It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้นแนวยูริ : บันทึก ตอนที่ 1

ในวันที่ฝนตกหนักเหมือนฟ้ารั่ว มันไม่ต่างจากวันก่อนๆ ที่ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน ทั้งๆ ที่อยากอยู่บ้านเพื่อนอนต่อใจแทบขาดเพราะบรรยากาศช่างน่าอภิรมณ์ในการนอนเสียนี่กระไร ฉันแอบบิดขี้เกียจพร้อมกับเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุกที่ดังสนั่นเหมือนเสียงฟ้าร้องที่น่ากลัวพร้อมกับเอ่ยว่า

“เช้าแล้วเหรอเนี่ยยังอยากนอนต่ออีกหน่อยนะ”

“ไม่ได้หรอกตัวเอง ตัวเองต้องตื่นนะวันนี้อาจารย์มีสอบเก็บคะแนนไม่ใช่เหรอ” เป็นเสียงอันแสนจะคุ้นหูของฉันของสาวน้อยหน้าสดใสที่ตื่นแล้วและกำลังแต่งตัวชุดนักศึกษารอเพื่อที่จะออกไปเรียนพร้อมกัน

“ตัวเองรู้ได้งัยแดงว่าวันนี้เรามีสอบ” ฉันถามออกไปด้วยเสียงอันงัวเงียและสีหน้างงไม่แน่ใจว่าคนที่พูดรู้ได้อย่างไรว่าฉันจะต้องทำอะไรในวันนี้

“เอ๊า ก็ตัวบอกเค้าเมื่ออาทิตย์ก่อนไม่ใช่เหรอว่าวันนี้อาจารย์จะเก็บคะแนน แล้วให้เค้าเตือนตัวเองว่าอย่าลืมไปสอบนะเดี๋ยวตัวมีคะแนนเก็บไม่พอต้องเรียนซ้ำเพราะเป็นวิชาเอกที่แสนจะยากเย็นของตัวเนี่ยนะ ลืมได้งัย” เธอพูดพร้อมกับเอื้อมมืออันยาวเรียวมาตีฉันพร้อมกับเขย่าและฉุดฉันให้ลุกออกจากที่นอนอันแสนอบอุ่นและน่านอนของฉัน

“เค้าไม่ลืมหรอก แต่…….”

“ไม่ต้องมาพูดเลยลุกได้แล้ว เมื่อคืนก็กลับซะดึกแล้วยังมาทำเป็นเรื่องมากอีก ก็ไหนบอกว่าไปติววิชามางัย ทำไมยังขี้เกียจอีก ลุก ลุก ลุก ไม่ได้เรื่องเลย” เธอพูดพร้อมกับทำสีหน้าเบื่อหน่ายในตัวฉันเป็นอย่างมาก

ฉันยังคงนอนบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอน แล้วถามเธอว่า”กี่โมงแล้วหละเนี่ย”

“เกือบหกโมงเช้าแล้ว เร็วเข้าเดี๋ยวไม่ทัน ฝนตกหนักด้วยเค้าต้องรีบไปเหมือนกันวันนี้มี PRESENT นัดพวกอังไว้เดี๋ยวไปสายโดนว่าเอาอีกหรอก ตัวต้องไปส่งเค้าอีกนะ”

“OK 5 นาที ไม่นานกว่านี้หรอกรอเราด้วยละกัน” ฉันพูดพร้อมกับรีบลุกออกจากที่นอนแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรีบร้อน

เมื่อฉันอาบน้ำเสร็จก็เห็นเธอนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ไดร์ผมอยู่

“อ้าวทำไมตัวยังไม่เสร็จอีกเหรอ”

“ก็ปลุกตัวเองก่อนงัย จะได้ไม่ช้า”

“โธ่เอ๊ย ไอ้เราก็นึกว่าเสร็จแล้วเห็นรีบเหยงๆ รู้งี้ไม่รีบก็ดีหรอก เหนื่อยแทบตาย” ฉันต่อว่าในสิ่งที่เธอเร่งรีบปลุกฉันเพื่อให้ตื่นทั้งๆที่ยังอยากนอนต่อ

“ไม่ต้องพูดเลย รีบแต่งตัวเข้าอย่าให้เราเสร็จก่อนนะ เดี๋ยวมีเรื่อง ฮิ ฮิ”

“ก็ได้เรานะเร็วอยู่แล้วไม่ต้องสั่งหรอก ไม่นาน ไม่นาน ฮ่า ฮ่า” พูดพร้อมกับเดินไปหยิบชุดที่เธอรีดให้เรียบร้อยอยู่ในตู้มาใส่

“เสร็จแล้ว เอวันนี้ฝนตกแต่เช้าเลยนะ สงสัยรถจะต้องติดหนักแน่ๆเลย” พึมพำกับตัวเองพร้อมกับมองดูท้องฟ้าที่มีแต่เมฆสีดำทะมึนเต็มท้องฟ้าไปหมด

“นั่นสินะ เร็วเถอะ เออแล้วตัวเอาเป้ไปไว้ไหนหละ เมื่อเช้าเราหาไม่เจอ”

“อ๋อ อยู่ในรถเราขี้เกียจหยิบมาเห็นว่าวันนี้ก็ต้องเอาไปอีกเราเลยทิ้งไว้ในนั้นแหละหนักจะตายขี้เกียจแบก”

“อืม ก็ดีนึกว่าลืมไว้บ้านสาวที่ไหน อย่าให้รู้นะเป็นเรื่อง” เธอทำสีหน้าท่าทางเอาเรื่องจริงจังกับสิ่งที่เธอพูด

“ไม่มีร๊อก ใครจะกล้า ดุยังกะเสือ” ฉันแอบพูดเสียในลำคอโดยไม่ให้เธอได้ยิน

“เนี่ย!!!! อย่านึกนะว่าไม่ได้ยิน” แล้วเธอก็วิ่งไล่ตามฉันที่แต่งตัวเสร็จแล้วและวิ่งหนีเธอออกมานอกบ้านเพื่อเธอจะได้ถวายพระผางสักหนึ่งตุบให้หอมปากหอมคอเป็นที่สะใจของเธอ

“อย่าลืมล็อกประตูบ้านหละ เดี๋ยวกลับบ้านมาไม่มีอะไรเหลือไม่รู้ด้วยนะเออ” เธอบอกพร้อมกับลอยหน้าลอยตาทำให้ฉันหมั่นใส้

“คะ แม่คุ๊ณ แม่ทูนหัว” แล้วฉันก็ล็อกประตูบ้านพร้อมกับเดินไปที่รถเพื่อที่จะเป็นสารถีขับไปส่งสาวน้อยไปเรียน

………………………

ทางไปมหาวิทยาลัยของเราเป็นทางผ่าน ฉันต้องผ่านมหาวิทยาลัยเธอก่อนทุกวัน ถึงจะไปมหาวิทยาลัยฉันได้ ดังนั้นมันจึงเหมือนเป็นหน้าที่ที่ทุกวันฉันต้องแวะส่งเธอและแวะรับกลับหากไม่มีธุระหรือทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยต่อ การนัดรับและส่งของเราก็จะนัดกันตั้งแต่เช้าว่าจะแวะรับกี่โมงรอที่ไหน ฉันและเธอจึงเปรียบเสมือนปาท่องโก๋ หากเห็นฉันที่ไหนก็ต้องเห็นเธอที่นั่น และหากวันไหนฉันไม่มีเรียนก็ต้องตื่นไปส่งเธอพร้อมกับหน้าตาที่ยังไม่ตื่นของฉัน และอาการง่วงเหงาหาวนอนของฉันอีกเช่นกัน

เมื่อขับรถถึงมหาวิทยาลัยของเธอฉันจึงพูดขึ้นว่า “แดง วันนี้เราไม่มารับนะ เรามีรับน้องที่คณะ เค้าให้เราเป็นคนสอนน้องร้องเพลงคณะ เห็นว่าต้องอยู่ถึงดึกหากตัวเองจะกลับก็กลับก่อนละกัน เราสอบเสร็จแล้วจะได้อยู่ต่อตอนเย็นเลยไม่ต้องมารับตัวเองงัย”

“ก็ได้ แล้วอย่าไปมองสาวๆ รุ่นน้องหละ เราหวงนะรู้ไว้ด้วย” พร้อมกับดึงเอาตัวฉันไปหอมแก้มหนึ่งที่ตามระเบียบ

“จ๊า ไม่มองก็ได้ อ้าว!!!! แล้วจะทำงัยเวลาสอนน้องร้องเพลงหละ ว้างี้ตาบอดดีไม๊เรา ฮิ ฮิ”

“ไม่ต้องเลยนะ เราไปหละแล้วเจอกันที่บ้านนะ บาย” และเธอก็เปิดประตูเพื่อที่จะลงรถเดินเข้ามหาวิทยาลัย

“บาย” ฉันบอก พร้อมกับโบกมือบ๊ายบายเธอและตั้งหน้าตั้งตาขับรถเพื่อที่จะไปสอบให้ทัน

………………………..

บรรยากาศในมหาวิทยาลัยวันนี้ดูช่างไม่น่ามาเสียเลย ตั้งแต่เช้า รถติดเพราะฝนตก และฝนยังคงตกทั้งวัน จนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่หยุด อย่างที่พอทราบกันแล้วว่าในกรุงเทพ หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็จะทำให้รถติดกันยาวเป็นหางว่าว ไม่ใช่สิ ติดกันยาวเป็นหางพญานาคเลยก็ว่าได้ในความคิดของฉัน เพราะรถติดทุกไฟแดง ทุกแยกก็ว่าได้ ประจวบกับมหาวิทยาลัยของฉันก็อยู่มันซะใจกลางเมืองขนาดนี้แถมยังมีฝนน้ำท่วมขับรถไปแทบจะหงุดหงิดตลอดทาง ไม่รู้ผู้ว่า กทม.ทำอะไรอยู่นะเนี่ย หาทางระบายน้ำที่ตกมาทั้งคืนไม่ทันแล้วคนในกรุงเทพฯ จะไปทำงานกันทันยังงัยเนี่ยฮะ เฮ้อ!!! คิดแล้วกลุ้ม

เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัย ก็รีบร้อนจอดรถแล้ววิ่งฝ่าสายฝนที่ยังตกหระหน่ำไม่มีท่าทางว่าจะหยุดเพื่อขึ้นตึกเรียนและได้ยินเสียงตะโกนทักว่า

“เฮ้ยตั๊ก เรานึกว่านายมาไม่ทันแล้วสิ เรานะรีบมารอตั้งแต่เช้ากลัวมาไม่ทันห่วงนายด้วยเห็นบ้านไกลเป็นงัยพร้อมไม๊” เอ๋เพื่อนของฉันทักขึ้นเมื่อเห็นฉันวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้รอดพ้นจากสายฝนที่ตกหนักนั้น

“พร้อมบ้าอะไรหละ อ่านไม่จบเลยเอ๋” ฉันพูดพร้อมกับปัดหยดน้ำที่เกาะตามเสื้อออก

“ไม่เป็นไรมั๊ง เร็วเถอะจะได้เวลาแล้ว”

“เออ เดี๋ยวเราเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวตามไป” แล้วฉันก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลยโดยไม่รอให้เพื่อนอนุญาต

…………………..

ในห้องสอบ ด้วยความที่ฉันกลับบ้านดึกเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้นอนน้อย และประจวบกับอ่านหนังสือไม่ทันและทำข้อสอบไม่ได้ฉันจึงนั่งหลับในห้องสอบ และก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะมีก้อนกระดาษปามาโดนศีรษะของฉัน

“เฮ้ย…..ใครวะ” ฉันสะดุ้งตื่นพร้อมส่งเสียงดัง

“นิสิต เบาๆ หน่อย เพื่อนกำลังใช้ความคิด” เสียงอาจารย์ดุมาให้ได้ยินแต่ท่านก็ยังคงก้มหน้านั่นอ่านตำราเล่มหนาในมือต่อโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองพวกฉัน

ฉันหยิบกระดาษที่ปามานั่นออกคลี่ดู ในนั้นมีใจความว่า

“เราส่งให้นะอย่าหาว่าเราดูถูกเลยเรารู้ว่านายทำไม่ได้อย่าว่ากันนะ” แล้วฉันก็ยิ้มจนหน้าบานและขอบใจเอ๋ที่ส่งคำตอบมาให้ฉัน พร้อมลอกคำตอบลงในกระดาษคำตอบอย่าลุกลี้ลุกลน โดยที่อาจารย์จับไม่ได้

ในที่สุดการสอบอย่างเอาเป็นเอาตายก็สิ้นสุดลง

“เอ๋ ขอบใจนะ ถ้าไม่ได้นายเราแย่แน่” ฉันขอบใจเพื่อนรักในน้ำใจที่เธอมีให้และคิดว่าหากไม่ได้เธอฉันคงแย่ หลังจากที่สอบเสร็จและออกมายืนคุยกันหน้าห้องสอบ

“ไม่เป็นไรหรอก ครั้งเดียวเท่านั้นแหละนายไม่รู้อะไร หลังห้องนะลอกกันเป็นชุดเลย ทั้งแถบเราไม่รู้ว่าอาจารย์ท่านคิดงัยถึงปล่อยให้ลอกกันขนาดนี้โดยไม่ทำโทษเลย ……แปลก” เอ๋ทำหน้าฉงนกับการที่อาจารย์ไม่สนใจการกระทำของพวกเราที่ทำกันในห้องสอบ

หากแต่มีใครหารู้ไม่ว่าความคิดของเอ๋ในครั้งนั้นมันผิดถนัด อาจารย์ทำให้เราต้องเรียนวิชา SURVEY ซ้ำโดยที่เราไม่รู้ตัวกันมาก่อนเลย จนกระทั่งจบเทอมนั้น และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของฉัน

……………………………….



Create Date : 02 ธันวาคม 2550
Last Update : 2 ธันวาคม 2550 16:13:15 น. 0 comments
Counter : 331 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.