It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องแนวยูริ : ความเอยความรัก ตอนที่ ๒๕

ความเอยความรัก ตอนที่ ๒๕

หลังจากคืนนั้นมัชวีแทบมองหน้าศตนันท์ไม่ติด เพราะรู้สึกละอายใจที่ตนเองทำไปโดยไม่มีสติ มีธัญชนกที่เป็นเสมือนตัวประสานความสัมพันธ์ระหว่างมัชวีและศตนันท์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เมื่อวันเกิดของมัชวีครบรอบ ๒๐ ปีมาอีกครั้ง ทั้งสามสนิทสนมกันเพิ่มขึ้นเพราะแต่ละครั้งที่มัชวีและธัญชนกจะไปไหนก็ต้องหอบเอาศตนันท์ไปด้วยทุกครั้งไป ความเป็นพี่น้องต่างอายุต่างบุพการี เรื่องราวของคน ๓ คน ได้เล่าสู่กันฟังอัธยาศัยไมตรีที่ดีมีให้ต่อกันสม่ำเสมอ ศตนันท์เป็นเหมือนน้องสาวของมัชวีและธัญชนกที่ต้องคอยดูแล ธัญชนกชักชวนศตนันท์ให้มาอยู่ที่อพาร์ตเม้นท์ด้วยกันและศตนันท์เองก็ยินยอมย้ายหอพักออกมาพักที่ห้องใกล้ๆ กับทั้งสองสาว

ผ่านเลยช่วงเวลาปิดเทอมไปจนเปิดเทอมใหม่อีกครั้ง ความสัมพันธ์ของธัญชนกกับศตนันท์ดูจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สนิทกันมากขึ้น ธัญชนกเริ่มทำใจได้เรื่องครอบครัวของเธอ ความร่าเริงของศตนันท์ช่วยธัญชนกไว้ได้มากธัญชนกและศตนันท์จะมีกิจกรรมทำร่วมกันมากขึ้น ทั้งไปเที่ยวทั้งดูหนังฟังเพลง บางครั้งมัชวีก็ไปร่วมด้วยบางครั้งก็ปล่อยให้สองสาวไปกันเองโดยที่เธอขอพักที่ห้องไม่ตามไปด้วย

มัชวีเริ่มคิดถึงอนาตคของเธอและธัญชนกหากเธอเรียนตามปกติเธอต้องอยู่ห่างจากธัญชนกหนึ่งปีเต็มและเวลานั้นก็คงห่างไกลกันด้วยแจ่มจรัสจะให้ธัญชนกไปช่วยงานแทนตัวเธอที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ คุณปราญและคุณทิพย์สราวรรณเองก็งานล้นมือ ธัญชนกต้องลงไปช่วยดูแลงานบ้างในบางส่วน มัชวีจึงขอลงทะเบียนเพิ่มเพื่อให้จบภายใน ๓ ปี ครึ่ง ทำให้มัชวีเรียนหนักมากว่าเดิม เธอเพียงหวังว่าจะให้เธอและธัญชนกเรียจบในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ทำให้เธอและธัญชนกไม่มีเวลาให้กันเหมือนเดิม

ธัญชนกกับศตนันท์ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอเมื่อมัชวีติดเรียนหรือไม่มีเวลาว่าง สองสาวเป็นปาท่องโก๋ต่างวัยจากแพคคู่กลายเป็นซื้อสองแถมหนึ่ง สามสาวสามสไตล์เมื่อไปไหนด้วยกันล้วนดึงดูดสายตาของคนทั่วไปได้เสมอ คนหนึ่งสวยเฉี่ยว คนหนึ่งสวยหวาน อีกคนสวยพิศ

ทั้งสามคนดูเหมือนจะเป็นดาวเด่นของชั้นปีที่มารวมตัวกันหนุ่มๆ ต่างมองจ้องกันตาเป็นมัน แต่ก็มีบ้างบางคนที่รู้ถึงความสัมพันธ์ของมัชวีและธัญชนกต่างบ่นเสียดายความสวย จุดมุ่งหมายเดียวของบรรดาหนุ่มทั้งหลายในตอนนี้ก็คือศตนันท์ บางครั้งธัญชนกต้องจัดการสับหลีกรางรถไฟให้ศตนันท์และกีดกันเวลาหนุ่มๆ มาทำชีกอ ธัญชนกนั้นคิดว่าศตนันท์เป็นน้องสาวของเธอคนหนึ่งเลยทีเดียว

“ว่างัยจ๊ะ กลุ่มสาวสาวสาว” กีรณาร้องเรียกสามสาวที่เดินเรียงหน้ากระดานความสวยมาที่ใต้โถงคณะ

“นี่ยายกีเธอนี่นะพวกฉันไม่ใช่แอมปุ้มแหม่มนะ มาเรียกแบบนี้เสียหายนะ พวกฉันนะ 3 สาวซ่า GIRL GROUP ต่างหาก เชยระเบิดเลยนะยายกี” ธัญชนกแขวะเพื่อนกลับ

“นี่นะเหรอ GIRL GROUP ALIZE’ เราว่าสาวสาวสาว นะถูกแล้วดูสิ แต่งตัวก็เช๊ยเชย สุดยอด ไหนละกระโปรงสั้นฮิปฮ๊อป เชอะทำเป็นอินเทรน” กีรณายังคงป่วนไม่เลิก

“อะไม่เชื่อเหรอ มาเร็วพวกเรา เต้นอยู่ในclub อย่ามาจับ อย่ามาถูๆ เต้นอยู่ในclub อย่ามาจับ อย่ามา uh uh เต้นอยู่ในclub ใครก็มอง ใครก็รู้ๆ คนอย่างคุณนั่นน่ะเค้าเรียกกันว่าเจ้าชู้” ธัญชนกทำท่าเต้นไปตามเสียงร้องของตนและมีศตนันท์ร่วมแจม ทั้งสองสาวเต้นเป็นโคโยตี้จับมัชวีเป็นเสายั่วยวนอยู่สองข้างซ้ายขวา ส่วนมัชวีนั้นนะเหรอยืนเอ๋อเป็นใบ้ไปเลยสิ เต้นท่าอะไรกันละนี่ แล้วเพลงที่ร้องนี่เพลงอะไรน้อ มัชวีจึงเดินเลี่ยงจากสองสาวที่ยึดเธอเป็นเสาไปอยู่กับกีรณาเพื่อไม่ให้เป็นเป้าสายตาด้วยเธออายแทนจนหน้าแดงไปหมดแล้ว แถมยังขำท่าทางของคนรักและรุ่นน้องอีกด้วย (เพลงถูวงเอลิเซ่)

“เอ่อพี่ธัญน้องนัน คือว่าเล่นอะไรกันค่ะ” มัชวีสะกิดธัญชนกและศตนันท์ที่ยังคงเต้นไปร้องไปอยู่ตรงหน้าเธอแถมยังเดินมาจับไหล่ของมัชวีเป็นหลักให้ยึดทั้งคู่ จนคนที่อยู่ใต้โถงหันมามองเป็นตาเดียว

“ยายธัญบ้าประสาทไปแล้ว นี่น้องนันอย่ามาทำให้ป้าอย่างพี่ต้องขวัญผวานะพี่กลัวคนเค้าว่าพี่มีน้องติงต๊องมีเพื่อนเป็นบ้า” กีรณาบ่นไปขำไปหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งกับท่าทางของเพื่อรักและหลานรหัสของเธอ

“ว่าแต่มัชไม่ร่วมวงกับเค้าด้วยเหรอ” กีรณาหันไปถามมัชวีที่นั่งมองสองสาวแสดงจินตลีลาโคโยตี้กลางโถง

“ไม่ดีกว่าค่ะคือมัชไม่ถนัด มัชไปเป็นพี่แอมของพี่กีจะดูดีกว่า” มัชวีส่ายหน้ากับท่าทางของธัญชนกและศตนันท์ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเหนื่อยหยุดเต้นไปแล้วและลงมานั่งข้างๆ มัชวีและกีรณา

“ไม่แสดงต่อหละกำลังสนุกเชียว” ชาติชายที่เดินลงมาจากชั้นบนรีบส่งเสียงขอดูจินตลีลาโคโยตี้อีกรอบ

“ไม่ไหวแล้วนายชาติ เราเหนื่อย” ว่าแล้วธัญก็หยิบแก้วน้ำที่วางบนโต๊ะมาดื่ม

“เอ๊ยยายธัญ!!” กีรณาจะห้ามก็ไม่ทันการธัญชนกยื่นแก้วน้ำนั้นให้กับศตนันท์ดื่มด้วยอีกคน

“อะไรยายกีน้ำแค่นี้ขอเพื่อนนิดหน่อยไม่ได้หรืองัยยะ” ธัญชนกบ่นเพื่อนรัก

“ได้นะได้เพื่อนถ้าเป็นของเราเราให้แต่นี่มันไม่ใช่น้ำเรานะยายธัญ” กีรณาทำหน้าเบ้

ฝ่ายธัญชนกและศตนันท์ที่ดื่มน้ำไปจนหมดแก้วรีบหันหน้ามามองกีรณาเป็นตาเดียววิ่งไปล้วงคอออกแทบไม่ทัน ส่วนกีรณา ชาติชายและมัชวีต่างมองหน้ากันเลิกลัก นี่นะเหรอสาวสวยประจำคณะ ช่างเฉิ่มเสียนี่กระไรหมดกันคนสวยเอ๊ย

..........................................................

สรรพคุณความเฉิ่มของสาวสวยยังไม่จบเพียงเท่านั้น สามสาวได้ร่วมกิจกรรมกับทางคณะเพื่อหาทุนให้ผู้ยากไร้ ทั้งสามต้องขึ้นไปยืนบนเวทีที่มีการประกาศรายนามผู้บริจาคแต่ด้วยมัชวีนั้นก่อนขึ้นเวทีเธอรู้สึกเคืองตาและขยี้ตาจนคอนแทคเลนส์หลุดหายไปข้างหนึ่ง ถึงตอนนี้สายตาที่เห็นข้างเดียวของเธอทำให้มองอะไรก็พล่าเลือนเวียนหัว

“พี่ธัญค่ะเลนส์มัชหายไปข้างนึง” มัชวีกระซิบบอกธัญชนกบนเวที

“อ้าวแล้วทำไงดีหละนี่”

“มัชเกาะมือพี่เดินแล้วกันนะ”

“อืม” แล้วธัญชนกก็กระซิบเรื่องมัชวีคอนแทคเลนส์หายให้กับศตนันท์ได้รับรู้ด้วยอีกคนเพื่อจะได้ช่วยกันดูมัชวีอีกแรง มัชวีเดินหรี่ตาข้างที่ไม่มีคอนแทคเลนส์เพื่อช่วยให้ไม่เวียนศรีษะมากไปกว่าเดิม

พิธีกรบนเวทีประกาศายนามชื่อผู้บริจาคและจะมอบโล่ห์ประกาศเกียรติคุณให้กับผู้บริจาคตามรายนามที่จัดเรียงไว้อย่างดี ทั้งสามสาวและเหล่าบรรดาสาวงามทั้งหลายของคณะต่างถือโล่ห์ของแต่ละรายนามมาให้กับคณะบดีเพื่อแจกจ่ายแต่ไม่รู้ใครเอาแจกันดอกไม้มาวางไว้ใกล้กับโล่ห์ที่ต้องแจกมัชวีก็หยิบแจกันใบนั้นไปบนเวที ไม่มีใครสังเกตเห็นเพราะก็อยู่ในอาการประหม่ากันทั้งสิ้นแต่ก็ต้องส่งยิ้มหวานบนเวทีโดยทั่วหน้าราวกับกำลังประกวดนางงามเลยนะนั่น เมื่อพิธีกรประกาศรายนามมัชวีถือแจกันเปล่าใบนั้นส่งให้คณะบดี ทุกคนงงกันเป็นแถวโล่ห์อะไรดูแปลกๆ พิธีกรต้องประกาศว่าแก้เก้อว่า

“โลห์นี้ต้องตามไปรับต่อกับผู้เชิญรางวัลนะครับ” เรียกเสียงฮาได้พอสมควรจนธัญชนกต้องรีบเดินลงไปด้านล่างเวทีหยิบโลห์ของแท้มาส่งให้มัชวีที่หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ แต่ผู้รับโล่ห์กลับอมยิ้มนี่ถ้าได้ไปรับโล่ห์กันสองต่อสองกับสาวสวยคนนี้ก็คงดีไม่น้อย แต่ความเฉิ่มของมัชวีเท่านั้นยังไม่พอ เมื่อจะก้าวลงเวทีมัชวียังสะดุดพื้นเวทีล้มลงนั่นพับเพียบอยู่ข้างเวทีอีกรอบ งานนี้สาวสวยแค่ไหนก็หน้าแตกแบบอับอายเหลือแสนแล้ว

..................................

“มัชเครียดไปหรือเปล่าค่ะ” ธัญชนกเห็นมัชวีคิ้วผูกโบว์นั่งอยู่ด้านหลังเวที

“อืมค่ะพี่เครียดนิดหน่อย”

“มัชไม่ต้องรีบเรียนหรอกนะเรียนจบเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นไงซะพี่ก็รักมัชไม่เปลี่ยนแปลงหรอก” ธัญชนกกุมมือมัชวีและกระชับให้แน่นขึ้น

“มัชรู้ไม๊ตั้งแต่มัชตั้งใจเรียนเพิ่มขึ้นมัชแทบไม่เหลือเวลาให้พี่เลย ถ้าไม่มีน้องนันพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่จะเหงาแค่ไหน อยู่ด้วยกันแทบไม่ได้คุยกันเลยนะค่ะมัชลืมอะไรไปหรือเปล่าค่ะที่รัก” ธัญชนกส่งสายตาเว้าวอนให้กับมัชวี

“ลืมอะไรค่ะ”

“ลืมทำการบ้านคะที่รัก” ธัญชนกก้มลงกระซิบข้างหูมัชวีบอกข้อความที่เธออยากจะสื่อสารกับมัชวี เมื่อมัชวีได้รับข้อความนั้นถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ใช่สินะเธอลืมทำการบ้านจริงๆ ด้วย

.............................................

ค่ำคืนที่แสนร้อนแรง ค่ำคืนที่ปลดปล่อย ค่ำคืนที่แสนหวานสำหรับสองสาวกลับมาอีกครั้ง สาวสวยตรงหน้าเธอช่างน่าภิรมย์ จากการร้างราไปเนินนานเมื่อกลับมาอีกครั้งต่างเชยชิดสนิทแน่น ท่วงทำนองรักเร่งเร้าร้อนรุ่มสลับกับอ่อนหวานรักใคร่ ความโหยหาหิวกระหายไม่มีวันจบสิ้น ลิ้มลองรสชาติไม่รู้เบื่อหน่ายครั้งแล้วครั้งเล่า

สองนางฟ้าร่ายลีลาพริ้วไหวบนปุยเมฆ
ราวจะเด็ดดวงดาวน้อยกลางเวหน
เริงระบำสอดคล้องไปสองคน
ด้วยท่าทีที่สง่าองค์สมใจปอง
งามแช่มช้อยนักหนานางฟ้าเอ๋ย
ด้วยมิเคยชิดใกล้แต่เก่าก่อน
โบกระบัดรัดเกี่ยวและสอดคล้อง
ดังกินนรเริงร่ากลางสายธาร
ต่างช่วยเหลือเกื้อกูลในท่วงท่า
ต่างลีลาต่างความคิดแต่จิตมั่น
ที่จะเดินร่วมหนทางไม่คล้ามครัน
เห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้าพากันไป

มัชวีรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ในอ้อมกอดของเธอมีร่างงดงามของคนรักกอดกระชับแนบแน่น การบำบัดความเครียดแบบนี้เธอชอบเหลือเกิน

มัชวีเกลี่ยไรผมเปียกชื้นของคนรักจุมพิตเบาๆ “ขอบคุณค่ะที่รัก”

“มัชมีความสุขหรือเปล่าค่ะ” ธัญชนกช้อนตามองคนรักจุมพิตที่ปลายคาง

“สุขเหลือล้นแล้วค่ะที่รักจนจะทะลักออกมาอยู่แล้ว ขอบคุณนะค่ะ” อ้อมกอดของคนรักแนบแน่นมากขึ้นและหลับไปเมื่อแสงทองของวันใหม่ใกล้มาเยือน

....................................................

“ยายธัญสอบเสร็จวันที่ ๒ เราจะหมั้นแล้วนะ” ชาติชายบอกกับธัญชนกที่กำลังนั่งอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องสอบปลายภาค

“เหรอดีใจด้วยนะได้ฤกษ์แล้วหละสิ” ธัญชนกยิ้มกว้างด้วยยินดีกับเพื่อนรักทั้งสองคน

“จ้าเราดีใจกว่าธัญอีกนะ กว่าจะชนะใจกีเค้าได้เล่นเอาเหนื่อย”

“ก็นะใครจะให้ชนะใจได้ง่ายๆ แบบนี้ก็แย่สิเพื่อน ต้องเล่นตัวหน่อยง่ายไปจะหาว่าเพื่อนเราง่ายก็ไม่มีค่านะสินายชาติ ไปเร็วเดี๋ยวเข้าห้องสอบไม่ทัน” ธัญชนกยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูด้วยเวลาจวนเจียนจะสอบแล้ว วิชานี้สุดท้ายของเทอมนี้ ปีหน้าเธอก็ขึ้นปี ๔ อีกปีเดียวเท่านั้น

.............................................

วันงานหมั้นของกีรณาและชาติชายเพื่อนๆ ต่างไปแสดงความยินดีทั่วหน้า กีรณาอยู่ในชุดไทยสีขาวสไบพาดบ่าสีทอง ขับผิวที่ขาวเนียนให้สวยยิ่งขึ้น สวยจนแม้กระทั่งเพื่อนๆ ด้วยกันยังแอบอิจฉาว่าที่คู่หมั้น ส่วนธัญชนกเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็สวยไม่ต่างกันด้วยชุดไทยสีชมพูหวาน มัชวีกับธัญชนกเป็นประตูทองที่คอยรับขบวนขันหมากของอนาคตคู่หมั้นที่โห่ร้องกึกก้องมาตลอดทั้งบริเวณที่ขบวนเดินผ่าน

ในขบวนประกอบไปด้วยตัวว่าที่คู่หมั้นเองที่ถือพานดอกไม้ธูปเทียน ขันหมากเอก ที่บิดาของชาติชายเป็นคนถือ คู่พานขันหมากพลู คู่พานขันหมากสินสอด พานแหวนหมั้น พานทองหมั้น พานธูปเทียน พานไก่ต้ม พานขาหมูที่คนแบกดูจะหนักและเหนื่อยเอามากๆ ด้วยขาหมูที่จัดมานั้นช่างใหญ่ยักษ์เสียนี่กระไร คู่พานวุ้นเส้น คู่พานกล้วยน้ำว้า-ส้ม คู่พานขนมเสน่ห์จันทร์ คู่พานขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ทองเอก ต้นกล้วย ต้นอ้อย และขบวนรำฟ้อน ส่วนภายในบริเวณงานก็มีพระสงฆ์ ๙ รูป สวดพาหุงอยู่ด้านใน

บิดาของกีรณาที่ยืนรออยู่ถามบิดาของชาติชายว่า “วันนี้มาทำอะไรกัน”

บิดาของชาติชายตอบว่า “วันนี้เป็นวันดีเป็นสิริมงคล นำขันหมากมาสู่ขอและพาลูกเขยมาให้”

จากนั้นหลานสาวของกีรณาก็เดินมารับพานธูปเทียนจากชาติชายไปเก็บด้านใน มัชวีและธัญชนกเป็นประตูสุดท้ายที่ชาติชายจะต้องผ่านด้วยว่าผ่านมาแล้วทั้งประตูนาค ประตูเงิน หมดสองสีชมพูไปหลายซองทีเดียว

“ไม่ได้นะต้องมากกว่านี้” ธัญชนกต่อรองกับว่าที่คู่หมั้นของเพื่อนรักที่ให้ซองมาเพียงสองซอง

“โห่เห็นใจกันบ้างสิธัญจะได้ฤกษ์แล้ว อะนี่ตัว” ชาติชายควักชองสีชมพูที่มีในกระเป๋าทั้งหมดให้กับธัญชนก

“ไม่พอนายชาติ จะขอสาวทั้งทีให้ซองละยี่สิบไม่ไหวเล๊ย” ธัญชนกเปิดดูซองด้านในก็เห็นมีธนบัตรใบละ ๒๐ บาทใส่ไว้

“ก็คนยังไม่มีงานทำจะเอาอะไรมาให้ได้มากมายหละยายธัญ เนอะมัชเนอะ” ชาติชายหาเพื่อนช่วย

“ไม่เนอะหละคะพี่ชาติ มัชว่าแบบนี้ต้องเพิ่มอีกสัก ๓๐ ซอง เพื่อนว่าที่คู่หมั้นนะควักมาเล๊ยช่วยเพื่อนหน่อย มัชรออยู่” มัชวีไม่เออออห่อหมกกับชาติชายด้วยหรอก เพราะกำลังสนุกสนานกับการเป็นประตูทองและพาลไปถึงเหล่าบรรดาเพื่อนว่าที่คู่หมั้นที่ยืนเรียงหน้ากระดานกันอยู่

“เฮ้ยพวกเรา ขอหน่อยเร็วเข้า” จนแล้วจนรอดว่าที่คู่หมั้นก็ไม่ได้รับความอนุเคราะห์จากเหล่าเพื่อนๆ บิดาของชาติชายควักธนบัตรสีแดงออกมาปึกใหญ่ส่งให้ลูกชาย

“เอานี่ชาติ ก่อนจะเลยฤกษ์” บิดาของชาติชายยิ้มแย้มดูมีความสุขขณะที่ยื่นธนบัตรทั้งปึกให้ลูกชาย

“อะนี่ยายธัญหวังว่าคงไม่เรียกมากกว่าสินสอดนะเพื่อน” แล้วธัญชนกก็ปล่อยขบวนขันหมากสู่ขอให้เข้าไปในบริเวณงาน

ขบวนขันหมากก็พากันเข้าไปจัดเรียงสิ่งของด้านในจะมีแต่ต้นกล้วยต้นอ้อยที่ไม่ได้นำเข้ามา บิดาของชาติชายจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับคนถือกล้วยอ้อยว่าเป็นอันเสร็จพิธี ให้อะไรราบรื่นเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก ให้ความรักหวานฉ่ำเหมือนน้ำอ้อย

บิดาของกีรณาเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนมาอยู่พร้อมหน้า “วันนี้เอาอะไรมาบ้างหละครับ”

จากนั้นบิดาของชาติชายก็คลี่ผ้าห่อสินสอดทั้งหมดให้เห็นกันทั่วหน้า “วันนี้ผมเอาสินสอดมาให้คุณศรุตเพื่อมาสู่ขอหนูกีรณาให้กับนายชาติชายลูกชายของผม” แล้วคุณวิชาญก็ส่งหมากพลูให้กับคุณศรุต ที่รับหมากพลูนั้นมาถือในมือพอเป็นพิธี

กีรณาที่ต้องอยู่แต่ในห้องจะแอบดูก็ไม่ได้ด้วยผู้ใหญ่หลายท่านสั่งนักหนาว่าห้ามมองไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ ได้แต่ถามเพื่อนรักที่เข้ามาตามตัวว่าเรียบร้อยแล้วเหรอ เพื่อนรักพยักหน้า จูงมือว่าที่คู่หมั้นลงไปในงาน

กีรณาและชาติชายทั้งสองคนนั่งอยู่กลางห้องที่พื้นตรงหน้ามีพานวางสินสอดและแหวนหมั้นไว้ บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายยิ้มแย้มแจ่มใส มัชวีเป็นช่างภาพอีกตามเคยเก็บภาพประทับใจเหล่านั้นให้เพื่อนรักของคนรัก เธอเองแอบมีความหวังเล็กๆ ที่จะมีงานแบบนี้บ้าง

คุณวิชาญบิดาของชาติชายเอ่ยขึ้นว่า “ได้เวลาเป็นมงคลแล้วคู่หมั้นสวมแหวนให้กันและกัน”

จากนั้นคุณวิชาญก็ยื่นแหวนหมั้นให้กับชาติชายจะด้วยความประหม่าหรืออะไรไม่ทราบ กีรณายื่นมือขวาให้กับชาติชายและชาติชายก็บรรจงสวมแหวนให้ที่นิ้วนางข้างขวาของกีรณา มัชวีเป็นคนถ่ายภาพนึกเอะใจ

“พี่ชาติผิดมือ!!!”

ชาติชายชงักเปลี่ยนมือของกีรณาจากขวามาซ้าย เป็นที่ครื้นเครงกันในบรรดาผองเพื่อนและรุ่นน้อง กีรณาสวมแหวนให้กับชาติชายกลับคืนบ้างเป็นอันเสร็จพิธีงานหมั้นผ่านไปอย่างราบรื่น ทำเอาหลายๆ คนเหน็ดเหนื่อยไปตามๆ กัน รักบนจารีตประเพณีที่ดีงามมีให้เห็นได้โดยทั่วไป รักแบบนี้สังคมยอมรับและให้การสนับสนุน ผู้คนรอบข้างล้วนยินดีปรีดา

มัชวีแอบกระซิบกับคนรัก “ที่รักเราจะมีงานแบบนี้บ้างหรือเปล่าค่ะ”

“ถ้ามัชกล้าไปขอพี่กับป๋าเราก็มีคะ” ธัญชนกตอบเสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความหนักใจ

...........................................................

“พี่ธัญมัชจะลงภาคฤดูร้อนนะค่ะเทอมนี้ ลงไป ๓ ตัว” มัชวีบอกคนรัก

“ค่ะ” ธัญชนกตอบเสียงเอื่อยๆ

“เป็นอะไรหรือเปล่าพี่” มัชวีเห็นคนรักท่าทางแปลกไป

“ถ้ามัชเรียนก็ไม่มีเวลาให้พี่ แล้วน้องนันก็ไม่อยู่ ยายกีก็ไม่อยู่แล้วพี่จะอยู่ที่ไหนดีหละมัช” ธัญชนกตั้งคำถามที่ทำเอามัชวีอึ้งไปเลยทีเดียว

“พี่ธัญลงเรียนอย่างอื่นไหมค่ะ ลีลาศ หรือภาษาแบบไม่เอาเกรด” มัชวีเสอนความคิด

“ก็ได้ค่ะ ไว้พี่จะลองหาลงดูว่ามีหรือเปล่า” ธัญชนกรับข้อเสนอของคนรักมาอย่างแกนๆ

..................................

“พี่ธัญค่ะ
ตอนนี้นันมาถึงแล้วค่ะกำลังเริ่มเรียนอย่างที่พี่ธัญบอกแต่ว่าที่นีดูแปลกตามากนะค่ะพี่ นันมาคนเดียวเหงาแทบแย่ พี่ธัญกับพี่มัชสบายดีรึเปล่าเอ่ย ทางนี้นันสบายดีค่ะอีกสักหน่อยคงพูดได้คล่องขึ้น

แต่วันนี้เจอคนประหลาดค่ะพี่ มาเดินชนนันท่าทางจะเป็นคนเอเชียค่ะสวยใช่เล่นแต่พูดอังกฤษไฟแล๊ปจนนันฟังไม่ทัน ได้แต่ Pardon ไปตามเรื่องราว จนสุดท้ายถึงได้รู้ว่าเป็นคนไทย เพราะเค้าสบดออกมาคำนึ่งว่า “ยายบ้าเอ๊ย” แต่นันไม่อยู่รอฟังต่อหรอกค่ะ วิ่งขึ้นรถหนีมาแล้ว คนอะไรตัวอย่างกับเสาโทรเลขผอมสูงแถมยังซุ่มซ่ามอีก
คิดถึงพี่มาก
นัน”

จาก Email ที่ศตนันท์ส่งมาถึงธัญชนกนั้นก็พอได้รับรู้ข่าวคราวของศตนันท์ที่ไปเรียนภาษาโปรแกรมสั้นๆ ตามที่ธัญชนกได้แนะนำไป ด้วยศตนันท์ได้แอบปรึกษากับธัญชนกเรื่องภาษาที่ไม่ค่อยจะพัฒนาของเธอเองทั้งๆ ที่เรียนมาตั้งแต่อนุบาล ธัญชนกก็เลยแนะนำให้ไปเรียนที่เดียวกับเธอและมัชวี ศตนันท์ก็ทำตามคำแนะนำของเธออย่างว่าง่าย

........................

นิ่มนวลเร่งรีบฝีเท้าเพื่อที่จะไปเข้าเรียนให้ทันเวลาด้วยเธอมาสายมากแล้ววันนี้มีสอบเสียด้วยแต่เมื่อพ้นมุมตึกก็ต้องชนเข้าอย่างจังกับเด็กสาวเอเซียคนหนึ่ง

“Sory miss” เด็กสาวคนนั้นท่าทางรีบเร่งไม่แพ้กับเธอ

“Never mind, You’r becareful next time.” นิ่มนวลบอกเด็กคนนั้น

“Pardon!!!” เด็กคนนั้นทำหน้างงแล้วก็วิ่งต่อไป

“ยายบ้าเอ๊ยฟังไม่รู้เรื่องเหรอนี่” นิ่มนวลบ่นอีกครั้ง

“ยายเด็กตัวเล็กคนนั้นซุ่มซ่ามจริงเชียวท่าทางจะเป็นเกาหลีหรือไม่ก็คนจีนหละสิหน้าหมวยขนาดนั้น” นิ่มนวลแอบบ่นอยู่ในใจ เธอก้มลงเก็บเอกสารที่หล่นบนพื้น แต่เมื่อพบกับสิ่งของที่ตกลงบนพื้นก็เก็บไว้เพื่อจะคืนให้เจ้าของ หันกลับมาอีกครั้งเจ้าของปากกาด้ามนั้นก็หายไปกับรถประจำทางเสียแล้ว

นิ่มนวลมองปากกาในมือ เห็นมีข้อความภาษาไทยเขียนไว้ว่า “มัชวี อนันตโรจน์” อะ นี่ของมัชนี่นามาอยู่กับเด็กคนนั้นได้อย่างไร

...................................

เมื่อกลับถึงหอพักนิ่มนวลได้แต่จ้องมองปากกาในมือแล้วพยายามหาเหตุผลว่าอะไรทำไมปากกาของมัชวีถึงได้มาอยู่ในมือเด็กคนนั้น แล้วพี่ธัญหายไปไหน หรือมัชวีจะมีคนรักใหม่ หรือมัชวีจะรู้จักกับเด็กคนนั้น แล้วเธอหละ มัชวีทิ้งเธอไว้ไปหาพี่ธัญแต่กลับทิ้งพี่ธัญไปกับเด็กคนนั้นอย่างนั้นหรือ แล้วถ้าหากมัชวีมาที่นี่ทำไมไม่ไปหาเธอที่ฟาร์ม ความคิดยังคงวกวนอยู่ในสมองของนิ่มนวล วนไปวนมาอย่างนั้นจนผล็อยหลับไป

ทางด้านศตนันท์เธอหาปากกาด้ามโปรดของเธอที่เธอพกติดตัวเสมอตั้งแต่วันรับน้องรถไฟในวันนั้น มัชวีไม่เคยเอ่ยถามทวง หรือว่าคงลืมไปแล้วแต่คราวนี้ปากกาที่เป็นเสมือนของแทนใจที่ศตนันท์แอบตู่ไปเองว่าแทนใจจากมัชวีที่มอบให้เธอ ได้หายไปเธอเริ่มสงสัยว่าคงจะตกตอนที่วิ่งชนกับยายเสาโทรเลขตรงมุมตึกคนนั้นแน่ๆ คนอะไรตัวไม่ใหญ่มากแต่ดูแข็งแรงชะมัด คนไทยเสียด้วยสิ คงได้เห็นกันบ้างหละน่าสักวันจะต้องทวงคืน

แล้วเรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้นอีกครั้งทั้งนิ่มนวลและศตนันท์ได้โคจรมาพบกันอีกครั้งหนึ่งที่ป้ายรถเมล์ป้ายเดิม ศตนันท์เดินตรงไปหานิ่มนวลทันที

“You!! my pen” ศตนันท์ชี้ไปที่ปากกาของมัชวีที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิร์ตของนิ่มนวล

“ของคุณเหรอ เท่าที่รู้เขียนว่าเจ้าของชื่อมัชวี คุณชื่อมัชวีเหรอ” นิ่มนวลถาม

“คนไทยเหรอก็ไม่บอก” ทั้งที่ศตนันท์รู้ทั้งรู้ว่าหญิงตัวสูงคนนี้เป็นคนไทยแต่เธอเองก็แอบทำไก๋ไม่รู้เรื่อง

“ตกลงคุณชื่อมัชวี” อีกคนยังถามซ้ำ

“เปล่าค่ะ แต่เป็นปากกาของฉันเอง เจ้าของเค้าให้ยืมแล้วฉันก็ยังไม่มีโอกาสได้คืนเค้า”

“ก็เลยเก็บเป็นของตัวเองเลยงั้นสิ” อีกคนย้อนถาม

“นี่คุณหาว่าฉันขี้ตู่เอาของคนอื่นมาเป็นของตัวเองงั้นเหรอ” ศตนันท์ชักฉุนที่อีกคนดูจะรู้ทันเธอ

“เปล๊าแต่ว่าถ้าคุณไม่ใช่เจ้าของฉันก็จะไม่คืนเพราะฉันก็ถือว่าฉันเก็บได้บนทางเท้าไม่มีเจ้าของเหมือนกันเพราะฉะนั้นปากกานี้ก็เป็นของฉันโดยสมบูรณ์” เท่านั้นศตนันท์เดือดดาล กำมือขึ้นหมายจะฝาดไปที่ยายเสาโทรเลขข้างตึกให้ได้เจ็บบ้างคนอะไรของของตัวก็ไม่ใช่จะมาเอาไปหน้าด้านจริงๆ

แต่นิ่มนวลนั้นไวกว่าคว้าข้อมือของศตนันท์ไว้ฉุดมือทำให้ทั้งสองคนเสียหลักไปจนชิดกำแพงด้วยหลักที่ยืนไม่มั่นคงทั้งคู่ ทำให้ปากต่อปากกระกบกันอย่างไม่เจตนา ศตนันท์เสียจูบแรกให้ยายเสาโทรเลขข้างตึกนี่นะเหรอ

“คนบ้า คนผีทะเล” แล้วศตนันท์ก็วิ่งหนีไป นิ่มนวลยืนอยู่ที่เดิม จูบครั้งที่ ๓ ในชีวิตเธอต้องมาเสียให้กับยายเด็กบ๊องส์คนนี่ละหรือ

................จบตอนที่ ๒๕.............



Create Date : 26 มกราคม 2551
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:48:16 น. 0 comments
Counter : 319 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.