It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องแนวยูริ : ครั้ง วัน วาน บทที่ ๕




ครั้ง วัน วาน บทที่ ๕

ใกล้วันประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย บางคนได้รับจดหมายส่งมาบอกว่าสอบได้แล้ว แต่บางคนก็ยังไม่ได้รับ ชนกพรได้รับจดหมายเป็นคนแรกในกลุ่มเธอสอบติดคณะวารสารและสื่อสารมวลชนที่เธอได้ตั้งใจไว้ ชนกพรนัดเพื่อนๆ มาพบกันที่ร้านไอศครีมในห้างกลางเมืองเพื่อเลี้ยงฉลองความสำเร็จของเธอ


พวกเราแสดงความยินดีกับชนกพรและฉันเองก็แอบเศร้าในใจว่าตัวเองคงสอบไม่ได้อย่างที่ฉันหวังไว้ ทุกคนที่ไปในวันนั้นต่างทำหน้าตาเศร้าสร้อย กันเป็นทิวแถว

“พวกแกอย่าคิดมากสิแค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว อีกอย่างจดหมายของพวกเราก็อาจจะยังมาไม่ถึงมือ คนมันสอบติดเยอะก็ต้องให้เวลาเค้าทำงานกันบ้างสิ” จันทร์จิราพยายามที่จะปลอบเพื่อนๆ ทุกคนก็เริ่มรู้สึกว่าจิตใจห่อเหี่ยวกันเป็นแถว

“ก็เข้าใจแต่หลายๆ คนเค้าก็ได้จดหมายกันแล้วนี่แก หากว่าอีกสองวันที่จะประกาศผลเรายังไม่ได้รับจดหมายก็ต้องทำใจแล้วหละว่าไม่ได้แน่ๆ” ธิติมาที่พยายามทำใจไว้ด้วยเหมือนกันก็บอกกับพวกเราด้วย

งานฉลองของชนพรถึงแม้จะสนุกเพราะพวกเราได้มารวมตัวกันอีกครั้งแต่ก็แอบแฝงไปด้วยความเศร้าใจลึกๆ ของพวกเราแต่ละคน

วันถัดมาจันทร์จิราได้รับจดหมายตอบกลับมาว่าสอบติดคณะคณะศิลปกรรมศาสตร์ และพวงทองก็เช่นกันเธอสอบได้คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์

“ไอ้แป๊ดฉันติดแล้วเว่ยแก ฉันสอบได้” จันทร์จิราส่งเสียงตามสายมาบอกข่าวดีของเธอ

ฉันก็แสดงความยินดีไปกับจันทร์จิราด้วยเพราะรู้ว่าจันทร์จิราหวังเอาไว้มากว่าจะต้องเรียนคณะที่เธอตั้งใจไว้

“ยินดีด้วยไอ้เจ้าที่แกสอบติดฉันสิลูกผีลูกคน แบบนี้ท่าจะแย่วะ สงสัยต้องไปหามหาวิทยาลัยเอกชนเรียนแล้วสิ”

“ไม่หรอกไอ้แป๊ด ฉันว่าแกก็ต้องติดเหมือนกัน” จันทร์จิรายังให้กำลังใจฉันอยู่เช่นเดิม

“ขอบใจเพื่อน” ฉันได้แต่กล่าวขอบใจเพื่อนเพราะรู้ดีว่าตอนนี้สิ่งที่เพื่อนยินดีที่สุดก็คือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

ถัดมาอีกวันหนึ่งรตีก็ได้รับจดหมายว่าเธอสอบได้คณะอักษรศาสตร์ ส่วนธิติมาติดคณะวิทยาศาสตร์

ในตอนนี้มีฉันภัทรทราภรณ์และจินตนาเท่านั้นที่ยังไม่ได้รับจดหมาย เราสามคนนั่งหน้าเศร้ากันอยู่ที่เก้าอี้สนามหน้าบ้านของภัทรทราภรณ์

“นี่เราจะสอบไม่ติดกันเลยเหรอ ฉันนะไม่ค่อยเท่าไหร่แต่กิ่งนะสิสละสิทธิ์โควต้าแล้วมาสอบใหม่ถ้าไม่ติดก็เสียดายแย่เลย” จินตนาจับมือพวกฉันกุมไว้ในมือของเธอ

“ไม่หรอกถ้าไม่ติดเราก็ไปเรียนเอกชนแบบแป๊ดเราไม่คิดมาหรอกจินสิจะไปเรียนอะไร” ภัทรทราภรณ์หันมามองหน้าฉันเหมือนจะบอกฉันว่าจะอย่างไรเสียเธอก็เป็นกำลังใจให้ฉันเสมอ

เราคุยกันอยู่ไม่นานแม่ของจินตนาก็โทรเข้ามาที่บ้านของภัทรทราภรณ์ ข่าวดีจากแม่ทำเอาจินตนาแทบจะเป็นลม เธอติดคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลับเดียวกันกับชนกพร

“พวกแกฉันขอตัวไปเลี้ยงฉลองกับแม่ก่อนนะแก ดีใจโว้ย ดีใจจนออกนอกหน้าแล้ว ไปหละเพื่อน” จินตนาก็ขี่รถมอเตอร์ไซด์จากพวกเราไปอย่างง่ายดาย

“เฮ้อ คงเหลือแต่เราแล้วกิ่ง แต่กิ่งต้องติดหมอแน่ๆ เราเชื่อ”

“เราก็เชื่อว่าเราสองคนต้องติดเหมือกัน เพราะเรารู้ว่าแป๊ดทำได้ อย่างน้อยที่แป๊ดลงทุนลงแรงไปทั้งหมดจะต้องได้ผลงอกเงยขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อยเชื่อเราสิ” ภัทรทราภรณ์ก็ยังคงเป็นภัทรทราภรณ์เธอยังคงเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา ให้กำลังใจและห่วงใยฉันมาโดยตลอด

ตั้งแต่เล็กจนโตเพื่อนที่ฉันสนิทที่สุดก็มีแต่ภัทรทราภรณ์คนเดียวเท่านั้น เรานั่งเล่นกันอยู่ที่สนามหน้าบ้านจนเวลาบ่ายกว่าๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซด์มาจอดหน้าบ้านของภัทรทราภรณ์

“จดหมายมาส่งคร๊าบ” เสียงบุรุษไปรษณีย์ตะโกนอยู่หน้าบ้าน

ภัทรทราภรณ์เดินไปรับจดหมายด้วยตัวของเธอเอง ฉันรู้อยู่ในใจแล้วว่าจะต้องมีข่าวดีของภัทรทราภรณ์มากับบุรุษไปรษณีย์คนนั้นแน่ๆ

“ดีใจด้วยนะน้องเอ็นติดคณะไหนหละนี่” บุรุษไปรษณีย์ที่ยื่นจดหมายให้กับภัทรทราภรณ์เอ่ยถามขึ้น

“พี่รู้ได้ไงคะว่าหนูสอบติด” ภัทรทราภรณ์ถามไปอย่างงงๆ ว่าทำไมพี่บุรุษไปรษณีย์ถึงได้รู้ว่าเธอจะสอบติด

“ก็ใครที่ได้จดหมายแบบนี้สอบติดมหาลัยกันทุกคนเลยนี่ วันก่อนผมไปส่งให้อีกบ้านนึงพอได้จดหมายเปิดอ่านแล้วกระโดดจูบผมเลย แหม ดีใจจนออกนอกหน้า ผมงี้หละเขินเลยเชียว” บุรุษไปรษณีย์อธิบาย

“อ่อแบบนี้นี่เอง ขอบคุณนะคะพี่ที่เอาข่าวดีมาส่งหนู” ภัทรทราภรณ์พยักหน้ารับรู้

“ไม่เป็นไรน้องหน้าที่ของพี่ โชคดีนะน้องขอให้ได้คณะที่ตั้งใจไว้พี่ไปหละ” แล้วบุรุษไปรษณีย์ก็ขี่รถไปส่งจดหมายบ้านต่อไป

ภัทรทราภรณ์เก็บจดหมายฉบับนั้นซ่อนฉันไว้ด้วยเธอไม่ต้องการให้ฉันรู้ว่าเธอสอบได้

“จดหมายมาส่งเหรอแล้วมีจดหมายของกิ่งหรือเปล่า” ฉันเอ่ยถามเมื่อเธดเดินมาที่สนามเหมือนเดิม

ภัทรทราภรณ์ส่ายหน้า

“อ้าวเหรอ ว๊านึกว่ากิ่งได้จดหมายแล้วซะอีก เฮ้อ” ฉันถอนใจออกมายาวๆ เพราะหนักใจเรื่องการสอบข้าวของฉันอยู่เหมือนกัน

“ไปเชียงใหม่ดีไม๊ เค้าบอกว่ามีประกาศผลไว้ที่บอร์ดในมหาลัย เราไปดูกันเลย” ภัทรทราภรณ์เสนอให้ฉันไปดูให้รู้แน่ๆ ว่าติดหรือไม่ติด

“ไม่หล่ะรอดูทางทีวีดีกว่าไงก็ต้องประกาศออกมาอยู่ดี” ฉันปฏิเสธภัทรทราภรณ์ไปแบบซังกะตายกับชีวิต

“งั้นคืนนี้นอนค้างบ้านเราสิ แล้วมารอลุ้นว่าแป๊ดติดหรือเปล่าในทีวี แป๊ดโทรไปบอกแม่สิว่าจะอยู่บ้านเรา”

“ตกลง” ฉันตอบตกลงภัทรทราภรณ์ไปอย่างง่ายดาย เพราะจิตใจของฉันในตอนนี้มันช่างห่อเหี่ยวไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำอะไรอีกแล้ว

กว่าทีวีจะประกาศผลก็เวลาประมาณทุ่มกว่าๆ ฉันและภัทรทราภรณ์ นั่งลุ้นหน้าทีวีไปเรื่อยๆ และก็ต้องลุ้นแบบช้าๆ เพราะหน้าจอประกาศผลที่ละแปดรายชื่อเท่านั้น คนที่สอบได้มีเป็นหมื่น และเลขที่นั่งสอบของฉันก็อยู่ท้ายๆ

“กว่าจะถึงเลขที่นั่งสอบของเราไม่ปาไปตีหนึ่งเหรอกิ่ง กิ่งไปนอนก่อนดีกว่า”

ฉันบอกกับภัทรทราภรณ์เพราะเห็นว่าตอนนี้ภัทรทราภรณ์ ตาเริ่มแดงแล้ว เพราะจ้องหน้าจอทีวีอยู่กับฉันมาหลายชั่วโมง

“ไม่เป็นไรเราจะรอลุ้นกับแป๊ดไงซะเราก็ต้องลุ้นของเราเหมือนกันหละแป๊ด”

ฉันพยักหน้าตอบเพราะเข้าใจว่าภัทรทราภรณ์คงต้องรอลุ้นผลสอบของเธอเหมือนฉันเช่นกัน

สักพักมีเสียงบีบแตรรถอยู่หน้าบ้านดังลั่น

“ปิ๊นๆๆๆ”

“ใครมานะบีบแตรซะดังเลย” ภัทรทราภรณ์ชะโงกหน้าไปดูที่หน้าบ้านของเธอ

จันทร์จิรา พวงทอง ธิติมา จินตนา รตี ชนกพร พร้อมหน้ากันมาที่บ้านของภัทรทราภรณ์ เดินกระหยิ่มยิ้มย่องเข้ามาในบ้าน

“ไงแกไอ้หมอ ไอ้นักบัญชีจะไปกินข้าวกับพวกฉันไหม” ชนกพรที่เดินเข้ามายังไม่ถึงตัวบ้านร้องทักขึ้น

“นักบัญชีอะไรแกยังไม่ประกาศผลสอบออกมาเลย” ฉันโวยวายเพราะว่าฉันยังไม่รู้ผลสอบอะไรทั้งนั้น

“โถ่ไอ้ซื้อบื้อเอ๊ย นี่ไงดูให้เต็มตาแกสอบติดคณะบัญชีเว่ย ไอ้เซ่อ ดูซะ” จันทร์จิรายื่นหนังสือพิมพ์ที่ประกาศผลสอบมาให้ฉันดู

ในนั้นเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า นางสาวอรุณวิลัย ภาณุลักษณ์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี

ฉันตัวชาไปหมดทั้งตัว และยังมีวงไว้อีกด้วยว่า นางสาวภัทรทราภรณ์ สหการุณ คณะแพทย์ศาสตร์

ฉันหันไปกอดภัทรทราภรณ์ ไว้กับอกและร้องไห้ออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ความพยายามของฉันตอนนี้สำเร็จแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ

“เห็นไหมบอกแล้วว่าแป๊ดทำได้” ภัทรทราภรณ์จับมือฉันเขย่าๆ ด้วยความยินดี

“กิ่งก็เก่งเหมือนกันนะที่สอบเข้าหมอได้ แบบนี้เราก็มีทั้งหมอคน หมอความ จิตกรเอก นักดนตรีชื่อดัง นักภาษาศาสตร์ นักหนังสือพิมพ์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก แล้วก็ฉันเจ้าแม่บัญชีที่เก่งที่สุดในโลกแล้วสิ” ฉันสาธยายสรรพคุณของแปดเซียนกลุ่มของเรา

พวกเราทั้งแปดคนพากันโห่ร้องดีใจกับความสำเร็จของกันและกัน คืนนั้นทั้งคืนเรานั่งอยู่หน้าจอทีวีเมื่อมีชื่อของใครปรากฏขึ้นมาเราก็เฮกันลั่นบ้าน พ่อแม่ของภัทรทราภรณ์เดินออกมาดูเราบ้างในบางครั้ง แต่ก็ยิ้มๆ ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเข้าใจว่าอารมณ์ของคนดีใจอย่างพวกเราเป็นยังไง

คืนนั้นทั้งคืนแทบไม่ได้หลับได้นอนกันแล้วค่ะ เพราะต่างคนต่างตื่นเต้นที่จะไปเป็นน้องใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย

ชีวิตที่เปลี่ยนไปของพวกเรากำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

............................

เราเดินทางเข้ากรุงเทพมาเป็นกองทัพเหมือนเมื่อตอนที่ไปเที่ยวทะเลกันโดยมีพ่อหรือแม่ของแต่ละคนติดตามมาด้วยเริ่มแรกก็นอนโรงแรมกันแต่หลังๆ ชักไม่ไหวเพราะรายจ่ายมันก็มากโขอยู่เพราะเราต้องอยู่กรุงเทพกันอีกนาน

เราทั้งหมดตกลงใจกันว่าใครที่ไม่ได้อยู่หอพักก็มาเช่าบ้านอยู่ในเมืองด้วยกันจะดีกว่า เพราะว่ามหาวิทยาลัยของพวกเราก็ไม่ได้ไกลกันมากนักหาที่อยู่กึ่งกลางของพวกเราแล้วก็เช่ารวมกัน

พวกเราตั้งใจกันไว้ว่าหาบ้านที่มีห้องมากหน่อย แบ่งห้องกันไปเพราะหากเราไปเช่าอพาร์ตเม้นต์หรือหอพักมันก็จะแพงเกินไป และแต่ละที่หากอยู่กันมากๆ ก็จะไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง

จะมีก็แต่ภัทรทราภรณ์ ธิติมา และพวงทองเท่านั้นที่มีหอพักนอกนั้นพวกเราก็ต้องหาที่พักกันเอง เราได้ที่พักแถวๆ อุรุพงษ์เป็นบ้านเช่าราคาไม่แพงมาก พอสมน้ำสมเนื้อกับราคา ห้องน้ำสองห้อง ห้องนอนสี่ห้อง ก็พอจะจ่ายได้ และเดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวกกว่าที่อื่น ใกล้มหาวิทยาลัย คนละครึ่งทางแม้จะค่อนไปทางมหาวิทยาลัยของระตีกับธิติมาก็ตามที

เราแยกย้ายไปพบพี่ๆ ที่คณะของแต่ละคน พี่ๆ แนะนำเวลาที่ต้องสอบสัมภาษณ์ว่าพวกเรานั้นต้องมีคำตอบอย่างไรบ้าง หากไม่ไปตอบยียวนกวนประสาทก็สัมภาษณ์ผ่านกันหมดทุกคนอยู่แล้ว

ฉันรู้ว่ารุ่นพี่รับน้องใหม่เหมือนๆ กันทุกมหาวิทยาลัย สอนพวกเราร้องเพลงประจำคณะ ประจำมหาวิทยาลัย ให้พวกเราไปเดินทัวร์ทั่วหมหาวิทยาลัย และให้พวกเราแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่

พวกเราต้องพยายามทำความรู้จักกันมีป้ายแขวนคอเขียนชื่อของพวกเราไว้ที่ป้าย เราทุกคนต้องจดจำว่าเพื่อนชื่ออะไร มาจากโรงเรียนไหน ฉันเองก็ต้องพยายามจดจำเพื่อนให้ได้มากที่สุดเท่าที่สมองอันน้อยนิดของฉันจะทำได้

กิจกรรมสันทนาการต่างๆ ถูกงัดออกมารับน้องอย่างพวกเรา ทั้งเกมส์ทั้งเต้นและร้องเพลง ถึงแม้ว่านี่จะยังไม่เปิดเทอมแต่การรับน้องของพวกเราก็ทำให้เราได้เพื่อนใหม่ๆ และเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกันอย่างง่ายดาย

พวกเราต้องไปตรวจร่างกายที่สนามกีฬาแถวๆ สยาม ฉันตรวจร่างกายเสณ้จก่อนใครๆ จึงเสนอว่าขอไปรอที่ร้านอาหารแถวๆ สยามก่อน ฉันเดินสำรวจสนามอยู่จนเมื่อย

เมื่อฉันเริ่มรู้สึกท้องร้องก็เลยแวะเข้าไปร้านอาหารฟาสฟูตร้านหนึ่งโดยบอกกับภัทรทราภรณ์ ว่าฉันจะสั่งอาหารไว้รอเธอและเพื่อนๆ เลยก็แล้วกัน

ฉันสั่งอาหารให้เพื่อนๆ ทุกคนจนครบและจ่ายเงินค่าอาหารที่สั่งแต่เพราะอาหารที่สั่งนั้นมาจำนวนค่อนข้างมาก อาหารบางอย่างก็เลยยังไม่ได้พนักงานจึงให้ป้ายเหล็กสีเงินๆ กับฉันไว้บนถาดและให้ฉันไปรอที่โต๊ะ

ฉันถือถาดมานั่งรอภัทรทราภรณ์ และเพื่อนๆ ที่กำลังจะตามกันมาในไม่ช้า ฉันจองที่ไว้ทั้งหมดแปดที่ สักครู่ใหญ่ก็มีพนักงานเดินเข้ามาถามว่า

“รออะไรค่ะ”

ฉันหันไปมองหน้าพนักงานคิดในใจว่ารออะไรแล้วไปเกี่ยวอะไรกับคุณหละนี่

เดี๋ยวเถอะ!!

จะเอาให้หน้าแตกไปเลย มายุ่งอะไรฉันจะรอใครเกี่ยวอะไรกันนี่ปากของฉันก็พาไปให้ตอบว่า

“รอแฟนค่ะ”

พนักงานทำหน้างง มองฉันที่ตอนนี้แต่งชุดนักเรียนโรงเรียนเก่าเต็มยศ แล้วก็รีบอธิบายให้ฉันได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า

“คือว่าที่ดิฉันถามนะหมายถึงอาหารที่คุณสั่งนะค่ะ คุณรออะไร”

“เพล๊ง”

ฉันหน้าแตกยับเยิน สิงานนี้

ก็แหม...

เคยที่ไหนกันกับร้านอาหารของ กทม.แบบนี้ ฉันรีบหยิบใบเสร็จรับเงินให้กับพนักงานได้ดูรายการอาหารที่ฉันยังไม่ได้รับ

พนักงานสาวคนนั้นพยักหน้าแล้วก็เดินจากฉันไป แต่ยังหันมาส่งยิ้มหวานให้กับฉันอีกด้วยฉันได้แต่ยิ้มกลับแบบอายสุดชีวิต

เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยที่จะหน้าแตกได้มากมายขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ในใจฉันตอนนี้คิดแต่เพียงว่าครีมบำรุงผิวยี่ห้อไหนทำให้หน้าที่แตกยับของฉันตอนนี้กลับมาเหมือนเดิมได้บ้างขอซื้อสักขวดนึงเถอะ

พับผ่าสิ!!!

เมื่อพวงทองและธิติมาเข้ามาในร้านฉันก็เล่าเรื่องหน้าแตกของฉันให้เพื่อนฟัง

“แล้วเค้าไม่มองหน้าแกแบบงงๆ เลยเหรอที่แกไปตอบเค้าแบบนั้น” พวงทองถามฉันไปหัวเราะไป

“ก็เออสิแก เค้ามองหน้าฉันแล้วก็ยิ้มๆ คงจะงงแหละฉันว่า”

“ดีนะเค้าไม่สวนแกกลับมาว่าที่นี่ไม่มีแฟนขายไปหาเอาข้างหน้าเถอะคุณ” ธิติมาเริ่มแขวะฉันเข้าบ้าง

“อืมก็ถ้าแบบนั้นฉันคงต้องแทรกแผ่นดินหนีไปแล้วหล่ะแกเอ๊ย”

แล้วเรื่องเฉิ่มของฉันก็กลายเป็นเรื่องขบขันของกลุ่มเพื่อนเมื่อพวกเรามานั่งกันจนครบ

“ถามจริงเถอะ ที่ว่ามารอแฟนแกรอใครวะแป๊ด” รตีที่ตอนนี้กินเสร็จจนอิ่มแล้วเริ่มวกเข้าเรื่องหน้าแตกของฉัน

“ก็...” ฉันหันไปมองหน้าภัทรทราภรณ์ แล้วยิ้ม

“อ่อเข้าใจแล้ว” รตีพยักหน้ารับรู้กับสายตาที่ฉันส่งไปแบบหวานเชื่อมให้กับภัทรทราภรณ์

“เฮ้ย อย่ามาหยอดน้ำตาลแถวนี้ ขี้เกียจหาดีดีทีมาฉีดเว่ย มดมันกัด” จินตนารีบแขวะฉันทันทีเหมือนกัน

“เอาน่าเห็นใจปีดมันหน่อยกว่ามันจะรู้ใจตังเองสิบสองปีเชียวนะแก ไม่เหมือนบางคนหรอกจนป่านนี้ยังไม่รู้ใจตัวเองเลย” รตีแขวะจินตนากลับไปอีกเหมือนๆ จะช่วยฉันแต่ก็ไม่เชิง

เรารู้กันอยู่ว่ารตีแอบชอบจินตนามานานแล้วแต่ก็ไม่เคยมีใครแพร่งพรายให้กับจินตนาได้รู้ เพราะเราถือว่าหากรตีไม่บอกเองเราก็จะไม่ไปก้าวก่ายเรื่องเหล่านี้กับเพื่อน หากไปกันได้ดีก็ดีไปหากไปกันไม่ได้จะเสียเพื่อนไปเปล่าๆ

โรงเรียนหญิงล้วนก็อาจมีส่วนให้การที่หญิงสองคนจะมีใจต่อกันเพราะความใกล้ชิดและผูกพันกันย่อมมีมากว่า ในตอนนี้ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักศึกษาใหม่ ต้องมีผู้ชายเข้ามาข้องแวะกันบ้างไม่มากก็น้อย ใช่ว่าพวกเราจะไม่สวยหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เมื่อไหร่กัน อนาคตยังอีกยาวไกลนัก ที่จะมาบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความรัก

........................................

กว่ามหาวิทยาลัยจะเปิดก็อีกนานเราจึงตัดสินใจกลับบ้านกันก่อนแล้วค่อยกลับมากรุงเทพอีกครั้ง เพราะความคิดถึงบ้านของพวกเรานั้นก็เข้าขั้น Home sick กันไปแล้ว

กรุงเทพไม่ได้ไปไหนมาไหนสะดวกสบายแบบบ้านเรา พวกฉันขึ้นรถเมล์ผิดกันก็มาก เดินหลงทางกันก็มี ดีที่ไปไหนมาไหนไม่ได้ไปคนเดียว มีเพื่อนตามติดกันไปด้วยเป็นโขยง เด็กต่างจังหวัดก็คงเป็นเหมือนๆ พวกฉันเหมือนกัน

ต้องมาจดว่ารถเมล์สายไหนไปที่ไหน สายไหนผ่านสถานที่อะไรบ้าง และที่เราอยู่เค้าเรียกว่าอะไร แม้ว่าเราจะอยู่กรุงเทพมาเกือบจะเป็นเดือนแต่ก็ไม่ได้คุ้นเคยเหมือนที่บ้าน การแย่งชิงกันขึ้นรถเมล์ดูจะเป็นการยากสำหรับพวกเรา

เมื่อตกลงใจกันได้เราก็กลับบ้านไปหาอากาศบริสุทธิ์สูดเข้าปอดก่อนที่จะมาสูดดมควันพิษในเมืองหลวงอีกนาน

พวกเรากลับไปหาครูทัศนา เมื่อครูเห็นพวกเราก็ร่วมแสดงความยนดีกับพวกเราด้วย ที่เห็นพวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

“ครูยินดีกับพวกเธอที่ทำได้สำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง แต่อย่าหลงระเริงไปกับสิ่งที่ได้มาในตอนนี้ อนาคตยังอีกยาวไกลนัก ครูขอให้พวกเธอโชคดีและเรียนเก่งๆ เป็นที่รักของทุกคน ครูรู้ว่าพวกเธอเอาตัวรอดได้ และพวกเธอไต่ขั้นบันไดขั้นแรกของชีวิตของพวกเธอไปแล้ว

อีกไม่นานบันไดขั้นที่สองสามสี่ก็จะตามมา ชีวิตของคนเราต้องก้าวไปทีละขั้นไม่มีทางลัดสายไหนที่ทำให้เราสบายหรอก

พยายามใช้ชีวิตในทางสายกลางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกัน ครูไม่มีอะไรจะให้นอกจากคำว่า ตั้งใจเรียนให้จบและกลับมาพัฒนาบ้านเรา เท่านั้นแหละ”

เรายกมือไหว้ครูทัศนาอันเป็นที่รักของเราทุกคน และก็จากมาเรานัดกันว่าวันไหว้ครูในปีนี้เราจะมางานไหว้ครูกันทุกคน เพราะโอกาสที่จะได้มาไหว้ครูกันพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว

...........................

วันไหว้ครูของโรงเรียนเก่าที่พวกเราพูกพันมานาน เรียกว่าทั้งชีวิตของเราใช้ชีวิตที่นี่มาโดยตลอด ในมือของพวกเราถือกรวย ดอกไม้ธูปเทียน ที่มีทั้ง หญ้าแพรก หมายถึงขอให้เรียนรู้ได้เร็วเหมือนหญ้าแพรก ที่เจิญเติบโตได้ทุกที ทั้งต่อให้แห้งแล้งปานใดก็ยังคงทน ดอกเข็ม หมายถึงถึง ให้พวกเรามีปัญญาเฉียบแหลมเหมือนชื่อของดอกเข็ม ดอกมะเขือ หมายถึงถึงการรู้จักอ่อนน้อมถ่อมต้นเหมือนดอกมะเขือที่จะคว่ำดอกลงเสมอเมื่อจะออกลูก ข้าวตอก หมายถึงความรู้ที่แตกฉาน

พิธีเริ่มขึ้นพร้อมกับ คำกล่าวของประธานนักเรียนเหมือนทุกปี แต่ปีนี้เมื่อเราได้ยินก็ขนลุกซู่

“ปาเจราจะริยาโหนติ คุณุตตะรา นุสาสกา.. ฯลฯ ...ปัญญาวุฑฒิ กะเรเต เต ทินโนวาเท นะมามิหัง”

พวกเราเดินเข่าไปหาครูทัศนา ที่คอยปากเปียกปากแฉะกับเรามาหลายปี เท่าที่ฉันจำได้ สามปีของการที่ครูทัศนาต้องมาเป็นครูประจำชั้นของพวกเราไม่มีวันไหนเลยที่ครูจะไม่เหนื่อยไม่ต้องมาจ้ำจี้จ้ำไชเราให้ทำการบ้าน ท่องจำสูตรคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และอีกหลายๆ อย่าง

“ครูขา พวกหนูมาไหว้ครู เพราะเรารู้ว่าหากไม่มีครูพวกเราคงไม่ได้เป็นผู้เป็นคนอย่างทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะห่ามไปบ้าง แต่การอบรมสั่งสอนของครูก็ทำให้เราสุกและเป็นผลไม้ที่ดีที่จะแพร่พันธุ์ที่ดีต่อไปในอนาคต สิ่งใดๆ ที่พวกหนูทำให้ครูต้องเดือดเนื้อร้อนใจหนูขอให้ครูอโหสิให้พวกหนูด้วยนะคะ” ฉันที่นั่งพับเพียบอยู่ต่อหน้าครูทัศนาเป็นตัวแทนของเพื่อนทุกคนกล่าวขอบคุณครูทัศนาและกราบลงที่ตักของครู จากนั้นเพื่อนๆ ก็มากราบครูเช่นเดียวกับฉัน

ครูทัศนามีน้ำตาคลอและไม่ได้เอ่ยคำอะไรออกมา มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งให้พวกเรา รอยยิ้มที่นานๆ ครั้งพวกเราจะได้เห็นจากครูทัศนาที่ทั้งดุและขี้โมโห

พวกเราเดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับน้ำตาแห่งความตื้นตันใจ นึกถึงคำพูดของใครสักคนที่ว่า

“หากไม่มีเมื่อวานก็จะไม่มีวันนี้และไม่มีอนาคต”

หากพวกฉันไม่มีวันวานที่ครูทัศนาคอยอบรมสั่งสอนก็จะไม่มีวันนี้ที่พวกฉันรอคอยและจะไม่มีอนาคตที่ดีรออยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน

คนเราจะทิ้งอะไรก็ได้แต่จะทิ้งรากเหง้าของตัวเองที่เราเกิดมาไม่ได้อย่างแน่นอน

......................................

พวกเราเดินทางกลับไปกรุงเทพอีกครั้งเพื่อสร้างอนาคตและรำเรียนวิชาที่เราอยากมีไว้ประดับความรู้ ต่างคนต่างเดินตามเส้นทางที่ตัวเองได้เลือกเอาไว้

ภัทรทราภรณ์ ธิติมาและพวงทองต้องไปอยู่หอของมหาวิทยาลัยไกลจากตัวเมืองไม่มากนัก จะกลับมาอยู่ที่บ้านเช่าของพวกเราก็เฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น และในทุกๆ วันหยุด พวกเราก็จะทำกับข้าวกินกันเอง และไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้ากันบ้างในบางครั้ง เรียกว่าต่างศึกษาเส้นทางการเดินทางในกรุงเทพกันไปด้วยในตัว

สถานที่ที่คนต่างจ้งหวัดทุกคนเข้ามากรุงเทพและอยากไปมากที่สุดก็คือ วัดพระแก้ว ฉัน ชนกพรและจินตนาถือว่าเป็นเจ้าถิ่นในละแวกนั้นก็ต้องพาเพื่อนๆ เข้าวัดพระแก้วไหว้พระและเดินเที่ยววันในละแวกนั้นไปด้วย

สถานที่สุดท้ายที่เราพากันเดินจนขาลากก็คือสนามหลวง ฝนฟ้าก็ไม่ค่อยจะเป็นใจตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ฉันให้เพื่อนๆ แวะเข้าไปในมหาวิทยาลัยหลบฝนกันอยู่ที่โรงอาหารอยู่นานกว่าฝนจะซาลง เสื้อผ้าของพวกเราก็เปียกปอน เหมือนลูกหมาตกน้ำ รออยู่จนฝนหยุดก็เดินออกไปรอรถเมล์ที่ต้นสาย กว่ารถสาย ๕๙ จะวิ่งมาจอดเราก็ต้องเปียกฝนกันอีกครั้ง

ฤดูฝนของคนกรุงเทพ ทำให้น้ำเจิ่งนองถนน รถราวิ่งไม่สะดวก แต่หากเป็นบ้านนอกของฉันเมื่อฝนมาก็แสดงว่าฤดูการทำนากำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

ฝนในเมืองหลวงตกแล้วทำให้การจราจรติดขัดไปหมด ฉันสังเกตว่าคนเมืองกรุงขับรถไม่เคยสนใจคนเดินถนน น้ำกระเซ็นขึ้นมาเปียกพวกฉันที่ยืนอยู่ริมทางเท้าหลายต่อหลายครั้ง แรกๆ เราก็โวยวาย หลังๆ ชักจะชิน เพราะโวยไปอย่างไรรถที่ทำพวกฉันเปียกก็ไม่ได้เหลียวหลังกลับมาดูพวกฉันแต่อย่างใด

คนจรจัดนอนอยู่ใต้ต้นมะขามใช้กล่องกระดาษใบหนามาเป็นที่กำบังน้ำฝนที่ยังตกลงมาไม่ขาดระยะ วิถีชีวิตของคนเมืองช่างแตกต่างกันราวสวรรค์กับนรก คนจรก็ยังจน คนรวยก็รวยล้นฟ้า กว่าจะกลับมาถึงบ้านเช่าพวกเราก็โทรมไปตามๆ กัน แยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

วันนี้เวรของฉันเป็นคนซักผ้า ทุกคนเอาเสื้อผ้ามากองไว้ในตระกร้า พวกฉันตัดสินใจซื้อเครื่องซักผ้ามาไว้ที่บ้านด้วยเพราะเราเห็นพ้องต้องกันว่ามีเครื่องทุ่นแรงชนิดนี้ไว้ในบ้านจะดีกว่า เพราะการซักผ้าแม้ไม่ยากมาก แต่หากซักกันคนละนิดละหน่อยก็จะเปลืองค่าน้ำไปโดยเปล่าประโยชน์

ฉันรอจนทุกคนอาบน้ำเสร็จก็ลงมือเปิดเครื่องให้ทำงานของมันไปโดยที่ไม่ต้องไปสนใจอะไรมากนักเมื่อเครื่องทำงานเสร็จก็จะร้องเรียกให้ฉันออกไปหยิบจับออกมาตากเอง การมีเครื่องทุ่นแรงก็ดีแบบนี้แหละไม่ต้องทำอะไรมาก เอาผ้าใส่ ใส่ผงซักฟอง และรอเวลาเท่านั้นก็เสร็จกระบวนการ

“ทำไมยังไม่นอนอีกแป๊ด” ภัทรทราภรณ์เดินลงมาหยิบน้ำในตู้เย็นดื่มเห็นฉันยังนั่งฟังเพลงอยู่ก็เลยทักขึ้น

“ผ้ายังไม่สุกรอก่อนสุกแล้วจะเอาไปตาก”

“ผ้าอะไรของแป๊ดสุกได้ด้วย” เธอหันมาจ้องหน้าฉันแล้วถามแบบงงๆ

“ก็เครื่องซักผ้าไงมันยังซักผ้าไม่เสร็จรอมันร้องเรียกก่อนค่อยไปตากผ้าแล้วจะขึ้นไปนอน” ฉันอธิบายคำว่า “สุก” ให้เธอเข้าใจ

“เรียกซะนึกว่าหุงผ้า”

“ก็เหมือนๆ กันแหละน่า เพราะว่าเครื่องนี้มันก็ต้องรอเวลาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเสร็จก็เหมือนหุงข้าวก็ต้องรอเวลาข้าวสุกเหมือนกัน อืมแล้วนี่กิ่งหิวหรือเปล่าหละถ้าหิวเราจะไปทำมาม่าให้” ฉันขยับตัวจะลุกขึ้นเพื่อไปทำบะหมี่กึงสำเร็จรูปให้กับภัทรทราภรณ์

“ไม่หิวหรอก แต่แป๊ดก็อย่าลืมกินยาแก้ไข้ก่อนนอนก็แล้วกันเกิดไม่สบายขึ้นมาจะยุ่งไปกันใหญ่”

“จ้าคุณหมอรับรองกินก่อนนอนไม่ต้องให้คุณหมอต้องเป็นแป้นบาสแน่ๆ รับรองได้”

“แป้นบาสหมายถึงอะไร” หน้าของภัทรทราภรณ์เหมือนมีเครื่องหมายคำถามยิงตรงมาที่ฉันที่นั่งเล่นเอกเขนกอยู่อย่างสบายอารมณ์

“ก็เป็นห่วงไงแม่คุณทูนหัวจ๋า นี่ถามหน่อยเถอะ คณะที่กิ่งเรียนนี่เค้าไม่สอนอย่างอื่นนอกจากวิชาเรียนเลยเหรอ มาเจอะคำแผลงๆ นิดๆ หน่อยๆ นี่เล่นเอางงเลยเหรอนี่”

“ก็ใช่นะสิใครจะเหมือนแม่นักบัญชีเอกหละรู้ไปหมดยันมดปวดหัว พูดแล้วก็ปวดหัวไปนอนดีกว่า” ภัทรทราภรณ์ส่ายหน้าเหมือนเอือมระอากับฉันเต็มที

“จ้าคุณหมอขี้บ่นปวดหัวก็กินยาซะ แล้วก็ฝันดีนะ”

ฉันนั่งรออีกครู่ใหญ่เครื่องซักผ้าก็เรียกฉันให้ไปทำหน้าที่ตากผ้า นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เครื่องไม่สามารถทำให้พวกฉันได้ แม้เราจะเรียกว่าเครื่องซักผ้าระบบอัตโนมัติก็ตามที

... จบบที่ ๕ ...



Create Date : 11 พฤษภาคม 2551
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:14:17 น. 26 comments
Counter : 278 Pageviews.

 
ครองที่ 1 สามสมัยซ้อน
ชอบแอบมาอัพตอนกลางดึกนะค้า


โดย: Dinsor IP: 119.42.65.192 วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:40:58 น.  

 
กลับมาแล้วครับ มากับฝนเลย


เด่วอีกสักพักใหญ่ๆ ข้าวจะอัพรูปให้ดูนะครับ


คิดถึงทุกคนมากมาย


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:38:05 น.  

 
คิดถึงคุณข้าว เหมือนกันค่ะ

รอดูรูปจากเมืองลิง อย่างใจจดใจจ่อ

คุณดินสอคะ
ที่หนึ่งหลายหนแบบนี้ต้องมีรางวัลไหมนี่


โดย: รันหณ์ วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:11:35 น.  

 
คุณรันหณ์ครับ รางวัลแบบนี้มันคุ้นยังไงไม่รุสิ่ครับ (แอบแซว)

แซวแล้วไปดีกว่า หุหุ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:17:40 น.  

 
คุณข้าวขา

แซวอะไรฉันหละนี่ ฉันนะพวกดีแต่พูดแต่ไม่กล้าขยับไปไหนหรอกคะ ผู้ปกครองค่อนข้างดูแลใกล้ชิดกระดิกไปไหนมิได้ดอก

อิอิ


โดย: รันหณ์ วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:20:58 น.  

 
แหะๆ เอาแค่ขำขำก็พอครับ เดี๋ยวข้าวจะขำไม่ออกไปด้วย เหอะๆ


กลัวอ่ะ เดี๋ยวนี้คนอาไรดุชะมัด อิอิ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:23:21 น.  

 
มองซ้ายมองขวา

ทางโ,ล่งปลอดโปร่งค่ะ

ผู้ปกครองคุณข้าวดุเหมือนกันหรือนั่

/me พยักหน้าเข้าใจเป็นอย่างดี


โดย: รันหณ์ วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:21:36 น.  

 
พักนี้ไม่ค่อยได้อยู่ติดบ้านเลยค่ะ ต้องเดินทางไปโน่นมานี่ตลอดเลย ส่วนมากก็ทัวร์ธรรมแหละค่ะ แต่เมื่อวานดูหนังทั้งวันเลยไม่ได้ต่อเน็ตเลย

หวัดดีค่ะคุณดินสอเป็นที่หนึ่งสามสมัยแล้ว คุณคนเขียนก็ให้รางวัลงามด้วยนะคะ ด้วยการลงนิยายให้อ่านเยอะ ๆ

คุณข้าวกลับจากเมืองลิงแล้ว เอาอะไรมาฝากบ้างจ่ะ ของรูปสวย ๆ นะ ไม่สวยไม่เอานะจ่ะ

คุณข้าวกับคุณผิงดาวไม่ต้องคิดมากหรือน้อยใจไปนะค่ะ เราหัวอกเดียวกันเดะเลบ ก็ยังคิดอยู่ทำไมคุณเขาถึงขี้ระแวง+ขี้งหึงนักนะ ระแวงแม้กระทั้ง Blog นิยาย งงค่ะ
/ me หลบไม่ทันค่ะ


โดย: ต้นรัง IP: 118.172.166.185 วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:03:06 น.  

 
55555555

แอบมาขำคุณต้นรัง ดันะที่ฉํนไม่โดนดึงแก้มแต่โดนดึงหูแทน

55555555555555555555


โดย: รันหณ์ วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:24:23 น.  

 
ฉันก็โดนเชนเดียวกันค่ะคุณ

มีเดินมามองๆ ว่าทำอะไรอยู่ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน

แรกๆ ก็สั่งว่า "อ้วนอย่านอนดึกนักนะ" หลังๆ เธอเปลี่ยนไปค่ะหันมาสั่งว่า

"อ้วนอยานอนเช้านะเค้าตื่นมาตัวต้องนอนแล้่ว"

หุหุ คำสั่งสวยประหาร ฉันต้องทำตามอย่างว่าง่ายเสียด้วยสิ

ต้องขอโทษด้วยถ้าหากลงตอนใหม่ให้คุณๆ อ่านกันช้าไปสักนิด เพราะฉันติดเคอฟิว กร๊ากกกกกกกกกก



โดย: รันหณ์ วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:27:10 น.  

 
ทำไมช่างเงียบอย่างนี้

ฝนตกทำเอาเหงา่ไปเลยฉัน คุณๆ อยู่กันหรือเปล่าคะออกมาคุยกันเถอะ



โดย: รันหณ์ วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:43:01 น.  

 
เหงาเหรอครับ


นี่ไง ข้าวมาช่วยคลายเหงาแล้ว


ช่วงนี้ติดอบรม 7 วันเลย ไม่ค่อยมีเวลาเล่นเลยครับ

ฝันดีนะครับทุกคน ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:16:45 น.  

 
คุณดินสอคว้าตำแหน่งแชมป์ไปครองหลายสมัยแล้วนะคะคุณข้าว ยอมได้ไงคะ
สวัสดีพี่รันหณ์ และคุณต้นรัง ด้วยค่ะ พักนี้งานเยอะ เลยห่างหายไปบ้าง แต่ยังเข้ามาติดตามอ่านนิยายพี่รันหณ์ อยู่ตลอดนะคะ


โดย: ทาย IP: 58.137.154.195 วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:19:52 น.  

 
แค่นี้ก็ซึ้งแล้วค่ะ คุณๆ

น้ำตาจะไหล

คุณทายงานยุ่งก็ทำงานค่ะ ฉันเองก็ยุ่งเหมือนกัน สองเรื่องตีกันในหัวสมอง

คุณข้าวขา

อบรมเสร็จแล้วขอทวงรูปเมือลิงนะคะ


โดย: ผิงดาว IP: 124.121.136.220 วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:52:49 น.  

 
ครับคุณทาย ข้าวช่วงนี้ชีพจรลงเท้าไม่ค่อยมีเวลาเลยอ่ะ


ส่วนรูปนี้ประมาณพุธหน้านะครับ รับรองเลยกั๊บ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:00:50 น.  

 
เอาภาพตลาดน้ำไปก่อนนะครับ






อาจจะไม่ชัดเท่าไหร่นะครับเพราะมันเป็นกล้องมือถืออ่ะครับ เห็นภาพแล้วก็เซ็งเช่นกันครับ



โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:22:45 น.  

 
ไปขโมยรูปที่เพื่อนให้แล้วครับ





โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:26:56 น.  

 
ลิงสองตัวน่ารักมากๆ

น่ารักจริวๆ ค่ะ คุณข้าว


โดย: รันหณ์ วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:50:52 น.  

 
ขอบคุณครับที่ชม เอ้ย! ชมลิงนี่หว่านึกว่าชมเรา หุหุ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:20:13 น.  

 
ทำไมมันเงียบยังงี้หว่า


เหอๆๆ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:48:20 น.  

 
ต๊ะเอ๋

หายเงียบหรือยังคะ



โดย: รันหณ์ วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:58:03 น.  

 
ต๊กกะใจเลย


ผู้คนไปไหนกันหมดหว่ามีแต่ข้าวกะคุณรันหณ์ มาหวีด(หยองหรือหวานดีหว่า!!!) กันอยู่สองคนเองเฮ้อ เหงา


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:46:55 น.  

 
สงสัยว่าจะหยุดหลายวันค่ะคุณข้าว

คุณๆ ก็เลยไปเที่ยวกันหมด


โดย: รันหณ์ วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:52:52 น.  

 
ดีครับทุกคน ป่านนี้คงหลับกันอุตุแล้วซิ่


ข้าวเพิ่งกลับจากงานฮอนด้า ที่เขาตะเกียบมา

เลยแอบมาส่งทุกคนฝันดีนะครับ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 18 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:49:17 น.  

 
งานดนตรีสนึกไหมคะคุณข้าว

บทจะเงียบก็เงียบจังเลยเน๊อะ

หยุดสามวัน คงเที่ยวกันเพลินเลยสิืคะ ฉันสิ เฝ้ายาม กทม. ไม่ได้ไปไหนกับใครเค้าเล๊ย เศร้า.....


โดย: รันหณ์ วันที่: 18 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:39:27 น.  

 
สนุกมากๆๆครับ

ติดอย่างเดียวรถติดจริงๆคับ

สาวๆสวยมากๆครับ อิอิ ส่องเพลินเลย (คุณแฟนไปบางแสนข้าวเลยโสดกะเพื่อนๆ แต่ยังไงก้รักเค้าคนเดียวครับ เน้อ)


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:20:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.