It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องแนวยูริ : ครั้ง วัน วาน บทที่ ๑๐

บทที่ ๑๐

“ไอ้เจ้าหาได้หรือเปล่าที่บอกให้หานะ”

“มือชั้นนี้หาได้อยู่แล้วแต่กว่าจะได้มานะแก ฉันต้องไปวานให้พวกที่เรียนเกษตรหามาให้” จันทร์จิราหยิบถุงพลาสติกที่มีฝักสีเหลืองขนปุกปุยออกมาให้ฉัน

“ขอบใจมากเพื่อน” ฉันรับถุงพลาสติดนั้นและก็เก็บเข้ากระเป๋าอย่างดี แผนการของฉันกำลังจะดำเนินในไม่ช้านี้แล้ว

“คอยดูเถอะแม่นางพญาเอ๊ย อย่าว่าแต่ขาอ่อนเธอเลย คราวนี้ฉันจะได้เห็นเธอทั้งตัว ฮ่าๆๆ” ฉันยืนมองถุงพลาสติคในมือและก็หัวเราะออกมาอย่างร่าเริง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นคงมีใครจะกลับบ้านดึกก็เลยโทรมาบอก

“สวัสดีค่ะบ้านแปดเซียนค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ” ฉันกรอกเสียงไปตามสาย

“สวัสดีจ้าแป๊ด”

“อุ้ยที่รักจ๋าคิดถึงจังเลย” ฉันหยอดคำหวานให้กับคนทางปลายสาย

“คิดถึงแล้วไม่เห็นโทรมาหาเราบ้างเลย” ปลายสายส่งเสียงเง้างอน

“ก็งานมันเยอะนะที่รัก” ฉันยังคงออดอ้อนต่อไป

“เยอะหรือว่าคิดแผนจะไปแกล้งใครอีกหรือเปล่า”

“พูดเหมือนรู้เลยนะกิ่ง บอกมาตรงๆ ดีกว่ามีตาทิพย์หรือเปล่า” ฉันยกถุงพลาสติคในมือดูอีกครั้ง

“ก็จันทร์นะสิบอกว่าแป๊ดจะไปแกล้งเพื่อนทำอะไรก็ระวังหน่อยแล้วกัน แล้วก็อย่าลืมเอาขี้ผึ้งไปด้วยนะล้างมือให้สะอาด เอาถุงมือใส่ด้วยจะได้ไม่เข้าตัว”

“อะจ้าที่รักรับรองมือชั้นนี้ไม่มีทางเข้าตัวเด็ดขาด ว่าแต่ที่รักอ่านหนังสืออยู่เหรอจ๊ะ”

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เอาเบาๆ เบาะ ก็พอนะอย่าให้ถึงกับเข้าโรงพยาบาลก็แล้วกัน แค่นี้นะเงินหมดแล้ว บายๆ จ้า”

“ไนท์ๆ จ้าที่รัก” ฉันวางสายของภัทรทราภรณ์เสร็จก็หันไปมองหน้าจันทร์จิรา

เดินดุ่มๆ เข้าไปหาตัวปากโป้ง

“ไอ้เจ้าใครใช้ให้แกเอาเรื่องนี้ไปปูดกับกิ่งห๊ะ” ฉันเริ่มฉะทันทีไม่ให้จันทร์จิราตั้งตัว

“ก็”

“ก็อะไรวะ”

“ก็กิ่งเค้าถามก็เลยต้องตอบ”

“นี่แกกลัวแค่กิ่งโทรมาถามเหรอ”

“ก็ใช่ดิ แกก็รู้ว่ากิ่งนะเค้ามีจิตวิทยาสูงในการถาม ไม่เชื่อแกถามไอ้ธิสิ”

“แล้วไงเอาฉันเข้าไปเอี่ยวด้วยหละไอ้เจ้าซวยเลยตรู” ธิติมารีบปัดเรื่องออกจากตัว

“พอกันนั่นแหละพวกแกไม่ต้องมาปัดกันไปมาเลย ช่างเถอะเรื่องมันแล้วไปแล้ว ตอนนี้ฉันไปนอนคิดถึงกิ่งดีกว่าจะได้หลับฝันดี”

“เอออย่าคิดถึงกิจกรรมแฮปปี้มากไปนะเว่ยเพื่อนขี้เกียจนอนฟังเสียงคราง ฮ่าๆๆๆ” จันทร์จิรายังอดแซวฉันไม่ได้

“ของแบบนี้ไม่โดนกับตัวไม่รู้หรอกเพื่อน” ฉันยักคิ้วให้เพื่อนสองคนแล้วก็วิ่งปรุ๊ดขึ้นห้องปิดประตูเงียบ

ภัทรทราภรณ์ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านสองอาทิตย์แล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุดฉันมีโครงการจะไปหาเธอที่หอพัก อย่างน้อยให้ได้เห็นหน้าของเธอบ้างก็ยังดี ความคิดถึงมันช่างแสนร้ายกาจเมื่อยามที่ต้องอยู่กับตัวเองนานๆ ใครที่เคยมีความคิดถึงเกาะกินหัวใจคงไม่มีวันที่จะรับรู้รสชาติของมัน

แม้มีคนอยู่รายล้อมมากมายความเหงาก็ไม่ได้ลดลงไป ฉันเปิดหนังสือทำรายงานอยู่อีกพักใหญ่เหลือบดูเวลาตอนนี้เกือบๆ จะตีสามแล้ว คงต้องนอนพักเอาแรงสักนิด เพราะพรุ่งนี้จะได้พบกับคนที่ฉันเฝ้าคิดถึงตลอดเวลาแม้ในยามหลับ

หมอนข้างที่ฉันกอดอยู่ไม่อุ่นไม่นุ่มไม่หอมเท่ากับเธอผู้เป็นที่รัก

ฉันนอนหลับฝันดีเมื่อนึกถึงเธอตลอดทั้งคืน

...........................

ฉันไปยืนรอรถเมล์อยู่หน้าพาต้าปิ่นเกล้า คนแถวนั้นยังไม่มากนักเพราะห้างยังไม่เปิด กว่าจะไปถึงหอพักของภัทรทราภรณ์ก็เกือบเก้าโมงเช้า ฉันทำแบบเดิมเดินไปติดต่อและขอให้เรียกเธอลงมาพบ

นั่งรออยู่ไม่นานภัทรทราภรณ์ก็วิ่งลงมาจากชั้นบนพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ฉันประทับใจ ไม่ว่าอย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็ยังตารตรึงในความทรงจำของฉันเสมอมา

เธอปรากฏกายมาด้วยเสื้อยืดตัวโคร่งสีชมพู กางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีขาว ภาพนี้ไม่เคยเปลี่ยน ผมที่ยาวถูดมัดลวกๆ ด้วยผ้าเช็ดหน้า

ฉันลุกขึ้นจากที่นั่งและยิ้มนับเธอเช่นกัน

“เหนื่อยไหมแป๊ดกินอะไรมาหรือยัง”

“ยังเลยรอมากินพร้อมกิ่งนี่แหละ หิวหรือยังหละ”

“ยังเหมือนกันแต่กินได้ไปกินเป็นเพื่อนแป๊ดก่อนแล้วกัน ว่าแต่ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนหละว่าจะมาจะได้หาซื้อะไรไว้รอ”

“ถ้าบอกก็ไม่ประหลาดใจนะสิ”

“ทำอย่างกับว่าไม่บอกจะประหลาดใจงั้นแหละ”

“ก็จะมาดูว่ามีใครแอบซ่อนไว้หรือเปล่าเท่านั้นเอง”

“จะไปมีใครมาแอบซ่อนได้หละจ๊ะที่รัก เวลาจะหายใจยังแทบไม่มีเลย” เธอเดินเข้ามาเกาะแขนฉันอิงใบหน้าซบกับไหล่ของฉันและเดินออกจากหอไปโรงอาหารด้วยกัน

“ท่าทางที่นี่เงียบสงบจังเลยนะกิ่ง” ฉันชวนเธอคุยไปเรื่อยเปื่อย

“ก็เงียบๆ นะถ้าไม่มีใครเปิดเพลงหรือทีวีดังๆ”

“เค้าให้เอามาใช้ได้ด้วยเหรอนึกว่าห้าม”

“เอามาได้แต่ใครก็ไม่กล้าเปิดกันหรอกเกรงใจชาวบ้านที่นี่มักจะอ่านหนังสือกันดึกๆ ดื่นๆ เวลาใครต้มมาม่าแต่ละทีโชยกลิ่นไปทั่วยั่วท้องกันเป็นแถว”

“ฮ่าๆๆ อาหารหลักเลยนะสิ”

“ก็บางทีไม่อยากลงไปไหนซื้อๆ ตุนไว้ เพราะเวลากลางคืนที่นี่มืดมากๆ คืนนี้แป๊ดนอนที่นี่สิเมทเรากลับบ้านกันหมดเลย”

“จะดีเหรอเรานอนได้เหรอ”

“ไม่มีใครรู้หรอกถ้าไม่ออกไปเพ่นพ่าน”

“ก็ได้ กินเสร็จแล้วค่อยขึ้นไปแล้วกัน”

ฉันสั่งอาหารตามสั่งมากินกับภัททราภรณ์เรียบร้อยก่อนจะขึ้นห้องพัก ไม่ลืมที่จะซื้อน้ำแข็งกับขนมติดมือไปด้วย

จำได้ว่าเธอเคยบอกว่าไม่มีตู้เย็นต้องซื้อน้ำแข็งใสกระติกไป ที่หอมีแต่น้ำเปล่าให้แต่ไม่เย็น พอไปถึงห้องพักของเธอฉันก็รู้สึกว่าทำไมมันถึงได้แคบแบบนี้

ห้องมีสองเตียงแต่ละเตียงมีสองชั้น แสดงว่าห้องนี้อยู่กันสี่คน โต๊ะอ่านหนังสือก็แคบกว่าที่บ้านเช่าของฉัน

ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงได้อยากกลับไปนอนที่บ้านดูท่าทางจะสบายกว่าที่นี่มาก แต่จะให้เธอเดินทางไปกลับทุกวันก็คงเสียเวลาน่าดู

จะเอาอะไรกับรถสาธารณะที่ไป-มาไม่เป็นเวลาบางครั้งก็เร็วบางครั้งก็ช้า อยู่หอในแบบนี้มันประหยัดเวลากว่ากันมาก เสียเงินค่าหอไม่มากไม่กดดันกับตัวเอง

ฉันทักทายเพื่อนร่วมห้องของเธอที่กำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน

“นี่พวกเธอนี่แฟนเราชื่อแป๊ด” ภัทรทราภรณ์แนะนำฉัน สรรพนามที่ใช้แทนฉันไม่ใช่คำว่าเพื่อนแต่เป็น “แฟน”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะแป๊ด กิ่งพูดถึงเธอบ่อยๆ ว่าน่ารักมากๆ พึ่งจะได้เห็นตัวจริงก็วันนี้ แต่พวกเราต้องขอตัวก่อนแล้วกันรีบกลับบ้านเอาผ้ากลับไปซัก”

“จ้าบายๆๆ เดินทางปลอดภัยนะ”

“เช่นกันอยู่ให้สบายนะถือซะว่าเป็นห้องของเธอเอง ไปหละนะโชคดีกิ่ง”

“โชคดี อี๊ด นุ้ย ต้า” ภัทรทราภรณ์เดินไปปิดประตูห้องเมื่อเพื่อนร่วมห้องของเธอออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและลงกลอนอย่างดี

เธอหันมามองหน้าฉันและยิ้มกริ่มก่อนที่จะโอบกอดฉันพร้อมกับหอมแก้ม

“คิดถึงจังเลยแป๊ด”

“เราก็คิดถึงกิ่งมากเลยนะรู้ไหม” ฉันที่ตอนนี้อดใจไม่ไหวซุกซนหาความหอมหวานจากตัวเธอเพื่อทดแทนความคิดถึงที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบสองอาทิตย์ ข้าวใหม่ปลามันก็เป็นแบบนี้แหละ

เธอพาฉันมานั่งที่เตียงฝั่งขวามือฉันจำได้ว่าผ้าปูที่นอนนี้ฉันกับเธอเป็นคนไปซื้อด้วยกัน เธอชอบสีชมพูหวานๆ เราหอบซื้อกันมาอยู่หลายชุด เพราะเธอบอกว่าจะได้ไม่ต้องรอเวลาส่งไปซัก

“กิ่งอยู่ได้ไงแคบอย่างกะรูหนู”

“คนอื่นอยู่ได้เราก็อยู่ได้”

“แล้วนี่ต้องไปซักผ้าด้วยหรือเปล่าเราช่วยซักไม๊”

“มีเหมือนกันแต่ผ้าอื่นเราส่งซักไปแล้วไม่ค่อยมีเวลาซักเลยแป๊ด”

“เรียนยุ่งหละสิไว้วันไหนกลับบ้านก็เอาไปให้เราซักให้สิจะได้ไม่ต้องส่งซักเปลืองเงิน” ฉันเสนอเพราะอย่างไรเสียฉันก็ต้องเป็นคนซักผ้าประจำบ้านอยู่แล้วจะเอาผ้าของคนที่ฉันรักไปซักอีกสักไม่กี่ชิ้นก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร

“เราส่งซักได้วันละสี่ชิ้นนะไม่ลำบากหรอก ชุดนอนชุดนักศึกษาไม่ลำบากอะไรยกเว้นวันไหนใส่เกินก็ซักส่วนเกินเอง”

“มีใส่เกินด้วยเหรอ”

“มีสิวันไหนกลับมาเร็วเราก็ใส่สามชุด เราก็เอาชุดนอนมาซักเองส่วนชุดอื่นก็ส่งซัก”

ฉันพยักหน้ารับรู้และสายตาก็เหลือบไปเห็นน้ำแข็งที่วางอยู่บนพื้นกำลังละลายไหลเป็นทาง

“ตายแล้วน้ำแข็งละลายหมด”

“เออจริงด้วยลืมไปเลยว่าซื้อน้ำแข็งมาแป๊ดนั่งรอเราก่อนนะ เดี๋ยวเราไปล้างกระติกก่อน”

“ให้เราไปเป็นเพื่อนดีกว่า” ฉันเตรียมจะลุกไปเอาน้ำแข็งใส่กระติกให้แต่ก็โดนกันท่าเสียก่อน

“ไม่ต้องหรอกบอกแล้วว่าอย่าออกไปเพ่นพ่านคนเห็นแล้วจะไม่ดี”

“เออจริงนะลืมไปสนิทเลยงั้นเรารอแล้วกันจะได้ไม่ทำให้กิ่งลำบากใจ”

“ไม่ลำบากใจเลยแต่ตอนนี้ขอกำลังใจหน่อยสิ” เธอยื่นแก้มให้ฉันเป็นอันรู้กันว่ากำลังใจที่ขอนั้นคืออะไร

........................

เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปรวดเร็วเสมอฉันเองก็เช่นกัน ฉันว่าเวลาที่อยู่กับคนรักมันช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน ไม่ต่างอะไรกับการอ่านหนังสือที่เราชอบ ต่อให้ดึกดื่นเพียงไหนเราก็ไม่ยอมละสายตาจากหนังสือเรื่องโปรด

จนกว่าเราจะอ่านหนังสือเล่มนั้นจนจบถึงจะวางลงได้ หนังสือเล่มนี้ที่ฉันกำลังอ่านมันไม่มีวันจบ มีแต่เรื่องที่น่าติดตาม เวลาฉันอ่านก็มักจะพลิกกับไปอ่านหน้าเดิมๆ

อ่านซ้ำเรื่อยๆ ให้จดจำเข้าไปในหัวสมองของฉัน ทุกบททุกตัวอักษรที่ตราตรึงใจ บทรักที่แสนหวาน บทบู๊ที่แสนหฤโหด หรือบทท่องเที่ยวที่แสนจะเพลิดเพลิน

ค่ำคืนที่แสนสงบมีเพียงเสียงลมหายใจของคนอ่านหนังสือเช่นฉัน ที่ยังคงพ่นออกมา มีใครจะรู้บ้างว่าเมื่อเวลาอ่านไปแล้วฉันรู้สึกเร้าร้อนไปทุกอนูของร่างกาย

เมื่อยามที่หนังสือเริ่มจะออกฤทธิ์ให้เจ้าของต้องออกแรงรั้งให้กลับมาวางอยู่บนหมอน หรือเมื่อยามที่แขนอ่อนแรงไม่มีแรงที่จะรั้งหนังสือที่หนักอึ้งไว้ในมือก็เล่นเอาคนอ่านล้าไปเหมือนกัน

หนังสือเล่มนี้กว่าฉันจะวางลงได้ก็เล่นเอาทั้งหนังสือและคนอ่านบอบช้ำไปตามๆ กัน

แสงแรกของยามอรุณโผล่พ้นขอบฟ้าอีกครั้งเธอยังคงนอนหนุนแขนฉันเช่นเดิม ภาพแห่งความทรงจำเก่าๆ ก็ย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง

ชีวิตที่มีความสุข ช่วงเวลาแห่งความสุขกำลังจะหมดลงไปทุกนาที

“ทำไมนะเวลาอยู่กับกิ่งเวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน” ฉันบ่นเมื่อเห็นแสงสีแดงที่ขอบฟ้า

“นั่นสิเรายังไม่ง่วงเลยนะ” เธอตอบฉันอยู่ที่ข้างๆ ใบหู

“เรานะจะบอกให้พอไปเรียนที่ไรเราแอบไปนอนทุกทีจนกอล์ฟต้องมาปลุก มีอยู่ครั้งนึงเรียนบัญชี แล้วอาจารย์เจ้าของวิชาก็โหดมาก โหดจนเราคิดว่าไม่รอดแล้ววันนั้น”

“แล้วแป๊ดทำไงหละ”

“ก็ไม่ทำไงอาจารย์คิดว่าเราไปฉลองที่บอลคณะชนะก็เลยหันไปเล่นงานพวกผู้ชายแทน เมื่อไหร่นะกิ่งที่เราจะได้อยู่ด้วยกันซะที” ฉันขยับนอนตะแคงมองใบหน้าเธอที่หนุนแขนของฉัน

“อีกสองเทอมเราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วไม่นานหรอกแป๊ด อดทนนิดนะคะคนดีของกิ่ง” เธอมองหน้าฉันและจุ๊บที่แก้มฉันอีกฟอดใหญ่

“เออกิ่งอาทิตย์หน้าเราไปรับน้องที่หัวหินนะ” ฉันนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกเธอเรื่องรับน้องต่างจังหวัดรีบรายงานก่อนที่จะโดนจับได้ว่าไม่บอก

“อ้าวเหรอไปเร็วจังเลยของเรายังไม่ไปเลย แต่เราคิดว่าเราคงไม่ไป เพราะแค่รับน้องที่นี่ก็หืดขึ้นคอแล้ว” เธอทำหน้าเหมือนเบื่อๆ กับเรื่องที่พูดถึง

“เราต้องไปแก้แค้นคนบางคนให้ได้ก่อน”

“แก้แค้นกันไปมาจะมีอะไรดีหละแป๊ด อโหสิกรรมให้เค้าไปเถอะคนเก่ง” มือของเธอมาบีบปลายจมูกของฉันเล่น

“หายใจไม่ออกนะกิ่งเอาออกสิ” ฉันร้องเพราะเธอบีบจนไม่มีทางหายใจ

“ทำไมไม่หายใจทางปากหละ” ดูสิมีข้อเสนออีกนะ

“ก็ปากเอาไว้พูดไม่ได้มีไว้หายใจน่ะกิ่ง”

“ทำเป็นคนซื่อไปได้ที่กับคนอื่นหละไม่ละไม่วาง” นี่เธอหมายถึงฉันหรือหมายถึงตัวเธอเองกันแน่ ที่ไม่ละไม่วาง ก็หนังสือในมือฉันเล่มนี้มันน่าอ่านนี่นา

“ไม่ได้หรอกกิ่งกับคนๆ นี้ มาดูถูกเราว่าแม้แต่ขาอ่อนก็ไม่มีทางได้เห็น”

“แล้วจะไปทำอะไรเค้าจะไปปล้ำเค้าหรือไงยะ” เธอหยิกที่ท้องของฉันจนฉันต้องร้องห้าม

“โอ๊ยอย่าๆ ไม่ได้ไปปล้ำ แต่จะทำอย่างอื่น”

“ทำอะไรไหนว่ามาสิ”

จากนั้นแผนการทั้งหมดก็พร่างพรูออกมาจากปากของฉัน แม้ว่าเธอจะไม่เห็นด้วยและแย้งฉันทุกอย่าง แต่ฉันก็ยังคงยืนยันความคิดเดิมที่จะต้องจักการกับแม่นางพญาหลงตัวเองคนนั้นให้ได้

..................................

วันรับน้องพวกเรามาพร้อมกันที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่ สี่ทุ่มรุ่นพี่จับพวกเราแยกไปตามกลุ่มฉัยกับไปรยาก็ยังคงอยู่กลุ่มเดียวกัน ฉํนชะเง้อมองหาแม่นางพญาตัวแสบ

“มองหาใครแป๊ด” ไปรยาที่เห็นฉันมองหน้ามองหลังอยู่ก็ถามขึ้น

“จะใครซะอีกหละ ก็แม่ตัวแสบไง”

“มาแล้ว นั่งอยู่บนรถ”

“โอ๊ะทำไมเร็วจริงๆ”

“ไม่เร็วได้ไงมีคนมาคุมรุ่นพี่ว่าห้ามไปแกล้งลูกเค้าถึงบนรถ”

“โอ้วแม่เจ้าขนาดนั้นเลย” ฉันทำตาโตกับเรื่องที่ไปรยาบอกเล่า

“ใช่สิหาเรื่องจริงๆ เลยนะแป๊ด ตัวทำรุ่นพี่ลำบากกันไปหมด”

“เอาน่าเฉยไว้เถอะไม่มางานนี้แล้วจะไม่สนุกนะกอล์ฟ เชื่อเราสิ”

พอไปถึงที่หมายเราก็ได้รับรู้ว่ามีสปอนเซอร์รายใหญ่จ่ายค่าที่พักให้พวกเราโดยที่รุ่นพี่ไม่ต้องออกเงินค่าที่พักเลยยกเว้นค่ารถ พอถามๆ กันไปก็รู้ว่าพ่อของพิศลยาเป็นสปอนเซอร์ในครั้งนี้ เงินนี่ทำให้คนเราเปลี่ยนไปจริงๆ หรือนี่

ฉันได้นอนห้องเดียวกับไปรยาและพิศลยาดังทที่คาดเอาไว้ เราเลือกหาเตียงนอนกันฉันยอมนอนเตียงเสริมติดๆ กับไปรยา

ข้าวของประทินโฉมบำรุงผิวของแม่นางพญาที่วางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งเต็มไปหมด ทำเอาฉันกับไปรยาต้องเอาแป้งฝุ่นของตัวเองเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าเหมือนเดิม เพราะกลัวว่าจะไปทำให้ของบนนั้นเปื้อน

“นี่เธอสองคนนะอย่ามาใช้แป้งฝุ่นในห้องนี้นะฉันแพ้” พิศลยาออกคำสั่งกับฉันสองคน

“เอ๊าก็คนมันร้อนชอบทาแป้งเย็นก่อนนอนมันผิดตรงไหนนี่” ฉันเถียงไปตามนิสัยเดิม

“แต่ฉันแพ้นี่ยะจะใช้ก็เข้าไปใช้ในห้องน้ำโน่น” พิศลยายังยืนยันคำเดิม

ฉันกับไปรยาก็เลยต้องทาแป้งในห้องน้ำไปโดยปริยาย รุ่นพี่มาเรียกให้เราลงไปรวมพลกันที่ด้านล่างของที่พัก ฉันว่าที่นี่ก็สวยดี ฉันไม่เคยมาทะเลทางใต้เคยไปก็แต่ทะเลทางตะวันออกกับเพื่อนๆ และครอบครัวบ้างในบางครั้ง

“น้องๆ ทุกคนคะเราจะแจกคูปองอาหารให้น้องๆ เพื่อไปทานอาหารที่ร้านอาหารของที่นี่นะคะ อ่อน้องๆ คนไหนแพ้อาหารอะไรก็บอกพวกพี่ได้นะ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง มีใครแพอาหารทะเลหรือเปล่าคะ” รุ่นพี่ผู้นำพวกเราประกาศโทรโข่งอยู่หน้าแถว

“แพ้ค่ะพี่” ฉันยกมือขึ้นทันที

“แพ้อะไรกุ้งหอยปูปลาหรือว่าอะไร” รุ่นพี่หันมาถามฉันผ่านโทรโข่งเสียงดังฟังชัด

“แพ้ทุกอย่างค่ะพี่” ฉันทำหน้าเศร้าๆ ก่อนที่จะพูด

“อ้าวตายแล้วนี่จะกินอะไรได้หละแล้วเราเอายาแก้แพ้ติดตัวมาด้วยหรือเปล่า” ดูรุ่นพี่จะเป็นหว่งฉันจนออกนอกหน้า แถมยังเดินมาคุยกับฉันตัวต่อตัวถึงในแถวที่ฉันยืนอยู่

“กินได้ค่ะเพราะว่าพอเห็นอาหารทะเลแล้วแพ้คะพี่ไม่เคยชนะสักทีกินหมดจนท้องจะแตกตายกลายเป็นชูชกแล้ว” ฉํนทำหน้าทะเล้นตอบรุ่นพี่กลับไป

หลังจบคำพูดของฉันเพื่อนๆ ก็ฮากันครืนๆ ส่วนรุ่นพี่ที่เมื่อสักครู่ที่มีท่าทางเป็นห่วงเป็นใยฉัน ตอนนี้คงอยากจะยกขาแล้วแตะมาที่กลางหลังฉันสักป๊าบแล้วมั๊ง

อาหารเช้าในวันนี้ก็คือข้าวต้มรวมมิตรทะเลที่มีอาหารทะเลอะไรก็ใส่ๆ ไปจนเต็มหม้อไปหมด พวกฉันเจริญอาหารกันเพราะมันคือของฟรีที่นานๆ ได้กินกันสักครั้ง โดยเฉพาะพวกผู้ชายไม่ใช่การกินแบบถ้วยเดียวแต่เป็นการกินซุปเปอร์เบิ้ลกันทุกคน ฉันเองก็ไม่ละเว้นบวกเพิ่มอาหารไปอีกเช่นกัน

หลังอาหารพวกรุ่นพี่จัดให้มีกิจกรรมสันทนาการและจัดวอล์คแลนลี่ให้พวกเราที่อยู่ในกลุ่มหาข้อมูลตามฐานต่างๆ ภายในที่พัก โดยมีจุดที่พวกพี่ๆ มาเตรียมไว้อยู่ก่อนหน้านั้น เป้าหมายก็คือใครได้ครบก่อนกลุ่มนั้นชนะ

ปัญหาใหญ่ของเราก็คือพิศลยา ดูเธอจะไม่สนใจกับการให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะไปไหนเธอจะเดินถือร่มอยู่หนึ่งคัน พอพวกเราเข้าฐานได้เธอก็จะแยกตัวออกไปนั่งอยู่ข้างๆ รุ่นพี่ โดยอ้างว่าเธอไม่สบายแพ้แสงแดด แพ้อากาศ อะไรที่เธอจะอ้างได้เธอก็จะทำ

“ดูยายบ้านั่นสิทำตัวเป็นคุณนายอยู่ได้” ฉันกระซิบบ่นกับไปรยาและเพื่อนๆ ในกลุ่มเดียวกัน

“ปล่อยเค้าไปเถอะอย่าไปยุ่งกับเค้าเลย” เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งบอกกับฉัน

“แต่มันทนไม่ได้นี่”

“ทนไม่ได้ก็ต้องทนเธออยากไปท้าให้เค้ามาเองทำไมหละให้เค้ามาแล้วก็ต้องทนเห็นเค้าทำตัวแบบนี้และ” กานต์สินีเพื่อนในกลุ่มบอกับฉัน

“เราให้มาเพราะว่าจะให้มารู้ว่าการรับน้องมันไม่ได้โหดอย่างที่คิดไว้ แต่ดูสิสงสัยตอนนี้แต้มในกลุ่มของพวกเราคงโดนตัดไปไม่เหลือหรอเพราะแม่นั่นแน่ๆ เลย” ฉันบุ้ยปากไปที่ตัวต้นเหตุ

เราโดนให้บูมคณะถอยหลัง เล่นป๊อปอายไต่ราว เล่นคาบขนมส่งต่อ ในฐานนี้จนเป็นที่พอใจของรุ่นพี่และปล่อยพวกเราไปยังฐานต่อไป

ฐานใหม่คือรูปรสกลิ่นเสียง ฐานนี้รุ่นพี่จับพวกเราแยกแล้วให้ปิดตาดมกลิ่น ถามเราว่านี่คือกลิ่นอะไร พวกฉันทุกคนเล่นกันจนหมดยกเว้นคุณนายร่มแดงคนเดียว แล้วคุณนายเธอจะมาเข้ากลุ่มเราทำไมกันหละนี่ ฉันอดรนทนไม่ไหวขอรุ่นพี่บอกว่าฉันปวดท้องหนัก ต้องไปเข้าห้องน้ำอย่างด่วน

“พี่คะสงสัยแป๊ดจะท้องเสียกับอาหารเมื่อเช้า ขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ”

“เราไปเป็นเพื่อนไหมแป๊ด” ไปรยาบอกฉันเธอคงคิดว่าฉันท้องเสียจริงๆ

“ไปก็ได้ พี่คะของตัวก่อนเน้อ” ฉันวิ่งหูดับตับไหม้ไปที่ห้องน้ำทันที โดยมีไปรยาวิ่งตามมาติดๆ

“แป๊ดตัวปวดท้องมากเลยเหรอรีบวิ่งขนาดนี้”

“เปล่าเราจะมาทำการแก้แค้นต่างหาก”

“ทำอะไรของตัว”

“เฉยเหอะน่าตามเรามา”

ฉันมองซ้ายมองขวาดูว่ามีใครอยู่ในรัศมีที่มองฉันกับไปรยาเห็นบ้างเมื่อปลอดผู้คนแล้วฉันก็วิ่งจู๊ดนำไปรยาไปที่ห้องพักของเราเอง

“กลับมาที่ห้องทำไมกันแป๊ดหรือว่าถ่ายที่ห้องอื่นมันไม่สะดวกเลยต้องกลับมาที่ห้อง” ไปรยาถามอีกรอบเครื่องหมาคำถามของเจ้าหนูจำไมบนใบหน้าทำให้อิคคิวซังอย่างฉันส่ายหน้าไปมา

“ดูต้นทางให้หน่อยนะอย่าให้ใครเข้ามาหละ”

ไปรยารับคำสั่งอย่างว่าง่าย ดี แบบนี้ดีแผนการของฉันจะได้เริ่มต้นในตอนนี้ ฉันเปิดกระเป๋าของพิศลยาเอากางเกงนอนของเธอออกมา จากนั้นก็หยิบฝักสีขาวขนปุกปุยที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกอย่างดีออกมาจากกระเป๋ากางเกง และรีบปาดลงบนกางเกงอย่างเร่งด่วน แต่ไม่ให้โดนมือของตัวเอง

ก่อนที่จะหยิบกางเกงไปเก็บเข้าที่ในกระเป๋าเหมือนสภาพเดิมเหมือนก่อนที่จะหยิยออกมาและเก็บสิ่งที่อยู่ในถุงพลาสติกไว้ที่เดิมเช่นเคย

ฉันปัดมือตัวเองสองสามครั้ง

“เท่านี้ก็เรียบร้อย”

“ไม่ถึงตายแน่นะ” ไปรยายังคงกังวลกับสิ่งที่ฉันทำ

“ไม่ตายหรอกแค่คันๆ เท่านั้นเอง”

ฉันบอกแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำล้างมือฟอกสบู่อย่างด่วนจี๋ เพราะก็เริ่มจะคันๆ ที่มืออยู่เหมือนกัน หลังจากล้างมือเสร็จก็เอายาหม่องมาป้ายทาไปทั่วมือของตัวเอง ก่อนจะออกจากห้องไปเพื่อกลับไปยังฐานที่จากมาโดยไม่ลืมเดินกลับไปที่ห้องน้ำที่ฉันเข้าไปในตอนแรก เพื่อทิ้งหลังฐานทั้งหมดลงในชักโครก

เท่านี้แผนการของอรุณวิลัยก็สำเร็จลุล่วงไปโดยปริยายแล้วจะคอยดูแม่คุณนายร่มแดงว่าเธอจะให้ฉันเห็นขาอ่อนของเธอหรือเปล่า คืนนี้เป็นอันรู้กัน

เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับอรุณวิลัย

..... จบบทที่ ๑๐ ....



Create Date : 29 พฤษภาคม 2551
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:09:53 น. 4 comments
Counter : 308 Pageviews.

 
โอ๊ะ โอ๋ ถ้าให้เดาคงเป็นหมามุ๋ยใช่ไหมครับเนี้ย เด่วนี้ข้าวรุสึก่าบอร์ดมันเหงาน้า


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:15:29 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณข้าว

นั่นสิค่ะ เงียบมากๆ จนน่ากลัว บรื้อๆๆๆๆ


โดย: รันหณ์ วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:24:49 น.  

 
สงสัยเค้าหนีไปอ่านนิยายในเด็กดีของคุณรันหณ์อ่ะป่าวครับ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:08:48 น.  

 
นั่นสิค่ะคุณข้าว

ฉันว่าคงเป็นแบบนั้น แต่ฉันก็ลงที่นี่ก่อนที่อื่นนะ คริกๆๆ ลงแบบยังไม่ได้แก้ไขพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ ไปวันๆ ขอบคุณที่คุณอดทนอ่านคะ


โดย: รันหณ์ วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:31:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.