It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องแนวยูริ : อนันตราบทที่ ๒๐

บทที่ ๒๐

นิชาภัทรพาอนันตราเดินทางไปเกาะสมุยดินแดนแห่งมะพร้าว เมื่อนิชาภัทรหาที่พักได้แล้วก็ออกมาเช่ารถจักรยานยนต์พาอนันตราขี่รถเล่นรอบเกาะ ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นมะพร้าว แต่ก็ยังมีความเจริญเข้ามาแทนที่ รีสอร์ตและที่พักมากมายผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด

นิชาภัรทพาอนันตราไปสักการะพระใหญ่ที่หาดพระใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคลของทั้งสองคน และเพื่อให้การเดินทางครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จากนั้นพาลัดเลาะไปตามชายหาด ผ่านอ่าวยายน้อย อ่าวเฉวงอ่าวท้องยาง มาหาดละไมเพื่อให้อนันตราได้แวะดูหินยาหินยาย ที่ใครๆ ก็เล่าขานกันมาว่านานมาแล้วว่า

มีตายายคู่หนึ่งชื่อตาแครง ยายเรียม เป็นชาวอำเภอปากพนังจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางโดยเรือใบเพื่อเดินทางไปสู่ขอลูกสาวของตาม่องล่ายจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ให้กับลูกชาย เมื่อเรือเดินทางมาถึงบริเวณหาดละไมก็เกิดพายุใหญ่ทำให้เรือของสองตายายล่ม ทั้งตาและยายเสียชีวิตคลื่นซัดตาและยายขึ้นมาเกยหาดก็เลยกลายเป็นหินที่เห็นอยู่จนทุกวันนี้

“ตาว่าเหมือนไหมหล่ะหินที่ตายืนนั่นนะเป็นหินยายนิ” นิชาภัทรชี้บริเวณที่อนันตรายืนอยู่เป็นซอกหินที่มีลักษณะเว้าเข้ามาเป็นเหมือนซอกหลืบ เมื่อยามคลื่นซัดมาก็จะกระเซ็นไปทั่วบริเวณ

“อืมค่ะ”

“นั่นทางด้านขวามือของตาก็คือหินตานะ” นิชาภัทรชี้ให้อนันตราดูหินที่จั้งเดินเป็นสง่าในหมู่หินทั่วไป

“พี่ว่าขนาดดูเหมาะสมกันดีนะนี่ หินตานะหินยายนิ” นิชาภัทรเริ่มจะมีรอยยิ้มทะเล้นขึ้นมาบนใบหน้า

“บ้า พิ่นิ” อนันตรานึกจินตนาการตามนิชาภัทรและสรรพนามแปลกๆ ที่นิชาภัทรกล่าวถึงก็ทำให้เธอหน้าแดงเป็นลูกตำลึง และซัดกำปั้นเบาๆ ไปที่แขนของนิชาภัทร ทำให้นิชาภัทรต้องวิ่งหลบกำปั้นนั้นอย่างชุลมุนวุ่นวาย เพราะที่เธอยืนกันอยู่ตรงนี้ลาดเอียงและไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย

หลังจากที่วิ่งกันมาได้สักระยะ นิชาภัทรก็นำอนันตราขึ้นรถจักรยานยนต์พาไปหาดตะหลิ่งงาม เพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน เค้าว่ากันว่าพระอาทิตย์ตกดินที่นี่งดงามที่สุดในเกาะสมุย ทั้งสองนั่งดูไข่แดงลูกโตที่ค่อยๆ อ่อนแสงลงไปในทะเลที่เวิ้งว้างห่างไกล ขอบฟ้าจรดทะเลความอ้างว้างเกิดขึ้นในใจ แต่ความอบอุ่นของอ้อมแขนที่โอบกอดซึ่งกันและกันทำให้มีความอบอุ่นขึ้นมาแทนที่

ระหว่างเดินทางกลับไปที่พักอนันตราที่นั่งซ้อนอยู่ข้างท้ายก็รู้สึกหนาวนิชาภัทรเองที่เป็นคนขี่ก็รู้สึกได้เช่นกัน

“หนาวไหมตา ถ้าหนาวกอดพี่ไว้สิ” นิชาภัทรจับมืออนันตราให้โอบกอดเธอจากด้านหลัง อนันตราซบใบหน้าลงบนไหล่ของนิชาภัทร

เจ้าของไหล่นี้ทำให้อนันตรารับรู้ได้ถึงความรักที่มีให้แก่กัน กระแสความรักที่มากมายไหลผ่านไหล่ที่แข็งแรงพร้อมที่จะให้เธอได้พักพิงเมื่อยามอ่อนล้า

............................

วันรุ่งขึ้นิชาภัทรพาอนันตราไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่แหลมหนันตั้งแต่เช้าตรูเพราะพวกเธอพักใกล้ๆ บริเวณนั้น

“ต่างกันไหมตาพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตก” นิชาภัทรมี่นั่งอยู่ข้างๆ อนันตราถามขึ้นเมื่อเห็นคนข้างๆ เหม่อมองไปที่ทะเลไกล

“ต่างกันค่ะพี่ พระอาทิตย์ตกดูเศร้า แต่พระอาทิตย์ขึ้นดูแล้วสดใส แสงแรกของวันใหม่ทำให้รู้สึกสดชื่นมากกว่าแสงสุดท้ายของวัน”

“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละตา พี่ว่าพระอาทิตย์ก็เหมือนชีวิตคนเรา ตาดูสิเวลาพระอาทิตย์ขึ้นพี่ว่าเหมือนเด็กแรกเกิดที่ยังคงแสงอ่อนๆ แต่เมื่อเติบโตแข็งแรงก็แผดเผาไปทั่ว ให้ความสว่างและความร้อนแต่เมื่อถึงเวลาต้องลาจากก็อ่อนล้าในวัยชราของคนเราก็คงจะเหมือนกันนะตา”

“อืมค่ะพี่” อนันตราพยักหน้าเห็นด้วยกับคนรัก

“ปะตาไปทานอาหารเช้ากันวันนี้เราจะตะลอนเที่ยวให้ทั่วเกาะสมุย” นิชาภัทรลุกขึ้นและยื่นมือฉุดคนรักให้ลุกขึ้นตามเธอ สองมือเกาะกุมเดินจูงกันไปบนหาดทรายสีขาวละเอียด

อนันตราพึ่งจะเคยสังเกตว่านิชาภัทรจะดื่มทุกครั้งเมื่อทานอาหารเสร็จถึงแม้จะดื่มไม่มากแต่ก็ทำให้อนันตราเริ่มที่จะเป็นห่วงคนรักของเธอ

“พี่นิทำไมดื่มแบบนี้หล่ะค่ะ ปกติไม่เคยเห็นดื่ม”

“ก็ปกติพี่ทำงานแต่นี่เรามาเที่ยวฮันนีมูนกันพี่ก็เลยดื่มได้ ไม่ต้องห่วงพี่หรอกตาดื่มเล็กน้อยเท่านั้นให้สดชื่น” นิชาภัทรอ้างไปเรื่อยเปื่อยอย่างนั้นเอง เพราะหมู่นี่เธอเครียดจัดเรื่องงานจนต้องหาทางระบายออกแต่ด้วยนิสัยของเธอเองที่ไม่ชอบจะปรึกษาใครก็ได้แต่นั่งดื่มไปคิดไปเรื่อยๆ แบบนี้

“แต่ตาไม่อยากให้พี่นิดื่มเลยค่ะ พี่นิดื่มมากๆ แบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพนะ ถ้าพี่นิเป็นอะไรไปแล้วตาจะอยู่กับใครหล่ะคะ พี่นิเลิกดื่มได้หรือเปล่าคะเพื่อตาเพื่อเรา” อนันตราจ้องหน้าคนรักเหมือนจะขอสัญญาจากคนรักของเธอ

“ได้สิตาเพื่อเราแต่พี่ขอแค่เที่ยวครั้งนี้เสร็จก่อนได้ไหมและพี่สัญญาว่าจะไม่ดื่มถ้าไม่จำเป็น” นิชาภัทรยื่นนิ้วก้อยเพื่อทำพันธสัญญากับคนรักที่นั่งหน้าง้ำเพราะคนตัวโตไม่ยอมสัญญาว่าจะเลิกดื่มในทันที แต่ก็ยังดีที่มีข้อสัญญาว่าจะเลิกดื่มเมื่อเที่ยวครั้งนี้จบลงเรียบร้อยแล้ว

“สัญญาต้องเป็นสัญญานะคะคนดีของตา”

“จ๊ะพี่สัญญา”

.............................

น้ำตกหน้าเมืองแม้จะไม่ค่อยมีน้ำมากนักแต่ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเป็นระยะๆ สายน้ำตกที่ไม่สูงมากนักแอ่งน้ำจืดที่ใสและเย็นฉ่ำ นิชาภัทรเลือกที่จะนั่งช้างชมธรรมชาติของสวนมะพร้าวที่เกาะสมุย อนันตราตื่นเต้นกับการนั่งช้างครั้งแรกของเธอ เมื่อช้างก้าวแต่ละก้าวเธอก็จะแกว่งไปแกว่งมาไปตามจังหวะการเดินของช้างไปด้วย

“พี่นิเอวตาจะครากไหมนี่”

“ตาก็ขยับตามจังหวะการเดินของช้างสินี่ทำแบบนี้” นิชาภัทรโยกตัวไปมาตามจังหวะการเดินของช้างให้อนันตราได้ทำตาม และก็ช่วยได้จริงๆ อย่างที่นิชาภัทรบอกจริงๆ

ออกจากน้ำตกก็มุ่งหน้าเที่ยวตามรายทางดูสวนลิงที่ฝึกลิงให้เก็บมะพร้าว ดูวิถีชีวิตของคนในเกาะเรื่อยไป

“ตาลงมาเถอะอย่าขึ้นไปเลยเดี๋ยวตก” นิชาภัทรตะโกนบอกลิงตัวหนึ่งที่ปีนป่ายขึ้นไปบนยอดมะพร้าวให้ลงมา

“พี่นิ!!! นี่หาว่าตาเป็นลิงเหรอ แบบนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว ต้องตายแน่จริงอย่าหนีนะหยุดเดี๋ยวนี้” อนันตราวิ่งตามนิชาภัทรที่พูดกับลิงจบก็วิ่งอ้าวไปไกลจนอนันตราวิ่งตามแทบไม่ทัน

จนสุดท้ายนิชาภัทรตัดสินใจว่าจะไปดำน้ำดูประการังที่เกาะมัตสุมเกาะนี้มีแนวปะการังน้ำตื้นที่สวยงาม ทั้งสองเช่าเรือหางยาวจากอ่าวท้องกรูดเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางไม่นานก็ถึง

ระหว่างทางที่เรือเล่นไปจะเห็นฝูงปลากระโดดขึ้นมาล้อเล่นกระกระแสคลื่นอยู่เป็นระยะๆ

“พี่นินั่นอะไรอะ” อนันตราถามนิชาภัทร

“ก็ปลาไงถามได้” นิชาภัทรหันไปมองหน้าอนันตราเหมือนจะถามว่าไม่รู้จักปลาหรอกหรือ

“ไม่ใช่ ตาจะถามว่าปลาอะไร ปลาน่ะตารู้จักแล้ว” อนันตราชักโมโหกับคำตอบที่ยั่วยวนอารมณ์เธอยิ่งนัก

“ปลาบินมั๊ง โธ่ตาพี่จะไปรู้ได้ไงพี่ไม่ใช่ชาวประมงนะจะได้รู้ว่าเป็นปลาอะไร” นิชาภัทรเริ่มบ่นเป็นหมีกินผึ้ง

“เอ๊าก็นึกว่าจะรู้เห็นรู้ไปหมดทุกเรื่องมดเดินผ่านตัวไหนปวดหัวพี่นิก็ยังรู้เลย” อนันตราค่อนขอดคนรักของเธอ

“มดปวดหัวถ้าพี่รู้พี่ก็ไปเป็นแม่หมอแล้ว”

“หมออะไรพี่นิ”

“หมอยูมั๊งปาดโธ่ตาถามอะไรมาได้ไม่เห็นจะตอบได้สักอย่าง ดูปลากันต่อเถอะ โน่นๆ ดูสิฝูงใหญ่เชียว” นิชาภัทรกลบเกลื่อด้วยการชักชวนให้อนันตราดูฝูงปลาที่กระโดดอยู่ข้างเรือคงเพราะความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งปะการังทำให้มีฝูงปลาอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก แหล่งประการังคือแหล่งอาหารของเหล่ามวลหมู่ปลาทั้งหลาย ชีวิตเอื้อชีวิตเป็นไปตามวัฏจักรของธรรมชาติที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน

แหล่งประการังที่เกาะมัตสุมนี่สมบูรณ์และสวยมาก อนันตาและนิชาภัทรดำดูประการังบนผิวน้ำและฝูงปลาที่แหวกว่ายอย่างสนุกสนาน จนเวลาคล้อยบ่ายทั้งสองจึงนั่งเรือกลับไปยังสมุย ความเหนื่อยอ่อนจากการดำผุดดำว่ายอยู่กลางทะเลทำให้ทั้งสองหลับไปอย่างง่ายดาย

สมุยแม้ไม่ใช่เกาะที่ใหญ่โตอะไรมากมายนักแต่ก็เต็มไปด้วยสีสันของวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งหมู่เกาะที่รายล้อมมากมาย ในวันรุ่งขึ้นทั้งสองเดินทางไปยังหมู่เกาะวัวตาหลับซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองที่ด้านหน้าของเกาะเป็นหาดทรายขาวสะอาดน่าเดินเล่นจนไม่อยากจะจากไปไหน

“นี่ถ้าให้ตาเลือกได้นะพี่นิตาอยากจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตถึงให้ตายตาก็ยอม แต่ก็อย่างว่านะพี่ เราต้องทำงานและกลับไปมีชีวิตอยู่ในทุ่งคอนกรีตเหมือนเดิมนั่นแหละ” อนันตรานึกถึงชีวิตหลังจากนี้ที่ต้องกลับไปทำงานแล้วก็เกิดไม่อยากกลับไปจากธรรมชาติแห่งนี้เลยจริงๆ

“อืมใช่สิตา ถ้าตาชอบที่นี่พี่จะพามาบ่อยๆ เอาไหม” นิชาภัทรหันไปถามอนันตราที่ยืนชื่นชมธรรมชาติสวยงามของเกาะ

“ถ้าได้แบบนั้นก็ดีที่สุดในโลกเลยพี่นิ แต่ถ้าวันไหนพี่นิลืมสัญญาตาจะทวงจนวันตายเลยคอยดู” อนันตราทำท่าเป็นแม่เสือจะบดขย่ำนิชาภัทรที่อยู่ตรงหน้า

“รับรองไม่ลืมแน่ตาเพราะพี่จะจัดทัวร์มาสมุยทุกปี และตากับพี่จะเป็นไกด์นำเที่ยวด้วยไงหล่ะ” นิชาภัทรบอกถึงที่มาของการมาสมุยให้กับอนันตราได้รับรู้เพราะเธอเริ่มมีแผนการจัดทัวร์ใหมาอีกครั้งในหัวสมองอีกแล้ว

“ไอ้พี่นิงก นี่จะให้ตามาเป็นไกด์นำเที่ยวมาเกาะนี่นะ ที่ตาพูดหมายถึงมาเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศไม่ใช่มาทำงาน” อนันตราโวยวายอย่างเหลืออดที่นิชาภัทรมาทำให้เสียบรรยากาศการฝันหวานตอนกลางวันของเธอ

“เอ๊าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาโดยใช่เหตุและเป็นการทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วยในตัว น่านะตา สร้างครอบครัวไปด้วยกัน เงินพี่ก็เหมือนเงินตานั่นแหละ จะแบบไหนก็กระเป๋าเดียวกัน”

“ไม่เด็ดขาดเงินตาไม่มีทางเป็นของพี่นิแน่ๆ แต่เงินพี่นินะของตาแน่ๆ อิอิ” อนันตราวิ่งนำนิชาภัทรขึ้นไปจุดยังจุดชมวิวเมื่อมาถึงที่ก็หอบแฮ็กๆ เพราะความาเหนื่อยที่ต้องวิ่งหนีนิชาภัทร แต่เมื่อได้มองวิวเห็นหมู่เกาะอ่างทองทั้งหมดที่ทอดตัวเรียงรายเป็นแนวยาวก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

“โห้ พี่นินี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ เลยค่ะพี่ ดูสิคะสวยจังเลย” อนันตราพึมพำอย่างมีความสุข และจากนั้นทั้งสองก็เดินเท้าไปยังถ้ำบัวโบกในถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปร่างสวยงามคล้ายดอกบัวบาน

“พี่นิว่านี่ดอกบัวอะไร” อนันตราชี้ชวนให้นิชาภัทรดูหินย้อยที่ได้เห็นแต่ก็ไม่ได้คำตอบจากนิชาภัทรอนันตราจึงว่า

“บัวหินหมื่นปีไงพี่นิ”

“บ้าแล้วบัวอะไรกันตาอายุตั้งหมื่นปี พี่เคยได้ยินแต่ในหนังจีนมีบัวหิมะพันปี” นิชาภัทรไม่เห็นด้วยกับคนรักเลยสักนิด

“แต่ตาว่าเป็นหมื่นปีจริง นะพี่ลองดูสิกว่าน้ำจะเอาหินปูนหยดลงมาได้หนึ่งหยด กว่าหินปูนจะงอกออกมาจนเป็นรูปบัวนี่ตาว่าใช้เวลามากกว่าพันปี น่าจะเป็นหมื่นปีหรือมากกว่านั้น ธรรมชาติกว่าจะสร้างอะไรขึ้นมาได้ใช้เวลานานจังเน๊อะ แต่มนุษย์กลับทำลายธรรมชาติแค่เพียงกระพริบตาก็หายไป” อนันตรารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ธรรมชาติสร้างมนุษย์ แต่มนุษย์เกิดมาเพื่อทำลายธรรมชาติ เป็นแบบนี้มากี่ร้อยพี่พันปีแล้ว

จากนั้นทั้งสองนั่งเรือไปเกาะวัวตาหลับเพื่อที่จะไปดูทะเลใน ทะเลในเป็นทะเลที่ถูกโอบล้อมด้วยเกาะสลับซับซ้อนดูเหมือนจะไม่มีทางเข้าออกของน้ำ แต่ทะเลในแห่งนี้มีอุโมงค์ใต้น้ำที่เชื่อมต่อกับทะเลที่อยู่ด้านนอก ธรรมชาติมักสร้างอะไรที่คนเราไม่สามารถจะคาดเดาได้ เมื่อเดินไปยังจุดชมวิวก็ได้เห็นทิวทัศน์ของทะเลในอันสวยงานได้โดยรอบ

“ตาว่าถ้าเรามุดลงไปในถ้ำจะมีชีวิตรอดออกมารึเปล่า”

“ตาว่าไม่มั๊ง ถ้าเป็นแบบมุดไปตอนน้ำขึ้นก็คงไหลตามน้ำ แต่ในนั้นจะมีทางออกหรอเปล่านี่สิปัญหาเลยพี่นิ” อนันตรายืนคิดตามคำถามของนิชาภัทร

“งั้นเราก็เอาแบบนี้สิ ผูกเชือกไว้กับปลา แล้วให้ปลาว่ายไปถ้าเชือกหยุดแค่ไหนเราก็รู้แล้วว่าถ้ำไปไม่ได้หยุดแค่นั้น”

“พี่นิถ้าเกิดปลามันว่ายเข้าไปแล้วมันไม่ว่ายต่อจนทะลุไปอีกข้างทำไงอะ” อนันตรานึกสงสัยขึ้นมาบ้าง

“ก็ช่างปลาเพราะพี่ไม่ได้ว่ายตามปลาไปนี่นา อิอิ” นิชาภัทรเริ่มรวนอนันตราเข้าบ้างแล้ว

“อ้าย.......พี่นิบ้า!!!!!! แล้วให้ตาคิดตามอยู่ได้ปั๊ดโธ่เอ๊ย”

เมื่อกลับไปยังสมุยวันนี้นิชาภัทรตัดสินใจชวนอนันตราใจเข้าสปาเพื่อนวดตัวผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าในการท่องเที่ยวในหลายวันที่ผ่านมา ทั้งสองหลับไปท่ามกลางกลิ่นหอมของน้ำมันหอมละเหยที่ใช้ในการนวดตัวอย่างสบายและผ่อนคลาย

วันเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในวันนี้ทั้งสองคนจะเดินทางกลับกรุงเทพทั้งสองตัดสินใจเดินทางกลับด้วยรถไฟ ดังนั้นจึงอยู่เที่ยวในช่วงเช้าที่สมุย และนั่งเรือเฟอรี่ออกมาจากเกาะไปลงเรือที่ท่าดอนสักและนั่งรถประจำทางไปขึ้นรถไฟที่อำเภอพุนพินถึงแม้การเดินทางจะไม่สะดวกสบายแบบการเดินทางขามาแต่ก็สร้างสีสันให้กับการเที่ยวครั้งนี้ได้อย่างมาก

นี่แหละที่ใครๆ ก็เรียกกันว่า ขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ แต่การเดินทางของพวกเธอครบทุกอย่างทางอากาศให้ความสะดวกรวดเร็ว ทางรถไฟช้าแต่ได้บรรยากาศ ทางเรือให้ความสนุกและตื่นเต้น ครบทุกรสชาติของการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง ฮันนี่มูนที่มีความสุขที่สุดแล้วใช่ไหมอนันตราที่รักของนิชาภัทร

.........จบบทที่ ๒๐..........



Create Date : 28 มีนาคม 2551
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:30:02 น. 8 comments
Counter : 352 Pageviews.

 


เพิ่งเคยเข้ามาอ่านค่ะ
ทำไมเราพลาดเรื่องดีๆ อย่างนี้ไปได้อย่างไรกัน
แวะมาเจิมบอกว่า
เขียนได้แหล่มมากๆ ค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:9:00:19 น.  

 
โหมาลงให้อ่านแต่เช้าอย่างนี้ จะไปธุระที่ไหนหรือเปล่าคุณผิงดาว ตอนนี้ก็พาเที่ยวอีกแล้ว เฮ้อ มาฮันนีมูน นึกว่าจะมีหวานๆ ให้อ่าน นะก็รู้อยู่แล้วว่าคุณเขียนอะไรหวานๆ ไม่ค่อยเก่ง แต่ก็สนุกเหมือนเดิมค่ะ

แล้วคุณทายกะคุณข้าวไปไหนกันเอ่ย ทักทายเพื่อนใหม่กันเร้วพวกเรา
สวัสดีค่ะคุณอุ้มสี(อุ้มแปรง) เข้ามาอ่านใน blog นี้ที่มีเรื่องหนุกๆ เยอะเลยค่ะ


โดย: ต้นรัง IP: 202.29.52.252 วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:9:22:41 น.  

 
ข้าวไปทำแลปมาครับ

แวะกลับมาอาบน้ำครับเลยแวะมาดู

ดีครับคุณอุ้มสี (อุ้มแปรง) ยินดีต้อนรับเข้าบอร์ดครับ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:9:40:56 น.  

 
ไหงวันนี้บอร์ดเงียบจังเลยครับ

หายไปไหนกันหมดครับ


ผู้ใดอยู่ส่งเสียงกันด้วยเน้อ~~~~เงียบเกินไปแล้วครับป๋มเหงาครับ~~~~~วันนี้คุณแฟนไม่อยู่อ่าเหงาครับ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:19:42:47 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณอุ้มสี ขอต้อนรับเข้าสู่นิยายมหัศจรรย์ของพี่รันหณ์ค่ะ หวาน โหด มันส์และฮา มีครบทุกรส ที่นี่ค่ะ

คุณข้าวคะเสียแชมป์ที่ 1ให้น้องใหม่อย่างคุณอุ้มสีแล้วนะคะ ว่าแต่แฟนใจไปไหนเอ่ย

ยังไม่ไปไหนค่ะ คุณต้นรัง วันนี้เข้ากทม.มาทั้งวันเลยเข้ามาช้านิดส์นึง แหม...วันนี้ พี่รันหณ์พาทัวร์สมุยกับคู่ฮันนีมูนนะคะ อยากไปบ้างจัง จะไปดูหินตาหินยาย ของพี่นิค่ะ


โดย: ทาย IP: 117.47.26.44 วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:21:18:35 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณอุ้มสี
ยินดีต้อนรับสู่บ้านของฉัน ฉันแวะไปที่บ้านของคุณเห็นรูปทะเลมากมายคุณชอบทะเลหรือจ๊ะ ดีจังชอบเหมือนฉันเลย

คุณต้นรังวันนี้ฉันไปธุระแล้วก็แวะไปเดินงานหนังสือมาด้วยค่ะก็เลยเอามาลงไว้ตั้งแต่เช้า ฉันนี่ไม่หวานเลยเน๊อะ แน่จัง เขียนอะไรหวานๆ กับเค้าไม่ได้สักที พอเขียนแล้วรู้สึกว่าขัดใจตัวเองยิ่งนัก

คุณข้าว
คุณแฟนไปไหนอะจ๊ะแวะไปแชตปิงจิ คนซึ่ม ดึกๆ ยิ่งคนเยอะมากๆ จะได้หายเหงาจ้า

คุณทาย
สมุยตอนนี้เริ่มมีพานิชย์มากกว่าสมัยก่อนเยอะเลยน้า แต่ก็ดีค่ะสีสันชีวิต ธรรมชาติก็ยังสวยอยู่ยิ่งหมูเกาะอ่างทองขอบอกคำเดียวว่าสวยจริงๆ สวรรค์บนท้องทะเลค่ะ


โดย: รันหณ์ วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:22:22:38 น.  

 
ห้าห้า ครับคุณทาย เสียให้คุณอุ้มเสียแล้ว ไม่เปนไรครับ งวดหน้าไม่เสียแชมป์แน่ๆ (รึเปล่าหว่า) --^

คุณแฟนของข้าวกลับมาแล้วครับ เมื่อวานเค้าไปทำแลปยี่สิบสี่ขั่วโมง ข้าวเลยได้แต่ส่งข้าวส่งน้ำ (ส่งขนมด้วย) บวกกะเป็นสารถีให้เค้าด้วย ทั้งคืนเลย น่าสงสารตัวเองจัง


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:10:25:59 น.  

 
จะมาบอกว่าฉันคงอาจไม่ได้เขียนไปอีกหลายวัน ถ้าแวะเข้ามาแล้วไม่ได้อัพขอโทษด้วยนะคะทุกท่าน

ช่วงนี้ฉันยุ่งจริงๆ


โดย: รันหณ์ วันที่: 30 มีนาคม 2551 เวลา:2:24:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.