It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้นแนวยูริ : เรื่อง วันเหงา






วันเหงา...... ตอนที่ 1
แสงแดดยามเย็นสาดส่องเข้ามายังพื้นห้อง แสงอ่อนๆสีส้มแดงสวยงามจนคนที่นั่งมองยังคงจ้องผ่านหน้าต่าง วิวที่สงบและบรรยากาศภายนอกทำให้รู้สึกเหงา คงเพราะความเงียบงันบนเกาะที่ค่อนข้างไร้ผู้คน ใช่สินะ ที่นี่เป็นเกาะที่ไม่ค่อยมีใครเข้ามาสักเท่าไรนัก ฉันนั่งมองแสงแดดและดวงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า ดวงตะวันสีส้มกลมโตที่กำลังจะตกลงสู่ท้องทะเล

ณ ขอบฟ้าอันกว้างไกล คงเหมือนหัวใจของฉันตอนนี้ที่คล้ายกับตะวันที่กำลังใกล้ลับขอบฟ้าเสียเต็มประดา นานเท่าไรแล้วที่ฉันไม่ได้ มาเที่ยวทะเล ไม่ได้มานั่งมองทะเลสีคราม ตะวันลับขอบฟ้าแบบนี้ เพราะอะไรนะหรือเพราะว่าฉันมัวแต่ใช้ชีวิตอยู่กับงานกองโตที่สุมลงมาบนโต๊ะทำงานของฉัน ทุกๆวันกว่าฉันจะเคลียร์งานเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบ 4 ทุ่ม การนอนดึกตื่นเช้าไปทำงานกลายเป็นเรื่องปกติของฉันที่ต้องทำเป็นกิจวัตร และในวันหยุด ก็ ยังต้องยุ่งกับงานบ้าน เสื้อผ้ากองโตที่สุมๆ กันไว้ทั้งสัปดาห์ เพราะว่าไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะเคลียร์กองผ้า ขอแค่ได้อาบน้ำแล้วซุกตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มๆ สะอาดๆ ก็ พอใจแล้ว หึหึ

ชีวิตประจำวันอันแสนน่าเบื่อ ฉันน่าจะลาพักร้อนมาท่องเที่ยวแบบนี้นานแล้วนะ นี่ฉันไปหลงอยู่กับงานพวกนั้นทำไมนานนักนะ ฉันลืมไปได้อย่างไรว่า ยังมีชีวิต อีกมุมหนึ่งที่สามารถจะมีได้

ฉันเดินออกมาที่ชายหาดเมื่อตะวันตกดินไปแล้ว เห็นพรายน้ำระยิบระยับ ที่สะท้อนแสงเดือนครึ่งเสี้ยว ยังพอมีแสงดาวให้เห็นบ้างฝั่งตรงข้ามกับจันทร์ครึ่งเสี้ยวนั่นเอง ท้องฟ้าในฤดูหนาว ไม่ใช่สิ ปลายฝนต้นหนาวนี้ช่างสว่างดีนักเชียว สวยเหลือเกิน

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงหวีดร้องดังขึ้นมาท่ามกลางความมืดและเงียบสงบของบรรยากาศ

“เฮ้ยยยยยยยยยย เสียงอะไรนะ” ฉันร้องด้วยความตกใจ และวิ่งไปที่ต้นเสียงที่ฉันได้ยิน

ภาพตรงหน้าคือหญิงร่างสูง ยืนอยู่บริเวณชายทะเลและกำลังเดินลงไปในทะเลอย่างช้าๆ

“คุณ อย่าคิดสั้นนะค่ะ” ฉันตะโกนไปอย่างสุดเสียงเช่นกัน และ รีบวิ่งเข้าไป ด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่ฉันสามารถจะวิ่งได้

เธอคนนั้นหยุดชะงัก และหันหลังกลับมา ไม่ทันเสียแล้วฉันโถมเข้าไปดึงตัวเธอเข้ามาและกอดไว้อย่างเต็มแรงและล้มลงไปในน้ำทะเลพร้อมกัน ลิ้นได้รสความเค็มของน้ำทะเลเข้าไปเต็มๆ เธอคนนั้นสะบัดฉันออก

“นี่คุณ จะบ้าเหรอ มาทำอะไรฉัน”

“อ้าว ก็คิดว่าคุณจะฆ่าตัวตายนะสิ”

“ใครจะฆ่าตัวตายยย” เธอ มองหน้าฉันด้วยสีหน้าแสดงความตกใจ

“อ้าว ใครจะไปรู้หละ ก็ ได้ยินเสียงคุณร้องกรี๊ดด แล้วก็เดินลงทะเล เป็นใครก็ต้องคิดว่าคุณจะฆ่าตัวตาย” ฉันพูดตามที่ตัวเองคิด และเหมือนเป็นการแก้ตัวด้วย

“นี่คุณคะ ฉันนะแค่ เครียด แล้วก็คลายความเครียดด้วยการตะโกนออกไปที่ทะเล แล้วก็เดินเล่นน้ำทะเลเท่านั้นเองไม่ได้ คิดฆ่าตัวตายหรอก อะไรกันใครจะคิดฆ่าตัวตายคะ โลกยังสวยงามอีกเยอะนะ ฉันไม่คิดอะไรสั้นๆ แบบนั้นหรอก”

“อ้อ งั้น งั้น และ แล้ว ปะ ไป คะ ค่ะ ตอนแรกนึกว่าคะ คุณจะฆ่าตัวตาย เลยเข้ามาช่วย ปรื้ออออออออออ” ฉันพูด ด้วยเสียงสั่นเพราะความหนาวของอากาศ และสายลมที่พัด มาปะทะตัวฉัน ก็จะไม่ให้หนาวได้อย่างไรกัน ลมออกแรงปานนี้ และนี่ก็ค่อนข้างดึกแล้วกระมังเพราะสังเกตจากพระจันทร์ ที่กำลังจะอยู่กลางศรีษะแล้ว

“แล้วคุณมาทำอะไรแถวนี้คะ ดึกแล้วนะนี่ ออกมาคนเดียว ดู สิ ฮ่า....... หน้าซีดเชียว สงสัยจะหนาวละสิ คุณพักที่ไหนคะ เดี๋ยวฉันเดินไปส่งค่ะ ที่พัก ฉันอยู่แถวนี้เอง หรือจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องฉันก่อนดีไม๊คะ อ้อ ฉัน แอนคะคุณหล่ะค่ะชื่ออะไร”

“แจนคะ ไม่เป็นไรหรอกคะฉันพัก ยู่อีกด้านของเกาะคะ ตะ ตะ แต่ เดินกลับไปเองได้คะ ไม่ต้องห่วง” ฉันยังคงเสียงสั่นเพราะความหนาว

“อย่าดีกว่าคะ แอนก็..หนาวเหมือนกันคะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องแอนดีกว่า แอนอยู่คนเดียวคะไม่มีใครอยู่ด้วย”

แล้วฉันก็ เดินตามเธอไปใจยังนึกแปลกๆใจที่เดินตามเธอไปได้ อย่างไร เมื่อถึงห้อง เธอก็ หยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ฉันและบอกว่า ให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนที่จะเป็นหวัด ฉันก็ทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อฉันจัดการกับตัวเองเรียบร้อยเธอก็ เข้าไปอาบน้ำบ้าง ฉันนั่งอยู่ในห้องเธอ และหากุญแจห้องพักของฉันที่ติดตัวออกมา ฉันจำได้ว่าเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงนี่นา หายไปไหนได้นะ

“หาอะไรค่ะคุณแจน” เสียงทักขึ้นจากด้านหลัง

“หากุญแจค่ะ กุญแจห้องพักค่ะ ไม่รู้หายไปไหนแล้วหาไม่เจอเลยนะคะ”

“สงสัยจะหายไปตอนลงไปในน้ำกระมังค่ะ งั้นคุณนอนที่นี่เลยก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องเดินกลับไปทางฝากโน้น คุณนอนที่บนเตียงแล้วกันคะส่วนแอนนอนที่โซฟา”

“อุ้ยไม่ได้คะคุณแอน แจนนอนที่โซฟาเองดีกว่า แจนมากวนคุณนะคะ แค่นี้ก็ เกรงใจแล้ว ยังไงคืนนี้ต้องขอรบกวนนะคะ ไว้ฟ้าสางเมื่อไรแจนจะออกไปคะ ไม่กวนคุณมากหรอกคะ” ฉัน กล่าวออกไปด้วยความเกรงใจสุดๆ

แล้วฉันก็ ล้มตัวลงนอนที่โซฟาอย่างอ่อนแรง และหลับไป โดยไม่ฝันอะไรเลย

.....................................................................................

เมื่อฟ้าสาง ฉันเดินออกจากห้องพักของแอนด้วยเสียงที่เงียบกริบ เพราะกลัวว่าเจ้าของห้องจะต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงของฉัน เมื่อออกมาแล้ว ฉันเดินลัดเลาะชายหาดกลับไปยังที่พัก ระหว่างทางฉันมองดู แสงดาวและจันทร์ครึ่งเสี้ยว ที่เมื่อคืนนี้ยังไม่ทันได้ดูอย่างเต็มตาก็มีเสียงของแอนร้องขึ้นมาเสียก่อน สวยจริงๆนะ ธรรมชาติ ฉันเริ่มคิดว่า อีก 7 วันที่ฉันต้องอยู่ที่เกาะนี้ ฉันจะทำอะไรบ้าง จะเดินเที่ยวตามชายหาด จะเล่นน้ำ จะนอนอ่านหนังสือ และอีกหลายๆ อย่างที่อยากทำ ฉันยังมีความคิดติดในหัวอยู่ว่าทำไมแอนต้องร้องกรี๊ดถึงขนาดนั้น แต่ฉันก็ปากหนักไม่ได้ถามเรื่องรายละเอียด และขำตัวเองที่ ไม่ดูตาม้าตาเรือ วิ่งโร่เข้าไปกระชากแอนถึงขนาดนั้น

ฉันไปติดต่อเจ้าหน้าที่ของบังกะโลเพื่อ บอกว่ากุญแจห้องของฉันหาย และได้กุญแจใหม่มาอีกดอกหนึ่ง เมื่อเข้าไปที่ห้องพักฉันก็ต้องตกใจเพราะว่าของกระจัดกระจายโดนรื้อค้นทั้งห้อง ฉันรีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของบังกะโลว่าโดนรื้อของซึ่งก็ไม่ได้ รับคำตอบอะไรว่าจะได้ของคืนหรือไม่ สรุปว่าของที่หายนั้นคงไม่ได้คืน แล้วฉันจะทำอะไรได้หละนี่ กระเป๋าตังและของที่เอามาได้หายไปหมดแล้ว ฉันกลับไปที่ห้องพักและเก็บของทั้งหมดแจ้งบังกะโลว่าจะขอเช็คเอ๊าท์ ไม่ได้คิดเอาความอะไรกับทางที่พัก และเดินคอตกออกมานี่นะหรือ วันพักร้อนที่ฝันไว้ ยังโชคดีที่บัตรเครดิตที่อยู่นอกกระเป๋าไม่โดนฉกไปด้วย ฉันจึงยังพอจะจ่ายเงินค่าที่พักได้ แต่ที่สำคัญเงินสดนี่นะสิ !!!! จะเอาที่ไหน ในความคิดตอนนี้ คิดถึงแอนผู้หญิงที่ได้ พบกันเมื่อคืนนี้ เธอคงช่วยเหลือฉันได้

ฉันเดินกลับไปยังทางเดิมที่เดินเมื่อเช้า ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว แล้วแอนจะช่วยเหลือฉันรึเปล่านะ คนที่ไม่เคยรู้จักกันเลยจะช่วยฉันรึ

เมื่อถึงหน้าห้องพักของแอนฉันตัดสินใจเคาะประตู

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”

“คุณแอนค่ะ คุณแอน รบกวนหน่อยคะ”

สักพักใหญ่ ประตูก็เปิดออก และฉันก็เห็น แอน เดินเหมือนคนง่วงนอนมาเปิดประตูให้

“มีอะไรคะ แจน ทำไม กลับมาเร็วจังหละคะ”

“ก็ที่ห้องนะคะ โดนงัดแล้วข้าวของของแจนก็หายหมดค่ะ นี่ยังดีนะค่ะที่ยังเหลือเสื้อผ้าไว้ให้ แต่อย่างอื่นไปหมดแล้วคะ ถ้าเอ่อ.. ถ้า.. แจนจะขอรบกวนคุณ ไห้ไหมคะ จนกว่าจะมีเรื่อมารับกลับไป บนฝั่งนะคะ”

“ได้คะคุณแจน ไม่เป็นไรหรอกคะ แอนนะเต็มใจมากเลยที่จะช่วยคุณ แล้วสรุป ของทำไมหายค่ะ”

แล้วฉันก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับแจนฟังทั้งหมด ตั้งแต่ ฉันออกจากที่พักของแอน และกลับไปเห็นข้าวของกระจายเต็มห้อง จนสุดท้าย ฉันก็นึกถึงแอนที่พึ่งที่สุดท้ายบนเกาะแห่งนี้

“ดีแล้วคะที่คิดถึงแอนไม่งั้นคุณแย่ แน่ๆเลยคะคุณแจน”

“ขอบคุณสำหรับน้ำใจในครั้งนี้นะคะ แจนจะไม่มีวันลืมเลยคะคุณแอนไว้ถึงฝั่งแล้ว แจนจะ ตอบแทนพระคุณของคุณอย่างงามเลยคะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะเราคนไทยด้วยกันอย่าคิดมากเลยค่ะคุณ เที่ยวให้สนุกค่ะแล้วกลับไปค่อยคิดที่หลัง”

“คะ ขอบคุณมาก”

ฉันจ้องไปในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นอย่างซึ้งในน้ำใจของแอนอย่างมาก ฉันอยากโอบกอดแอนไว้ด้วย 2 มือ ของฉัน แต่.. ทำได้อย่างไรหล่ะเราสองคนเหมือนคนแปลกหน้า ฉันมาที่นี่เพราะต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ แต่.. สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้ การมาเที่ยวครั้งนี้เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม

ฉันเล่าเรื่องราวต่างๆ ของฉันให้กับแอนฟัง ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันฉันถึงได้เล่า เหมือนกับฉันได้รู้จักแอนมานานแสนนาน คงเพราะความเหงาที่เกาะอยู่ในจิตใจ ประกอบกับฉันไม่มีใครมาพูดคุยกัน แบบนี้นานแล้ว เพราะฉันปิดกั้นตัวเอง อย่างนั้นรึ? หรือเพราะแอนคือคนแปลกหน้า? ฉันถึงได้กล้าเล่าเรื่องให้แอนฟัง

“แอนคะแจนรักผู้หญิง แจนเคยมีคนรักเป็นผู้หญิง เราคบกันตั้งแต่เรายังเรียนมัธยม เรามีความหวังความฝันด้วยกัน แต่สุดท้าย... เราก็ต้องจากกันเพราะว่าเธอต้องแต่งงานเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ แล้วแจนก็ทำใจไม่ได้ จนเดี่ยวนี้แจนปิดตัวเองนั่งทำงานหามรุ่งหามค่ำใครให้ทำอะไรทำหมดไม่เกี่ยงงอน ทำจนรู้สึกว่าไม่ไหว แจนเลยขอพักร้อนมาเที่ยวที่นี่ เพราะเป็นเกาะในฝันที่อยากมาเที่ยวมาก และ รู้ว่าเกาะนี้ นาน ๆ ถึงจะมีเรือมาสักลำ จึงตัดสินใจเลือก เพราะต้องการความเงียบสงบจริงๆเท่านั้นเอง”

“งั้นก็ คงคล้ายๆ กันคะแอนเองก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากแจน แต่เรากลับกันเท่านั้นแอนแต่งงานแล้ว แต่รู้ทั้งรู้ว่าไม่ได้รักกับสามีแอนมีลูกน่ารัก 1 คน น้องอ๊อบไม่ได้รู้อะไรเลยว่าแม่เป็นแบบนี้ เราสองคนมีปากเสียงมากขึ้นทุกวัน หลังจากที่เค้าจับได้ว่าแอนมีอะไรกับเพื่อนแอน เมื่อก่อนเค้าคิดว่า แอนกับคนรักของแอนเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่... พอเค้ารู้ความจริง สามีแอนก็รับไม่ได้เริ่มออกเที่ยวทุกวัน เริ่มไม่กลับบ้าน น้องอ๊อบถามแอนเสมอว่าคุณพ่อไปไหน คุณพ่ออยู่ที่ไหนแอนตอบลูกไม่ได้คะ แอนรู้สึกผิดที่เป็นแบบนี้ แอนไม่โทษเค้าที่เค้าจะรู้สึกรังเกียจแอน แต่แอนทำใจไม่ได้ที่เค้าไม่ใส่ใจที่จะดูแลลูก มันเป็นคาวมผิดของแอนเองคะ ผิดตรงที่แอนไม่เคยรักเค้าเลย... แอนยังลืม แฟนเก่าของแอนไม่ได้” แล้วน้ำตาก็ ไหลพร่างพรูออกมาจากดวงตากลมโตของเธอ

ฉันหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาเช็ดน้ำตาให้เธอ ฉันพึ่งรู้ว่าการที่คนเราตัดสินใจแต่งงานนั้นมันก็ไม่ได้จะหมายความว่ามีความสุขมากไปกว่าฉันที่โดนคนรักทิ้งไป เราคุยกันในเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย คุยถึงเรื่องแฟนเก่าฉัน เรื่องแฟนเก่าเธอ เรื่องลูกของเธอ และก็ทำให้เราสองคนเหมือน สนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม

ฉันบอกเธอว่าคงต้องขอพึ่งเธอไปก่อนจนกว่าจะกลับไปถึงฝั่งได้ เธอบอกว่าไม่เป็นไรไม่มีปัญหา ส่วนฉันนั้นก็พยายามติดต่อกับเพื่อนที่อยู่ในจังหวัดที่เราจะไปขึ้นเรือ แต่เกาะนี้ไม่มีสัญญาณมือถือเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนเราโดนปล่อยเกาะ ใช่สินะ!!!!! เราโดนปล่อยเกาะ จริงๆ

“ไม่เป็นไรหรอกคะเจน ไม่ต้องกังวลหรอกเรื่องแค่นี้เอง แอนไม่คิดว่าเจนจะมารบกวนอะไรแอนหรอกค่ะ ดีซะอีก แอนจะได้มีเพื่อน แอนเหงาค่ะ เหงามาก”

ฉันโอบเธอไว้ในอ้อมแขน และรู้สึกถึงความอบอุ่นจากตัวเธอที่แทรกเข้ามาในอ้อมแขนของฉัน จนฉันกลัวเผลอใจที่จะทำอะไรเกินเลย จึงได้ปล่อยอ้อมแขนจากตัวเธอ

.......................................................................................................

ฝนตก ฉันนอนมองสายฝนที่พรั่งพรูลงมาผ่านทางหน้าต่างของห้องนอน เป็นเวลา หลายเดือนแล้วที่ฉันและแอนต่างแยกย้ายกันออกมาจากเกาะ และถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่ได้มีโอกาสคืนค่าใช้จ่ายที่ขอยืมแอนมาใช้ในช่วงที่ฉันโดนขโมยขึ้นห้องพักที่เกาะ และหลังจากที่เราได้ แยกกัน ณ.ท่าเรือ จิตใจฉันก็ กระวนกระวาย คิดถึงแต่แอนสาวผู้ใจดี ป่านนี้จะเป็นอย่างไรป่านนี้จะ ยังคงคิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงหรือเปล่า ครุ่นคิดอยู่นานและพยายามที่จะโทรไปหาแอนแรก ๆ ก็โทรติดบ้าง ระยะหลังๆ แอนคงปิดมือถือ และคงระงับการใช้เบอร์เก่าไปแล้ว ฉันไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุใดแต่สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้คือ แอนคงจะ หนีฉัน แต่จะหนีทำไม คิดจนหัวจะระเบิด ก็ ไม่ได้ คำตอบที่ฉันต้องการสักเพียงครั้งเดียว และในวันนี้ ฉันยังคงเหงากับความคิดถึงสาวสวยบนเกาะ ทำไมนะ เมื่อก่อนฉันไม่เคยเป็นได้ถึงเพียงนี้ ฉันมีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ร้อนรุ่ม ไม่ทุรนทุราย แต่คราวนี้ฉันเปลี่ยนไป ฉันโหยหา แอนสาวในอ้อมกอดในคืนสุดท้ายบนเกาะ

วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ที่น่าเบื่อ หลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมา ฉันก็ ต้องทำความสะอาดบ้านเป็นแจ๋วประจำบ้าน ซึ่งทำรกรุงรังไว้ทั้งสัปดาห์เส้นผมเกลื่อนไปทั่วบ้าน ผมฉันร่วงเยอะกว่าที่เป็นอาจเพราะคิดมากก็ได้ แล้วนี่ฉันจะหัวล้านไหมนี่ ฉันเก็บโน่นกวาดนี่ และก็พบว่าของใช้ในบ้านหมดเกือบทุกอย่าง

“สงสัยต้องไปห้างแล้วเรา” ฉันรำพึงกับตัวเอง

“อะไรหมดบ้างหว่านี่”

ฉันจดรายการของที่จะต้องใช้ทั้งหมดลงในกระดาษและจับพับเก็บไว้ ในกระเป๋าเสื้อ และตั้งใจไปห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนมากมาย

“โอ๊ยทำไมรถมันติดแบบนี้ นี่จะไปไหนไม่เป็นกันบ้างหรืองัยฮึ !!!!! ทำไมต้องมาห้างเหมือนกับเราด้วยนี่ คนกรุงเทพนี่ มันงัยกันนะ” ฉันบ่นอีกหลายร้อยรอบกับการเผาน้ำมันเล่นของคนกรุงเพราะรถที่ติดตรงทางเข้าห้างสรรพสินค้าเหมือนห้างแจกของฟรีแล้วต่อคิวกันเข้าไปรับของแจก

หลังจากที่หาที่จอดอย่างยากลำบากฉันก็ลงไปเดินช๊อปปิ้ง ท่ามกลางผู้คนที่หนาตา และฉันก็ได้พบกับแอน เดินจูงมือเด็กชายคนหนึ่ง ฉันเดาว่าต้องเป็นลูกของเธอ ด้านหลังมีชายรูปร่างสูงผอมเดินตามมาติดๆ ฉันจะเข้าไปทักแต่ไม่กล้า จด ๆ จ้องๆ อยู่นาน

“แอน มีคนมองคุณนะ คุณรู้จักเค้าไม๊”

“ไหนใครคะ”

“โน่นงัย ทางโน้น ผมเห็นเค้ามองมาทางคุณนานแล้ว”

“อืม ค่ะ” แอนมองมาที่ฉัน

ฉันผงกศรีษะให้แอนนและกล่าวสวัสดี เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับแอน หลังจากที่เราเจอกันและฉันคิดว่าแอนคงจำฉันได้ ฉันเดินเข้าไปทักทาย

“สวัสดีคะแอนจำแจนได้ไม๊ค่ะเราเคยพบกันที่เกาะ” นี่นะรึคำทักทายของคนที่คิดถึงมาเป็นเวลานาน แต่ฉันไม่รู้ว่าจะ ทักแอนแบบไหนดีนี่นา

“สวัสดีคะแจน จำได้สิค่ะคุณแอน ใครจะจำลูกหนี้ตัวเองไม่ได้เนอะ จริงไม๊” แอนหัวเราะอย่างสนุกสนาน

“เออ จริงสิคะ แจนติดหนี้คุณนี่นาเนอะ โอเคคะเตรียมไว้ให้แล้ว” พูดพลางฉันก็ ล้วงกระเป๋า หยิบธนบัตรออกมาและยื่นส่งให้แอน

“ไม่หรอกคะ คุณ แอนไม่รับหรอก ถือซะว่า เป็นน้ำใจจากเพื่อนคนนึง อ้อ... ลืมไปค่ะแจน แจนคะ นี่ คุณพลอดีตสามีแอนค่ะ แล้วนี่น้องอ๊อบ อ๊อบครับสวัสดีคุณ น้า เอ... หรือคุณป้าคะ สวัสดีสิครับลูก”

“สวัสดีครับคุณน้า หรือคุณป้าครับ หรือคุณป้าน้า อิอิ” น้องอ๊อบ ทักทายฉันและล้องเลียน

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ นั่นสินะ เป็นคุณน้าหรือคุณป้าดีหละนี่ งั้นเป็นป้าก็ แล้วกันเนอะ ดูแก่ดีมาครับขอป้าหอมแก้มหน่อยได้ไม๊ครับผม” ว่าพลางฉันก็ จับน้องอ๊อบมาหอมให้ฟอดใหญ่

“โห่คุณป้าน้าคร๊าบ เดี๋ยวอ๊อบก็ขายไม่ออกหรอกคร๊าบ... คุณป้าน้ามาหอมกันกลางห้างแบบนี้อ๊อบก็แย่สิคร๊าบ”

“อ้าวววว ฮ่า นั่นสินะ เดี๋ยวหนุ่มก็ขายไม่ออกพอดี ขอโทษครับผมป้าไม่ได้ตั้งใจ” ฉํนขำกับสรรพนามเรียกตัวฉันจากปากคำของน้องอ๊อบเด็กวัย 6 ขวบ ที่ยืนซุกซนอยู่ตรงหน้า

“ไม่มีปัญหาครับ คุณแม่ครับผมไปเดินทางโน่นกับคุณพ่อนะครับ เดี๋ยวมาคุณพ่อสัญญาว่าจะซื้อของเล่นให้อ๊อบนะครับคุณแม่”

“ไปสิครับ”

“คุณพล ฝากลูกด้วยนะค่ะ” ชายผู้นั้น พยักหน้ารับคำ แล้วก็ จูงน้องออ๊อบ เดินจากไป

“คุณแนะนำว่าอดีตสามี ทำไมหละคะ”

“ก็ตั้งแต่กลับไปคราวนั้น เราหมายถึงแอนกับคุณพลก็ตัดสินใจได้ว่า เราคงต้องจบกันเพียงแค่นี้เรามีอะไร หลายอย่างที่ไม่ตรงกัน อีกอย่างคุณพลเค้าก็ทราบว่าแอนไม่ได้รักเค้าเลย เราแต่งกันเพราะสังคม ตอนนี้เค้าก็มีภรรยาใหม่ไปแล้วคะ เราแยกทางกันด้วยสันติไม่มีบาดหมางกัน เค้าจะมาพาลูกไปเที่ยว เดือนละครั้ง แต่ครั้งนี้น้องอ๊อบบอกว่า อยากให้คุณแม่กับคุณพ่อมาด้วยกันเค้าคงอยากให้แอนคืนดีกับคุณพลกระมังค่ะ แต่แอนไม่สามารถทำได้หรอกคะ”

“อืมคะแจนพยายามโทรหาคุณแต่โทรไม่ได้นะคะ แจนจะเอาเงินคืนคุณ เลยติดต่อไม่ได้เลยนะคะ”

“อ้อคะพอดีแอนเปลี่ยนโปรโมชั่นนะคะ เลยเปลี่ยนเบอร์ไปด้วย ขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่ได้ แจ้งให้ทราบว่าเปลี่ยน เพราะแอนลืมจดเบอร์คุณไว้ก่อนที่จะยกเลิกเบอร์โทรนะคะ ขอโทษ อย่างแรงค่ะ”

“อืมค่ะ โอเค.. งั้น.. ขอเบอร์ ใหม่นะคะจะให้แจนไม๊ค่ะ”

“ได้สิคะงั้นจดไปเลยค่ะ 084 –XXX-XXXX โอเคนะค่ะ ไว้เราค่อยคุยกันเดี๋ยวน้องอ๊อบจะรอ นานโวยวายมาอีกจะวุ่นคะ”

“โอเคคะงั้นบายตรงนี้นะคะ”

“บายคะ” ฉันเห็นแอน เดินไปทางด้านที่น้องอ๊อบและคุณพล เดินไป มองตามด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังอันเลือนราง ว่าความรักครั้งนี้ของฉันจะเป็นอย่างไร จะสมหวังหรือไม่ ฉันไม่อยาก เห็นแอนหญิงที่ฉันเฝ้ารอคอยนั้นต้องมีปัญหา ฉันมองเบอร์โทรของแอนที่จดใส่ มือของฉัน จะเป็นไรนะ ทำไมมือที่แอนจับมือฉันถึงได้เย็นขนาดนี้ ฉันมีความรู้สึกช้าไปรึฉันเข้าใจและสัมผัสได้ ถึงอาการสั่นของมือที่เอื้อมมาจับมือฉันไปจดข้อความ หรืออาจเป็นไปได้ว่า อากาศในห้างจะเย็นจนสั่น ไม่สินะ เป็นไปไม่ได้ ก็ ฉันเองยังเดินแล้วร้อนเพราะผู้คนมากมายเลยนี่นา หลังจากจับจ่ายของเสร็จฉันก็ขับรถกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

...........................................................

หลังจากที่ได้ เจอกันกับแอนโดยบังเอิญ ฉันได้โทรติดต่อ กับแอนอยู่ ทุกวัน จนน้องอ๊อบ ที่บางครั้งก็ มารับสายฉันบ้างในบ้างวัน ถามฉันว่า

“คุณป้าน้าคร๊าบจะมาจีบคุณแม่ผมหรือครับคุณแม่ผมนะสวยน้า อย่าจีบเลย”

ฉันสะอึกกับคำพูดของเด็ก ที่ดูเหมือนจะไร้เดียงสา แต่ฉันก็รู้ว่านี่แหละเรื่องจริงที่ต้องเผชิญ เพราะแอนเคยมีครอบครัวแล้ว และที่สำคัญแอนมีลูกฉันจึงต้องวางตัวให้เหมือนกับเพื่อน ที่พยายามเป็นได้แค่เพื่อน วันนี้ก็เช่นกัน ฉันพาแอนและน้องอ๊อบมาเที่ยวทะเลที่ฉันชอบ ฉันคิดว่าเราเป็นเหมือนครอบครัว ที่มาเที่ยวพักตากอากาศ แต่กลับกันตรงที่ ฉันไม่ใช่ผู้ชายและฉันดูแววตาของแอนก็รู้ว่าแอนคิดอย่างไร นี่กระมังที่ทำให้ฉันเริ่มมีความหวังมากขึ้น ถึงแม้ว่าการแสดงออกของเราทั้งสองคน จะเป็นเหมือนเพื่อน แต่เราสองคนก็รู้ว่า มันมีอะไรมากกว่าคำว่าเพื่อนสำหรับเรา

ฉันมานั่งปล่อยอารมณ์คิดไปต่างๆนานา อยู่ตรงริมชายหาด หน้าบ้านพัก ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาจากด้านหลังจึงหันไปดู

“อ้าว แอน น้องอ๊อบหลับไปแล้วหรือคะ”

“คะเล่นมาทั้งวันหลับไปแล้วคะ แจน แอนขอบคุณมากนะคะ ที่พาเราสองคนมาเที่ยวน้องอ๊อบสนุกมากคะ ที่ได้มาเที่ยวครั้งนี้”

“ไม่เป็นไรคะ แจนเองก็อยากจะมาเที่ยวคะถือซะว่าเรามาพักผ่อนด้วยกันก็ได้นะไม่ต้องคิดมากหรอก”

ฉันเอื้อมมือไปจับมือของแอนมากุมไว้

“แอน แอนรู้ใช่ไม๊คะ ว่าแจนคิดยังงัยกับแอน แอนตอบแจนได้ไม๊คะว่าแอน คิดแบบที่แจนคิดหรือเปล่า”

“บ้า แจน ลามก”

“เอ้ย แจนไม่ได้ คิดอะไรนะ แอนนะคิดอะไร แจนแค่จะบอกว่า แจนรักแอนนะคะไม่ได้ มีอะไร”

“บ้า ใครจะไปรู้ ก็ เห็นตางี้หวานเยิ้มเราก็นึกว่าลามกนะสิ”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นั่นสินะ มิน่า หละ” แล้วฉันก็โดน ตุ๊บไปหลายตุ๊บ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ ทำอะไรเลย

“เอ้ย!!!! อย่างนี้ต้องหนีแล้ว ไม่ไหวแล้วมือหนักชะมัด ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” ฉันวิ่งไปตามชายหาด หันหลังกลับมาดู บ้างว่าแอนวิ่งตามฉันทันหรือเปล่า แต่กลับไร้ร่องรอยของแอน

“เอ้ย แอน........คุณอยู่ไหน” ฉันมองหา แล้ววิ่งกลับไปทางเดิมที่วิ่งมา เห็นแอนนอนฟุบอยู่กับพื้นทราย ฉันวิ่งเข้าไปคว้าตัวแอน เขย่าๆๆ

“แอน คุณเป็นอะไร แอน แอนนนนนนนนนนนนนนนน อย่าเป็นอะไรนะ ได้โปรด” ฉันอุ้มแอน มาที่รถ ไม่ลืมที่จะ ปลุกน้องอ๊อบออกมาด้วยกัน

ฉันขับรถอย่างไม่คิดชีวิตพาแอนไปโรงพยาบาล “คุณหมอค่ะ เพื่อนดิฉันเป็นอย่างไรบ้างค่ะ”

“หมอจะพยายามเต็มที่นะครับ รอตรงนี้นะครับ คุณเป็นญาติของคนไข้ใช่ไม๊ครับ หากมีอะไร ต้องรบกวนอาจต้องผ่าตัด คุณเซ็นได้มีครับ”

“ดิฉันเป็นเพื่อนนะคะ แต่เดี๋ยวจะโทรตามญาติให้นะคะ”

“ครับดีครับ ติดต่อ ญาติมาเลยนะครับ เพื่อนคุณเส้นเลือดในสมองแตกนะครับ ตอนนี้เรากำลังจะทำการผ่าตัด”

“ค่ะ” ฉันยืนงงเป็นไก่ตาแตก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแอน ก็ ยังดีๆ แล้วทำไม ถึงได้ เป็นอะไรปุ๊ปปั๊ป แบบนี้
“น้องอ๊อบครับ มีเบอร์โทรของคุณตาคุณยายไม๊ครับ” ฉันนึกขึ้นได้ ถามน้องอ๊อบที่นั่งงัวเงียอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัด

“มีครับป้าน้า อยู่ในมือถือของแม่นะครับ เดี๋ยวอ๊อบดูให้นะ”

“ครับอ๊อบ”

เมื่ออ๊อบหาเบอร์โทรได้ ฉันก็ ได้แจ้งกับพ่อและแม่ของแอนว่าเราอยู่ที่ไหน รพ.อะไรพ่อและแม่ของแอนให้ฉันดำเนินการได้เลย เพราะคิดว่าจะไม่ทันเวลา หากรอช้ากว่านี้ และท่านจะเดินทางมาในภายหลัง

ฉันแจ้งข้อความดังกล่าวกับหมอเจ้าของไข้ แต่ทางรพ. บอกว่าอาจทำการผ่าตัดไม่ได้ เพราะว่า ฉันไม่ใช่ญาติที่แท้จริง และน้องอ๊อบที่เป็นลูกก็ ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะยังเด็กเกินไป ทางรพ.จึงได้ แต่ทำการรักษาให้เพียงเบื้อต้นเท่านั้น ฉันร้อนรน เป็นอย่างมาก แต่อีก 2 ชม พ่อกับแม่แอนก็มาถึง และได้ทำการผ่าตัดแอนฉันนั่งภาวนาว่าแอนคงปลอดภัย ทำไมนะ!!!! แอนทำไมต้องมาเป็นอะไรแบบนี้ด้วย ฉันร้องไห้จนไม่มีน้ำตา กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพาะฉันไม่ใช่ญาติฉันไม่มีสิทธิ์อะไร ในการกระทำใดๆ กับคนรักของฉันเลยอย่างนั้นรึ เพราะอะไร

………………………………..

หลังจากนั่งรอหน้าห้องผ่าตัด เป็นเวลาหลายชั่วโมง หมอก็ออกมาที่หน้าห้อง

“หมอคะ เพื่อนดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ เธอจะหายดีไม๊คะ” ฉันถามอย่างร้อนรน

“ตอนนี้หมอยังตอบอะไรไม่ได้นะครับ ต้องรอ คนไข้ได้สติแล้วฟื้นตัวก่อน”

“ค่ะขอบคุณค่ะ”

“คุณหมอคะ ถ้าเราจะย้ายคนป่วยกลับ กรุงเทพต้องทำเรื่องยังงัยค่ะ” แม่ของแอนถามหมอ

“ก็ ติดต่อ ทางโรงพยาบาลที่กรุงเทพแล้วทางเราก็ จะทำเรื่องส่งตัวให้เลยครับ แต่ผมว่ารอคนไข้ฟื้นอก่อนดีกว่าไม๊ครับจะได้ไม่กระทบกระเทือนมากนัก”

“คะ”

“หมอขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะหมอ”

…………………………………………………………………

ฉันพาแม่และพ่อของแอนและน้องอ๊อบ มายังโรงแรมใกล้โรงพยาบาล เรายังโชคดีเพราะเวลานี้ไม่ใช่วันหยุดเลยยังพอหาโรงแรมได้อยู่บ้าง และโชคดีที่เราไม่ได้ไปไหนไกลจากผู้คนจึงยังพอมีโรงพยาบาลที่ทันสมัยพอที่จะรักษาแอนได้ไม่อย่างนั้นฉันคงจะโทษว่าเป็นความผิดของฉันไปจนวันตายถ้าแอนมาเป็นอะไรไปเพราะฉัน เรารออยู่ดูอาการของแอนอีก 2 วันแอนจึงฟื้นขึ้นมาแต่ไม่สามารถจำอะไรได้ นั่นหมายความว่าแอนจำฉันไม่ได้ แม่แอนพาแอนกลับไปรักษาที่ กรุงเทพเพราะคิดว่า อยู่ที่โรงพยาบาลนี้ก็ คงจะช่วยอะไรไม่ได้

เมื่อแอนกลับไปอยู่ที่บ้าน แอนพยายามที่จะฟื้นความทรงจำ แอนเดินได้ไม่แข็งนั ต้องพยุงเดินฉันพยายามนวดเฟ้นแอนทุกวัน ฉันขอแม่แอนมาอยู่ด้วยเพื่อดูแลแอนอย่างใกล้ชิด แต่แอนเหมือนไม่รับรู้อะไร หมอบอกว่า เส้นเลือดที่แตก อยู่ตรงบริเวณที่เป็นสมองสั่งการทำให้แอนเดินไม่ค่อยได้ แข่งขาจะหมดแรง และแน่นอนความทรงจำของแอนก็ไม่สามารถฟื้นได้อย่างรวดเร็วแอนจำพ่อและแม่ได้ เริ่มแรกก็ จำน้องอ๊อบไม่ได้ แต่สักพักใหญ่ๆ ก็จำได้ แต่แอนลืมฉันแอนจำฉันไม่ได้ แอนเพียงคิดว่าฉันเป็นเพียงเพื่อนคนนึงที่คอยดูแลแอนมาตลอด จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 2 ปี ฉันเลือกที่จะดูแลแอน เพราะแอนต้องการฉันยิ่งกว่าใครและเมื่อมาถึงวันนี้ ฉันได้รู้ว่า

“ความรักไม่จำเป็นต้องได้สิ่งตอบแทน
ความรักไม่จำเป็นต้องได้รักตอบ
ความรักคือการเสียสละและมั่นคง”

ถึงวันนี้ แอนก็ ยังเป็นแอนที่ทำอะไร เดินไปไหนก็ เตะโน่นเตะนี่ ขาเขียวเพราะแอนไม่มีแรงเดิน ขาแอนอ่อนแรง และยังจำไม่ได้ว่าฉันรักแอนแค่ไหน แต่ฉันก็ยังคงอยู่ดูแล เพราะแอนคือคนที่ทำให้วันเหงาในชีวิตของฉันหมดไปเมื่อมีแอนเข้ามาในชีวิตของฉัน

ฉันอยากจะบอกคนทั้งโลกว่า ต่อไปนี้ฉันไม่มีวันเหงาอีกแล้ว

........................................................จบ...................................................



ฉันเขียนเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อน ตอนไปเที่ยวเกาะสมุย และเห็นเรื่องราวต่างๆ มากมาย
ฉันเคยคิดว่าประเด็นหญิงรักหญิงจะมีการแต่งงานกันได้บ้างไหมน้อ เพื่อนของฉันเธอโชคดีได้แต่งงานกับคนที่เธอรักและอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ แต่ประเทศเราคงอีกนานที่จะมีกฎหมายมารองรับ

ต่อให้เป็นชายหญิงก็เถอะ ประเด็นเรื่องทะเบียนสมรสซ้อนก็ยังแก้ไขไม่ได้ ต้องรอให้เพิกถอนหึหึ แล้วใครจะรู้ว่าชายที่ตนแต่งด้วยเคยจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนกับใคร เมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา นั้นสินะ!!!!!! ปลงเถอะ ตราบใดที่ยังมีคอรัปชั่นและความเห็นแก่ตัวของคนบางกลุ่ม

****ไม่ต้องการอะไรมากมายเพียงแค่ความจริงใจจากใครสักคน********



Create Date : 30 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 19 ธันวาคม 2550 12:57:34 น. 3 comments
Counter : 336 Pageviews.

 
มาอ่านตอนเช้าค่ะ
อากาศหนาวเหมือนทุกวัน แต่เรื่องนี้อุ่นดี

เศร้า แต่ ไม่เศร้าฟูมฟาย
ถึงแม้จะจบเศร้า แต่ชีวิตจริงขอให้ไม่เศร้าแบบนี้นะคะ

สวัสดีวันเสาร์ค่ะ


โดย: บี (bewae1001 ) วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:8:35:20 น.  

 
เยี่ยมไปเล้ยมีมาแปะอีกมั๊ยค่ะอิอิ


โดย: ปวดแก้มง่ะ IP: 222.123.30.70 วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:16:12:42 น.  

 
ทำไมมันจึงเศร้าและเหงาได้ขนาดนี้นะ.....


โดย: ปากกาด้ามเดียว IP: 202.176.71.127 วันที่: 6 เมษายน 2551 เวลา:22:21:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.