It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้นแนวยูริ : ภรรยาน้อย (ฉันไม่อยากเป็น)

ภรรยาน้อย (ฉันไม่อยากเป็น) เรื่องสั้นแนวยูริ โดยผิงดาว


พาชื่น เด็กสาวจากต่างจังหวัด ย้ายเข้ามาเรียนในเมืองหลวง พ่อกับแม่ของเธออยากให้เธอเรียนต่อระดับอุดมศึกษา แม้ว่าพาชื่นจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐไม่ได้ ครอบครัวของเธอก็ไม่เคยต่อว่าเธอเรื่องที่สอบไม่ได้

“แม่ไม่โกรธนิดเหรอคะที่สอบไม่ได้”

“แม่ไม่โกรธนิดหรอกลูก คนเราไม่ได้เก่งไปหมดทุกเรื่อง แค่เรื่องสอบไม่ได้ไม่ได้หมายความว่านิดไม่เก่ง ก็แบบนี้แหละนิด เรื่องสอบติดไม่ติดมันไม่สำคัญ คนสอบเป็นหมื่นรับแค่พันก็เป็นธรรมดาที่มีคนต้องเสียใจ”

แม่ของพาชื่นไม่เคยที่จะทำให้พาชื่นต้องเสียใจ มีแต่ให้กำลังใจพาชื่นทุกครั้ง เมื่อยามที่พาชื่นท้อหรือหมดกำลังใจ แม่จะเป็นคนปลุกปลอบและให้กำลังใจพาชื่นเสมอมา

จนเมื่อเธอต้องเข้ามาเรียนในเมืองกรุงจริงๆ ผู้เป็นแม่ของเธอก็ไม่ได้ให้เธอต้องลำบากไปเช่าหอพักหรือ ฐานะทางบ้านของเธอไม่ได้เริดเลออะไร แค่มีโรงสีและเป็นตัวแทนรับจำนำข้าวให้กับรัฐบาลก็เท่านั้นเอง

พาชื่นช่วยพ่อกับแม่ในเรื่องบัญชีบ้าง แม้จะไม่ได้ร่ำเรียนมา แม้จะยังพึ่งจะเข้ามาเรียนบัญชี แต่เธอก็ช่วยพ่อกับแม่ลงบัญชีการซื้อขายข้าว และทำสินค้าคงคลังให้กับพ่อและแม่มาตั้งแต่เธอพึ่งจะเริ่มเรียนมอปลาย

พาชื่นเป็นเด็กน่ารักว่านอนสอนง่าย การที่เป็นลูกสาวคนเล็กของที่บ้านทำให้ทุกคน ทั้งพ่อแม่ พี่ๆ ทั้งหลายจึงได้ตามใจเธอมาตั้งแต่เด็ก พาชื่นจึงเป็นตุ๊กตาของเล่นที่มีชีวิตของพี่ๆ ผู้หญิง และเป็นไข่ในหินของพี่ๆ ผู้ชาย

เมื่อยามที่พาชื่นเป็นเด็กเล็กๆ จับไปวางตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น ไม่หือไม่อืออะไรกับใครๆ ด้วยความที่เป็นเด็กไม่ซุกซน ไม่ชอบเล่นอะไรแผลงๆ เธอจึงเป็นน้องที่น่ารักของพี่ๆ โดยไม่ต้องแปลกใจ

พาชื่นเรียนเกือบจะจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเอกชนแถวๆ กล้วยน้ำไท จึงไม่แปลกอะไรที่มารดาของเธอจะซื้อคอนโดริมน้ำวิวสวยงามและราคาแพงแห่งนี้ให้กับเธอ

“แม่มันแพงไปหรือเปล่าคะ” พาชื่นเห็นห้องพักของตัวเองแล้วก็ต้องตะลึง เพราะมันเหมือนกับห้องในหนังหรูๆ ของพระกเอกหรือนางเอกที่มีฐานะร่ำรวย

“ไม่หรอกลูกพอดีพ่อเค้ารู้จักกับเจ้าของก็เลยได้ราคาถูกกว่าคนที่ซื้อทั่วๆ ไป”

“แต่มันตั้งหลายเงินนะแม่ แล้วห้องมันก็หรูเกินไปนิดอยู่คนเดียวเอามาทำไมตั้งสองห้องนอน ซื้อห้องข้างล่างก็ได้นะคะแม่ประหยัดดีออก”

“อย่าเลยลูกอยู่แบบนั้นคนมากหน้าหลายตา อีกอย่างอยู่บนนี้ชั้นนึงมีแค่สี่ห้อง เงียบๆ ดีด้วยไม่ต้องไปสุงสิงกับใคร นิดก็อยู่ๆ ไปก่อน ถ้ามันเดินทางไปเรียนลำบากไว้แม่จะเอารถมาให้ใช้ก็แล้วกัน”

“ไม่ต้องหรอกค่ะแม่นิดอยู่ได้ ใกล้มอแค่นี้เอง นั่งรถเมล์ต่อเดียวก็ถึง ซื้อรถก็ต้องจ่ายค่าน้ำมันอีกเปลืองเปล่าๆ”

“ก็ได้ลูกแต่ถ้าลำบากมากๆ ก็บอกแม่นะแม่จะได้เอารถมาให้ใช้”

“ค่ะแม่แต่นิดไม่เอามาดีกว่าแค่นี้ก็เกรงใจพ่อกับแม่จะแย่แล้ว”

“เราแม่ลูกกันมาเกรงจงเกรงใจอะไรกันลูก แม่ไปก่อนนะวันนี้มีงานเลี้ยงของโรตารี่เดี๋ยวแม่กลับไม่ทัน ดูแลตัวเองดีๆ ก็แล้วกันนะนิด จะต้องให้หาคนใช้มาให้ด้วยไหม”

“ไม่ต้องหรอกค่ะแม่นิดทำงานบ้านเองได้แม่ไม่ต้องห่วง อีกอย่างนิดอยู่คนเดียวมันไม่ได้ลำบากอะไร หาซื้ออะไรกินแล้วก็ค่อยขึ้นมามันไม่ยากมากนักหรอกค่ะแม่ แม่เดินทางปลอดภัยนะคะ”

“จ๊ะลูกรัก” แม่ลูกกอดกันแน่นก่อนที่พาชื่นจะเดินออกมาส่งแม่ของเธอที่ลิฟท์

“ไม่ต้องลงมาก็ได้นิด ส่งกันไปมาไม่ต้องไปไหนกันพอดี”

“ค่ะแม่” พาชื่นยืนส่งแม่ของเธอจนประตูลิฟท์ปิดลงจึงได้เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง

...................

เวลาสามปีกว่าๆ ที่ผ่านมาพาชื่นใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมาอย่างสม่ำเสมอ จะว่าไปคอนโดแห่งนี้ก็มีความสะดวกสบายหลายๆ อย่าง สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านั้นบางอย่างพาชื่นยังไม่เคยที่จะไปใช้บริการ

วันนี้ก็เหมือนกับทุกวันพาชื่นกลับเข้ามาที่คอนโดของเธอ และแวะซื้อข้าวจากร้านขายด้านล่าง เธอยืนเลือกข้าวในกล่องพลาสติกอยู่นานสองนาน

“น่าเบื่อจังมีแต่ของเดิมๆ” พาชื่นเดินจากตู้แช่แข็งที่บรรจุอาหารปรุงสำเร็จต่างๆ มากมาย

“กินมาม่ากับไข่ดีกว่า” เมื่อตัดสินใจได้อย่างนั้นพาชื่นก็เดินไปหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและหยิบไข่ไก่มาสามฟอง แถมด้วยผักอย่างละนิดละหน่อย ที่เจ้าของได้จัดแบ่งเป็นกำเล็กๆ ไว้เพื่อความสะดวกสำหรับลูกค้าจอมขี้เกียจแบบพาชื่น

พาชื่นจ่ายเงินค่าสินค้าของเธอและกำลังจะหมุนตัวกลับก็ต้องชนกับร่างของใครบางคน จนเธอกระเด็นไป แถมเมื่อตอนที่รับถุงมาจากพนักงานขายพาชื่นยังไม่ทันได้ถือถุงในมือให้เข้าที่เข้าทางเพราะเธอกำลังจะเก็บเงินทอนไว้ในกระเป๋าสตางค์ ถุงนั้นก็หลุดมือร่วงลงพื้น ไข่ไก่สามฟองในถุงแตกกระจายเกลื่อน

“ว๊าย” พาชื่นร้องออกมาด้วยความตกใจ

“ขอโทษค่ะฉันไม่ได้ตั้งใจ” คนที่ชนพาชื่นจนกระเด็นก็ไม่ได้แตกต่างกัน ต่างคนต่างตกใจทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเพื่อเก็บถุงที่หล่นพร้อมๆ กัน

ทำให้ทั้งคู่หัวโขกกันอย่างจังอีกรอบ

“โอ๊ย” พาชื่นร้องขึ้นอีกครั้ง

“อุ้ย ขอโทษค่ะ ขอโทษ” คนที่ชนพาชื่นลูบหน้าผากของตัวเองและส่งเสียงร้องขอโทษขึ้นมาอีกครั้ง

“ขอโทษๆ พูดเป็นแต่คำนี้เหรอคุณ ขอโทษแล้วไข่ของ ฉันมันจะหายแตกหัวจะหายเจ็บไหม จะตามจองล้างจองผลาญฉันไปถึงไหนนี่คุณ” พาชื่นชักเคืองๆ คนที่ทำข้าวของเธอเสียหายและยังมาทำให้ตัวเธอเจ็บตัวอีกด้วย

“ฉันเปล่านะคุณแค่ตั้งใจจะเก็บของให้ก็เท่านั้นไม่คิดว่าคุณจะนั่งลงมาพร้อมๆ กัน มันเป็นอุบัติเหตุนะคะฉันขอโทษจริงๆ ส่วนของๆ คุณเดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่นะคะ ขอโทษจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” จากนั้นผู้หญิงที่ทำไข่ของพาชื่นร่วงลงพื้นก็เดินไปหยิบไข่ไก่ใบใหม่มาให้ พร้อมกับจ่ายเงิน

“อะนี่คะไข่ของคุณ หวังว่าคงไม่ถือโทษโกรธฉันนะคะที่ทำข้าวของๆ คุณเสียหายแบบนี้”

พาชื่นรับถุงไข่นั้นมาอย่างเสียไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอเองก็อยากจะขึ้นไปบนห้องทำมาม่ากินแล้ว ท้องเจ้ากรรมก็ร้องโครกคราก จนพาชื่นกลัวว่าเสียงร้องนั้นจะได้ยินไปถึงหูของคู่อริของเธอ

“ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไปฉันขอเลี้ยงข้าวขอโทษคุณจะได้ไหมคะ”

“ไม่ต้องดีกว่าค่ะแค่ไข่แตกไม่ต้องถึงกับเลี้ยงข้าวเราหรอกคุณ แล้วคุณก็ซื้อคืนเราแล้วด้วย”

“ยังไงฉันก็อยากเลี้ยงข้าวขอโทษที่ทำคุณเจ็บตัว ให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อเป็นการขอโทษแล้วกันนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะทำอะไรคุณหรอกฉันพักที่นี่ ใครๆ ก็รู้จัก อีกอย่างฉันไม่ได้เป็นพวกสิบแปดมงกุฎอะไรที่จะต้องมาหลอกลวงนักศึกษาแบบคุณไปขาย”

“ไม่ดีกว่าค่ะ”

“อะหรือไม่กล้าก็บอกมาได้นะ”

“ฉันเหรอไม่กล้าไหนว่ามาจะไปกินอะไรพาฉันไปได้เลย” พาชื่นเลือดขึ้นหน้าเมื่อเธอถูกท้าทายแบบนั้น

จากนั้นหญิงสาวสองคนก็เดินตามกันมาที่ร้านอาหารใต้คอนโด

“จะทานอะไรดีคะ”

“ขอเป็นผัดกระเพราไข่ดาวก็แล้วกันค่ะง่ายดีเร็วด้วย” พาชื่นบอกคนตรงหน้า

“งั้นขอกระเพราไข่ดาวสองก็แล้วกันน้อง” หญิงสาวมาดเท่ห์คนนั้นหันไปสั่งบริกรแล้วจึงหันมาพูดกับพาชื่น

“ฉันยังไม่รู้จักคุณเลยชื่ออะไรคะ ฉันชื่อนกพักที่ห้องข้างบนนี่เอง”

“ฉันชื่อนิดคะ”

“อ๋องั้นฉันเรียกคุณว่าน้องนิดก็แล้วกันนะคะ”

“ค่ะพี่นก”

“แหมชื่อของเราคล้องจองกันดีจังนะตระกูลนอหนูตัวนกตัวน้อยนิด” สาวมาดเท่ห์ยังคงชวนพาชื่นพูดคุยให้ได้เพลิดเพลินกันไปด้วยกันทั้งคู่

จากการที่พาชื่นเขม่นสาวมาดเท่ห์ในตอนแรกๆ นั้น ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นคนที่เริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนานไปแล้ว

และพาชื่นก็ต้องแปลกใจเมื่อทั้งสองขึ้นลิฟท์ตัวเดียวกันและออกมายืนที่ชั้นเดียวกัน

“อ้าวพี่นกอยู่ชั้นนี้เหมือนกันเหรอคะ”

“ใช่ค่ะพี่อยู่ทางปีกขวาแล้วน้องนิดล่ะ”

“นิดอยู่ทางปีกซ้ายค่ะ อิอิเหมือนชื่อหนังเลยนะผู้หญิงเลี้ยวซ้ายผู้ชายเลี้ยวขวา”

“น้องนิดนี่เข้าใจคิดนะคะ”

“พี่นกไปดื่มกาแฟห้องนิดไหมคะนิดจะขอบคุณพี่นกที่เลี้ยงข้าวนิดด้วยกาแฟ ถ้าพี่นกไม่รีบอะไร”

“ก็ได้น้องนิดไหนๆ วันนี้ก็วันแรกที่ได้รู้จักกันแล้ว อีกอย่างพี่อยู่ที่ห้องก็ไม่มีอะไรทำให้น้องนิดเลี้ยงกาแฟสักแก้วก็ท่าจะดี”

หญิงสาวสองคนเดินตามกันไปที่ห้องของพาชื่น และคืนนั้นกว่ารัชนกจะกลับไปที่ห้องของตัวเองก็ดึกดื่น เมื่อกลับไปถึงห้องก็ยังว่างเปล่า ห้องดูอ้างว้าง รัชนกอาบน้ำและล้มตัวลงนอน แต่หัวสมองของเธอยังคงปรากฏใบหน้าของพาชื่นลอยเด่นอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งหลับไปในไม่ช้า

...................

ทั้งพาชื่นและรัชนกพบเจอกันบ่อยครั้งมากขึ้น ความสัมพันของคนทั้งคู่ก็เริ่มงอกงาม รัชนกบอกกับตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้ติดอยู่กับพาชื่นเด็กสาวที่อาศัยอยู่ชั้นเดียวกับเธอมากมายถึงเพียงนี้ เธอรู้แต่ว่าเมื่อยามที่ได้อยู่กับพาชื่นดูเหมือนว่าพาชื่นจะทำให้เธอชื่นมื่นเหมือนกับชื่อของพาชื่นไปจริงๆ

รัชนกจะขลุกอยู่กับพาชื่น นั่งดูพาชื่นทำการบ้าน เธอเองก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ พาชื่นไม่ได้ห่างไปไหน ความสัมพันของเธอเริ่มดำเนินไปเรื่อยๆ และรัชกนกับพาชื่นก็รู้ความสัมพันของเธอทั้งคู่ที่เป็นแบบนี้มันเรียกว่า “ความรัก”

พาชื่นเรียนจบจนรับปริญญารัชนกทำหน้าที่เป็นคนถ่ายรูปให้กับพาชื่นตลอดทั้งงานเธอลงทุนลางานมาเป็นตากล้องให้กับพาชื่นทั้งวันซ้อมย่อยซ้อมใหญ่และรับจริง ของขวัญที่รัชนกเตรียมไว้ให้กับพาชื่นมันก็คือสร้อยสีเงินที่มีจี้รูปหัวใจสลักอักษร N&N ไว้บนสร้อยนั้น

เมื่อทั้งคู่รู้ใจของตัวเองมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะสานสัมพันให้งอกเงยมากยิ่งขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่ ตลอดเวลาที่ได้คบกันพาชื่นเริ่มรู้ตัวว่าเธอรักรัชนกและจากการกระทำของรัชนก ก็ทำให้พาชื่นรู้ว่ารัชนกเองก็ไม่ได้ต่างไปจากเธอ

คำคืนแห่งการเลี้ยงฉลองความสำเร็จจบลงด้วยบทรักที่เร่าร้อน เมื่อพาชื่นตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบกับเตียงข้างๆ ที่ว่างเปล่า เธอเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆ เขียนไว้ว่า

“พี่กลับไปที่ห้องก่อนนะนิด ต้องไปเตรียมเอกสารสำหรับทำงานพรุ่งนี้ แล้วเย็นนี้เจอกันนะคะที่รัก”

ข้อความที่พาชื่นได้อ่านนั้นทำให้คนอ่านยิ้มแก้มแทบปริ เธอและรัชนกกลายเป็นที่รักของกันและกันไปแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้พาชื่นต้องแปลกใจเสมอมาก็คือ รัชนกจะกลับไปที่ห้องเมื่อเวลาตีสี่ของวันใหม่ทุกครั้ง นานๆ ครั้งถึงจะนอนค้างเป็นเพื่อนเธอที่ห้อง และสิ่งที่รัชนกบอกกับเธอทุกครั้งก็คือต้องกลับไปเตรียมเอกสารสำหรับทำงาน เธอเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะบางครั้งเธอเองก็ไม่ได้อยู่ที่ห้องโดยเฉพาะเสาร์หรืออาทิตย์ไหนที่พ่อกับแม่เข้ากรุงมาเพื่อติดต่องานทางด้านส่งออก เธอเองก็ไม่มีเวลาที่จะอยู่กับรัชนก เพราะตัวเองก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกพ่อกับแม่ว่าแฟนหรือคนรักของเธอเป็นหญิง

เมื่อต้องไปติดต่องานกับบริษัทส่งออก พาชื่นก็ได้พบกับมัลลิกา หญิงสาวที่สวยและมั่นใจในตัวเอง มัลลิกาเป็นเจ้าของบริษัทส่งออกที่พ่อกับแม่ของพาชื่นใช้บริการส่งของข้ามน้ำข้ามทวีปมาสม่ำเสมอ บริษัทของมัลลิกาเป็นบริษัทเก่าแก่ทางด้านการเดินเรือส่งออก

นั่นหมายถึงว่าพ่อแม่พาชื่นและพ่อแม่ของมัลลิกานั้นรู้จักกันเป็นอย่างดี

“สวัสดีคะพี่ปอย” พาชื่นยกมือสวัสดีมัลลิกาทุกครั้งที่เธอมาพบและทักทายเช่นเดียวกัน

“สวัสดีคะน้องนิด ลมอะไรหอบมาคะ”

“ลมคิดถึงพี่ปอยไงคะ”

“แหมปากหวานมาเชียว วันนี้มีอะไรให้บริษัทพี่รับใช้คะ”

“ถ้าไม่มีธุระนี่นิดมาหาพี่ปอยไม่ได้ใช่ไหมคะพี่”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน้องนิด พี่ก็ต้องถามเรื่องงานก่อนเป็นอันดับแรก จะให้พี่พูดเรื่องส่วนตัวกับลูกค้ารายใหญ่ก่อนคงไม่ดีแน่ๆ เลย เกิดน้องนิดมีธุระสำคัญพี่ก็กลายเป็นคนไม่เอาถ่านไปเลยสิคะ”

“พี่ปอยก็พูดเกินไป พอดีวันนี้นิดว่างๆ คะพี่เลยจะมาชวนพี่ปอยไปทานข้าวด้วยกัน”

“เหรอไปสิพี่เลี้ยงเองนะคะน้องนิด”

“ไม่สิคะ นิดมาชวนพี่นิดก็ต้องเลี้ยงสิคะ”

“งั้นไปทานอะไรใกล้ๆ แถวนี้แล้วกันนะน้องนิด เพราะตอนบ่ายพี่ต้องไปที่ท่าเรือพอดีมีเรื่องวุ่นๆ นิดหน่อยที่นั่น”

“งั้นนิดไม่รบกวนพี่ปอยดีกว่าคะเดี๋ยวพี่ปอยจะมาเสียงานเสียการเพราะนิด”

“ไม่เลยน้องนิดพี่ว่างตอนนี้เพราะไงก็ต้องให้เค้าเตรียมเอกสารให้อยู่ดี” จากนั้นสองสาวก็ออกไปหาร้านแถวๆ ที่ทำงานของมัลลิกานั่งพูดนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไป

“แล้วนี่น้องนิดพักที่ไหนคะไกลหรือเปล่า”

“ไม่ไกลหรอกคะพี่ปอยนิดพักที่คอนโดนั่นไงคะ” พาชื่นชี้ไปที่ตึกริมน้ำสูงตระหง่านอยู่ไม่ห่างจากร้านอาหารแห่งนี้

“เหรอบังเอิญดีจังเราพักที่เดียวกันเลยนะ”

“จริงเหรอคะ ไว้วันไหนนิดว่างๆ นิดจะแวะไปที่ห้องของพี่ปอยบ้างดีกว่า”

“ได้เลยน้องนิดถ้าน้องนิดมาวันไหนพี่จะทำกับข้าวเลี้ยงน้องนิดนะ”

“ยินดีรับคำเชิญค่ะพี่ปอยเรื่องกินนิดถนัดอยู่แล้ว”

“แต่วันนี้พี่ต้องขอตัวก่อนนะคะน้องนิดใกล้เวลานัดแล้วเดี๋ยวพี่ไปไม่ทัน แล้วนี่น้องนิดจะกลับไงคะไม่ได้เอารถมาให้พี่ไปส่งที่คอนโดก่อนไหม”

“พี่ปอยไปเถอะคะ ไม่ต้องห่วงนิด เดี๋ยวนิดนั่งรอแฟนนิดอีกสักพักก็จะกลับแล้วค่ะ”

“ว้าเสียดายจังพี่เลยอดเจอแฟนน้องนิดเลยไม่รู้ว่าจะหล่อขนาดไหน”

“จุ๊ๆ ค่ะพี่ปอยแฟนิดเป็นผู้หญิง รู้แล้วอย่าไปบอกพ่อกับแม่นิดนะคะ”

“จ้าไม่บอกหรอกรับรองได้เพราะแฟนพี่ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน”

สองสาวหัวเราะด้วยกันทั้งคู่ก่อนที่มัลลิกาจะขอตัวจากไปเพราะติดงานที่ท่าเรือ พาชื่นนั่งรอสักพักรัชนกก็มาถึงที่ร้านอาหาร

“ทานอะไรหรือยังคะน้องนิด”

“เรียบร้อยแล้วคะพี่นก นิดพึ่งทานกับพี่สาวไปเสียดายที่พี่นกมาไม่ทันไม่ได้เจอพี่สาวที่แสนสวยและแสนดีของนิด”

“เหรอจ๊ะไม่เป็นไรหรอกสาวคนไหนๆ ก็สู้น้องนิดของพี่ไม่ได้หรอกนะ”

“กินคำหวานๆ บ่อยๆ เดี๋ยวนิดก็เลี่ยนตายพอดี ไขมันจุกอกตาย”

“ให้พี่ตายแทนน้องนิดดีกว่าคะพี่ไม่อยากเห็นน้องนิดตายก่อนพี่ พี่คงเศร้าใจที่ต้องมาทำศพคนที่พี่รัก”

“แหม หวานอีกแล้วนะคะพี่นก จะทานอะไรคะ เดี๋ยวนิดจะได้สั่งเพิ่ม”

“พี่ทานน้องนกได้ไหมข้าวไม่หิวพี่หิวอย่างอื่น”

“ไม่ได้ค่ะพี่นกต้องทางข้าวก่อน อย่างอื่นกลางวันแสกๆ แบบนี้ทานไม่ได้”

พาชื่นปรามคนรักของตัวเองที่นับวันจะหวานจนเธอเคลิ้มไปกับคำหวานที่รัชนกป้อนให้ทุกวัน เธอเองยังเคยนึกว่าหากว่าวันใดที่เธอต้องเสียรัชนกไปตัวเธอคงจะเสียใจมากมายเหมือนกัน แต่วันนั้นคงไม่มีทางจะมาถึงเพราะเธอไม่คิดที่จะจากรัชนกไปไหน

รัชนกพาพาชื่นไปหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่เลือกกันอยู่พักใหญ่

“ชุดนี้ดีแล้วน้องนิดเอาชุดนี้เลยไม่ต้องเปลี่ยนกลับแล้ว คุณคะชุดนี้เลยค่ะ” รัชนกยื่นเครดิตคาร์ดให้กับพนักงานขาย

“จะดีเหรอคะพี่นกมันโป๊ออก” พาชื่นบ่นชุดสายเดี่ยวที่รัชนกเลือก

“ดีสิคะชุดแบบนี้แหละค่อยสมเป็นน้องนิดของพี่หน่อย ใส่ไปเลยนะคะ”

“แต่มันโป๊”

“ก็เพราะว่าโป๊สิค่ะพี่ถึงได้ให้น้องนิดใส่เลย ถ้าทิ้งไว้น้องนิดไม่มีทางหยิบเอามาใส่แน่ๆ”

“แหมพี่นกรู้ทันนิดอีกแล้วนะ”

“ถ้ารู้ไม่ทันน้องนิดพี่ก็ไม่ใช่แฟนน้องนิดสิคะ” เมื่อโดนคำพูดแบบนี้พาชื่นจึงต้องจำใจยอมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ที่รัชนกซื้อให้เธอ

ถึงคอนโดรัชนกแวะซื้อเบียร์ที่ร้านค้าด้านล่าง และหิ้วขึ้นไปดื่มบนห้องของพาชื่น ตลอดทางทั้งคู่หัวเราะพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

............

สองเดือนถัดมาพาชื่นมีโอกาสได้เข้าไปที่ห้องของมัลลิกาเพราะคำเชื้อเชิญของมัลลิกาและก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้รู้ว่าห้องของมัลลิกาอยู่ชั้นเดียวกับเธอ

“ห้องพี่ปอยสวยจังคะ”

“อืมค่ะพี่ซื้อตั้งแต่ตอนยังสร้างไม่เสร็นแนะน้องนิด”

“เหรอคะ แล้วนี่พี่ปอยอยู่คนเดียวเหรอคะ”

“พี่อยู่กับแฟนพี่คะน้องนิด”

“น่าอิจฉาพี่ปอยจังเลยที่ได้อยู่กับแฟน แฟนนิดสิคะ อยู่เหมือนไม่อยู่”

“ไม่ต่างกันหรอกค่ะแฟนพี่อยู่ก็เหมือนไม่อยู่เหมือนกัน” มัลลิกาพูดถึงแฟนของตัวเองน้ำเสียงก็เครือๆ

“พี่ปอยมีรูปของแฟนพี่ปอยไหมคะนิดอยากเห็นจังเลยว่าใครน้อชั่งโชคดีที่ได้พี่ปอยมาเป็นแฟน”

มัลลิกาหยิบรูปคู่ของตัวเองยื่นให้กับพาชื่นได้ดู แต่สิ่งที่พาชื่นเห็นนั้นทำเอาเธอมือไม้อ่อนไปหมด กรอบรูปที่อยู่ในมือร่วงหล่นลงพื้นแตกกระจาย

“อุ้ยขอโทษคะพี่ปอย” พาชื่นกุลีกุจอก้มลงเก็บกรอปรูปที่ตกแตกกระจายจนกระจกนั้นบาดนิ้วของเธอ

มัลลิกาทำแผลให้กับพาชื่นจนเสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะไปเก็บเศษกระจกที่หล่นแตกไปทิ้งในถังขยะ

“ไม่เป็นไรนะน้องนิด เจ็บมากไหม”

“นิดขอโทษนะคะพี่ปอยที่ทำรูปพี่กับแฟนของพี่หล่นแตก”

“ของมันไม่ได้มีค่าอะไรเลยน้องนิด ถ้าคนเรายังรักกันดีอยู่ต่อให้กรอบรูปตกไปสักร้อยสักพันรูปความรักก็ยังคงอยู่ แต่ถ้าคนเราไม่รักกัน ต่อให้กรอบรูปมันยังอยู่ดีๆ ไม่แต่ไม่หล่น รักก็ไม่สามารถที่จะคงอยู่ได้เหมือนๆ กับเศษแก้วที่แตกไปแล้วมันไม่สามารถที่จะเอามารวมกันให้เหมือนเดิมได้หรอก ในที่สุดเราก็ต้องทิ้งมันไป”

“พี่ปอยพูดเหมือนกับว่าพี่กับแฟนกำลังมีปัญหากัน”

“พี่รู้มาว่าแฟนพี่กำลังมีคนใหม่”

พาชื่นได้แต่นิ่งเงียบเธอจะบอกมัลลิกาได้อย่างไรว่าแฟนของเธอและแฟนของมัลลิกาก็คือคนๆ เดียวกัน สภาพของพาชื่นในตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับเมียน้อย ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ตั้งใจ แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่ารัชนกจะกล้าถึงเพียงนี้ กล้าที่จะทำให้มัลลิกาหญิงสาวที่แสนดีต้องเจ็บช้ำ กล้าที่จะปกปิดแม้กระทั่งเธอที่รักรัชนกสุดหัวใจ

“พี่ปอยจะโกรธนิดไหมคะหากนิดจะบอกอะไรพี่ปอยให้ได้รู้ไว้”

“พี่จะโกรธน้องนิดทำไมคะน้องนิดไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

“คือว่า” พาชื่นสูดลมหายใจเข้าปอดตัวเองอีกครั้ง “พี่นกเป็นแฟนนิดค่ะพี่ แต่นิดไม่รู้มาก่อนว่าพี่นกมีแฟนแล้ว นิดของโทษนะคะพี่ปอย”

มัลลิกาแทบจะหมดแรงนั่งเธอเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ก่อนที่จะพูดว่า

“น้องนิดกลับห้องไปก่อนเถอะคะพี่ขออยู่คนเดียวสักพัก”

พาชื่นเดินน้ำตาซึมออกมาจากห้องของมัลลิกา เจ็บแผลที่โดนเศษแก้วบาดที่นิ้ว แต่มันยังเจ็บไม่เท่ากับแผลที่รัชนกได้ก่อไว้ให้กับเธอ แผลนั้นมันบาดลึกลงไปในใจของพาชื่นจนเจ็บไปหมดทั้งหัวใจ

พาชื่นตัดสินใจกลับไปที่บ้านไม่ยอมรับโทรศัพท์ของรัชนกที่โทรมาตามหาเธอ เธอทำใจไม่ได้เมื่อต้องรู้ว่าตัวเธอเป็นคนที่ทำให้ชีวิตคู่ของพี่สาวที่น่ารักอย่างมัลลิกาต้องล่มสลาย หากเธอเป็นมัลลิกาเธอจะทำอย่างไร ยอมรับโดยดีหรือทิ้งรัชนก

แน่นอนพาชื่นเลือกที่จะเดินจากมามากกว่าที่จะทนหน้าด้านอยู่ต่อไป เธอไม่ต้องการเป็นคนที่ได้ชื่อว่าแย่งของรักของผู้หญิงที่เธอนับถือเหมือนเป็นพี่สาวแท้ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอทั้งรักและเคารพมัลลิกาเหมือนพี่สาวแท้ๆ ของตัวเอง เธอจะไม่ยอมทำตัวเป็นมือที่สามให้ความรักของมัลลิกาต้องแตกหักไปด้วยมือของเธอ

พาชื่นยืนจับหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง มันเจ็บแปล๊บแสนจะทนแต่ก็ต้องทน

เธอเลือกแล้วที่จะเดินจากมา เธอไม่ต้องการได้ชื่อว่าเป็นเมียน้อยของใคร เพราะเธอไม่อยากจะเป็น

... จบ ...



Create Date : 31 กรกฎาคม 2551
Last Update : 13 สิงหาคม 2551 18:47:04 น. 4 comments
Counter : 454 Pageviews.

 
พักนี้เรื่องสั้นของคุณมีแต่เรื่องปวดใจ เจ็บใจ ไปเจ็บไปปวดที่ไหนมากันค่ะ

เอามาระบายใน Blog เป็นนิยายให้อ่านเนี่ย คนอ่านก็อ่านไปน้ำตาซึมไปนะซิ


โดย: ต้นรัง IP: 118.172.166.206 วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:58:17 น.  

 
มาอ่านค่ะ


โดย: โสดในซอย วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:27:02 น.  

 
เรื่องสั้นๆ แต่ปวดใจ หาใดเปรียบ

อ่านแล้วเครียด เปลี่ยนโหมดไปก็ได้

อ่านแล้วเศร้า แทบกระโดด ตึกลงไปตาย

แต่ตอนนี้ทำได้ แค่....เช็ดน้ำตา


โห่คุณต้นรังขา ... ฉันไม่ได้อกหักรักคุดแต่ประการใด

แค่ฟังเพลงของคุณปนัดดาแล้วฉันเกิด อยากเขียนอะไีออกมาก็เ่ท่านั้นเองค่ะ


คุณโสดในซอย

ขอบคุณที่แวะมาบ้านฉันคะนานๆ จะได้ต้อนรับแขกสักที ที่บ้านหลังนี้มีแต่ขาประจำเท่านั้น เชิญนั่งพักอารมณ์ จิบน้ำชา ก่อนนะคะ

ยินดีต้อนรับเสมอ


โดย: รันหณ์ วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:51:50 น.  

 
หลงเข้ามาแต่ชอบน่ะคับ


โดย: Godzillaฟันเหยิน IP: 96.49.235.214 วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:6:04:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.