It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้นแนวยูริ : ความเอยความรัก ตอนที่ ๑๐ โชดดีนะเพื่อน




ความเอยความรัก ตอนที่ ๑๐ โชดดีนะเพื่อน


ตอนที่ ๑๐ โชดดีนะเพื่อน

หลังจากงานกีฬาจบลงมัชวีก็กลายเป็นที่สนใจของบรรดาหนุ่มๆ ทั้งหลายทั้งในคณะและต่างคณะ ชีวิตของเด็กสองคนที่ดูสดใสในตอนแรกเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย แต่บัดนี้คนหนึ่งดูเด่นเป็นสง่าในท่ามกลางเพื่อนฝูงส่วนอีกคนหนึ่งนั้นกลับซึมเซา มานิตาจากคนร่าเริงกลายเป็นเงียบขรึม มัชวีเองก็ไม่กล้าไปถามอะไรมากมายหากมานิตาอยากจะเล่าก็คงเล่าเอง

“แหม่มเธอนี่นะ ทำเป็นไม่สบายอย่างนั้นอย่างนี้ นี่รู้ไหมว่าเรานะเหลืออดแล้วนะ อะไรให้ทำอะไรนิดอะไรหน่อยสำออยจริงๆ” เสียงมานพดังก้องไปทั่วชั้นที่เรียน ส่วนมานิตานั่งหน้าเศร้า ท่าทางของมานิตาดูจะไม่สบายมากๆ มานิตาซูบผอมไปจากเดิม ไม่มีเสียงโต้เถียงจากปากมานิตาเลยแม้แต่น้อย

มานพนั้นใช้มือข้างหนึ่งผลักศีรษะมานิตาที่นั่งน้ำตาซึมจนโงเงนไปเกือบจะล้มจากเก้าอี้ มัชวีเห็นภาพนั้นแล้วอดไม่ได้รีบวิ่งเข้าไปห้าม

“นี่นายนพให้เกียรติหน่อยสิอย่างน้อยแหม่มก็ถือว่าเป็นแฟนของนายมาทำอะไรแบบนี้ไม่สมกับเป็นผู้ชายเลย” มัชวีพูดด้วยความโมโหขณะเดียวกันก็เข้าไปประคองมานิตาให้นั่งในท่าที่สบายกว่าเดิม

“เรื่องของผัวเมียคนอื่นไม่เกี่ยว” มานพต่อว่ามัชวีด้วยท่าทีฮึดฮัด

“ใช่เรื่องของผัวเมีย แต่เราเป็นแค่เพื่อนเรายังทนไม่ได้ นายเป็นแฟนกันเป็นอะไรกันฉันไม่สน แต่ที่ฉันสนก็คือ แหม่มเป็นเพื่อนฉัน เพื่อนย่อมไม่อยากเห็นเพื่อนต้องเจ็บตัวเป็นแน่” มัชวียังไม่หยุดโต้ตอบ

“โธ่เว้ย....” มานพพาลเตะเก้าอี้ล้มระเนระนาด

“มัชอย่าเลยอย่าไปเถียงกับเค้าเราผิดเองมัช” มานิตาร้องบอกมัชวีที่กำลังจะต่อปากต่อคำกับมานพอย่างถึงพริกถึงขิง

“อืมเราถือว่าแหม่มห้ามเรานะนายนพ จากนี้ไปเราไม่ใช่เพื่อนกันถึงแม้นายจะเป็นแฟนแหม่มก็ตามเถอะ แล้วอย่างให้เรารู้อีกนะว่านายทำอะไรแหม่มอีก เราไม่เอานายไว้แน่ๆ” มัชวีกล่าวอาฆาต

“ให้จริงเถอะ คนลักเพศอย่างเธอจะมีหน้ามาทำอะไรได้ หุหุ เอาตัวให้รอดก่อนเถอะ ถุย...” มานพกักขฬะเพิ่มมากขึ้นทุกที

เพื่อนหลายคนเข้ามาห้ามศึกระหว่างมานพและมัชวีเพราะเห็นท่าจะไม่ดี มานพเดินเตะเก้าอี้ที่ล้มซ้ำอีกรอบและเดินจากไป มัชวีได้แต่ขบกรามแน่นกำมือเข้าหากัน นี่นะเหรอคนที่เพื่อนรักและไว้ใจ นี่นะเหรอผู้ชายที่แสนดีซาตานชัดๆ
………………………

หลายวันผ่านไปเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมานิตาอาเจียนและเป็นลมในห้องเรียน มานพไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมานิตาเลยสักนิด เมื่อเห็นแล้วก็เดินลุกหนี

“เอ๊ยนายนพ นายไม่ไปดูแหม่มหน่อยเหรอ” เพื่อนชายคนหนึ่งถามมานพที่เดินหนีไปหน้าตาเฉย

“ไม่หล่ะสำออยแบบนั้นปล่อยไปเถอะเดี๋ยวก็ดีเอง” มานพพูดจบแล้วก็ทำท่าจะเดินจากไป

มีเสียงมัชวีตะโกนลั่นว่า “ไอ้บ้าเอ๊ย เมียแกทั้งคนไม่ดูแล ไอ้คนเสียชาติเกิดไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไอ้หน้าตัวเมีย” สิ้นเสียงของมัชวี มานพแทบวิ่งมาคว้าคอเสื้อมัชวี ง้างมือเหมือนจะต่อยแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเพื่อนๆ เข้ามาห้ามปราม

“อย่าไอ้นพ นั่นผู้หญิงนะแก” มานพปล่อยมือจากคอเสื้อมัชวี

“อย่านะยายมัชเราไม่ใช่หน้าตัวเมีย ไปถามเพื่อนเธอดูสิว่าสำออยขนาดไหน ให้ทำอะไรนิดอะไรหน่อยจะเป็นลม โธ่เอ๊ย มารยาแต่ถ้าเธอจะรับเดนจากเรา เรายกให้จะเอามะ หุหุ” มานพพูดอย่างไม่อายปากตัวเอง ทำท่าทางหยิ่งยะโส

“อ่อเพื่อนเรามันง่ายเองนี่นายถึงได้พูดแบบนี้ ถ้าแหม่มไม่รักนายจะยอมได้ขนาดนี้เลยเหรอ ฉันถามหน่อยเถอะว่าไอ้คนเลวสถุลอย่างนายใครจะอยากได้ไปทำเชื้อวะ ถ้าไม่ใช่ยายแหม่มโธ่เอ๊ยสถุล” มัชวีต่อว่ามานพอย่างรุนแรงด้วยหมายให้มานพนั้นเข้าใจเพื่อนของเธอบ้างแต่เปล่าเลยไร้ประโยชน์

มานพเดินออกจากห้องนั้นไปโดยไม่เหลียวแลมานิตาที่นั่งร้องไห้อยู่แม้แต่น้อย มีเพียงมัชวีกับเพื่อนไม่กี่คนที่เดินมาปลอบใจ มัชวีนั่งลงข้างมานิตาสองมือโอบกอดเพื่อนอย่างเห็นใจ

“แหม่มไปหาหมอเถอะเราห่วง” มัชวีบอกเพื่อนให้ไปหาหมอเพราะเห็นอาการเพื่อนแล้วเธอทนไม่ได้ มานิตาที่เคยร่าเริงมาบัดนี้ ดูโทรมไปถนัดตา

“ไม่เป็นไรหรอกมัชเรารู้ว่าเราเป็นอะไร” มานิตากล่าวปฏิเสธในความหวังดีของมัชวี

“แล้วตัวรู้เหรอว่าตัวเป็นอะไร” มัชวีเอ่ยถาม หลังจากที่ไม่ได้พูดคุยกับเพื่อนคนนี้มานานตอนนี้ได้เวลาแล้วที่ต้องถามไถ่กันเพื่อเพื่อนจะได้รู้ว่ายังมีคนที่ห่วงใยเธออยู่

“ประจำเดือนเราไม่มา เกือบ ๒ เดือนแล้ว” มานิตาเอ่ยเสียงเครือ

“อะไรนะ!!! แล้วนี่นายนพรู้ไหมว่าเธอกำลัง...” มัชวีตกใจกับคำบอกกล่าวของเพื่อน

“รู้ เราบอกไปแล้วแต่นพเค้าโมโหเราที่เราไม่ได้ป้องกัน เราไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้” มานิตาซบไหล่มัชวีแล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น

มัชวีได้แต่กอดปลอบเพื่อนของเธอด้วยใจที่หดหู่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“วันนี้เราไปนอนกับมัชได้ไหม เราไม่อยากกลับไปเจอคนในบ้านนายนพเลยหล่ะมัช” มานิตาบอกเพื่อน

“ได้สิแหม่มสำหรับแหม่มได้เสมอ” มัชวีเอ่ยขึ้นแล้วจับตัวมานิตาโอบกอดรัดแน่นขึ้น

ธัญชนกเดินมาเห็นภาพมัชวีและมานิตานั่งกอดกันแล้วรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของภาพที่เห็นตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มองหน้ามัชวีและมานิตา แล้วก็เดินเข้าไปหาทั้งสองคนเมื่อมานิตาเห็นธัญชนกเดินเข้ามาก็ปรับสีหน้าให้ดูดีกว่าเดิม แต่รอยคราบน้ำตายังคงติดที่ใบหน้าอยู่ดี

...............................

จากวันนั้นมานิตาก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดมาจากปากเธอ มัชวีชวนมานิตากลับมาอยู่หอด้วยกันซึ่งมานิตาก็ทำตามเพราะเธอรู้ว่าครอบครัวของมานพนั้นรังเกียจเธอเพียงใดจากคำบอกเล่าของเพื่อนชายที่สนิทกับมานพและมานพเล่าให้ฟังว่า ครอบครัวของมานพนั้นไม่ชอบมานิตาที่ใจง่ายตามมานพมาอยู่ถึงที่บ้าน ด้วยครอบครัวของมานพมีหญิงที่ได้หมายปองไว้ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่แล้ว

จากคำบอกเล่าของเพื่อนทำให้มัชวีรู้ว่ามานิตาโดนกลั่นแกล้งจากครอบครัวมานพอย่างร้ายกาจ ซึ่งมานพเองก็ไม่เคยจะช่วยเหลืออะไรมานิตาได้เลยสักครั้งเดียว เพียงเพราะเป็นลูกแหง่ของที่บ้าน เพราะทางบ้านประกาศว่าหากเลือกมานิตาทางบ้านจะไม่ให้เงินหรือไม่ส่งเสียมานพแม้แต่แดงเดียว

มานพเองก็มีหนี้สินที่เกิดจากการเล่นพนันบอลมากมายจนโต๊ะบอลมาตามทวงถึงบ้าน เมื่อไม่ได้เงินจากทางบ้านก็มาบังคับเอาจากมานิตา แรกๆ มานิตาก็ให้แต่ระยะหลังมานพติดพนันมากกว่าเดิม ทองหยองที่มานิตามีติดตัวถูกนำไปขายให้กับเพื่อนจนแทบไม่เหลือ และความเห็นแก่ตัวของผู้ชายที่ชื่อมานพคนนี้ทำเพื่อนเธอต้องเสียน้ำตาไปมากมาย

มัชวีซื้อสมบัติของมานิตาที่มานพขายให้กับเพื่อนๆ คืนมาทุกชิ้น ยกเว้นบางชิ้นที่มานพไม่ได้เอาไปขายแต่เอาไปใช้หนี้พนันบอลกับโต๊ะบอลเอง มัชวีจึงหาทางซื้อกลับมาไม่ได้ เพื่อนๆ ก็ดีขายคืนในราคาที่มานพขายให้

มัชวีพยายามจะชวนพูดชวนคุยมานิตาก็ได้แต่ยิ้มบางๆ ท่าทางอิดโรยมากกว่าเดิม จนมัชวีทนไม่ได้ที่มานิตาซึมเศร้าลงทุกวัน ส่วนมานพหายไปไม่กลับมาเรียนอีก ได้ข่าวจากเพื่อนว่ามานพลาออกเพื่อหนีหนี้พนันบอล และทางบ้านก็ส่งมานพไปเรียนต่อเมืองนอก นั่นยิ่งทำให้มัชวีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กับการกระทำของมานพที่แสนจะชั่วร้ายไม่รับผิดชอบ

มัชวีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับธัญชนกฟังโดยละเอียดเพราะเธอเองต้องการคนช่วยคิด ธัญชนกก็ได้แต่บอกให้พามานิตาไปฝากท้องและให้ไปดร๊อปการเรียนไว้ก่อนถ้าทิ้งไว้แบบนี้มานิตาต้องสอบตกเป็นแน่ มัชวีเริ่มเดินเรื่องให้เพื่อนโดยที่มานิตาทำตามแบบแกนๆ เหมือนไม่มีหัวใจจะทำอะไรแม้แต่น้อย มัชวีเองก็เลยต้องดูแลเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนทั้งหมด

“มัชขอบใจนะ เค้ารู้ว่าตัวต้องมาเหนื่อยกับเค้า แต่เค้าไม่มีใครจริงๆ จะบอกพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ เรื่องที่เกิดมันทำให้เค้าคิดอะไรไม่ออกเลย” มานิตาเอ่ยขอบใจกับเพื่อนอย่างจริงใจ

“ไม่เป็นไรเพื่อนเพื่อเพื่อนเราทำให้ได้เสมอ ก็เราเพื่อนกันนี่นาจริงไหม” มัชวีเอื้อมมือไปจับมือมานิตามาไว้ในมือเพื่อให้กำลังใจ

................................

มานิตาที่ดูจะดีขึ้นเริ่มพูดมากขึ้นตอนนี้ใกล้เวลาสอบเข้ามาทุกที มัชวีเองก็ไม่มีเวลาอยู่กับมานิตาตลอดเวลาต้องไปติวหนังสือกับเพื่อนจนดึกดื่น แต่เมื่อกลับถึงหอมานิตาจะหาอะไรไว้ให้มัชวีไว้รองท้องเสมอ มานิตามาอยู่ที่หอพักแห่งนี้เธอไม่มีอะไรติดตัวมาด้วยเลยสักอย่างเดียวเพราะข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดเธอได้ย้ายไปที่บ้านของมานพจนหมดสิ้น ในทุกๆ วันมานิตาจะมาขลุกอยู่ที่ห้องของมัชวีและเมื่อถึงเวลานอนก็จะกลับไปนอนยังห้องของเธอ ห้องที่ไม่มีอะไรเลย มีเพียงตู้และเตียงที่หอพักมีให้ ของใช้ทุกอย่างหยิบยืมมาจากมัชวีทั้งสิ้น

มานิตาแก้เหงาด้วยการทำความสะอาดห้องให้กับมัชวี เก็บเสื้อผ้าของมัชวีซักและรีดให้ แต่ก็อาศัยมานอนดูโทรทัศน์ นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ ต่ออินเตอร์เนทท่องไปในโลกไซเบอร์หาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรถ์ช่วยคลายเหงาไปวันๆ เมื่อมัชวีกลับมาเธอก็จะมีเพื่อนพูดคุย

มัชวีรู้ดีว่าเพื่อนเธอนั้นยังไม่หายจากอาการเศร้า ตอนนี้คงได้สัก ๓ เดือนแล้วสินะ มานิตาคงจะเริ่มท้องโตขึ้นทุกวัน อาการแพ้ก็ยังมีมากเหลือเกิน ทุกคืนมัชวีจะเห็นเพื่อนวิ่งเข้าวิ่งออกห้องน้ำเพื่ออาเจียน โดยมีเธอเดินถือยาดมตามหลังไปทุกครั้ง คนเป็นพ่อของเด็กจะรู้ไหมนะว่าผู้หญิงที่ตัวเองมาไข่ทิ้งไว้เค้าลำบากเพียงไหน

เมื่อวันสอบวันสุดท้ายมาถึง มัชวีบอกมานิตาว่าเธอจะไปสอบมานิตาขอให้มัชวีสอบได้เกรดเอ ซึ่งมัชวีเองก็พูดติดตลกกลับไปว่า

“อย่างเรานะต้องดับเบิ้ลเอต่างหากไม่ใช่เอตัวเดียวนะเพื่อน” แล้วมัชวีก็หิ้วกระเป๋าเดินออกจากห้องไป

“โชคดีนะเพื่อน” มัชวีได้ยินเสียงมานิตาตามหลังออกมาจากห้อง

“โชคเอสิเพื่อนไปละนะ” มัชวียังตะโกนตอบเพื่อนที่อยู่ในห้องโดยไม่ได้หันหลังกลับไปมองหรือสังเกตมานิตาที่ดูท่าทางอิดโรยมากว่าเดิม

..................................................

เมื่อสอบเสร็จมัชวีรีบกลับมาที่ห้องพร้อมกับธัญชนกที่ขอมาเยี่ยมมานิตาด้วย แต่ภายในห้องว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของมานิตา

ในห้องของมัชวีมีข้าวของเครื่องใช้มากมายธัญชนกเดาว่าคงเป็นของมานิตา ถุงยาบำรุงบนหลังตู้เย็น นมสำหรับมารดาตั้งครรถ์ และของใช้จำเป็นอีกหลายอย่าง

“สงสัยยายแหม่มจะไปตลาดนะคะพี่รอเดี๋ยวแล้วกันเน๊อะ” มัชวีเอ่ยบอกกับธัญชนกที่กลัวว่าจะมาเสียเที่ยว

(ก๊อกๆๆ) เสียงเคาะประตูดังขึ้นด้านหน้าห้อง

“อะสงสัยยายแหม่มกลับมาแล้วพี่ มัชไปเปิดประตูก่อนนะคะ” มัชวีลุกไปเปิดประตูแต่คนที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ใช่มานิตากลับเป็นเจ้าของหอ

“หนูเพื่อนหนูโดนรถชนที่หน้าตลาดตอนบ่ายตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ป้าที่ตลาดเค้าจำได้ว่าอยู่หอของป้าก็เลยมาบอกป้าอีกที หนูรีบไปดูเร็วๆ เถอะ” ป้าเจ้าของหอพักบอกมัชวีแล้วก็เดินจากไป

มัชวียืนตัวชาเมื่อรู้ข่าวเพื่อนสนิท ธัญชนกเองก็เริ่มมึนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังพอมีสติรีบคว้าแขนมัชวีเพื่อพาตัวไปโรงพยาบาล

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลมัชวีสอบถามจนได้ความว่ามานิตาอยู่ในห้องผ่าตัด เป็นตายเท่ากันแต่เด็กในท้องนั้นแท้งไปแล้ว คนขับรถบอกว่ามานิตาเดินมากลางถนนแล้วล้มลงคนขับเบรคไม่ทันจึงชนเข้าอย่างจังเต็มแรง แต่ก็พามาโรงพยาบาลไม่ได้ทิ้งไปไหน และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง

ธัญชนกเห็นเด็กน้อยนั่งซึมจึงเดินไปจับมือส่งผ่านกำลังใจให้มัชวี

“พี่คะยายแหม่มจะเป็นอะไรไหม มัชห่วงแหม่มจังเลยพี่” มัชวีร้องไห้น้ำตาไหลนองหน้า

ธัญชนกเอื้อมมือหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาเช็ดน้ำตาให้มัชวีกล่าวปลอบใจว่า

“ต้องไม่เป็นไรสิมัชแหม่มเค้าเป็นคนดี ต้องไม่เป็นอะไรหรอกเชื่อพี่เถอะ” ธัญชนกพูดได้เท่านั้นมัชวีก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดของธัญชนก

ทางโรงพยาบาลต้องการเลือดให้กับคนป่วยที่กำลังผ่าตัดเพราะเสียเลือดมาก สอบถามได้ความว่ากรุ๊ปเดียวกับมัชวีเธอเลยไปให้เลือดกับเพื่อนรักทั้งๆ ที่เธออดนอนมาทั้งคืนเพราะต้องอ่านหนังสือสอบ และธัญชนกก็โทรตามเพื่อนๆ ที่พอจะรู้ว่าคนไหนเลือดกรุ๊ปเดียวกันให้มาบริจาคให้กับมานิตา มัชวีรู้สึกขอบคุณเพื่อนๆ และพี่ๆ ที่ใจดีเหล่านั้นแต่เธอก็ได้เพียงยิ้มๆ เพราะในใจเธอนั้นห่วงใยคนที่อยู่ในห้องผ่าตัดมากเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยคำใดๆ ออกมา

……………………….

ทั้งสองสาวรออยู่ทั้งคืนหมอจึงเดินมาถามหาญาติคนไข้และกล่าวเสียใจ บัดนี้มานิตาที่แสนดีได้ลาจากโลกนี้ไปแล้วอย่างสงบ หมอบอกว่าอวัยวะภายในกระทบกระเทือน เธอเสียเลือดมาก ประกอบกับแท้งลูกด้วยจึงทำให้มานิตาทนพิษบาดแผลไม่ไหว หมอเองก็ช่วยจนสุดความสามารถแล้วเช่นกัน

“แล้วมัชจะทำยังไงต่อไป” ธัญชนกน้ำตาไหลพรากกล่าวเอ่ยถามมัชวี

“คงต้องบอกให้พ่อกับแม่ยายแหม่มเค้ารู้ก่อนว่าจะเอาไงต่อไป เดี๋ยวพี่ธัญกลับบ้านก่อนก็ได้นะคะ มัชจะไปเอาเอกสารไม่รู้ยายแหม่มเก็บไว้ที่หอหรือเปล่า จะโทรไปบอกพ่อกับแม่ของแหม่มเค้า ส่วนเรื่องแหม่มคงต้องรอพ่อกับแม่มาจัดการเพราะมัชคงทำอะไรได้ไม่มากนัก” มัชวีซึ่งพอจะตั้งสติได้เสนอความคิด

สองสาวแยกทางกันจากโรงพยาบาลไปทำธุระของแต่ละคน มัชวีกว่าจะทำใจโทรบอกบิดากับมารดาของมานิตาได้ก็นานโข ทางบ้านรับรู้มารดาของมานิตานั้นช็อคเป็นลมล้มพับไป ส่วนบิดาบอกว่าหากหาเครื่องได้จะบินมาในทันที

มัชวีรอบิดามารดาของมานิตาอยู่ที่โรงพยาบาลกว่าจะรับร่างมานิตากลับได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร บิดามารดาของมานิตาตัดสินใจเอาร่างมานิตากลับกรุงเทพฯ เพราะทางโน้นสะดวกกว่า มัชวีก็คิดเช่นนั้น อย่าเอามานิตามาทิ้งไว้ในที่ๆ คนไม่สนใจมานิตาเลย ธัญชนกขอไปด้วยมัชวีเลยว่าไปพักบ้านเธอก็ได้ ท่าทางจะสะดวกกว่า

ธัญชนกมาถึงบ้านมัชวี ก็พึ่งรู้ว่ามัชวีนั้นค่อนข้างจะมีฐานะทีเดียว บ้านหลังใหญ่โตแต่ไม่มีคนอยู่ มัชวีบอกเธอว่าเป็นลูกคนเดียวของที่บ้านนี้ บิดามารดาของเธอเดินทางไป ต่างประเทศบ่อยๆ มัชวีจึงอยู่กับแม่บ้านที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กชื่อป้าแจ่ม

เมื่อมาถึงบ้านมัชวีบอกป้าแจ่มว่าเพื่อนเธอจะมาอยู่ด้วยจนกว่าธุระจะเสร็จ ให้ป้าแจ่มเตรียมอาหารไว้ให้ด้วย จากนั้นก็พาธัญชนกไปพักในห้องพักรับแขก แล้วมัชวีเองก็เดินกลับห้องตัวเองเพื่อพักผ่อน

.......................................

ในตอนใกล้ค่ำมัชวีและธัญชนกก็เดินทางมาถึงวัด ที่ศาลามัชวีเห็นรูปหน้าตาสดใสของเพื่อนแล้วน้ำตาคลอ มานิตาที่เคยสนุกสนานร่าเริงมาโดยตลอด กามเทพตัวน้อยของเธอที่ช่วยชักจูงให้เธอกล้าหาญพอที่จะใกล้ชิดกับพี่ธัญคนสวย หากไม่มีมานิตาเธอกับพี่ธัญก็คงไม่มีวันนี้ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าเธอกับพี่ธัญจะยังไม่คืบหน้าไปมากกว่าเดิมแต่อย่างน้อยเธอกับพี่ธัญก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ

ภาพมานิตาที่เดินถือของมาที่หัวลำโพงและล้มลงไปเมื่อเดินชนกับเธอ ภาพมานิตาที่ชอบส่งสายตาเป็นการพูดคุยกับเธอ ภาพมานิตาที่แกล้งเธอให้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ภาพการเป็นคู่หูในการแข่งวอลเล่ย์บอล หลายๆ ภาพปรากฏในใจของมัชวี แม้จะเกิดขึ้นในเวลาไม่นานแต่ทุกภาพล้วนประทับใจเธอ

“เพื่อนเอ๋ย หลับให้สบายเธอสบายแล้ว ฉันสิยังต้องคงอยู่
เพื่อนเอ๋ย บนนั้นคงเบาบางไร้ซึ่งทุกข์ จงไปสู่สุขคติภพเถิด
เพื่อนของเธอคนนี้จะยังคงรักและคิดถึงเสมอและตลอดไป”

มัชวีได้แต่เพียงนึกกล่าวคำพูดในใจมีเพียงธัญชนกเท่านั้นที่นั่งจับมือมัชวีไว้ตลอดเวลา เพียงเท่านี้ก็สุขใจแล้ว

……………จบตอนที่ ๑๐....................



Create Date : 19 ธันวาคม 2550
Last Update : 20 มีนาคม 2551 9:27:27 น. 2 comments
Counter : 306 Pageviews.

 
คุณรันหณ์ ค่ะตอนนี้เศร้าจัง แล้วความสัมพันของคนอีกสองคนจะเป็นยังไงต่อไปค่ะ


โดย: ต้นรัง IP: 125.27.63.231 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:11:49:42 น.  

 
คุณต้นรังค่ะ

อืมตอนนี้ยังตอบไม่ได้เลยค่ะ ต้องดูอารมณ์ของฉันอีกสักรอบค่ะ

ตอนแรกๆ ที่คิดไว้เรื่องนี้นั้นฉันฟังรายการของพี่ฉอดตอบปัญหาหรืออะไรสักอย่าง คลื่น 106.5 ในคืนวันศุกร์ เมื่อไม่นานมานี้ ก็เลยเกิดไอเดียร์ที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา

ตอนที่เขียนฉันคิดว่าจะแอบเอาเรื่องราวที่ได้ยินมาจากวิทยุในคืนนั้นมาเขียน แต่พอคิดไปคิดมา น่าจะใส่ความเป็นตัวของฉัลงไปบ้าง

คนใกล้ตัวบอกว่าฉันโรคจิตค่ะ ไม่ชอบเขียนเรื่องให้จบแบบมีความสุขมากนัก

ฉันก็คงต้องยอมรับไปโดยปริยายว่าฉันคงจะโรคจิตจริๆ ด้วยสิค่ะ

ฉันชอบอ่านเรื่องของคุณทมยันตี ก็เลยอาจติดการเขียนแบบให้จบแบบเศร้าๆ มาก็เป็นไปได้

ฉันจะขอปลีกวิเวกไปสักพักนะค่ะ ตอนนี้คงเป็นตอนล่าสุด และคงอีกหลายวันฉันถึงจะมาต่อตอนใหม่ น่าจะสักก่อนปีใหม่คะั

อย่างไรเสียขอบคุณคุณต้นรังนะค่ะที่คอยติดตามงานเขียนของฉัน

หากว่าคุณพบว่าฉันเขียนหรือสะกดตรงไหนผิดก็ขอความกรุณาบอกฉันด้วยค่ะ เพราะฉันมักจะเขียนผิดเสมอๆ และตาลายเมื่อยามอยู่หน้าเครื่องคอมเป็นประจำ
ขอบคุณค่ะ


โดย: รันหณ์ วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:12:06:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.