It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้นแนวยูริ : ความหลัง ตอนที่ 10 ตอนจบ

ความหลงตอนที่ 10 ตอนจบ

ระหว่าทางที่ฉันนั่งรถไปกับต้อ ต้อขับรถเร็วมาก จนฉันติดว่าอันตรายจึงกล่าวเตือนไปบ้าง แต่ต้อก็ยังคงนิ่งเฉยขับรถต่อไปอย่างเร็วไม่ถึง 5 ชั่วโมง จากกรุงเทพถึงลำปาง ต้อก็พาฉันมาที่บ้าของพี่แมว ที่นั่นเหมือนกำลังจัดงานอะไรสักอย่าง ต้อพาฉันลงไปในบ้านมีการจัดงานศพ ฉันเดินเข้าไปแล้วมองที่รูป ฉันเห็นรูปพี่แมวของฉันถูกประดับด้วยดอกไม้วางอยู่บนขาตั้งข้างๆ โลงศพที่ประดับด้วยดอกลิลลี่สีขาวเช่นกัน นี่มันอะไรกันใครเล่นตลกอะไร

“เฮ้ย นี่อะไร กันค่ะทำไมทำแบบนี้หละไอ้ต้อ แกบอกฉันสิว่าทำไมเล่นอะไรโง่ๆ แบบนี้ พ่อค่ะ แม่ค่ะ บอกสิค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่จริงใช่ไม่ ไม่จริง ไม่จริ๊ง………… ไม่เชื่อ……………. ใคร ใคร เล่นตลก แน่ๆ ไม่จริง ไม่จริง” ฉันร้องออกมาอย่างเสียสติ วิ่งไปที่โลงศพ กอดโลงไว้ พยายามที่จะเปิดโลงออกดู กวาดดอกไม้ที่ประดับอยู่บนโลงออก ต้อมาฉุดฉันไว้

“ไอ้หนุ่ย มีสติหน่อยสิ แก” ต้อฉุดและกระชากฉัน ตบหน้าฉันอย่างแรงเพื่อเรียกสติ

“ไม่ต้องไม่ใช่พี่แมว ต้องไม่ใช่ ไม่ใช่ใช้ไม๊ต้อ แกตอบฉันมาสิว่า ไม่ใช่ “ ฉันยิ่งสติแตกยิ่งกว่าเดิม น้ำตาหลังออกมาจนแทบจะ เป็นสายเลือด

“หนุ่ย แกตั้งสตินะ พี่แมวเค้าไปสบายแล้ว แกอย่าเป็นอะไรนะโว๊ย ไอ้หนุ่ยสตินะ สติ เรียกกลับคืนมาสิ แก”

พ่อกับแม่ของพี่แมวเดินเข้ามาหาฉัน ฉันโอบกอดแม่ของพี่แมวไว้ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ แม่ของพี่แมวก็เช่นเดียวกัน ร้องไห้ไม่ต่างจากฉัน

“หนุ่ย แม่ก็เสียใจไม่ได้ต่างอะไรกับหนุ่ยนะ แมวเค้าตัดสินชีวิตด้วยวิธีนี้ ทั้งๆ ที่ยังมีอีกหลายวิธีที่จะหลีกเลี่ยงได้ ก่อนตาย แมวเขียนจดหมายจ่าหน้าถึงหนุ่ย แม่ไปเห็นก็ตอนที่แมวตายไปแล้ว แม่เสียใจนะ แม่…. ถ้ารู้อย่างนี้ แม่ไม่เรียกแมวให้กลับมาตายหรอก …… ฮือ…….”

ฉันรับจดหมายฉบับนั้นมาอ่านด้วยมือที่สั่งเทา

“หนุ่ยที่รัก

เมื่อหนุ่ยได้อ่านจดหมายฉบับนี้ พี่คงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว พี่คงอยู่สู้หน้าหนุ่ยไม่ได้ พี่ไม่บริสุทธิ์พอสำหรับหนุ่ยอีกต่อไป พี่มีมลทินยังจำได้ไม๊ ว่าพี่เคยบอกหนุ่ยว่าอะไร พี่เคยบอกว่า พี่จะไม่จากหนุ่ยไปไหน ไม่มีอะไรพรากเราได้นอกจากความตาย พี่ได้ตัดสินใจแล้วที่จะจบชีวิตลงแบบนี้ หวังว่าการตายของพี่ คงไม่ทำให้หนุ่ยเสียใจมากหรอกนะ พี่คิดว่าพี่ทำถูกต้องแล้ว ช่างเถอะนะ อย่าคิดมากไอ้หนูของพี่ พี่รู้ว่าหนุ่ยคงเสียใจ พี่ตัดสินใจจากตาย ดีกว่าจากเป็นแล้วแสนทุกข์ทรมาน ถ้าพี่ยังมีชีวิตอยู่อาม่าก็คงต้องบังคับให้พี่ต้องแต่งงานกับคนที่พี่ไม่ได้รัก และกักขฬะที่สุดเท่าที่พี่เคยเห็นมา เค้าทำร้ายพี่ ขืนใจพี่ พี่อยู่ไม่ได้หรอกนะหนุ่ย พี่แปดเปื้อนไปด้วยมลทินอยู่ต่อไปเพื่อพี่นะ สุดที่รัก พี่จะมองดูหนุ่ยจากดวงดาวบนฟ้า เป็นกำลังใจให้หนุ่ยเสมอ
พี่รู้ว่า ต้อนะรักหนุ่ยมานานแล้ว ตั้งแต่ยังเด็ก พี่เคยถามต้อว่า ถ้าต้อมีแฟนต้อจะเลือกแบบไหน ต้อตอบพี่ว่างัยรู้ไม๊ค่ะ ตอบว่า แบบหนุ่ยคะ ต้อยังคงรักหนุ่ยเสมอมา ความรักของพี่ที่มีต่อหนุ่ย ซ้อนทับความรักของต้อไว้ และหนุ่ยไม่เคยมองเห็น แต่พี่รู้ถ้าหนุ่ยไม่รักต้อก็จงจำไว้เสมอว่ายังมีต้ออีกคนที่ยังรักหนุ่ยเหมือนที่พี่รัก อยู่ต่อไปนะค่ะที่รัก อย่างน้อยก็อยู่เพื่อพี่
ลาก่อนค่ะที่รัก ลาก่อน สัญญาว่าจะรักคุณตลอดไป
แมว”

ฉันอ่านจดหมายด้วยน้ำตานองหน้า นี่นะหรือคนที่ฉันรัก เธอจะรู้บ้างไหมว่า ถึงแม้ว่าเธอจะแปดเปื้อนเพียงใดก็ตาม ฉันก็ยังจะรักเธอไม่เปลี่ยนแปลง ฉันรับได้เสมอ เพราะความรักของฉันไม่ได้อยู่ที่เรือนร่าง ไม่ได้อยู่ที่ ความสวยงามแต่อยู่ที่จิตใจ สำหรับฉันการจากกันด้วยความตายเป็นสิ่งที่ทรมานมากนัก อย่าจากฉันไปเลย ฉันขอร้อง กลับมาสิค่ะ กลับมา มาอยู่ในอ้อมกอดของฉัน ฉันเฝ้าแต่พร่ำเพ้ออยู่ในใจ

………………………………………………..

งานศพผ่านไปด้วยดี ฉันไม่ได้ทานอะไรเลย มาหลายวันแล้ว ต้อช่วยดูแลฉันตลอดเวลา วันนี้เป็นวันเผาพี่แมว ฉันยืนอยู่หน้าเมรุ มองเปลวเพลิงที่เผาร่างพี่แมวไปทีละนิด จนเจ้าหน้าที่มาปิดปล่องเผาฉันก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

ฉันเห็นอาม่าเสียใจนั่งร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ฉันคิดในใจว่า ก็อาม่านั่นแหละที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าอามาไม่บังคับพี่แมว พี่แมวคงไม่ต้องลำบากใจถึงเพียงนี้ แต่ฉันก็ไม่ได้พูดออกไปเพราะเห็น อ่ามาเสียใจอยู่แล้ว และฉันก็ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นอะไรที่จะฟื้นฝอยหาตะเข็บขึ้นมาอีก เรื่องมันจบไปแล้วก็ให้มันจบไปจากนี้ ฉันและบ้านพี่แมวคงไม่ต้องมีความสัมพันธ์กันอีกต่อไป

“ลารักลาจากลาเลย ลาเอยดวงจิตเสน่หา
ลาแล้วลาจากกานดา ชาติหน้าคงได้พบพาน”

“ลาค่ะพี่แมว หนุ่ยจะมีพี่อยู่ในใจตลอดไป สัญญาค่ะยอดรัก เราจะไม่พรากจากกันแม้สักนาทีเดียว”

ฉันเดินออกมาด้วยจิตใจที่เหี่ยวเฉา ต้อประคองฉันเดินฉันจะกลับมาเอาเถ้ากระดูกของคนที่ฉันรักในวันพรุ่งนี้ ฉันจะเอากระดูกพี่แมวไปโปรยที่ทะเลที่เรารัก

วันรุ่งขึ้นต้อพาฉันมาเก็บกระดูก สัปเหร่อเอากระดูกพี่แมวมาวางเรียงให้พวกเราได้โรยน้ำอบ ฉันหยิบกระดูกชิ้นหนึ่งขึ้นมาจูบและฉันรู้ว่านั่นคือฟันซี่สวยของพี่แมว ฟันที่ฉันเห็นเวลายิ้ม และยิ้มที่มีความสุขหัวเราะที่ร่าเริง น้ำตาฉันร่วงพรูเหมือนคนขาดสติ ดวงตาฉันบวมเป่ง ตาแดงจนมองดูเหมือนสัตว์ประหลาด ต้อประคองฉันไว้ด้วยสองมือ

ฉันขออัฐิของพี่แมวมาบางส่วนใส่ไว้ในโหลกระเบื้อ ฉันตั้งใจจะเอาไปโปรยที่ทะเลหัวหิน ต้อเดินมาช่วยถือแต่ฉันไม่ยอมให้

“อืม ถ้าจะถือไว้ก็ถือดีดีแล้วกันนะอย่าทำตกหละ” ต้อพูดได้แค่นั้นพาฉันขึ้นรถและพากลับกรุงเทพฯ ในวันนั้น
ฉันไม่พูดอะไรอีกเลยตลอดเส้นทาง

………………………………………

เมื่อฉันกลับมาถึงกรุงเทพ ต้อมาอยู่ด้วยที่บ้าน ฉันคิดว่าต้อเป็นเพื่อนคนนึงที่ดีที่สุดไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อน ต้อมาดูแลฉันอย่างดี มาเป็นคนทำโน่นทำนี่ให้ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ฉันเมาเหล้าทุกวัน หัวราน้ำ ก็ต้อนี่แหละที่เป็นคนเอาฉันออกมาจากกองขวดเหล้าเมาจนไม่เป็นอันทำงาน

“ไอ้หนุ่ย แกจะเป็นแบบนี้อีกนานไม๊ จะเสียใจอีกนานไม๊ ถ้าพี่แมวเห็นแกเป็นแบบนี้ พี่เค้าจะคิดยังงัย แกนะรักพี่เค้าไม่ใช่เหรอ ทำตัวดีๆ หน่อยสิ ทำตัวให้เป็นคนหน่อยสิ ไอ้เอ๊ย ดูสารรูปแกสิ จะเป็นโรงเหล้าเดินได้อยู่แล้วสักวันคงต้องโดนไล่ออกจากงานแน่ แกต้องเปลี่ยนตัวเองนะเพื่อพี่แมว เพื่อตัวแกรู้ไม๊ หนุ่ยคนที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนนี้ ไม่ใช่คนที่ กินเหล้าคนที่ไม่ทำอะไรเลย วันๆ อยู่แบบนี้มีประโยชน์ อะไรฮะ ถ้าแกยังเป็นแบบนี้อีกนะ ฉันไม่มาดูแกแล้ว ไอ้คนไม่กล้าสู้ความจริง ฉันไปหละเชิญแกอยู่กับความเศร้าของแกไปเถอะเป็นแบบนี้ฉันหรือใครก็ไม่สามารถช่วยแกได้แล้ว”

ต้อพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัด ฉันไม่เคยเห็นต้อ โกรธแบบนี้มาก่อนนี่ฉันผิดหรอนี่ฉันเห็นน้ำตาของต้อ น้ำตาที่ไหลออกมานั้นทำให้ฉันคิดได้ว่า ฉันยังมีเพื่อนที่รักฉันฉันยังมีคนที่เข้าใจฉัน

“ต้อ เราขอโทษ เราจะ …เอ๊ก … พะ ยายาม ไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก เราไม่สัญญาว่าจะทำตัวดีขึ้น แต่เราจะพยายามนะเพื่อน”

ต้อเดินมากอดฉันไว้ ใช่สิฉันโหยหาอ้มอกอดจากคนที่ฉันรัก ต้อหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋าและส่งให้ฉัน

“เราว่าจะเอาให้แกตั้งนานแล้ว แต่เห็นแกเมาไม่รู้เรื่อง วันนี้ดีหน่อยพูดรู้เรื่อง แม่พี่แมวฝากมาให้นะ เค้าบอกว่าพี่แมวใส่จนถึงเวลาสุดท้ายของชีวิต และกำเอาไว้ในมือ แม่เค้าเห็นว่าพี่แมวคงรักแหวนวงนี้มาก ก็เลยฝากฉันให้เอามาให้แก”

ฉันมองแหวนในมือต้อ ทำไมฉันจะจำไม่ได้ เป็นแหวนวงที่ฉันสวมให้กับพี่แมวในวันนั้น และไม่เคยเห็นพี่แมวถอดออกอีกเลย แหวนที่เป็นเสมือนแหวนหมั้นของฉัน ฉันรับมาจากมือต้อ นี่คงเป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย ที่พี่แมวเหลือไว้ให้ฉัน แทนดวงใจ ของพี่แมวฉันรู้ว่า ฉันยังมีพี่แมวอยู่ทุกหนทุกแห่งไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน พี่แมวจะอยู่กับฉันเสมอ

ต้อกลับไปแล้ว และไม่มาอยู่กับฉันที่บ้านอีก ฉันใช้ชีวิตประจำวันอย่างซังกะตาย ทำงาน แบบหามรุ่งหามค่ำจนลืมวันลืมเวลา แต่ฉันไม่ลืมที่จะเอาแหวนและฟันซี่สวยอขงพี่แมวไปเลี่ยมทำกรอบห้อยคอฉันตอลดเวลา ในกรอบมีแหวนอยู่รอบนอกและมีฟันซี่สวยอยู่ด้านใน เครื่องรางของฉัน เครื่องรางสำหรับใจฉัน เครื่องลางที่ทำให้ฉันรู้ว่าฉันยังคงมีคนที่รักฉันและคนที่ฉํนรักอยู่ในใจฉันเสมอ

………………………………….

ผ่านไปแล้ว เกือบ 30 ปี ที่พี่แมวได้จากฉันไป ฉันกลับมาที่บ้านเกิดอีกครั้งกลับมายื่นที่เดิม ที่ๆ เคยยืน ไปที่โรงเรียนเก่า มองหาบรรยากาศที่เคยคุ้นตา แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป ม้าหินที่เคยนั่ง ไม่มีแล้ว ตึกถูกสร้างเพิ่มขึ้น สวนหย่อมเปลี่ยนไป ไม่มีต้นไม้ต้นใหญ่ จริงสินะ 30 กว่าปี จะให้ทุกอย่างเหมือนเดิมได้อย่างไร ฉันเห็นเด็ก ยังคงวิ่งเล่นกัน เหมือนที่ฉันเคยเล่นตี่ เล่นเตยตามเส้น กระโดดยาง ฉันอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันต้องมีชีวิตต่อไป ครั้งนี้ฉันได้กลับมาบ้านเป็นครั้งแรก กลับมาเพื่อรักษาหัวใจ และกลับมาเพื่อเก็บความหลังเก่าๆ ฉันลาออกจากงานที่ทำเพราะอีกไม่กี่ปีก็จะต้องออกอยู่ดี ฉันเกษียณก่อนกำหนด เพื่อกลับมาบ้านเกิด กลับมาอยู่ในที่ๆ ฉันรัก กลับมาทำนา ทำสวนต่อจากพ่อกับแม่ท่านมีอายุมากขึ้น นี่กระมัง!!!!! สุดท้ายของการเดินทางแห่งชีวิต

ฉันเหนื่อยเกินกว่าที่จะเดินต่อไป จิตใจฉันอ่อนล้า ต้อแต่งงานไปเมื่อเกือบ 30 กว่าปีที่แล้ว มีลูกน่ารักมาก ฉันเป็นป้า ที่รักหลานๆ เช่นกันและหลานๆ ก็กำลังจะแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ฉันและต้อยังคงเป็นเพื่อนกันเสมอมา

ครอบครัวของพี่แมว คุณพ่อของพี่เค้าจากไปหลายปีแล้ว และแน่นอนอาม่าก็ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า เมื่อพี่แมวจากไปไม่นานนักอาม่าก็เสียตามไป แม่พี่แมวยังคงติดต่อกับฉันเช่นเดียวกับต้อ แต่เราก็ไม่ได้สนิทอะไรมากไปกว่าเดิม

ชายคนนั้นคนที่ทำพี่แมวเสียใจ ฉันได้ข่าวจากต้อเมื่อหลายปีก่อนว่า โดนยิงตายท่ามกลางงานเลี้ยงสักที่หนึ่ง และฉันก็ให้อภัยอโหสิกรรมให้เค้าทั้งหมด เรื่องมันผ่านมานานจนใครๆ ต่างก็ลืมไปหมดแล้ว

คืนนี้ฉันนั่งมองดาวดาวหยิบเครื่องรางประจำใจออกมาให้อยุ่นอกเสื้อ ฉันพูดกับที่รักของฉันว่า

“เรามาดูดาวกันนะค่ะ เดือนนี้หน้าหนาว ดาวที่นี่สวยกว่าที่ไหน ดาวที่บ้านเกิด ดูสิคะที่รัก แสงสว่างของดาวแสงที่ทำให้เราจินตนาการไปไหนต่อไหนได้เสมอ ที่รักรอฉันอยู่ใช่ไม๊ รอที่ไหนะ ดาวดวงไหน ลองบอกสิคะ ว่าดวงไหน กระพริบให้ดูหน่อยว่าดวงไหนที่ที่รักไปอยู่” ฉันเห็นทางช้างเผือกอยู่ตรงเหนือฟ้า ซึ่งตอนแรกฉันคิดว่าเป็นเพียงกลุ่มเมฆ และฉันก็เข้าใจแล้วว่าที่รักของฉันรอฉันที่ทางช้างเผือก ฉันหยิบกีตาร์มาร้องเพลงที่ฉันคุ้นเคย สายทิพย์ เพลงที่ฉันและพี่แมวชอบ ฉันนั่งมองดูดาว คิดถึงคนที่ฉันรัก คิดถึงอ้อมกอดของเธอฉันกระชับเสื้อให้รัดกุมมากขึ้น จากนี้ไปอีกไม่นานรอฉันนะที่รัก ฉันจะไปพบเธอบนนั้นทางช้างเผือกของเรา ขอบคุณความหลังที่แสนสุขใจ ขอบคุณที่รักที่ยังอยู่ในใจฉันตลอดไป

ฉันรักคุณค่ะ ที่รัก

…………………………………………..


เริ่มเขียนเรื่องนี้ 28 พย. 45 เขียนจบ 28 มค. 46

แก้ไขใหม่ 2 ธค.50



Create Date : 02 ธันวาคม 2550
Last Update : 2 ธันวาคม 2550 11:34:32 น. 4 comments
Counter : 697 Pageviews.

 
หลังจากอ่านจบหมดแล้ว
ตอนสุดท้ายของเรื่องทำให้ อึ้ง จุก พูดไม่ออก

หากนี่คือเรื่องจริง ก็เป็นเรื่องที่เศร้ามาก

บางทีความหลังก็คือ mode หนึ่งในชีวิตเรา
ให้เราได้กลับไปซึมซับ ทั้งสุข ทั้งเศร้า เพื่อ
ต่อลมหายใจ เพื่อใช้ชีวิตไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ

เรื่องของคุณทำให้ฉันจุก
บอกตรงๆ
อ่านมาทุกเรื่อง เรื่องนี้สะเทือนที่สุด

ไม่เอาไปแปะในปิงฟ้าหรือคะ หรือเคยแปะมาแล้วแต่ฉันพลาดที่จะอ่าน

ฉันอ่านเรื่องของคุณ มน คนเดียวเท่านั้นในกระดานนั้น
ถัดไปจากนี้ ฉันมีเรื่องของคุณในอ่านในบล็อกนี้

ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้ฉันได้อ่านความรู้สึกที่สวยงาม
ตัวหนังสือมันมีมนต์อย่างนี้เอง


โดย: บี (bewae1001 ) วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:12:47:04 น.  

 
คุณบีค่ะ

ฉันเคยแปะไว้ที่กระดานปิงฟ้าเมื่อนานมาแล้วค่ะแต่ไม่ได้ใช้นามปากกาว่าผิงดาวค่ะ และเมื่อปิงฟ้าล่ม ฉันก็ไม่ได้เอาไปแปะอีกค่ะ เพราะคิดว่าเรื่องที่เขียนไม่ค่อยสนุกมากเท่าไรนัก

เรื่องที่แต่งไม่ใช่เรื่องจริงค่ะ เพียงแต่เอาประสบการณ์ของชีวิตบางส่วนมาเขียนไว้

ตัวหนังสือมักมีมนต์ให้เราได้ติดตามเสมอค่ะ
เหมือนฉันที่ชอบตัวหนังสือของคุณเช่นกัน

ฉันชอบนัีกเขียนท่านนึงคือคุณทมยัีนตรี ฉันชอบเพราะคิดว่าในชีวิตจริงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรือปูด้วยพรหมแดงเสมอไป

ชีวิตย่อมมีทางเดิน
คนที่เดินสวนกันในบางครั้งอาจเคยรู้จักแต่จำกันไม่ได้

จริงๆ เรื่องนี้ฉันแต่งไว้ 2 เวอร์ชั่น แต่คิดว่าเวอร์ชั่นนี้ดีที่สุดค่ะ ถ้าหากว่าฉันว่างและสมองโปรงจริงๆ อาจจะเอาอีกเวอร์ชั่นมาลงไว้ก็ได้

แต่ว่าแผ่นดีส 3 นิ้วที่มีอยู่นี่เวลาเปิดกับคอมช่างช้าเสียเหลือเกิน
ทำให้นึกถึงวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ที่ทันสมัียมากขึ้นเรื่อยๆ จนคนอย่างฉันซึ่งโลว์เทคฯ ตามเทบไม่ทัน



โดย: ผิงดาว (รันหณ์ ) วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:13:05:31 น.  

 
ประเด็นโลว์เทค คือ โลโก้ประจำตัวของฉันอีกอย่าง
เพราะความทีทำอะไรไม่ค่อยเป็น สมัยฉันทำบล็อกแรกๆ บล็อกฉันไม่ได้มีหน้าตาอย่างที่เห็นนี้หรอกนะคะ

ฉันเพิ่งจะลงเพลงในบล็อกเป็นก็เมื่อไม่กี่วันนี้เอง
โดยความเอื้อเฟื้อจากเพื่อนในบล็อกที่ชอบเข้ามาแวะคุยกับฉัน

คุณมีฉันเป็นเพื่อนอีกคนแล้วค่ะ

เห็นคุณถ่ายภาพด้วย สวยเสียด้วยซีคะ ฉันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ รูปของฉันธรรมดา ไม่ค่อยมีเหลี่ยมมีมุม มีความลึกซึ้ง นานๆทีฉันจึงมีรูปมาแปะให้ดู
แต่สำหรับรูปของคุณ ดูสวย มีรสนิยม ราวกับมืออาชีพอย่างไรอย่างนั้น

ฉันจึงแวะอ่านเรื่องของคุณก่อน ดูรูปทีหลังเสมอ

เราไม่เคยคุยกันมาก่อนใช่ไหมคะ

ฉันกับปิงฟ้าไม่ค่อยสนิท การไปแปะเรื่องที่นั่นเป็นเพียงการฝากเรื่องไว้เท่านั้นค่ะ ส่วนใหญ่ฉันจะเขียนบล็อกทุกวัน บล็อกนี้คือที่ของฉันจริงๆที่ฉันเป็นสุขกับมันได้เสมอ
ทุกครั้งที่ออนไลน์

ยินดีที่ได้พบคุณบนโลกออนไลน์นี้ค่ะ


โดย: บี (bewae1001 ) วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:13:31:58 น.  

 
คุณบีค่ะ

อย่างที่เคยบอกนะค่ะ ฉันเป็นเป็ด รู้ไปหมดแต่รู้ไม่ละเอียด

การถ่ายรูปของฉันนั้นไม่ได้เก่งอะไรเลยสักนิดค่ะ ฉันถ่ายเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป

และด้วยความบังเอิญ ภาพออกมาสวยค่ะ คุณแฟนของฉันสิค่ะ เธอถ่ายได้สวยจริงๆ โดยเฉพาะรูปดอกไม้

ฉันเป็นคนใจร้อน รูปบางรูปออกมาดูน่ากลัวก็มีค่ะ

ส่วนเรื่องปิงฟ้า ฉันไม่ได้สนิทหรอกค่ะ แต่ฉันสิงอยู่ในนั้นเลยก็ว่าได้ค่ะ จนตอนนี้ห้องแชตที่ปิงฟ้าล่มไป ฉันก็เลยระเหเร่ร่อน ระหกระเหิน

ออกมาสู่โลกภายนอก แวะเวียนไปตามที่ต่างๆ ล่องลอยไปในโลกไซเบอร์ และหาความรู้จากโลกแห่งใหม่

ฉันยินดีที่ได้คุณเป็นเพื่อนในโลกกว้างใบนี้เช่นกันค่ะ


โดย: ผิงดาว (รันหณ์ ) วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:16:56:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.