗๗ ปี
หากท่านยังไม่ละสังขาร ก็จะมีอายุครบ ๑๐๐ ปีในปี ๒๕๕๔












Create Date : 03 กันยายน 2556
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2557 10:24:32 น.
Counter : 1482 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ