It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้นแนวยูริ เรื่องฟ้าดาวและทะเล






ฟ้าดาวและทะเล


รถสีแดงเพลิงขับมาด้วยความเร็วสูง ในถนนสายเปลี่ยว ด้วยความเร่งรีบของผู้ขับ ที่ต้องรีบกลับบ้านเนื่องจากเป็นเวลาตี 3 กว่าแล้ว

“ติ๊ดๆๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“ใครโทรมานะ ดึกป่านนี้” เจ้าของรถสีแดงบ่นท่ามกลางความมือ และควานหาโทรศัพท์ที่แผดเสียงดังเครื่องดังกล่าว

“เอ อยู่ไหนนะ ว่าวางอยู่แถวนี้นี่นา” พร้อมก้มลงหา

ทันใดนั้น รถมอเตอร์ไซด์ คันจิ๋วก็ขับปาดหน้า

“เอี๊ยด …….โคร่ม……..” เสียงรถสีแดงที่หักหลบรถมอเตอร์ไซด์คันนั้นขับชนต้นไม้ข้างทางอย่างจังๆ
……………….

“รีบนำคนป่วยออกจากรถด่วนด้วยนะ หน่วยกู้ภัย วอสอง ” เสียงเจ้าหน้าที่กู้ภัยทำงานประสานกันอย่างรีบเร่ง เพื่อนำเจ้าของรถสีแดงไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

“งัดออกมานะ เอาเครื่องมือง้าง ด้วย...ยังหายใจยังไม่ตาย เร็วเข้าเร็ว ติดต่อโรงพยาบาลด่วนด้วย คนเจ็บเสียเลือดมาก” เสียงเจ้าหน้าที่หลายสิบคน กระวีกระวาดช่วยเหลือคนเจ็บให้ออกจากรถที่มีสภาพเละจนไม่น่าเชื่อว่าคนขับยังจะมีชีวิตอยู่

……………..

ณ.โรงพยาบาลแถวชานเมืองกรุงเทพแห่งหนึ่ง

“คนป่วยเสียเลือดมากนะคุณ ติดต่อขอเลือดด่วน ปั๊มหัวใจ ใช้เครื่อง refill ด้วย เคลีย “

“ปิ๊ป …… เคลีย …… ปิ๊ป ….. เคลีย …….. ปิ๊ป” เสียงเครื่องปั๊มหัวใจในมือหมอทำงาน

“เต้นแล้ว ขอ adenaline 0.5 cc ด่วน” หมอและพยาบาลพยายามช่วยคนป่วยอย่างเต็มที่ ในที่สุด เธอคนนั้นก็ยังมีชีวิตรอด

…………….

“ติดต่อ ญาติคนไข้ได้ไม๊คะ คุณ” เสียงหมอสาวถามขึ้นหลังจากได้ปฏิบัติภาระกิจช่วยชีวิตคนป่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ได้แล้วครับ สักพักคงมา” เจ้าหน้าที่กู้ภัยบอกกับหมอเจ้าของไข้

“เราต้องการเลือดด่วนนะค่ะ ตอนนี้” สีหน้าของหอมดูเป็นกังวล

“ครับ จะฝากประกาศทาง จส.110 ให้”

…………

“ลูกดิฉันเป็นยังงัยบ้างค่ะคุณหมอ” หญิงสาวสูงอายุท่าทางภูมิฐานท่านหนึ่งดังขึ้นอย่างเป็นกังวล

“ปลอดภัยค่ะคุณ แต่ตอนนี้เธอเสียเลือดมา และสมองบวม มีเลือดคั่งในสมอง เราต้องทำการผ่าตัดโดยด่วน และต้องขอบริจาคเลือดจากผู้มีจิตศรัทธาค่ะ”

“เอาเลือดดิฉันค่ะ ลูกดิฉัน เลือดกรุ๊ปเดียวกัน” หญิงสูงอายุ เสนออย่างไม่ต้องรอความคิดเห็นจากใคร

“ค่ะ พยาบาลค่ะ ช่วยพาคุณไป bleed เลือดด้วยค่ะ …… เอาคนป่วยเข้า OR ด้วย ด่วนนะ” คุณหมอคนสวยสั่งอย่างชำนาญ และเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด

…………

“สามชั่วโมงแล้วนะพ่อ ลูกเราจะเป็นงัยบ้าง” หญิงสูงอายุยังคงนั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ

“ไม่เป็นไรหรอกแม่ทำใจดีดี ว้ ลูกเราต้องไม่เป็นไร ลูกเราเป็นคนดีพระย่อมคุ้มครอง” ชายสูงอายุ ท่าทางอิดโรยหันกลับไปบอกกับหญิงสูงอายุท่านนั้น

“ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกเราให้ปลอดภัยด้วยเถอะ เจ้าประคู๊ณ”

ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก โดยแรงผลักของหมอสาว

“คุณหมอค่ะลูกดิฉันเป็นยังงัยบ้างค่ะ”

“ปลอดภัยแล้วค่ะ แต่ต้องรอดูอาการอีกสักระยะ เพราะสมองของเธอกระทบกระเทือนมาก มีเลือดคั่งในสมอง และ เรายังไม่ทราบว่าจะมีอาการแทรกซ้อนอะไรบ้าง คงต้องดูอาการอีกสักพักจึงจะตอบได้…… ขอตัวนะค่ะ ตอนนี้ยังไม่สามารถเยี่ยมได้นะค่ะต้องให้อยู่ในห้อง ICU ไปก่อนนะค่ะ” แล้วหมอสาวก็เดินจากไป

………….

ร่างกายของเธอตอนนี้ยังคงนอนไม่ได้สติ แต่ทำไมเธอเห็นตัวเธอหละแล้วใครมาทำอะไรที่นี่ โอ้วไม่นะ นี่กี่วันแล้วเรามาทำอะไรที่นี่

“ยังไม่ฟื้นเลยคะคุณหมอ เกือบ 2 อาทิตย์แล้ว” เสียงผู้เป็นแม่ดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“คะคงต้องใช้เวลา นี่ยังดีนะคะที่คนป่วยร่างกายแข็งแรงตั้งแต่ต้น ไม่งั้นคงแย่กว่านี้อีกเยอะ ใจเย็นๆนะค่ะคุณแม่ …. หมอจะมาดูเป็นระยะๆ นะคะ ขอตัวก่อนค่ะ” เธอก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงดูเป็นห่วงเป็นใยคนไข้รายนี้นัก เพราะอะไรนะ

“ลูกแม่... ตื่นเสียทีสิลูก... ใจแม่จะขาดอยู่แล้วนะลูก” น้ำตาของความเป็นแม่ไหลออกมาไม่หยุด ตั้งแต่ลูกสาวคนเดียวของเธอ เข้าโรงพยาบาลหลังจากประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เธอก็ไม่เป็นอันทำงาน มานั่งเฝ้าอาการถึงแม้ว่าจะเข้าเยี่ยมไม่ได้เธอก็ยังเฝ้าอยู่ตรงหน้าห้องนั้นไม่ไปไหน ร่างกายของเธอดูซูบซีดลงไปมากหากมีคนสังเกตุเห็น มีเพียงหมอสาวเท่านั้นที่เข้ามาพูดคุยเป็นระยะๆ และดูแลเธอเมื่อเธอเป็นลมโดยไม่ได้รังเกียจอะไรเธอ ส่วนสามีของเธอต้องวิ่รอกระหว่างโรงพยาบาลกับที่ทำงานทุกวันเพราะเป็นห่วงภรรยาและลูกสาว แต่เพราะธุรกิจที่ทำอยู่ไม่สามารถที่จะทิ้งได้ เขาจึงต้องวิ่งไปวิ่งมาตลอด

“คุณเป็นใคร” เสียงหญิงสาวที่ตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ถามหญิงสาวในชุดสีขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ฉันเป็นใคร โอ๊ย…… ปวดหัว” เธอว่าแล้วกุมขมับแสดงอาการปวดหัวรุ่นแรง

“ขอ pethitine 0.5 cc นะค่ะ แล้วก็ valuim .05 cc ด้วย ฉีดเข้าเส้นนะ….อ้อ แล้วแจ้งญาติ คนไข้ด้วยว่าคนไข้ฟื้นแล้ว จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง …….. คุณประสบอุบัติเหตุทางรถค่ะ นอนเป็นเจ้าหญิงนิททรามา 3 อาทิตย์แล้วคะ เป็นงัยค่ะ” เสียงใสๆของหมอยังคงพูดต่อไป และประโยคหลังหันมาพูดกับฉันที่นอนปวดหัวอยู่บนเตียงคนไข้

“ปวดหัวคะ โอ๊ย…. ปวดมากอะ ช่วยที ช่วยด้วย………” ฉันยังคงร้องโอดโอยอยู่ที่เดิม

“ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวก็หายนะค่ะคนดี พักผ่อนเถอะคะตื่นมาจะได้ดีขึ้น นะค่ะ”

สิ้นเสียงนั้นแล้วฉันก็หลับไปด้วยอาการง่วงงุน คงเป็นเพราะฤทธิ์ยา

………….

“ดีใจจังคะคุณหมอที่น้องปานฟื้นซะที ขอบพระคุณนะค่ะคุณหมอที่ช่วยชีวิตน้องปานไว้ ดิฉันจะไม่ลืมพระคุณคุณหมอเลยชั่วชีวิตนี้” คุณระจิตหญิงสาวมารดาของปานหทัยขอบอกขอบใจคุณหมอสาวผู้แสนใจดีและน่ารัก คุณหมอดารา ผู้ใจดี และมีเมตตา

“คะ ไม่เป็นไรคะดาวยินดีรับใช้คะคุณจิต” และยิ้มให้อย่างมีเมตตา

“คงต้องรอดูอาการอีกสักระยะ อย่างที่ดาวเคยเรียนคุณน้าจิตไว้นะค่ะ ว่าต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอาการยังคงน่าเป็นห่วงอยู่”

“คะ คุณหมอดาวขอบคุณจริงๆนะค่ะ ดิฉันไม่มีอะไรตอบแทนคุณหมอได้เลย ต้องขอบคุณจากใจจริงอีกครั้งคะ ดิฉันมีลูกคนเดียว ถ้าเสียเค้าไปดิฉันคงอยู่ไม่ได้” น้ำตาของผู้เป็นแม่ซึมออกมาอีกครั้ง

“คะ ช่วงปีใหม่ก็อย่างนี้แหละคะ อุบัติเหตุเกิดเยอะหมอเองก็ทำงานไม่ได้หยุดเหมือนกัน ปี 2000 นี่ ดุจังนะค่ะ” แล้วหมอคนสวยก็ยิ้มส่งเป็นกำลังใจให้กับญาติคนป่วย

“ขอตัวนะค่ะ”

“คะ ไม่ส่งนะค่ะคุณหมอ”

……………

ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ใครกันนะ ผู้หญิงคนนั้น แล้วนี่ใครกัน นั่งอยู่ข้างเตียง

“ตื่นแล้วหรือลูก” คุณระจิตถ้าด้วยเสียงตื่นเต้น

“คุณเป็นใคร มาทำอะไร” ฉันจำไม่ได้จริงๆผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน

“แม่งัยคะลูก นี่แม่นะลูกปาน ฮือๆๆๆ….. ทำไมลูกจำแม่ไม่ได้หรือค่ะลูก” เสียคุณระจิตสะอื้นหนักขึ้น

“ไม่ใช่ คุณเป็นใคร” ฉันเสียงเขียว ฉันลืมหมดทุกอย่างที่เคยมีในอดีต ลืมแม้กระทั่งตัวเองว่าเป็นใคร จำชื่อตัวเองไม่ได้ โอ๊ย ฉันปวดหัว ใครเอาอะไรมาไว้ในหัวฉัน เอาออกไปที

“ช่วยด้วย……. ปวดหัว ใคร โอ๊ย …… ฉันเป็นใคร” ฉันยังคงร้องอยู่เช่นนั้น และดิ้นทุรนทุรายจนผ้าปูที่นอนหลุดรุ่ย เอามือทั้งสองข้างจับศรีษะไว้ ใช้ขาทั้งสองข้างถีบที่นอนอย่างรุนแรง

“คุณพยาบาลค่ะ ช่วยด้วยคะ...........”คุณระจิต กดอ๊อดเรียกพยาบาลเพื่อให้เข้ามาดูอาการของลูกสาวเธอ

“อาละวาดใหญ่แล้วคะ จำอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งดิฉัน ทำงัยดีค่ะ คุณหมอดาวอยู่ไม๊ค่ะ”

“คุณหมอดาราเธอออกเวรไปแล้วคะคุณ”พยาบาลตอบแล้วก็วิ่งออกไปเรียกหมออีกท่านมาเพื่อดูอาการ

…………..

ฉันยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนั้นอีกเป็นเดือน เพราะโรคความจำเสื่อมของฉัน ที่เกิดจากอุบัติเหตุ หมอลงความเห็นว่าฉันควรที่จะได้อยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อสมองของฉันจะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ พ่อกับแม่จึงตัดสินใจว่า จะให้ฉันไปอยู่บ้านที่เมืองชลเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

หมอดาราคนสวยยังคงเป็นหมอเจ้าของไข้ของฉัน แต่ฉันต้องตื่นขึ้นมาด้วยอาการจำได้บ้างไม่ได้บ้าง และร่างกายที่ผอมลง กล้ามเนื้อที่ลีบลงเพราะการนอนบนเตียงมาโดยตลอดของฉัน

ฉันต้องไปฝึกทำกายภาพบำบัด อยู่ตลอด เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย ฉันเริ่มจำแม่และพ่อ รวมถึงคุณหมอดาราได้เพราะเราเจอกันทุกวัน แม้กระทั้งเสาร์-อาทิตย์คุณหมอดาราก็เข้ามาดูอาการของฉัน แม่บอกว่าคุณหมอใจดีมาก ยังโสด ฉันจำได้เพียงแค่นั้นนอกนั้นฉันจำไม่ได้

ฉันต้องเรียน เขียน เรียนอ่าน ใหม่หมด เหมือนเด็กหัดใหม่ นี่ดีแค่ไหนที่ยังจำว่าต้องพูดภาษาไทยได้ สื่อสารกันรู้เรื่องหมดดาราบอกกับฉันว่าคนป่วยบางคน แม้กระทั้งการพูดยังไม่เข้าใจว่าต้องพูดอย่างไรแต่ฉันยังพูดได้ คงเป็นเพราะสมองส่วนที่เป็นการพูดของฉันไม่ได้ถูกกระทบกระเทือนไปด้วยกระมัง

ทุกวันเมื่อแม่ของฉันกลับบ้านไป หมอดาราจะเข้ามาคุยกับฉัน ชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ทุกวันจนเราสนิทกัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึก อยากพูดอยากคุยกับหมอดารานักหนา รู้แต่เพียงว่า ฉันอยากใกล้ชิดกับหมอ หมอสอนให้ฉันดูดาว เพราะว่าจะได้ทำให้ฉันคลายกังวล

ฉันเคยแซวหมอว่าให้ฉันดูหมอดาราบนท้องฟ้าหรืองัยกัน

“ใช่สิค่ะ หากคุณคิดถึงหมอก็ดูดาวบนท้องฟ้า หมอจะคอยดูคุณหากไม่ทานยาตรงตามเวลา ไม่ยอมนอนพัก ไม่ยอมเรียน หมอจะได้มาดุคุณได้งัยค่ะ” เธอพูดเล่นได้แสนน่ารัก

“อีกสองวันคุณก็กลับบ้านได้แล้วหละคุณปาน แล้วมาตรวจตามที่หมอนัดนะค่ะ”

“ยังไม่อยากกลับบ้านเลยคะ ที่นั่นมีใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก แล้วปานจะคุยกับเค้ารู้เรื่องไม๊ค่ะ” ฉันถามด้วยความกังวล

“รู้เรื่องสิค่ะต้องรู้คุณปานเก่งจะตาย หมอเอาใจช่วยนะค่ะ แล้วมีอะไรหมอให้เบอร์โทรไว้ที่คุณน้าจิตแล้ว โทรหาหมอได้นะ หมอขอตัวนะค่ะ ต้องไปตรวจคนไข้ต่อ ”

“ประโยคนี้อีกแล้วคุณหมอขอตัวก่อน ทิ้งใจไว้นะ เราจะเก็บไว้อิอิ”

“นะคุณ แสดงว่าหายดีแล้ว กลับบ้านได้ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะค่ะหลับฝันดีนะ” หมอพูดพลางเดินเข้ามาพยุงฉันขึ้นนอนบนเตียงและห่มผ้าให้ ฉันมีความรู้สึกเหมือนหมอดาราคนนี้เป็นเหมือนแม่ของฉัน ซึ่งหลังจากที่ฉันเข้าโรงพยาบาล ท่านก็มีอาการไม่สู้ดีนัก เพราะท่านเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ระยะหลังๆ แม่ของฉันก็ไม่ค่อยได้มา ฉันรู้สึกเป็นห่วงท่าน พรุ่งนี้ฉันจะต้องกลับบ้าน รู้สึกใจหายเหมือนกันที่ต้องจากที่นี่ไป ก็จะทำไมหละ ฉันจำไม่ได้จริงๆ ว่าฉันเป็นใคร

………………….

พ่อกับแม่ พยายามให้ฉันเจอกับเพื่อนสมัยที่เรียนด้วยกัน เอารูปเก่าๆ มาให้ดู แต่ฉันจำไม่ได้ ในที่สุด ท่านก็ต้องเลิกราไป

ฉันไปพักฟื้นที่บ้านเมือชล ที่นั่นมีดาวให้ฉันดู ฉันเริ่มศึกษาเรื่องดาว อ่านหนังสือเกี่ยวกับดวงดาว เพราะอะไรนะ เพราะหมอดาวใช่ไม๊ หมอจะรู้ไม๊นะว่าฉันคิดถึง ฉันเฝ้าดูดาวทุกวันโทรหาหมอทุกวัน จนเป็นเรื่องปกติของฉันที่ต้องทำ

“หมอดูดาวอะไรอยู่คะตอนนี้” ฉันส่งเสียงตามสายไปหาหมอที่แสนดีของฉัน

“กลุ่มดาวนายพรานค่ะ ดูอยู่หรือเปล่าค่ะ”

“ค่ะ ดูอยู่ที่นี่เห็นชัดมากทะเลมืด ไม่มีแสงจันทร์ ปานกำลังเดินอยู่ริมทะเล รับลมค่ะ”

“นะค่ะ น่าอิจฉาจังเลย ตอนนี้หมออยู่ที่ระเบียงบ้าน นอนดูดาวอิจฉาคนอยู่ริมทะเลจัง อย่านอนดึกนะค่ะ เป็นห่วง อ้อ……. ปาน ทานยาหรือยัง อย่าบอกนะว่าลืม”

“แฮะๆๆ ลืมจริงๆ ด้วย”

“กลับบ้านเลย ไปทานยาเดี๋ยวก็ไม่หายหรอก” เสียหมอเป็นกังวลอย่างยิ่ง

“จ้าคุณแม่ ……อิอิ” แล้วบทสนทนาก็จบลงเพราะฉันต้องวิ่งกลับบ้านไปทานยา

…………………….

ความสัมพันธ์ของฉันกับหมอดาราเป็นไปด้วยดีตลอดสองปี ฉันมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ หมอดารามักจะลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉันที่บ้านชลบุรี บ่อยๆ ฉันเริ่มรู้สึกกว่านี่เป็นความรัก

ฉันเคยถามแม่ว่า ฉันเป็นแบบนี้ท่านจะโกรธไม๊ “แม่ไม่เคยโกรธปานหรอกลูกแค่มีปานอยู่กับแม่ แม่ก็ดีใจแล้ว อีกอย่างที่ลูก ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะหนูดาว หากปานจะรักหนูดาวแม่ก็ไม่ว่า แต่หนูดาวสิเค้าจะรักลูกของแม่ หรือเปล่า เธอออกสวยปานนั้น คงมีคนรักเธอมากมาย แล้วลูกแม่จะเสียใจเปล่าๆ นะลูก เผื่อใจไว้บ้างลูกแม่” แม่ฉันยังคงเป็นแม่ที่น่ารัก จะเหมือนเดิมหรือเปล่าฉันก็ไม่รู้เพราะ ความทรงจำของฉัน มันมีแค่ปี 2000 เท่านั้น ต่อให้พยายามที่จะจำอย่างไร ก็ทำไม่ได้ เพราะ ฉันจะปวดหัวทุกครั้งที่พยายามคิด

ฉันเหมือนคนไม่มีอดีต และไม่มีใครบอกว่าอดีตฉันเป็นอย่างไร ไม่มีใครรื้อฟื้นมัน ทั้งๆ ที่ฉันพยายามถามว่าฉันเป็นอย่างไรเมื่อก่อน ฉันเห็นรูปถ่ายของฉันตอนเด็กๆ ด้วยความที่ฉันเป็นลูกคนเดียว จึงมีรูปถ่ายเต็มไปหมด

ฉันรื้อๆ รูปที่ถ่ายออกมาดู ทีละใบๆ และได้พบกับรูปที่ยืนถ่ายกับหญิงสาวคนนึง ใบหน้านคล้ายๆ กับหมอดาว เป็นรูปสมัย มัธยมต้น ฉันก็ไม่รู้ว่า ม.อะไร แต่สังเกตจากชุดนักเรียนที่ใส่ ยังเป็นผูกไทด์แขนสั้น แสดงว่า ม.ต้น ก็เท่านั้น แต่เป็นรูปที่ถ่ายไกลมาก ฉันตัดผมสั้นจะเรียกว่าซอยก็ได้ ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้นไว้ผมเปียยาวสองข้างผูกด้วยโบว์สีน้ำเเงิน เรายืนกอดกันเหมือนๆ กับจะรักกันมากเสียด้วย

“ใช่จริงๆ แหละ หมอดาว ใช่ ๆๆๆๆๆ “ ฉันตะโกนออกมาด้วยความดีใจ

“หมอ!!!!! ปานเจอรูปถ่ายใบนึง ยืนกอดกับเด็กผู้หญิงผมเปีย น่ารักมาก” ฉันหยั่งเชิงคุยกับหมอดาวเมื่อมีโอกาสได้คุยกันทางโทรศัพท์

“เหรอแล้วจำอะไรได้ไม๊ปาน…..” เสียงเธอเหมือนจะดีใจที่ฉันพูดถึงเรื่องนี้

“ไม่เลยหมอ แต่เด็กคนนั้นหน้าเหมือนหมอยังกับแกะแนะ ว่างๆ หมอมาดูด้วยกันสินะหมอนะ แล้วบอกปานด้วยว่า ใช่หมอหรือเปล่า”

“อืม ได้แล้วว่างๆ จะไป วันนี้ทานยาหรือยังค่ะ”

“ทานแล้วไม่ลืมหรอกจ๊า คุณหมอคนสวย ฮ่าๆๆๆๆ ฝันดีนะหมอสุดที่รัก รักหมอม๊าก มากอิอิ”

“กวนนะเดี๋ยวนี้ พอหายดีแล้วกวนหมอนะ รู้งี้ไม่ช่วยซะก็ดีหรอกคนอะไร”

“โห หมอใจร้าย รู้งี้ไม่รักซะก็ดีหรอก”

“ไม่รักก็อย่ารักสิ ใครง้อ” เสียงขุ่นมาเลยคราวนี้

“ก็อิฉันรักไปแล้วอะ เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วอิอิ ฝันดีนะหมอแล้วฝันถึงปานบ้างนะ คนดี”

“คะฝันดีนะ”

…………

ได้แต่ฝันหวาน ได้แต่เพ้อไป ว่าหัวใจแอบรักใครคนหนึ่ง เขาดูคมเข้าบาดใจรักตรึง ฝันรำพึงฝากรอยซึ้งใจ

เสียงเพลงดังแผ่วๆ จากเครื่องเสียงในห้องนอนของหมอดารา

“ปานเมื่อไหร่เธอจะจำเราได้ซะทีนะเธอจะรู้ไม๊ว่าเรารักเธอแค่ไหน เธอเคยสัญญาว่าจะไม่ลืม ท้องฟ้า ดาว และทะเลของเรางัยปาน ทำไมนะปาน ทำไม” เสียงพึมพำพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงจากดวงตาคมคู่นั้นและร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ และจับสร้อยรูปดาวดวงเล็กๆ ที่ห้อยคอของเธอตลอดเวลา

………………

เมื่อ 12 ปีก่อน

“ดาว เราไปเที่ยวทะเลกันนะ ก่อนที่ตัวจะย้ายไปนะ เรามีอะไรจะให้ตัวด้วย” เสียงเด็กน้อยวัยแรกรุ่นน่ารักคนหนี่งพูดขึ้น

“ได้สิ เราจะขอแม่ไปเที่ยวบ้านปานนะ ก่อนที่เราจะย้ายไป เราไปตอนสอบปลายภาคเสร็จนะปาน”

“อืมเราไปกัน แล้วเรามีอะไรจะให้ดาวที่นั่นด้วยนะ”

“ตกลง ไว้ค่อยนัดกันนะ” มิตรภาพเพื่อนสองคนที่รักกัน กำลังจะต้องจบลงเพราะเพื่อนอีกคนต้องย้ายไปอยู่แดนไกล ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งการจากันครั้งนี้ได้ เพราะดาวต้องย้ายตามครอบครัวของเธอไปอยู่ต่างประเทศ

……………..

“ท้องฟ้า ดวงดาวและทะเลของเรานะ ดาวเราให้เธอ” ปานพูดพร้อมทำมือผายออกไปเบื้องหน้า และวาดมือกลับมากุมมือดาวไว้ข้างหนึ่ง มืออีกข้างล้วงไปในกระเป๋ากางเกงขาสั้น หยิบกล่องสีแดงเล็กๆน่ารักออกมาใบหนึ่ง

ภายในกล่องใบนั้น มีสร้อยเส้นเล็กๆ ห้อยจี้รูปดาวห้าแฉก สีทองฝังเพชร เล็กๆ น่ารัก ปานบรรจงหยิบสร้อยเส้นนั้น และสรวมให้กับดาวเพื่อนรัก

“เราให้ดาวนะเป็นที่ระลึก ให้นึกถึงเราเสมอ หากวันใดที่ดาวเหงา ดาวจะมีเราอยู่เป็นเพื่อนตลอดไปนะ”

“เราจะคิดถึงปานทุกวัน”

เด็กสองคนยืนจับมือและมองตากันด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและอาทร

“รักเอย จริงหรือที่ว่าหวาน หรือทรมานใจคน
ความรักร้อยเล่ห์กล รักเอยลวงล่อใจคน หลอกจนตายใจ
รักนี้มีสุขทุกข์เคล้าไป ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำ ฤดี
รักเอยรักที่ปรารถนา รักมาประดับชีวี
หวั่นในฤทัยเหลือที่ แกรงรักลวงฤดีรักแล้วขยี้ใจ
ขืนห้ามความรักคงไม่ได้ กลัวหมองไหม้ ใจสิ้นสุขเอย”

“เราจะรักกันเราจะไม่ลืมกันนะดาว สัญญากับเรานะ เราจะยืนดูดาวทุกวันเพื่อคิดถึงเธอ”

“ใช่เราจะยืนมองดาวด้วยกัน ดาวจะดูท้องฟ้าและดวงดาวจากที่โน่น เมื่อเราคิดถึงกัน เพื่อให้เราไม่ลืมกัน”

“ตกลง สัญญา” ทั้งสองเกี่ยวก้อยเป็นพันธะสัญญากันอย่างแท้จริง

…………..

“หมอ ดีใจจังที่หมอมาได้ วันนี้ปานมีรูปมาให้หมอดูด้วยนะ นี่งัยหมอรูปที่ว่า” พร้อมกับยื่นรูปของเด็กสวาสองคนให้หมอดาวดู

“นั่นเป็นรูปของดาวเองแหละปาน เราถ่ายรูปนี้กันก่อนที่เราจะไปอยู่เมืองนอก”

“ฮ้า!!! จริงอะ เราเคยรู้จักกันมาก่อนนี้เหรอหมอ” ฉันถามด้วยน้ำเสียงตกใจจริงๆ

“ใช่เราเคยรู้จักกัน เราเคยเป็นเพื่อนที่รักกัน แต่ด้วยความห่างไกล และเรายังเด็ก เราเลยไม่ได้ติดต่อกันอีก แต่เราไม่เคยลืมปานนะ”

“เราสิหมอ จำไม่ได้ แต่เราสัญญานะว่า…..”

“ไม่ต้องสัญญาปาน เราไม่อยากได้คำสัญญาอีกแล้ว” พูดพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากฉันไว้

“เราอยากได้ความจริงใจและ ความรักจากปาน เดี๋ยวนี้ เวลานี้” พลางโน้มตัวฉันเข้าไปกอด

“เราเข้าใจ หมอ เรารู้ว่าเรารักหมอ ทั้งๆ ที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้”

“ใครบอกปานว่าเป็นไปไม่ได้ เรารู้สึกคุ้นหน้าปานตั้งแต่ตอนที่เห็นหน้าปานอยู่บนเตียงคนไข้แล้ว แต่ปานโตขึ้นมาก และเราก็นึกรักปาน คนที่เราเฝ้าตามหามานาน เราเลือกที่จะกลับเมืองไทย มาเป็นหมอที่นี่ เพราะเราจะมาตามหาปาน มาตามหาหัวใจของเรา เรารักปานนะ”

“หมอถึงแม้ความทรงจำของเราจะไม่มีอดีตนะ แต่ตั้งแต่นี้ต่อไปเราจะมีหมอดาวที่แสนดีของเราอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป เราจะไม่สัญญา แต่เราจะทำให้หมอเห็นว่าเราทำได้อย่างที่พูดจริงๆ”

“ปานเราขออะไรอย่างได้ไม๊ เรียกเราว่าดาวเถอะ ถึงเราจะเป็นหมอในสายตาของใครแต่เราจะขอเป็นดาวประดับในใจปานคนดีของเราได้ไม๊”

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ สุดที่รักของปาน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ มีความสุขจริงงงงงง”

“งั้นเราขอบ้างนะดาว เราขอให้ดาวเป็นของเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฮ่าๆๆๆๆ” พูดจบฉันก็อุ้มดาวดวงน้อยของฉันเข้าบ้าน จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ คิดเองสิค่ะท่าน ผู้อ่าน ฮ่าาาาา

………………
-จบ-


เรื่องนี้ ฉันเขียนขึ้นเมื่อเกือบ 7 ปีที่แล้ว จากการรู้จักพี่คนหนึ่งในเวปปิงฟ้าวิลันดาพี่ทะเล (ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอคือใคร) พี่เค้าประสบอุบัติเหตุ ความจำเสื่อมและทุกวันเค้าต้องรื้อความจำใหม่

เหมือนหนังฝรั่งเรื่อง 50 เฟิร์สเดท อะไรทำนองนั้น พี่เค้าเล่าเรื่องต่างๆ ผ่านทางเอ็มเอสเอ็นและในห้องแชต ฉันเกิดประทับใจและนำเรื่องของพี่ทะเลมาเขียน เป็นนิยาย

ฉันกับพี่ทะเลชอบดูดาว เหมือนกันก็เลยมีเรื่องคุยกันให้สนุกสนาน ถึงแม้จะนานมาแล้วแต่ความทรงจำเก่าๆ ก็ยังไม่เคยลบเลือน

****แด่ความทรงจำที่ดีของฉัน*****



Create Date : 30 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 1 ธันวาคม 2550 0:42:21 น. 2 comments
Counter : 410 Pageviews.

 
ฉันตามคุณมา
จึงรู้ว่า คุณมาจากเว็บปิง

เราเคยคุยกันมาก่อนหรือเปล่าคะจากปิงฟ้า
แต้ฉันเห็นคุณมาเยี่นมฉันที่บล็อกหลายครั้ง

ไม่เคยคุยกันจริงๆสักทีนะคะ

อ่านเรื่องนี้แล้ว
ฉันจะตามมาอ่านอีกในเรื่องที่เหลือ

ยินดีมีคุณเป็นเพื่อนบ้าน
ฉันจะเกี่ยวบล็อกคุณไว้นะคะ

ราตรีสวัสดิ์นะคะ


โดย: บี (bewae1001 ) วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:1:11:19 น.  

 
นิยายเรื่องสั้นสนุกมากค่ะ

ขออนุญาติแอ็ดไว้เป็นเพื่อนบ้านนะคะ

คราวหน้าจะได้ตามมาอ่านเรื่องอื่นๆอีก

ขอบคุณที่สร้างสรรคผลงานสนุกๆให้อ่านนะคะ


โดย: pAmMy (Miracle Princess ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:6:26:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.