It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้นแนวยูริ : บันทึก ตอนที่ 3

“หวัดดีตอนเช้า” ฉันเอ่ยทักเธอขณะที่เธอกำเดินเข้ามาในประตูหน้าโรงเรียน

“หวัดดี” เธอตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงสดใส

“มาแต่เช้าเลยนะ”

“ไม่เช้าแล้ววันนี้เรามีเวรเชิญธงชาติด้วยเลยต้องมาก่อนคนอื่น”

“ฮึม นะ หน้าที่รองประธานนักเรียนมีแค่นี้เหรอ แต่อย่าลืมแล้วกันว่าไปรายงานตัวกับอาจารย์พร้อมเราก่อนนะ”

“เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องเรียนก่อนสิแล้วไปด้วยกัน” เธอสั่ง

“เจอกันใต้ตึกนะ” และสั่งอีก

“ครับมาดาม” ฉันรับคำด้วยสีหน้าทะเล้นและรีบวิ่งหนีจากเธอไปก่อนที่เธอจะสั่งฉันอีกเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บในห้องเรียนอย่างที่เธอสั่งโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำตามที่เธอสั่งทำไม

………………………

จากวันที่ฉันและยัยตัวแสบหรือเธอคนนั้นต้องทำความสะอาดห้องน้ำด้วยกันจึงทำให้เราสนิทกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และเราก็ได้เจอกันทุกวันโดยที่ฉันจะเป็นคนมายืนดักรอเธออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนและแกล้งทำเป็นมองหาเพื่อนบ้าง หรือไม่ก็แกล้งเดินช้าๆเมื่อเห็นเธอเดินโผล่พ้นประตูโรงเรียนบ้างจนวันเวลาผ่านไปอย่างแสนรวดเร็ว วันวาเลนไทน์ ใช่สิวันวาเลนไทน์ ฉันต้องหาอะไรให้เธอซะแล้ว

“เจ้ หากเราชอบใครสักคนเราจะให้อะไรเค้าในวันวาเลนไทน์ดีหละ” ฉันถามพี่สาวขณะที่กำลังจะเข้านอนในกลางดึกคืนหนึ่ง

“ถ้าเป็นเจ้นะ เจ้จะให้ช๊อกโกแลตกับหนุ่มที่เจ้ชอบ ถามทำไมมีใครถูกใจแล้วเหรอ”

“ไม่มีหรอกถามไปงั้นแหละอยากรู้ นอนเถอะเดี๋ยวตื่นสาย”

“เออว่าจะถามตั้งนานแล้วรีบไปโรงเรียนทำไมแต่เช้า เมื่อก่อนนะเจ้เห็นตั๊กไม่ค่อยอยากจะตื่นไปโรงเรียนเลย หรือว่าตั้งแต่โดนทำโทษให้ล้างห้องน้ำแล้วชิน ต้องตื่นไปแต่เช้าหรืองัย”

“เปล่าหรอก เราอยากตื่นอากาศมันดีก็เท่านั้นแหละ นอน นอน นอน ถามอะไรก็ไม่รู้ไม่เห็นได้เรื่อง” แล้วฉันก็เฉไฉไปตามเรื่องเพื่อไม่ให้พี่สาวของฉันรู้ว่าฉันกำลังคิดทำอะไรอยู่ในตอนนี้

………………………

ฉันตื่นแต่เช้าแต่ก็ไม่อยากจะลุกเพราะมันเป็นอากาศในหน้าหนาวที่แสนจะหนาวเสียนี่กระไร สำหรับฉันหน้าหนาวแบบนี้น่าจะมีเครื่องทำความร้อนติดตัวสักสองสามเครื่อง ฉันมายืนรอเธอตั้งแต่เช้าเป่าปากออกมาเหมือนมังกรพ่นไฟเพราะมีควันออกมาจากปากและยืนตัวสั่นเพื่อรอเธอมาถึงโรงเรียนในเช้าวันวาเลนไทน์นี้

“แดง เราให้” ฉันยื่นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ห่อด้วยกระดาษรูปหัวใจสีแดงพื้นสีขาวให้เธอหน้าโรงเรียนในเช้าวันวาเลนไทน์ที่อากาศแสนหนาว

“ขอบใจนะให้เราในฐานะอะไรเหรอ” เธอรับกล่องเอียงคอถามฉันอย่างน่ารักและรอฟังคำตอบ

“คนรู้จักมั๊ง”

“ตั๊ก เย็นนี้รอเราด้วยสิเรามีเรื่องจะคุยด้วย แล้วเจอเราที่หลังโรงเรียนนะ เราไปก่อนนะอย่าลืมมาหละ” เธอสั่งแล้วก็รีบเดินไป ปล่อยให้ฉันยืนงงกับคำสั่งของเธอว่าทำไมไม่พูดกันตอนนี้เลยต้องรอถึงตอนเย็นด้วย

……………………….

เมื่อเวลาเย็นหลังเลิกเรียนมาถึงเธอยื่นรอฉันอยู่ที่หลังโรงเรียนซึ่งพวกเราเรียกว่าเป็นสวนหย่อมสำหรับนักเรียนที่มีไว้ให้นั่งเล่นเพราะบริเวณนี้เป็นที่แห่งเดียวที่มีต้นไม้ใหญ่เป็นร่มเงาให้พวกเรานั่งเล่นกันไม่ว่าจะ เป็นการเล่น กระโดดยาง เล่นหมากเก็บ หรืออื่นๆที่เหล่าบรรดานักเรียนหญิงจะเล่นกันได้ เพราะไม่ร้อนมากนักในตอนกลางวัน แต่นี่มันตอนเย็นและอากาศหนาวจึงทำให้บรรยากาศน่ากลัวยิ่งนัก

“แดง รอเรานานไม๊”

“ไม่นานหรอก ซ้อมดนตรีเสร็จแล้วเหรอ”

“ฮึม เสร็จแล้ว อาจารย์พึ่งจะปล่อยกลับบ้านเมื่อกี้นี้เองเรากลัวแดงรอนานเลยรีบวิ่งมา” ฉันพูดพร้อมกับอาการที่เหนื่อยหอบเพราะการวิ่งของฉัน

“เรามีเรื่องอยากจะพูดกับตัวเอง” เธอบอกพร้อมกับหยิบเอาช่อกุหลาบช่อโตยื่นให้ฉัน

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ เราขอตัวเป็นน้องของเราได้ไม๊เราอยากมีน้องสาวที่น่ารักอย่างตัว”

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ตัวไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวสักหน่อย เราซะอีกไม่ค่อยดีบ้าๆ บ๊องๆ จะเป็นน้องที่ดีของตัวได้เหรอ” พูดออกไปได้งัยนี่ฉันคิดในใจแต่สายไปซะแล้วเพราะปากมันไวกว่าความคิด

“ไม่เป็นไรหรอกเรารับได้ ขอให้เห็นเราเป็นคนที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ ก็พอแล้วนะ”

“ได้” ฉันตอบไปแต่ก็ยังงงในคำพูดของเธออยู่ดี แต่ฉันก็ไม่ได้สะกิดใจอะไรมากมายนักหรอกนะ เพราะว่าโรงเรียนหญิงล้วน ก็มักจะมีการขอกันเป็นพี่น้อง เค้าเรียกพี่สาวน้องสาวเต็มไปหมด เพื่อนฉันบางคน มีพี่สาวหลายคน แต่ก็ไม่มีอะไรมากมาย เป็นแค่พี่น้องที่ดูแลช่วยเหลือกัน อ่านหนังสือ ติวหนังสือ หรือไปเที่ยว บางคนนับสายญาติกันแทบจะครบโรงเรียน พอเวลามีงานโรงเรียน พวกพี่ๆ น้องๆ ก็ จะเฮโลกันไปเชียร์ สายพี่น้องของพวกตน เป็นที่สนุกสนานครื้นเครง แต่บางรายก็อาจมีความรักที่ซ่อนเร้นแฝงอยู่ในรักของพี่น้องด้วย ซึ่งนั่นฉันเองก็ไม่ค่อยได้คิดอะไรกับเรื่องเหล่านั้นมากมายนัก

“กลับกันเถอะ มันมืดแล้วเดี๋ยวอันตราย ตัวกลับยังงัยหละ” ฉันเอ่นขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาเย็นมากแล้ว

“เราว่าจะโทรให้ที่บ้านมารับ”

“งั้นกลับกับเราไม๊ วันนี้เราเอามอไซค์มา” ฉันเสนอเพราะคิดว่าวิธีการนี้จะทำให้เธอกลับถึงบ้านได้เร็วกว่าและไม่ต้องอยู่รอทางบ้านมารับกลับเพราะท้องฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว

“ก็ได้ถ้าตัวคิดว่าจะไม่เอาเราไปล้มคว่ำกลางทาง”

“โฮ่ เชื่อฝีมือเราเถอะน่า ไว้ใจได้” ฉันอวดฝีมือการขี่รถจักรยานยนต์ของฉันอย่างภูมิใจ

ระหว่างทางกลับบ้าน

“หนาวไม๊” ฉันถามเธอด้วยความเป็นห่วงเพราะเข้าใจว่าเธอจะนั่งสั่นไปตลอดทางที่ฉันขี่รถไปส่งเธอ

“ไม่หรอกเย็นมากเท่านั้น”

“เหรอเรานึกว่าตัวหนาวจะได้ถอดเสื้อให้ไม่หนาวก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ถึงบ้านตัวแล้ว”

“อืม จอดข้างตลาดนี่แหละนะ ขอบใจมากนะที่มาส่ง แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้นะ อย่าลืมเก็บดอกไม้ของเราให้ดีๆหละ รู้ไว้ด้วยว่าคนให้ตั้งใจให้ และคนรับก็ต้องตั้งใจรับและเก็บไว้ดีๆด้วยเข้าใจไม๊” เธอสั่งอีกแล้ว

“OK ไปนะ” แล้วฉันก็ขี่รถกลับบ้านอย่างมีความสุขไปตลอดทาง

.............................................................

ใกล้เวลาสอบปลายภาคของโรงเรียนเราฉันก็ไม่ได้สานต่อความสัมพันธ์ของฉันกับแดงอย่างที่ควรจะเป็นเพราะคิดว่าเธอคงคิดว่าฉันเป็นน้องของเธอเนื่องจากเธอเป็นพี่สาวคนโตของครอบครัวและไม่มีน้องสาวเลยสักคนนอกจากน้องชายสองคนเท่านั้น ฉันจึงทำตัวเป็นน้องที่ดีของเธอและของพี่สาวแท้ๆ ของฉันจนวันงานฉลองปิดเทอมของโรงเรียน ซึ่งฉันต้องขึ้นเล่นดนตรีกับกลุ่มเพื่อนๆ บนเวที ตามธรรมเนียมของโรงเรียนของเราทุกปี

“คิดว่าพร้อมกันหรือยังเพื่อน” ฉันถามเพื่อนๆ ในวงของฉันหลังจากที่เราซ้อมกันมานานแรมเดือนเพียงเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

“น่าจะพร้อมหละ แต่กำลังคิดกันอยู่ว่าเราจะลองคิดกันก่อนไม๊ว่าเราจะเล่นเพลงอะไรกันก่อนเพราะการเล่นเพลงแรกนะหากมันโดนใจคนฟังเราก็จะรู้สึกดี” ครรลองเพื่อนของฉันหนึ่งในกลุ่มตั้งคำถามที่พวกเราไม่เคยคิดกันมาก่อนว่าเราต้องทำ

“มลว่านะ เราน่าจะเล่นเพลงที่ฮิตที่สุดตอนนี้ พวก สาว สาว สาว หรือไม่ก็แม็คอินทอช น่าจะลงตัวกว่า เพราะตอนนี้กำลังดัง กุ่งก็เล่นได้นี่นา ใช่ไม๊กุ่ง”

“ได้นะมันได้หรอก แต่เราไม่มีโน๊ตของเพลงทั้งเพลงนะ เราต้องมานั่งแกะโน๊ตกันใหม่นะต้องใช้เวลา”

“ไม่มีปัญหา กุ่งแกะเฉพาะออแกนของกุ่งไป ส่วนเรื่องคอร์ดกีต้า เรารับอาสาเอง” ฉันเสนอ

“จะเอามาจากไหน” ครรลองถาม

“หาไม่ยากหรอกนะ เออของพี่ปุ๊ก็ได้นี่นา เราเห็นในหนังสือเพลงมีด้วยคอร์ดก็ไม่ยากมากเราน่าจะเล่นได้ ตอนนี้พี่ปุ๊ดังกว่าสองวงนั่นอีกนะ แล้วเราก็เอาเพลงพวกรวมดาว กับสิบแปดกะรัตด้วยก็ได้ พวกอาจารย์แก่ๆ จะได้ชอบ อีกอย่างมันเป็นเพลงคู่ด้วย เผื่อพวกอาจารย์จะได้มาเป็นแขกรับเชิญของพวกเราด้วยงัยหละเพื่อน ข้อเสนอนี้ยอมรับไม๊”

“ตกลงเราเริ่มซ้อมกันวันพรุ่งนี้เลยแล้วกันนะวันนี้ไปอ่านหนังสือกันก่อนเดี๋ยวสอบไม่ผ่าน อีกอย่างมืดแล้วด้วยน่ากลัวนะเพื่อน เฮ้ยพูดแล้วขนลุก บรื้อ…..โชคดีนะเพื่อนๆ” กุ่งเสนอเพราะพวกเราอยู่ในห้องซ้อมดนตรีกันนานจนเกือบจะสองทุ่มแล้ว เราจึงแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างรวดเร็วเพราะกลัวที่จะต้องกลับบ้านดึกเนื่องจากกิติศัพท์ของความน่ากลัวในโรงเรียนของเราเวลากลางคืนย่อยเสียเมื่อไหร่กัน

...................................................................


แล้วเราก็ผ่านการสอบปลายภาคของพวกเราไปอย่างสบาย และวันงานฉลองปิดเทอมของโรงเรียนก็มาถึง
ในตอนกลางวันเป็นการทำพิธีเพื่อให้พวกพี่ๆ ม.3 และน้องๆ ป.6 ที่กำลังจะจบจากโรงเรียนของเราได้ทำความเคารพ หรือการขอบพระคุณอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้คล้ายๆงานไหว้ครูของโรงเรียน แต่งานนี้คนที่เป็นคนไหว้ครูจะมีเพียง ม.3 และ ป.6 เท่านั้นพวกเราจึงไม่ต้องเตรียมหรือยุ่งเกี่ยวกับงานมากนัก นอกจากเตรียมเล่นดนตรีของเราเพียงอย่างเดียว

“ไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะ” เสียงแดงนั่นเองถามฉันในระหว่างทางที่ฉันกำลังหอบของพะรุงพะรังเต็มมือไปหมดเพื่อที่จะเอาไปไว้ที่เวทีการแสดงของพวกฉัน

“อ้าวแดงหวัดดี ตอนนี้เรายุ่งมากเลยต้องซ้อมทุกวันก็เลยไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย” ฉันตอบแล้วก็รีบๆ เดินเพื่อไปยังจุดหมายเพราะกลัวเพื่อนๆจะรอ

“ไม่มีเวลาแม้กระทั่งคุยกับเราสักนิดเลยเหรอ” เสียงงอนๆ ของเธอทำให้ฉันหยุดเดินและหันกลับไปมองเธออีกครั้ง

“ทำไมเหรอ ตัวโกรธเราเหรอ ที่เราไม่มีเวลาให้ เห็นใกล้สอบแล้วก็เลยไม่อยากกวน อีกอย่างเรายุ่งจริงๆนะ โทษทีแล้วว่างแล้ว หมายถึง …….”

“ไม่ต้องพูดแล้ว หากไม่มีเวลาก็ไม่ต้องมาพูดกัน” เธอพูดแทรกฉันขึ้นมาโดยที่ฉันยังไม่ทันอธิบายอะไรให้กระจ่าง แล้วก็วิ่งออกไปโดยที่ฉันยังยืนงงอยู่ตรงนั้น

“เป็นอะไรของเค้านะแปลกคน” ฉันบ่นกับการทำตัวแปลกๆ ของแดงที่นับวันจะแปลกขึ้นทุกทีโดยที่ฉันไม่เข้าใจ

………………………

“แสงจันทร์นวลผ่องนภาพราวพร่างดังทองเมื่อมองแล้วสุขอุรา” เสียงร้องของอาจารย์ที่พวกเราเชิญให้มาเป็นนักร้องรับเชิญในการแสดงดนตรีของพวกเราดังขึ้นและยังคงร้องต่อๆกันอีกหลายเพลง แต่ใจของฉันไม่ได้อยู่กับการเล่นดนตรีครั้งนี้เลยทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ฉันหมกมุ่นที่จะซ้อมและหวังที่จะเล่นให้ดีอย่างขมักเขม้น แต่ทำไมครั้งนี้ฉันถึงไม่มีอารมณ์เล่นเอาเสียเลย ได้แต่มองหาเธอที่ทำให้ฉันงงก่อนที่จะขึ้นแสดงในครั้งนี้ และไม่เห็นเธอแม้แต่เงา

การแสดงของพวกฉันได้รับเสียงปรบมือจากพี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นการแสดงเดียวที่ไม่ใช่รีวิวประกอบเพลง และระบำรำฟ้อนที่น่ารำคาญของเหล่าบรรดาวัยรุ่นทั้งหลาย แถมยังสามารถร้องแจมกับพวกฉันได้อีกด้วย และเมื่อการแสดงสิ้นสุดลงพวกเราได้รับดอกไม้มากมาย และเด็กบางคนยังดึงตัวพวกเราไปหอมแก้มเป็นรางวัลกันยกใหญ่จนเราหน้าแดงกันทุกคนเพราะความอาย และวันนั้นฉันก็ไม่ได้เห็นเธออีกเลยตลอดทั้งงาน

“ยังไม่กลับอีกเหรอตั๊ก” พี่ฉันนั่นเอง

“ยังเจ้ เดี๋ยวกลับ เจ้กลับก่อนเถอะ เรารอเพื่อนๆ” ฉันตอบไปโดยฉันยังยืนชะเง้อหาใครบางคนอยู่

“แล้วอย่ากลับบ้านดึกหละ เดี๋ยวแม่ว่าเอาเราไม่ช่วยแก้ตัวให้แล้วนะ”

“อึม ไม่ดึกหรอกสัญญา” ฉันบอกไปทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะทำตามคำพูดได้หรือเปล่า

“อย่ากลับดึกหละ” พี่ฉันเตือนอีกครั้งก่อนที่จะเดินขึ้นรถของที่บ้านไปโดยไม่พูดอะไรอีก

ทำไมนะทุกคนต้องให้ฉันมองตามหลังเค้าตอนที่เดินจากฉันไปทั้งๆที่ฉันไม่อยากมองเลยจริงๆ ฉันคิดในใจ

………………………….

ในวันเปิดเทอม ฉันก็ยังคงเป็นฉันเหมือนเดิมที่ตื่นสายต้องรีบขี่มอเตอร์ไซด์ออกจากบ้านอย่างเร่งร้อนเพราะกลัวจะไปโรงเรียนไม่ทัน พี่และน้องของฉันไปโรงเรียนแล้วโดยไม่รอฉัน เพราะพี่ฉันปลุกฉันแล้วแต่ฉันไม่ยอมลุก เธอคงเห็นว่าจะสายแล้วจึงไปโรงเรียนกันก่อนทิ้งฉันไว้ให้นอนอยู่บนที่นอนอันแสนสบายของฉันโดยไม่คิดที่จะปลุกอีกจนแม่ของฉันมาปลุกอีกครั้งและบอกว่าตอนนี้ เจ็ดโมงครึ่งแล้วยังไม่ไปโรงเรียนอีก เหรอฉันถึงได้รู้ว่าสายแล้วจริงๆจึงรีบลุกอาบน้ำแต่งตัวและขี่รถคู่ชีพไปโรงเรียนอย่างรีบร้อน

“งัยแก สายตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทอมเลยนะ” กุ่งทักเมื่อเห็นฉันวิ่งกระหืดกระหอบมาโรงเรียนตั้งแต่วันแรก

“ใช่สิ ลืมไปว่าเปิดเทอมแล้ว” ฉันว่า

“ไม่จริงมั๊ง เมื่อเช้าเราถามพี่หนกบอกว่าปลุกแกแล้วไม่ตื่นก็เลยไม่ปลุกอีกปล่อยให้นอน บอกพวกเราว่าเดี๋ยวก็วิ่งมาเองแหละ” จากนั้นพวกเพื่อนๆฉันก็หัวเราะชอบใจกับการมาสายของฉัน

“เออ พี่เค้ามาถามหาแกแนะ”

“พี่ที่ไหนวะ”

“ก็พี่แดงสุดสวยงัยมาถามหาแกตอนก่อนเข้าแถวว่าแกมาหรือยัง อยู่ที่ไหน” กุ่งบอกฉัน

“แล้วแกว่างัย”

“ก็บอกอย่างที่พี่หนกบอกนั่นแหละว่าแกยังไม่ตื่น แล้วเค้าก็ไม่ถามอะไรอีกเดินไปเลย แกว่าพี่เค้าแปลกๆ ไม๊ตั๊ก ไม่ค่อยพูดค่อยจา บทจะมาก็มาบทจะไปก็ไป ทำตัวแปลกๆ” กุ่งบ่นอีก

“ไม่รู้สิ ก็ตั้งแต่วันงานชั้นก็ไม่เห็นเค้าอีกเลย คงไม่มีอะไรหรอกมั๊งพี่เค้าคงถามไปงั้นแหละอย่าสนใจเลย เฮ้ยอาจารย์มาแล้วเบาๆ หน่อย” ฉันบอกเพราะเห็นอาจารย์เดินมาเพื่อที่จะเข้าห้องเราแล้ว

“นักเรียนเคารพ” เสียงหัวหน้าห้องของเราดังขึ้น

“สวัสดีค่ะคุณครู”

“สวัสดีนักเรียนทุกคน วันเปิดเทอมวันแรกครูหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนคงพร้อมที่จะเริ่มเรียนกันแล้วนะ ปีนี้โตขึ้นอีกปี แล้วเราก็ต้องมีกิจกรรมการคัดเลือกประธานนักเรียนปีนี้ด้วย ครูให้พวกเธอคัดเลือกตัวแทนของห้องออกมาสักสองคนเพื่อที่จะส่งเข้าสมัครเลือกตั้งประธานนักเรียนเหมือนทุกปีที่ผ่านมาเธอจะเสนอใคร

“ปัทมาค่ะอาจารย์”

“เฮ้ยไอ้บ้าไม่เอาโว๊ย” ฉันตะโกนเสียงดังเพราะโมโหเพื่อนที่เสนอชื่อของฉันเข้าทำการสมัครในครั้งนี้

“นี่ ปัทมาครูไม่เห็นเธอต้องโวยวายขนาดนี้เลย อยากไปขัดห้องน้ำอีกหรืองัยกันฮึ”

“โอ๊ยไม่แล้วจารย์เข็ดแล้วไม่เอานะหนูเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” ฉันบอกเพราะรู้ซึ้งในการลงโทษนั้นดี

“งั้นก็ปัทมาแล้วใครอีกคนหละ”

“หนูเสนอครรลองค่ะอาจารย์”

“อืมดี คู่หูกันเลยนะนี่ OK งั้นมีเพื่อนคนไหนเสนอใครอีกไม๊” อาจารย์ถามเพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวนผู้ลงแข่งขันมากๆ

“……………………..”

“ไม่มีงั้นครูส่งรายชื่อทั้งสองคนเข้ารับการสมัครคัดเลือกประธานนักเรียนปีนี้นะ”

“เอ้านักเรียน หยิบหนังสือภาษาไทยขึ้นมาแล้วเปิดหน้าที่หก เราเริ่มเรียนบทที่ 1 กันเลยนะ”

“จำเอาไว้นะไอ้พวกนี้เดี๋ยวเถอะเดี๋ยวมีเจ็บ” ฉันและครรลองต่างมองหน้ากันด้วยความอ่อนใจเพราะน้ำหน้าอย่างเราหรือจะได้ส่งไปก็เป็นแค่ไม้ประดับของการคัดเลือกเท่านั้น เพราะเราเรียนไม่เก่ง ไม่อยู่ในจุดสนใจของคนทั้งโรงเรียนเลยก็ว่าได้

แต่กลับผิดคาดฉันและครรลองได้คะแนนเสียงท่วมท้นจะเป็นรองก็แต่ ลาวัลย์เท่านั้น ซึ่งเป็นที่ฉงนของเหล่าบรรดาอาจารย์ทั้งหลายเป็นอย่างมาก จนเมื่อผลเลือกตั้งได้สิ้นสุดลง

“ครูขอประกาศคะแนนผลการเลือกตั้งประธานนักเรียนของปีการศึกษา 2527 ประธานนักเรียนได้แก่ เด็กหญิงลาวัลย์…….. รองประธานนักเรียนคนที่ 1 ได้แก่ เด็กหญิงปัทมา…… รองประธานนักเรียนคนที่ 2 ได้แก่ เด็กหญิงครรลอง…. ขอให้ประธานและรองประธานทั้งสามคนออกมาหน้าห้องประชุมด้วยค่ะ” สิ้นเสียงของอาจารย์ก็มีเสียงปรบมือกันดังสนั่นไปทั้งห้องประชุม ฉันและครรลองเดินก้มหน้างุดๆ ออกไปเพราะอายสายตาของนักเรียนทั้งห้องประชุม แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรเดินยิ้มแก้มแทบฉีกออกมาพร้อมกับทำท่าโบกมือ อย่างกับนางสาวไทย

“ดีนะที่ไม่โบกไปส่งจูบไปด้วยนะแกเนอะ” ครรลองพูดขึ้นขณะที่เราเดินออกมาหน้าห้องประชุมและเห็นท่าทางของแดง

“ชั้นก็ว่างั้นแหละ แต่แกรู้ไม๊ทำไมเราถึงได้คะแนนเยอะขนาดนี้” ฉันถามเพราะงงกับคะแนนที่ได้รับมา

“ไอ้กุ่งมันบอกว่าก็เพราะงานโรงเรียนที่เราเล่นดนตรีกันนั่นแหละน้องๆชอบกันมากก็เลยเลือกพวกเรา ซวยเลยคราวนี้” ครรลองบ่น

“ก็นั่นดิ แล้วคราวนี้เราไม่ต้องสงบเสงี่ยมกันหรืองัยว๊ะ” ฉันบ่น

“ลองดูไปก่อนก็แล้วกัน มันอาจไม่เลวร้ายเหมือนที่แกคิดก็ได้” ครรลองยังพูดให้กำลังใจเหมือนเดิม

“เดี๋ยวแกดูนะชั้นจะประกาศลาออกจากการเป็นรองประธานแล้วบอกว่าชั้นไม่มีเวลาต้องซ้อมดนตรี”

“เฮ้ยอย่านะแกเดี๋ยวเป็นเรื่อง” ครรลองบอกฉันเพราะกลัวเกิดเรื่องด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ

“ไม่ต้องห่วง สบายใจได้ชั้นไม่ให้แกติดร่างแหไปด้วยหรอกเชื่อสิ” ฉันให้กำลังใจกับเพื่อนบ้าง

“ขอให้ประธานและรองประธานกล่าวอะไรสักเล็กน้อยกับนักเรียนของเราหน่อยค่ะ” อาจารย์ประกาศหน้าห้องประชุมนั้นเอง

“ลาวัลย์เชิญ”

เธอเดินมาอย่างมั่นใจและพูดว่า “ดิฉันจะพยายามทำหน้าที่ของประธานนักเรียนอย่างเต็มความสามารถและจะพัฒนาโรงเรียนของเราด้วยกิจกรรมกลุ่มต่างๆในโรงเรียนให้ดีขึ้นค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“ปัทมาเชิญ”

“ต้องขอโทษพี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆทั้งหลายด้วยนะคะ คือดิฉันมีความจำเป็นที่ต้องแจ้งให้ทราบว่า ดิฉันไม่สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่นี้ได้เพราะมีภาระกิจอื่นจึงอยากขอความกรุณาให้ท่านอาจารย์ช่วยคัดเลือกรองประธานคนใหม่หรือเลื่อนผู้ที่มีคะแนนน้อยกว่าดิฉันขึ้นมาทำหน้าที่แทนจะได้ไหมคะ”

“โฮว……………..” เสียงอื้ออึงในห้องประชุมดังขึ้น

“ดิฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะที่ไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ ขอกราบขอโทษมานะที่นี้ด้วย” แล้วฉันก็ยกมือขึ้นไหว้อาจารย์และนักเรียนที่อยู่ในห้องประชุมนั้นทั่วไปหมดเพื่อที่จะขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ตกลงค่ะ นักเรียน พวกครูปรึกษากันแล้วว่าจะเลื่อน ครรลองมาเป็นรองประธานคนที่ 1 และ จริยามาเป็นรองประธานคนที่ 2 “

“งั้น ปัทมาเธอไปนั่งที่ได้”

“ขอบพระคุณค่ะอาจารย์” แล้วฉันก็เดินก้มหน้างุดๆ เหมือนตอนเดินออกไปเพื่อกลับไปนั่งที่ของฉัน
การประชุมในวันนั้นก็เสร็จสิ้นลง สรุปว่าฉันไม่ต้องเป็นรองประธานนักเรียนอีกแล้วและฉันก็เป็นอิสระ

……………….



Create Date : 02 ธันวาคม 2550
Last Update : 2 ธันวาคม 2550 15:35:08 น. 0 comments
Counter : 364 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.